Capcom ประกาศขึ้นเงินเดือนพนักงานเดิมเฉลี่ย 5% และมีจ่ายโบนัสพิเศษ (one-time special payment) เพื่อเป็นการลงทุนในทรัพยากรบุคคลของบริษัท

ส่วนพนักงานใหม่ที่เป็นนักศึกษาจบใหม่ ยังจะปรับเงินเดือนขั้นต่ำของบริษัทจากเดิม 235,000 เยน/เดือน เป็น 300,000 เยน หรือขึ้นมาราว 25% เพื่อเป็นการดึงดูดพนักงานรุ่นใหม่ๆ ด้วย

เมื่อปี 2022 Capcom เคยขึ้นเงินเดือนพนักงานเฉลี่ย 30% มาก่อนแล้วครั้งหนึ่งด้วยเหตุผลเดียวกัน และในช่วงที่ผ่านมาก็มีบริษัทเกมหลายแห่ง เช่น Nintendo, Sega ขึ้นเงินเดือนแบบเดียวกันด้วย

รัฐ California กำลังจะออกกฎหมายกำหนดให้ประกาศการรับสมัครงานของบริษัทในรัฐต้องระบุข้อมูลค่าจ้างด้วยทุกครั้ง ซึ่งนั่นรวมถึงบริษัทเทคทั้งหลายใน Silicon Valley อย่าง Google, Meta และ Apple ด้วย

กฎหมายใหม่นี้กำหนดให้บริษัทที่มีพนักงานตั้งแต่ 15 คนขึ้นไป ต้องระบุรายละเอียดค่าแรงต่อชั่วโมง หรือเงินเดือนโดยประมาณด้วยทุกครั้งในการประกาศรับสมัครคน ทั้งนี้กฎหมายนี้จะบังคับใช้กับการรับสมัครคนเพื่อทำงานในรัฐ California ไม่ว่าบริษัทผู้ว่าจ้างจะตั้งอยู่ที่ไหนก็ตาม ในทางกลับกันสำหรับบริษัทที่ตั้งอยู่ใน California หากเปิดรับสมัครงานในตำแหน่งที่ทำงานสถานที่อื่นนอกรัฐก็ไม่จำเป็นต้องระบุข้อมูลค่าจ้างในการประกาศรับสมัคร

มีดราม่าเรื่องราวในองค์กรเกิดขึ้น เมื่อมีรายงานว่า Apple แบนการสร้างห้อง Slack ที่ไว้พูดคุยหารือเกี่ยวกับการจ่ายค่าตอบแทนแก่พนักงาน โดยบริษัทอ้างว่าหัวข้อการพูดคุยนี้ ไม่เป็นไปตามข้อกำหนดการใช้งาน Slack ของบริษัท

เป็นที่ทราบกันดีว่าเทรนด์ขณะนี้ Artificial Intelligence (AI) หรือปัญญาประดิษฐ์กำลังมาแรง ค่าจ้างของผู้มีความรู้ด้านนี้จึงพุ่งสูงขึ้นตาม ล่าสุด นักข่าวของ The New York Times ได้รับรายละเอียดการยื่นภาษีของ OpenAI บริษัทวิจัย AI ไม่หวังผลกำไรที่ก่อตั้งโดย Elon Musk และพบว่าจ่ายเงินเดือนให้นักวิจัยเป็นเงินกว่าล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี

ตามรายงานระบุว่าในปี 2016 OpenAI จ่ายเงินเดือนให้นักวิจัย Ilya Sutskever และ Ian Goodfellow เป็นเงินมากกว่า 1.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เกือบ 60 ล้านบาท) และมากกว่า 8 แสนดอลลาร์สหรัฐ (ราว 25 ล้านบาท) ต่อปี ตามลำดับ รวมถึงจ่ายให้นักวิจัยด้านหุ่นยนต์ Pieter Abbeel ที่ 425,000 ดอลาร์สหรัฐ (ราว 13.4 ล้านบาท) โดย Sutskever และ Goodfellow เคยทำงานที่กูเกิล ส่วน Abbeel เคยอยู่ที่มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ (UC Berkeley)

