GitHub ร่วมมือกับ OpenAI สร้างบริการ GitHub Copilot บริการช่วยเขียนโปรแกรมโดยอ่านทำความเข้าใจจากคอมเมนต์, ชื่อฟังก์ชั่น, หรือแม้แต่ตัวอย่างโค้ดก่อนหน้า
ปัญญาประดิษฐ์ของ OpenAI ตัวเดิมอย่าง GPT-2 เคยเขียนโค้ดได้บางส่วนมาแล้วแม้ไม่ได้ฝึกมาโดยเฉพาะ รอบนี้ทาง GitHub ใช้ปัญญาประดิษฐ์ OpenAI Codex ที่ระบุว่ามีความสามารถมากกว่า GPT-3 และฝึกด้วยซอร์สโค้ดโปรแกรมเป็นหลัก โดยรวมใช้ซอร์สโค้ดกว่าหมื่นล้านบรรทัด ทำให้มีความสามารถในการเขียนโปรแกรมสูงขึ้น
OpenAI บริษัทวิจัยด้านปัญญาประดิษฐ์ที่มี Elon Musk เป็นผู้ร่วมก่อตั้ง (แต่ตอนนี้ไม่เกี่ยวข้องแล้ว) และมีไมโครซอฟท์ให้การสนับสนุน เปิดตัว DALL·E โปรแกรมปัญญาประดิษฐ์ที่พัฒนาจาก GPT-3 ซึ่งสามารถสร้างสรรค์รูปภาพ จากตัวหนังสืออธิบายรายละเอียดของภาพ (text caption)
สัปดาห์ที่แล้ว ไมโครซอฟท์ประกาศไลเซนส์ GPT-3 โมเดลภาษาธรรมชาติของ OpenAI แบบเอ็กคลูซีฟ ซึ่งก็ทำให้ Elon Musk ที่มีส่วนร่วมก่อตั้ง OpenAI (ทุกวันนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแล้ว) ออกมาแซะว่ามันตรงข้ามกับคำว่า "open" เลยและ OpenAI เหมือนถูกไมโครซอฟท์ยึดไปแล้ว
โฆษกไมโครซอฟท์เปิดเผยกับ The Verge ว่าความเอ็กคลูซีฟคือได้สิทธิเข้าถึงโค้ดของ GPT-3 ขณะที่ Kevin Scott ซีทีโอของไมโครซอฟท์ยืนยันเหมือนกับ OpenAI ว่ายังเปิดให้ผู้ใช้งานที่ใช้อยู่แล้วและผู้ใช้ใหม่ในอนาคตเข้าถึง GPT-3 ผ่าน API ได้เช่นเดิม
ไมโครซอฟท์ประกาศข้อตกลงกับ OpenAI ทำให้ได้สิทธิ์ใช้งาน GPT-3 แต่เพียงผู้เดียว (exclusive license) เปิดทางให้ไมโครซอฟท์สามารถสร้างบริการปัญญาประดิษฐ์รูปแบบใหม่ๆ บน Azure
GPT-3 เป็นโมเดลปัญญาประดิษฐ์ขนาดยักษ์มีพารามิเตอร์มากถึง 175,000 ล้านพารามิเตอร์ เทียบกับ GPT-2 ที่มีขนาด 1,500 ล้านพารามิเตอร์ โดยพื้นฐานแล้วปัญญาประดิษฐ์กลุ่ม GPT เป็นการสร้างโมเดล deep learning เพื่อ "ทำนายคำถัดไป" เท่านั้น แต่เมื่อใส่ข้อความเช่น หัวข้อข่าว GPT ก็สามารถเติมคำไปเรื่อยๆ จนกลายเป็นบทความขึ้นมาได้ หรือแม้แต่การถามตอบก็สามารถทำนายคำตอบจากคำถามได้เช่นกัน
OpenAI เปิดให้นักวิจัยทดสอบปัญญาประดิษฐ์ GPT-3 ตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา แต่เป็นการทดสอบแบบวงปิด ล่าสุด Liam Porr นักศึกษาวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์จาก UC Berkeley ก็สาธิตให้เห็นว่า GPT-3 สามารถเขียนบทความแนะนำในเชิงปรับปรุงตัวเอง (self-help) และพัฒนาประสิทธิภาพ (productivity) ได้ดี เพราะบทความสองแบบนี้ไม่ต้องต้องการตรรกะนัก
OpenAI บริษัทวิจัยปัญญาประดิษฐ์ประกาศเปิดบริการเชิงการค้าตัวแรก เป็น API สำหรับประมวลข้อความโดยอาศัยโมเดล GPT-3 เปิดทางให้นักพัฒนาสามารถสร้างแอปพลิเคชั่นที่พูดคุยในภาษาธรรมชาติเหมือนคุยกับมนุษย์ได้ โดยตัวปัญญาประดิษฐ์เปิดให้รันบนโมเดลที่ฝึกไว้ก่อนแล้ว แต่ผู้ใช้สามารถ "โปรแกรม" เพิ่มเติมได้ด้วยการใส่ตัวอย่างให้โมเดล โดยทาง OpenAI ระบุว่าจะใช้ตัวอย่างไม่มากนักขึ้นกับความซับซ้อนของงาน
