นาซ่ารายงานถึงสถานการณ์ของยาน Voyager 1 ที่กำลังเดินทางออกนอกระบบสุริยะ หลังเดือนที่แล้วคอมพิวเตอร์ flight data system (FDS) ส่งข้อมูลไม่ถูกต้องจนอ่านค่าอะไรไม่ได้
นาซ่ายังสามารถสื่อสารกับ FDS ได้อยู่ แต่ค่าที่อ่านได้จากเครื่องมือวิทยาศาสตร์บนยานโมดูลหนึ่ง คือ Telemetry modulation unit (TMU) กลับมีแต่ค่า 0 กับ 1 สลับกันเป็นรูปแบบเดียวจนเหมือนระบบค้าง ทีมงานคาดว่าปัญหาเกิดจากตัว FDS เอง แต่หลังจากสั่งบูตเครื่องไปแล้วก็ยังไม่หาย
Axiom Space บริษัทผู้ผลิตชุดนักบินอวกาศให้ NASA ประกาศความร่วมมือกับ Prada แบรนด์แฟชั่นหรูจากอิตาลี เพื่อร่วมพัฒนาชุดสำหรับนักบินอวกาศในภารกิจ Artemis III ที่จะส่งมนุษย์ไปลงดวงจันทร์ในปี 2025
ทีมวิศวกรของ Parda จะมาร่วมตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบ และพัฒนาวัสดุ เพื่อให้ตอบโจทย์การใช้งานทั้งในอวกาศและสภาพบนพื้นผิวดวงจันทร์ ซึ่ง Prada มีประสบการณ์การออกแบบชุดสำหรับภารกิจเฉพาะมานาน
เนื่องจากเป็นการออกแบบพัฒนาชุดนักบินอวกาศ ผลลัพธ์ที่ได้จึงเน้นไปที่การใช้งาน ต้องสามารถรักษาสภาพให้นักบินอวกาศผู้สวมใส่ได้ ภายใต้ความดัน ออกซิเจน ตลอดจนอุณหภูมิภายในชุดได้ดี ซึ่งชุดนักบินอวกาศนี้มีน้ำหนักประมาณ 55 กิโลกรัม ส่วนดีไซน์ภายนอกจะเป็นอย่างไรก็ต้องรอชมกันต่อไป
NASA รายงานว่าแคปซูลจากยานอวกาศ OSIRIS-REx ซึ่งเก็บหินและฝุ่นผงจากดาวเคราะห์น้อย Bennu ได้เดินทางกลับมาที่โลกแล้ว เมื่อเวลา 21:53น. เมื่อวานนี้ตามเวลาในประเทศไทย ในพื้นที่ของรัฐยูทาห์ สหรัฐอเมริกา
แคปซูลถูกลำเลียงด้วยเฮลิคอปเตอร์แล้วนำไปแยกวัตถุด้วยกระบวนการไนโตรเจน เพื่อไม่ให้เกิดการทำปฏิกิริยาเคมี จากนั้นจะเก็บตัวอย่างเพื่อวิเคราะห์ตามกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ต่อไป
ยานอวกาศ OSIRIS-REx ถูกส่งออกไปตั้งแต่ปี 2016 และลงจอดที่ดาวเคราะห์น้อย Bennu ในปี 2018 ทำการเก็บตัวอย่างในปี 2019 และ 2020 จากนั้นจึงเดินทางกลับโลกในปี 2021
ทีมวิจัยอิสระของ NASA ออกรายงานเกี่ยวกับผลการศึกษาเรื่องปรากฎการณ์ผิดปกติที่ไม่สามารถระบุได้ หรือ Unidentified Anomalous Phenomena (UAP) ที่เป็นคำซึ่งนำมาใช้เรียกแทน UFO (Unidentified Flying Object) ที่คนคุ้นเคยในอดีต
รายงานความยาว 36 หน้านี้ บอกว่ายังไม่มีเหตุผลที่มากพอ ในการให้ข้อสรุปถึงเหตุการณ์ UAP หลายร้อยครั้งที่ NASA ได้สอบสวน
ทีมวิจัยนี้ยังประกาศตั้งตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยด้าน UAP โดยเฉพาะ มีเป้าหมายเพื่อค้นหาความจริงต่อเหตุการณ์ UAP ที่เกิดขึ้น สร้างการสนทนาในสังคมต่อเรื่องนี้จากการใช้ความรู้สึกไปสู่ความเป็นวิทยาศาสตร์ที่มากขึ้น โดยตำแหน่งนี้จะไม่เปิดเผยชื่อผู้รับตำแหน่ง เพื่อป้องกันการถูกคุกคามจากสาธารณะ
NASA รายงานโครงการสาธิตระบบติดต่อสื่อสารระหว่างสถานีบริหารจัดการอวกาศภาคพื้น กับสถานีอวกาศนานาชาติ (ISS) โดยใช้เลเซอร์เป็นตัวกลางในการรับ-ส่งข้อมูล ซึ่ง NASA จะจัดส่งตัวส่งสัญญาณ ILLUMA-T (Integrated LCRD Low Earth Orbit User Modem and Amplifier Terminal) ไปกับภารกิจขนส่งเสบียง CRS-29 ที่กำหนดปล่อยจรวดในเดือนตุลาคม
เมื่อ ISS ได้รับ ILLUMA-T เพื่อนำไปติดตั้งกับสถานีอวกาศ อุปกรณ์จะทำหน้าที่ส่งสัญญาณไปยังดาวเทียมรีเลย์ LCRD ที่ส่งไปก่อนแล้วในปี 2021 ทำให้ครบเส้นทางสำหรับการติดต่อสื่อสารสองทาง ระหว่าง ISS และสถานีภาคพื้น
โครงการนำส่งนักบินอวกาศด้วยจรวดเอกชนของนาซ่าหรือ Commercial Crew Program นั้นมีสองรายที่ชนะการประมูลคือ Starliner ของ Boeing และ Dragon ของ SpaceX แม้ว่า SpaceX จะทำภารกิจสำเร็จไปแล้วหลายครั้ง แต่ Starliner ก็ยังทำได้เพียงขนส่งสัมภาระเท่านั้น ยังไม่พร้อมนำส่งนักบินจริง ล่าสุด Boeing ก็ประกาศว่าภารกิจแรกน่าจะเร็วที่สุดคือเดือนมีนาคม 2024
ตอนนี้ SpaceX นำส่งนักบินไปสถานีอวกาศนานาชาติแล้ว 6 รอบ และกำลังเตรียมภารกิจที่ 7 วันที่ 25 สิงหาคมนี้ ตามกำหนดเดิม Starliner เองก็มีกำหนดนำส่งนักบินในปีนี้ แต่ก่อนวันยิงจริงทางนาซ่าก็พบปัญหาในร่มชูชีพและมีเทปติดไฟอยู่ในตัวยานทำให้ต้องแก้ไขก่อน ตัวร่มต้องเปลี่ยนวัสดุที่ใช้และทดสอบใหม่อีกรอบปลายปีนี้
สัปดาห์ที่แล้ว European Space Agency เผยแพร่ภาพชุดล่าสุดจากกล้อง JWST ปล่อยภาพจุดกำเนิดของดาวฤกษ์ Herbig-Haro 46/47 ในกลุ่มดาว Vela ห่างจากโลกราว 1,470 ปีแสง ที่น่าสนใจคือภายในภาพ หากซูมเข้าไป จะพบเทหวัตถุที่เป็นรูปเครื่องหมายคำถาม "?" เล็กๆ อยู่ด้วย
ด้านตัวแทนของ Space Telescope Science Institute ที่ดูแลจัดการ JWST ให้ความเห็นว่า อาจจะเป็นกาแล้กซี่ห่างไกล 2 กาแล็กซี่ที่กำลังชนกัน (วัตถุยิ่งห่าง จะยิ่งเป็นสีแดงจากปรากฎการณ์ redshift) จนกลายเป็นรูป "?" แต่ก็เป็นครั้งแรกที่นักดาราศาสตร์พบอะไรแบบนี้ นักดาราศาสตร์น่าจะต้องหาข้อมูลเพิ่มเติมถึงคำตอบจากปรากฎการณ์นี้ต่อไป
ไอบีเอ็มร่วมมือกับนาซ่าเปิดโมเดลปัญญาประดิษฐ์ Prithvi-100M โมเดลพื้นฐานสำหรับการวิเคราะห์ภาพถ่ายดาวเทียม
ตัวโมเดลสร้างจากชุดข้อมูล US Harmonised Landsat Sentinel 2 (HLS) เป็นภาพถ่ายดาวเทียมความละเอียด 30 เมตร ตัวโมเดลเริ่มต้นสร้าง encoder และ decoder เพื่อสร้างภาพกลับออกมา จากโมเดลพื้นฐานสามารถใช้งานอื่นๆ ที่ทางไอบีเอ็มสาธิตคือการวิเคราะห์หาพื้นที่น้ำท่วม และร่องรอยไฟป่า