ทาง OpenAI เคยระบุว่าไม่แจกพารามิเตอร์ของ GPT-2 เพราะอาจถูกใช้ไปในทางอันตราย เช่นการสร้างข่าวปลอม ในการเปิด API ครั้งนี้ทาง OpenAI ก็ยังยืนยันแนวทางเดิมโดยระบุว่าหากมีการใช้ไปในทางอันตรายหรือใช้ส่งสแปมก็จะตัดบริการ
OpenAI บริษัทปัญญาประดิษฐ์ที่ไม่เน้นผลกำไรที่ก่อตั้งในปี 2015 มีผลงานเด่นๆ ต่อเนื่อง ออกมาประกาศว่าจะพยายามพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ใหม่ๆ โดยใช้ PyTorch เป็นไลบรารีมาตรฐานแทนที่จะพิจารณาเป็นรายโครงการเหมือนที่ผ่านมา
โครงการเด่นๆ ของ OpenAI ที่ผ่านมา อย่าง GPT-2 ปัญญาประดิษฐ์ทำนายคำที่ใช้สร้างแชตบอตหรือตัวช่วยเขียนโปรแกรมนั้นใช้ Tensorflow ในการพัฒนา
OpenAI บริษัทพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ที่ก่อตั้งโดย Elon Musk สาธิตเทคนิคการฝึกปัญญาประดิษฐ์เพื่อควบคุมหุ่นยนต์ในโลกความเป็นจริง โดยสร้างโมเดลปัญญาประดิษฐ์ที่มีความซับซ้อนสูง ผ่านการสร้างโจทย์ให้หุ่นยนต์มือเดียวต้องแก้ปัญหารูบิก
โมเดลปัญญาประดิษฐ์จะถูกฝึกในซอฟต์แวร์จำลองหุ่นยนต์เท่านั้น เท่าให้สามารถบอกปัญญาประดิษฐ์ได้ว่าแก้ปัญหาลูกรูบิกสำเร็จหรือยัง แต่อาศัยการสร้างสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไปแต่ละรอบ (domain randomization) เพื่อให้โมเดลปัญญาประดิษฐ์ทนทานต่อความไม่แน่นอนในโลกความเป็นจริง โดยการวิจัยครั้งนี้ทาง OpenAI สร้างสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ โดยเรียกว่าเทคนิค Automatic Domain Randomization (ADR)
ทีมนักวิจัยของ OpenAI เผยแพร่งานล่าสุด เพื่อทดสอบว่า AI จะสามารถเรียนรู้และพัฒนาได้มากแค่ไหนหากอยู่ในสภาพการแข่งขันบนโลกเสมือน โดยอาศัยการเรียนรู้สองส่วน คือ multi-agent learning ซึ่งพัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ ผ่านการแข่งขันกับคนอื่น และ reinforcement learning จากการลองผิดลองถูกจนเข้าใจมากขึ้น
วิธีการทดสอบนั้นทีม OpenAI สร้างเกมซ่อนหา (hide and seek) ในโลกเสมือนที่มีกำแพง และอุปกรณ์หลายชนิด สามารถเคลื่อนย้ายได้เพื่อบังพื้นที่ มีตัวทดสอบ (agent) แบ่งออกเป็นสองทีม กำหนดกติกาคือ ฝ่ายซ่อนต้องพยายามหลบให้ได้ ส่วนฝ่ายหาต้องหาอีกฝ่ายให้เจอ จึงจะได้รางวัลหรือถูกลงโทษ และไม่มีการสอนกติกาอื่นเพิ่มเติมเพื่อให้เรียนรู้เองเรื่อย ๆ
ไมโครซอฟท์ประกาศลงทุนใน OpenAI บริษัทวิจัย AI แบบไม่หวังผลกำไรที่ก่อตั้งโดย Elon Musk เป็นมูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์