ในอนาคต โมเดล Prithvi-100M นี้อาจใช้งานด้านอื่นๆ เช่น การติดตามอัตราการทำลายป่า, ทำนายผลผลิตการเกษตร, ตรวจวัดอัตราการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
โมเดล Prithvi-100M เปิดให้ดาวน์โหลดบน Hugging Face ใช้สัญญาอนุญาตแบบ Apache-2.0
NASA เปิดตัวบริการแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งในชื่อ NASA+ โดยเป็นบริการคอนเทนต์แบบออนดีมานด์ รับชมได้ฟรี ไม่มีโฆษณาคั่น โดยมีทั้งคอนเทนต์ถ่ายทอดสด และเนื้อหาสารคดีการปฏิบัติภารกิจต่าง ๆ ทั้งที่เป็นเนื้อหาเดิม ที่นำมาจัดหมวดหมู่ใหม่ ให้ค้นหาและค้นพบได้ง่ายขึ้นในฟอร์แมตสตรีมมิ่ง ตลอดจนรายการที่พัฒนาขึ้นมาใหม่ลงแพลตฟอร์ม
NASA บอกว่าการพัฒนารูปแบบนำเสนอเนื้อหานี้ จะช่วยให้องค์กรสามารถเล่าเรื่องราวการค้นพบต่าง ๆ สร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ชม และร่วมกับพัฒนาสิ่งใหม่ที่มีผลต่อมนุษย์ โดยบริการ NASA+ จะมีให้ใช้งานผ่านทั้งแอป iOS, Android ตลอดจนอุปกรณ์สตรีมมิ่งเช่น Apple TV, Roku, Fire TV รวมถึงเข้าได้ผ่านเว็บไซต์สำหรับผู้ใช้งานเดสก์ท็อปและมือถือ
NASA+ จะเริ่มให้บริการภายในปีนี้
NASA ประกาศเลือกบริษัท Blue Origin ของ Jeff Bezos ผู้ก่อตั้ง Amazon เป็นผู้พัฒนายานอวกาศลงจอดดวงจันทร์ (Human Landing System หรือ HLS) ลำใหม่ในภารกิจ Artemis V ที่มีกำหนดไปดวงจันทร์ปี 2029
เมื่อปี 2021 บริษัท Blue Origin เคยมีดราม่ากับ NASA หลังจาก NASA คัดเลือกยานลงจอดดวงจันทร์ของ SpaceX เอาชนะข้อเสนอของ Blue Origin จนเป็นผลให้ภารกิจ Artemis ต้องล่าช้าไป 1 ปีจากคดีฟ้องร้อง
IBM ประกาศเปิดตัวแพลตฟอร์ม WatsonX ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยให้องค์กรเทรนและจัดการ AI ผ่านเครื่องมือ โครงสร้างพื้นฐานและบริการให้คำปรึกษา โดย WatsonX แบ่งออกเป็น 3 บริการย่อย
NASA เปิดตัวคณะนักบินอวกาศที่จะไปวนรอบดวงจันทร์ในปี 2024 กับภารกิจ Artemis II หลังจากภารกิจ Artemis I ประสบความสำเร็จ ในการส่งจรวดเปล่าไปบินวนรอบดวงจันทร์
นักบินอวกาศคณะนี้มีจำนวน 4 คน มาจาก NASA 3 คน และมาจาก CSA หน่วยงานอวกาศของแคนาดา 1 คน ได้แก่
นักบินของ NASA ทั้ง 3 คนล้วนแต่เคยไปอวกาศมาก่อนแล้วคนละหนึ่งครั้ง ได้แก่
Nokia บริษัทที่เป็นภาพจำสมาร์ตโฟนยุคบุกเบิกที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ซึ่งอีกหนึ่งในธุรกิจของ Nokia คือ ให้บริการสัญญาณคมนาคม โดย CNBN ได้รายงานว่า Nokia เตรียมเปิดตัวเครือข่ายสัญญาณอินเทอร์เน็ต 4G บนดวงจันทร์ภายในปีนี้ เพื่อการพัฒนาและศึกษาด้านอวกาศบนดวงจันทร์
สัญญาณเครือข่ายนี้จะได้รับพลังงานเพื่อขับเคลื่อนด้วยสถานีติดตั้งเสาอากาศที่อยู่ในยานที่จะลงจอดบนดวงจันทร์ชื่อว่า Nova-C และทาง Nokia ได้บอกว่าเทคโนโลยีนี้ถูกออกแบบมาเพื่อทนต่อสภาวะอากาศโดยรอบที่รุนแรงของชั้นบรรยากาศ โดยเครือข่ายนี้จะถูกนำไปใช้ในภารกิจ Artemis 1 ของ NASA ในการพามนุษย์ไปสู่ดวงจันทร์อีกครั้ง
NASA จับมือกับ Minecraft ออกบทเรียนให้ผู้สนใจภารกิจยิงจรวดไปดวงจันทร์ Artemis สัมผัสประสบการณ์ได้ในเกม Minecraft
IBM ประกาศความร่วมมือกับ NASA โดยจะให้ใช้โมเดลปัญญาประดิษฐ์เพื่อหาข้อมูลเชิงลึกที่เกี่ยวกับโลกและข้อมูลภูมิสารสนเทศอื่น ๆ โดยจะใช้ AI ทำงานร่วมกับข้อมูลดาวเทียมสำรวจโลกของ NASA โดยใช้ปัญญาประดิษฐ์แบบ Foundation Model เป็นครั้งแรก
โมเดลปัญญาประดิษฐ์ของ IBM ที่ใช้ในความร่วมมือครั้งนี้ คือ Foundation Model จะถูกเทรนด้วยชุดข้อมูลจำนวนมากที่ไม่ได้จัดรูปแบบข้อมูลไว้ล่วงหน้า (unlabeled data) และสามารถจะสามารถนำข้อมูลที่ได้ไปประยุกต์กับงานรูปแบบอื่นๆ ทำให้ NASA สามารถเก็บข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูลได้รวดเร็วขึ้นเพื่อศึกษาและจัดการกับผลกระทบของภาวะโลกร้อน
NASA ประกาศความร่วมมือกับ DARPA หน่วยงานให้ทุนวิจัยกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เริ่มพัฒนาเครื่องยนต์จรวดพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสร้างจรวดความเร็วสูง สามารถเดินทางไปยังดาวอังคารได้ภายในเวลาไม่นาน และเปิดทางให้มนุษย์เดินทางไปดาวอังคารได้ในที่สุด
เครื่องยนต์พลังความร้อนนิวเคลียร์ (nuclear thermal) อาศัยความร้อนจากเตาปฎิกรณ์นิวเคลียร์ฟิชชั่นมาทำความร้อนให้กับของเหลวให้ขยายตัวและพ่นออกไปจากจรวดด้วยความเร็วสูงเพื่อผลักดันยานไปข้างหน้า แรงขับจากเครื่องยนต์แบบนี้สูงกว่าการเผาไหม้เชื้อเพลิงปกติสูงสุดสามเท่าตัว และ NASA เองเคยพยายามพัฒนาเครื่องยนต์แบบนี้ในโครงการ NASA’s Nuclear Engine for Rocket Vehicle Application and Rover ตั้งแต่ 50 ปีที่แล้วแต่ล้มเลิกไป
ยานอวกาศ Orion ที่ NASA ส่งไปวนรอบดวงจันทร์ตามภารกิจ Artemis I ตั้งแต่กลางเดือนพฤศจิกายน กลับสู่โลกเรียบร้อยแล้ว โดยเข้าสู่ชั้นบรรยากาศแล้วตกลงมาที่มหาสมุทรแปซิฟิก ใกล้กับคาบสมุทร Baja California ในเม็กซิโก
ภารกิจ Artemis I เป็นการส่งยานอวกาศที่ไร้มนุษย์ไปบินวนรอบดวงจันทร์เพื่อทดสอบระบบต่างๆ ตั้งแต่จรวด Space Launch System (SLS) ที่มีปัญหาเชื้อเพลิงรั่วบ่อยครั้ง, นำยานบนวนรอบดวงจันทร์ 2 รอบแล้วบินกลับโลก จนกระทั่งนำยาน Orion กลับสู่โลกอย่างปลอดภัย ใช้เวลาภารกิจทั้งหมด 25.5 วัน เดินทางไกลเป็นระยะทั้งหมด 1.4 ล้านไมล์ หรือ 2.1 ล้านกิโลเมตร