การลงทุนของไมโครซอฟท์มาด้วยเงื่อนไขว่า ไมโครซอฟท์กับ OpenAI จะร่วมกันพัฒนาเทคโนโลยีซูเปอร์คอมพิวเตอร์ในการประมวลผล Azure AI, OpenAI จะพอร์ตบริการของตัวเองไปรันบน Azure และไมโครซอฟท์จะเป็นพาร์ทเนอร์หลัก (preferred partner) ของ OpenAI ในการหารายได้จากเทคโนโลยีด้าน AI ต่อไป
Elon Musk ลาออกจากการเป็นบอร์ดของ OpenAI ในปี 2018 เพื่อป้องกันผลประโยชน์ทับซ้อนกับงานด้าน AI ของ Tesla ปัจจุบันซีอีโอของ OpenAI คือ Sam Altman อดีตประธานของบริษัทลงทุน Y Combinator
หลังจากเปิดให้คนทั่วไปได้เข้ามาประลองฝีมือกับ OpenAI Five AI ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาสำหรับการเล่น Dota 2 เป็นเวลา 4 วันเต็ม ล่าสุด OpenAI Five Arena ได้จบลงอย่างเป็นทางการแล้ว โดยฝั่ง OpenAI Five สามารถเอาชนะมนุษย์ไปได้ด้วยอัตราส่วน 99.4%
หลังจากเปิดสนามประลอง OpenAI Five Arena ไปเมื่อวันก่อน นักวิจัยที่ร่วมกันพัฒนา OpenAI Five ได้เปิดโอกาสให้ผู้เล่นได้เข้ามาถามคำถามต่างๆ ได้บน /r/Dota 2 บน Reddit ซึ่งได้เผยถึงเบื้องหลังที่น่าสนใจของการพัฒนา AI เพื่อเล่น Dota 2 ตัวนี้
คำถามที่น่าสนใจจากกระทู้ดังกล่าว มีดังนี้
หลังจากที่เอาชนะ OG แชมป์ The International 2018 ไปได้ในงาน OpenAI Five Final ที่ผ่านมา ทางทีมงาน OpenAI Five ได้เปิดโอกาสให้คนทั่วโลกได้ประลองฝีมือกับ AI สำหรับเล่นเกม Dota 2 ตัวนี้ ผ่านการลงทะเบียนบนเว็บไซต์ OpenAI Five Arena และทีมที่มอบความปราชัยให้กับ OpenAI Five ได้เป็นทีมแรกของโลกนั้นคือทีมจากประเทศไทยนั่นเอง
หลังจากพ่ายแพ้ไปอย่างหมดรูปไปในงาน TI8 ที่ผ่านมา แต่วันนี้พวกเขาล้างแค้นได้สำเร็จ เมื่อ OpenAI Five AI สำหรับการเล่นเกม Dota 2 สามารถเอาชนะ OG แชมป์โลกทีมล่าสุด เจ้าของแชมป์รายการ The International 2018 ไปด้วยสกอร์ 2-0 เกม ในงาน OpenAI Five Final แมตช์การแข่งขันต่อหน้าสาธารณชนครั้งสุดท้าย เมื่อกลางดึงคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมาตามเวลาในบ้านเรา
หลังจากลงสนามอย่างเป็นทางการครั้งสุดท้ายไปในงาน The International 2018 ที่ผ่านมา ถึงเวลาแล้วสำหรับการลงสนามครั้งสุดท้ายของ OpenAI Five ปัญญาประดิษฐ์สำหรับการแข่งขันเกม Dota 2 โดยครั้งนี้พวกเขาจะท้าชนกับ OG แชมป์รายการ The International 2018 ซึ่งจะเกิดขึ้นที่ Bay Area ในวันที่ 13 เมษายน 2019 ตามเวลาท้องถิ่น โดยใช้กฏในการเล่นใกล้เคียงกับการแข่งขันที่ผ่านมา
ทีมงาน OpenAI Five แถลงผ่าน blog ว่า การแข่งขันที่จะเกิดขึ้นนี้จะแสดงให้เห็นว่า AI และ มนุษย์จะสามารถมีปฏิสัมพันธ์กันได้อย่างไรในอนาคต