MIT ประกาศความสำเร็จในการทดลองโครงการ TeraByte InfraRed Delivery (TBIRD) เชื่อมต่อระหว่างสถานีภาคพื้นดินกับดาวเทียมขนาดเล็กบนวงโคจรระดับต่ำที่แบนวิดท์ระดับ 100Gbps
TBIRD เป็นส่วนหนึ่งในโครงการสาธิตเทคโนโลยี Pathfinder Technology Demonstrator (PTD) และ TBIRD ก็ติดตั้งไปกับดาวเทียม PTD-3 ในทางทฤษฎี TBIRD สามารถส่งข้อมูลได้แบนวิดท์สูงสุดถึง 200Gbps สูงกว่าการใช้คลื่นวิทยุนับสิบนับร้อยเท่า ทีมงานมีแผนจะทดสอบแบนวิดท์สูงสุดต่อไปหลังจากทดสอบที่ 100Gbps สำเร็จไปแล้วในครั้งนี้
ในที่สุดหลังจากเลื่อนมาหลายครั้ง วันนี้ NASA ก็ได้ปล่อยจรวด SLS ของโครงการ Artemis I ขึ้นสู่อวกาศแล้วเป็นที่เรียบร้อยเมื่อเวลา 1:47 น. ตามเวลาท้องถิ่น (ตรงกับ 13.47 น. ในวันนี้ตามเวลาประเทศไทย) จากฐานปล่อยจรวด 39B ที่ Kennedy Space Center ใน Florida
จรวด SLS (Space Launch System) นี้จะพายาน Orion ขึ้นสู่อวกาศ โดยยาน Orion นี้จะเดินทางมุ่งหน้าสู่ดวงจันทร์ และเดินทางเลยดวงจันทร์ไปเป็นระยะราว 40,000 ไมล์ ก่อนเดินทางกลับสู่โลกโดยไม่มีนักบินอวกาศไปด้วย โดยจะใช้เวลาในการทำภารกิจทั้งหมด 25 วันครึ่ง ซึ่งนี่คือภารกิจทั้งหมดของ Artemis I
หลังจากเลื่อนมาหลายครั้ง NASA ได้โพสต์บล็อกอัพเดตแผนการปล่อยจรวด Artemis I เป็นช่วงกลางดึกคืนวันที่ 13 พฤศจิกายนนี้
ช่วงเวลาที่เอื้อให้ปล่อยจรวดได้มีระยะเวลา 69 นาที เริ่มตั้งแต่เวลา 0.07 น. ของวันที่ 14 พฤศจิกายนตามเวลาท้องถิ่น และในกรณีที่ต้องเลื่อนการปล่อยจรวดออกไปอีก NASA ได้เตรียมแผนสำรองโดยเลือกช่วงเวลาตั้งแต่ 1.04 น. ของวันที่ 16 พฤศจิกายน หรือไม่ก็เวลา 1.45 น. ของวันที่ 19 พฤศจิกายน โดยแผนสำรองใน 2 วันดังกล่าวนั้นจะมีกรอบเวลาที่สามารถปล่อยจรวดได้ 2 ชั่วโมงในแต่ละรอบ
เกี่ยวกับโครงการ DART หลังตัวยานพุ่งชนดาวเคราะห์น้อย Dimorphos เมื่อวันที่ 27 กันยายนที่ผ่านมา และมีการเก็บข้อมูลด้วยกล้องโทรทรรศน์อวกาศและยานอื่นๆ ตอนนี้ NASA ได้ยืนยันแล้วว่าการโคจรของดาวเคราะห์น้อย Dimorphos มีการเปลี่ยนแปลงหลังการชน ถือได้ว่าการทดสอบนี้ประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนที่ของมัน
NASA ได้วิเคราะห์ภาพถ่ายหลายภาพเพื่อตรวจการเคลื่อนที่ของดาวเคราะห์น้อยหลังการชนและได้เผยแพร่บทความอธิบายการสรุปผลวิเคราะห์ภาพเหล่านั้น โดยดาวเคราะห์ Dimorphos มีคาบการโคจรเร็วขึ้น 32 นาที