ย้อนไปเมื่อปี 2015 มีการก่อตั้ง OpenAI เป็นบริษัทวิจัยแบบไม่หวังผลกำไร ที่ก่อตั้งโดย Elon Musk และ Sam Altman ซีอีโอ Y Combinator (แต่เพิ่งประกาศลาออกไม่กี่วันก่อนหน้า) เป้าหมายคือการวิจัยงานด้านปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI เพื่อให้เป็นสมบัติของมนุษยชาติ มุ่งหวังทดแทนงานของมนุษย์ทั่วไปและให้เกิดประโยชน์สูงสุด แตกต่างจากการวิจัยของบริษัทใหญ่ที่เน้นทำกำไรจากงานวิจัย โดยได้ผู้สนับสนุนเงินลงทุนช่วงแรก 1,000 ล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม OpenAI ยอมรับว่าเงินเท่านี้คงไม่พอจึงต้องหาทางแก้ไข
OpenAI เปิดผลการทดลองโมเดล GPT-2 โมเดลปัญญาประดิษฐ์สำหรับทำความเข้าใจภาษามนุษย์โดยใช้เพียงข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตที่ไม่ต้องจัดรูปแบบ (label) ข้อมูลไว้ล่วงหน้า แต่ยังได้โมเดลที่สามารถทำงานได้หลากหลาย ทั้งการเขียนบทความ, ตอบคำถามแสดงความเข้าใจเนื้อหา, แปลภาษา, และเขียนสรุป
โมเดลอาศัยข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตขนาดถึง 40GB โดยไม่มีการจัดรูปแบบข้อมูลใดๆ แต่ฝึกโมเดลด้วยเป้าหมายง่ายๆ ว่าให้มันทำนายคำต่อไป หลังจากเห็นข้อความก่อนหน้า
หลังจากที่แพ้ให้กับ paiN Gaming ไปในเกมแรก แมตช์ระหว่าง OpenAI Five กับ มนุษย์ก็ดำเนินมาถึงเกมที่ 2 ซึ่งฝั่งมนุษย์ก็ยังสามารถคว้าชัยไปได้อีกครั้ง ทำให้สกอร์รวมของการแข่งขันอยู่ที่ 2-0
ตัวแทนของฝั่งมนุษย์ในเกมนี้คือทีม Big God ทีมรวมดาราผู้เล่นในตำนานจากจีนซึ่งประกอบด้วย BurNIng, Ferrari_430, rOtk, xiao8 และ SanSheng ซึ่งใช้ความเก๋าในการคุมเกมและเอาชนะไปได้ในที่สุด
นอกจากการแข่งขันรายการหลักแล้ว อีกหนึ่งการแข่งขันที่น่าจับตามองในงาน The International 2018 ครั้งนี้ คือการโคจรมาพบกันระหว่าง OpenAI Five AI สำหรับการแข่งขันเกม Dota 2 ซึ่งจัดการทีมผู้เล่นระดับสูงไปอย่างราบคาบเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา กับ ทีมผู้เล่นระดับอาชีพ โดยเกมแรกนั้นเป็นการพบกันระหว่าง OpenAI Five กับ paiN Gaming ตัวแทนจากโซนอเมริกาใต้ ซึ่งฝ่ายมนุษย์เป็นฝ่ายเอาชนะไปได้ในเวลา 51 นาที
หลังจากที่มีการประกาศถึงศึกประเมินผลงาน ของ OpenAI Five AI สำหรับการแข่งขัน Dota 2 ในรูปแบบ 5-5 ไปเมื่อช่วงกลางเดือนกรกฎาคม ล่าสุด การแข่งขันได้เสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมาตามเวลาในบ้านเรา โดยชัยชนะตกเป็นของ OpenAI Five ด้วยสกอร์ 2-0
OpenAI Five AI สำหรับการแข่งขัน Dota 2 ในรูปแบบ 5-5 พร้อมลงแข่งขันในระดับที่สูงขึ้นแล้ว โดย OpenAI Five จะลงแข่งขันแมทช์ประเมินผลงาน OpenAI Five Benchmark เพื่อทดสอบว่าจะมีความสามารถมากพอหรือไม่ที่จะไปต่อกรกับผู้เล่นมืออาชีพในงาน The International ที่จะถึงนี้
OpenAI Fiveจะต้องเจอกับผู้เล่นที่อยู่ในระดับสูง (เปอร์เซ็นไทล์ที่ 99.95 ของผู้เล่นทั่วโลก) และมีการยกเลิกข้อจำกัดบางข้อที่มีมาก่อนหน้านี้ ในวันที่ 5 สิงหาคม 2018 นี้โดยมีการถ่ายทอดสดผ่านทาง Twitch สำหรับทีมฝั่งมนุษย์ประกอบด้วยบุคลากรของวงการ Dota 2 ชื่อดังอย่าง Blitz, Cap, Fogged และ Merlini และบรรยายเกมโดยแคสเตอร์ชื่อดังอย่าง Purge และ ODPixel
ในงาน The International 2017 ที่ผ่านมา หนึ่งในสิ่งที่เรียกเสียงฮือฮาจากผู้ชมเกม Dota 2 ทั่วโลก คือการเปิดตัว OpenAI AI ที่ถูกสร้างมาเพื่อเล่นเกมนี้แบบ 1-1 โดยเฉพาะ ซึ่งสามารถเอาชนะผู้เล่นมืออาชีพได้อย่างหมดจด
ล่าสุด ทีม OpenAI ซึ่งได้รับเงินสนับสนุนจาก Elon Musk ได้เปิดตัว OpenAI Five AI สำหรับการเล่นแบบ 5-5 ซึ่งในขณะนี้สามารถเอาชนะผู้เล่นระดับสมัครเล่นได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยทีมงานจะจัดการแข่งขันระหว่าง OpenAI Five กับทีมผู้เล่นมืออาชีพในวันที่ 28 กรกฎาคม 2018 นี้ซึ่งจะมีการถ่ายทอดสดผ่าน Twitch
เป็นที่ทราบกันดีว่าเทรนด์ขณะนี้ Artificial Intelligence (AI) หรือปัญญาประดิษฐ์กำลังมาแรง ค่าจ้างของผู้มีความรู้ด้านนี้จึงพุ่งสูงขึ้นตาม ล่าสุด นักข่าวของ The New York Times ได้รับรายละเอียดการยื่นภาษีของ OpenAI บริษัทวิจัย AI ไม่หวังผลกำไรที่ก่อตั้งโดย Elon Musk และพบว่าจ่ายเงินเดือนให้นักวิจัยเป็นเงินกว่าล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี
ตามรายงานระบุว่าในปี 2016 OpenAI จ่ายเงินเดือนให้นักวิจัย Ilya Sutskever และ Ian Goodfellow เป็นเงินมากกว่า 1.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เกือบ 60 ล้านบาท) และมากกว่า 8 แสนดอลลาร์สหรัฐ (ราว 25 ล้านบาท) ต่อปี ตามลำดับ รวมถึงจ่ายให้นักวิจัยด้านหุ่นยนต์ Pieter Abbeel ที่ 425,000 ดอลาร์สหรัฐ (ราว 13.4 ล้านบาท) โดย Sutskever และ Goodfellow เคยทำงานที่กูเกิล ส่วน Abbeel เคยอยู่ที่มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ (UC Berkeley)
Elon Musk ประกาศลาออกจากตำแหน่งบอร์ดของบริษัท OpenAI ที่เขาเป็นผู้ร่วมก่อตั้งในปี 2015 ด้วยเหตุผลว่าไม่ต้องการมีผลประโยชน์ทับซ้อนกับ Tesla ที่หันมาโฟกัสเรื่อง AI มากขึ้นเช่นกัน
Musk จะยังมีสถานะเป็นผู้บริจาคเงินและที่ปรึกษาให้ OpenAI โดยบริษัทจะตั้งบอร์ดคนใหม่ขึ้นมาแทน ตามโครงสร้างบอร์ดที่มี 5 คน
ในโอกาสเดียวกัน OpenAI ยังประกาศชื่อผู้บริจาคหน้าใหม่ๆ ซึ่งมีชื่อของ Gabe Newell แห่ง Valve, Michael Seibel ผู้ก่อตั้ง Socialcam และ Jed McCaleb ผู้ร่วมก่อตั้งเหรียญ Stellar ด้วย
ที่มา - OpenAI
หลังจากที่เปิดตัวอย่างสวยงามในการเอาชนะผู้เล่นมืออาชีพ ทางทีมงาน OpenAI ก็เปิดให้ผู้ร่วมงาน The International 2017 ลองแข่งกับบอทตัวนี้ ผู้ชนะจะได้รางวัลเป็นไอเท็ม Arcana ของฮีโร่ Shadow Fiend และรางวัลทั้ง 50 ชิ้นนั้นมีผู้ได้รับไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
สำหรับวิธีเอาชนะ OpenAI ผู้ใช้งาน Reddit ที่ชื่อว่า menohaxor หนึ่งในผู้ชนะ มาเผยกลยุทธ์ของเขาผ่านกระทู้บน Reddit ดังนี้