หลังจากที่ไม่กี่วันก่อน NASA แถลงข่าวความสำเร็จของโครงการ DART ยืนยันการพุ่งชนดาวเคราะห์น้อยเป้าหมาย ซึ่งตามที่แจ้งไว้ก่อนหน้านี้ว่านอกเหนือจากข้อมูลภาพที่ได้จากกล้อง DRACO บนยาน DART เองแล้ว ได้มีการใช้กล้อง James Webb และกล้อง Hubble ร่วมบันทึกข้อมูลด้วยนั้น ล่าสุด NASA ได้ปล่อยภาพที่ได้จากกล้องโทรทรรศน์อวกาศทั้ง 2 ตัวออกมาแล้ว
ภาพที่ได้จากกล้อง James Webb นั้นเป็นภาพถ่ายแบบโดยใช้ NIRCam อันเป็นหนึ่งใน 4 เครื่องมือบันทึกภาพของกล้อง James Webb โดย NIRCam นี้เป็นการถ่ายภาพบันทึกคลื่นในช่วงใกล้ความถี่คลื่นอินฟราเรด ภาพที่บันทึกไว้นั้นแสดงให้เห็นถึง Ejecta ซึ่งหมายถึงเศษฝุ่นที่เกิดขึ้นจากการชนและพุ่งกระจายออกรอบตำแหน่งการชน (สามารถดูภาพ timelapse ได้จากเว็บไซต์ของ NASA)
เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา NASA ได้ถ่ายทอดสดสัญญาณภาพจากการทดสอบโครงการ DART ซึ่งเป็นการทดสอบเทคโนโลยีปกป้องโลกด้วยการส่งยานอวกาศไปชนดาวเคราะห์น้อย โดยภาพจากยาน DART เองที่ถ่ายทอดสดมายังโลกแสดงให้เห็นการเคลื่อนที่เข้าพุ่งชนดาวเคราะห์น้อยตรงตามเป้าหมาย
ยาน DART ถูกส่งขึ้นสู่อวกาศเมื่อ 10 เดือนก่อน หลังการเดินทางอันยาวนานเป็นระยะทางร่วม 11 ล้านกิโลเมตร ในการเดินทางช่วงสุดท้ายระบบนำทางได้พายานที่มีมวล 570 กิโลกรัม มุ่งหน้าหาดาวเคราะห์น้อย Dimorphos อันเป็นเป้าหมายการชน โดยมีกล้อง DRACO ที่ติดตั้งบนยานทำหน้าที่คอยบันทึกภาพช่วงเวลาสุดท้ายก่อนการชน
ภารกิจยิงจรวด Artemis I รอบใหม่ 27 กันยายน มีเหตุให้ไม่ได้ยิงอีกแล้ว รอบนี้ [ยัง] ไม่มีอะไรพัง แต่ต้องเลื่อนเนื่องจากมีพายุ Ian จะขึ้นฝั่งตะวันออกของสหรัฐอเมริกาในช่วงเวลาเดียวกัน
NASA ระบุว่าตัดสินใจเลื่อนการยิงจรวดวันที่ 27 กันยายนแล้ว และกำลังประเมินสถานการณ์สภาพอากาศอีกครั้ง ว่าจะต้องนำจรวดกลับเข้าโรงเก็บ Vehicle Assembly Building ด้วยหรือไม่
ตามแผนของ NASA โอกาสยิงครั้งถัดไปคือวันที่ 2 ตุลาคม
ที่มา - NASA
อีกไม่ถึง 72 ชั่วโมงก็จะถึงกำหนดการชนของยาน DART ซึ่งเป็นการทดสอบเทคโนโลยีปกป้องโลกด้วยการเอายานอวกาศพุ่งชนดาวเคราะห์น้อย โดยภารกิจนี้จะมีการใช้กล้องโทรทรรศน์อวกาศ James Webb (JWST) และกล้องโทรทรรศน์อวกาศ Hubble ร่วมเก็บข้อมูลจากการทดสอบด้วย
การทดสอบของโครงการ DART นี้เป็นการส่งยานอวกาศไปชนดาวเคราะห์น้อย Dimorphos เพื่อจำลองเหตุการณ์ในกรณีที่มีเทหวัตถุเคลื่อนที่พุ่งเข้าหาโลกว่าจะสามารถส่งยานอวกาศไปชนมันเพื่อเบี่ยงทิศทางการเคลื่อนที่ให้เบนออกไม่พุ่งหาโลกได้หรือไม่ ซึ่งการทดสอบนี้จะมีการรวบรวมข้อมูลต่างๆ เพื่อมาศึกษาและวิเคราะห์พัฒนาโครงการในอนาคต