ปัญญาประดิษฐ์มีบทบาทสำคัญแพร่ไปในอุตสาหกรรมแขนงต่างๆ ไม่เพียงในวงการไอทีและคอมพิวเตอร์ วงการแพทย์ การขนส่ง อีคอมเมิร์ซ หรือแม้แต่ร้านค้ารายย่อย ปัญญาประดิษฐ์ช่วยสร้างทางลัดการทำงานและเพิ่มรายได้ได้ในทางหนึ่ง บริษัทจึงมีแนวโน้มต้องการผู้เชี่ยวชาญ AI มากขึ้น และแน่นอนย่อมมาพร้อมกับแรงจูงใจค่าแรงพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ

จากการสอบถามผู้เชี่ยวชาญ AI ตามบริษัทไอทีใหญ่ 9 คน (ไม่ประสงค์ออกนาม) พวกเขาบอกว่าตัวเองมีรายได้ถึงปีละ 3-5 แสนดอลลาร์ต่อปี (ประมาณ 10-16 ล้านบาทต่อปี) แม้จะเพิ่งจบการศึกษาใหม่หรือมีประสบการณ์เพียงปีสองปีก็ได้รับค่าจ้างอัตราสูง

คนขับอูเบอร์ในสหรัฐ หลายร้อยคน อาจหยุดงานประท้วงเรื่องค่าจ้าง ไม่เพียงคนขับอูเบอร์เท่านั้นแต่ยังมีคนอาชีพอื่นด้วย เช่นคนครัว พนักงานจัดการกระเป๋าในสนามบิน พนักงานทำความสะอาด พี่เลี้ยงเด็ก เป็นต้น โดยพวกเขาต้องการค่าแรงขั้นต่ำ 15 ดอลลาร์/ชั่วโมง

กลุ่มคนประท้วงจะรวมตัวกันในเมืองต่างๆ ทั่วสหรัฐฯ (เป็นการประท้วงเชิงสัญลักษณ์) เช่น เดนเวอร์, บอสตัน, ไมอามี, ชิคาโก, ลอสแองเจลิส, นิวยอร์ก และซานฟรานซิสโก

เพราะชีวิตจริงไม่ใช่กระทู้พันทิปที่เอาไว้อวดเงินเดือนกัน LinkedIn เครือข่ายสังคมออนไลน์สายอาชีพ เปิดตัว LinkedIn Salary ซึ่งเป็นคุณสมบัติใหม่ที่ทำให้ผู้ใช้สามารถเปรียบเทียบรายได้, โบนัส และผลตอบแทนกับผู้ใช้รายอื่นในสายงานเดียวกันได้สะดวกขึ้น พร้อมคำนึงถึงตัวแปรต่างๆ ทั้งขนาด สถานที่ อายุงาน ระดับการศึกษาด้วย และข้อมูลปัจเจกทุกอย่างจะยังถูกเข้ารหัสเหมือนเดิม

ข้อดีของระบบนี้ LinkedIn ระบุว่าจะช่วยให้ผู้ใช้เห็นภาพรวมเรื่องรายได้ของสายงาน ทราบว่าทำงานที่ไหนจ่ายดีสุด ระดับการศึกษาที่ควรมี และเปรียบเทียบขนาดขององค์กรได้ ผู้ใช้แบบพรีเมี่ยมสามารถเข้าใช้ได้ทันที ไม่ต้องระบุข้อมูลรายได้ของตน ใช้งานได้แล้วที่สหรัฐฯ, สหราชอาณาจักรและแคนาดา และเปิดทั่วโลกในปี 2017

ที่มา - LinkedIn

สำนักข่าว BuzzFeed นำเสนอรายงานค่าแรงคนขับอูเบอร์ใน 3 มลรัฐ คือ Denver, Detroit, และ Houston คนขับมีรายรับหลังหักค่าใช้จ่ายแล้วต่ำกว่า 13.25 ดอลลาร์/ชั่วโมง ซึ่งต่ำกว่าค่าแรงขั้นต่ำที่คนทำงานบริษัทได้ (ในข่าวเปรียบเทียบกับพนักงาน Walmart)

ข้อมูลดังกล่าว BuzFeed อ้างว่าได้มาจาก ระบบการคำนวนภายในของอูเบอร์เอง ครอบคลุมการขับรถกว่าล้านเที่ยว และผู้ขับเป็นพันๆคนในสามตลาดสำคัญของสหรัฐฯ ช่วงระหว่างวันที่ 19 ต.ค. - 14 ธ.ค. ปี 2015 อย่างไรก็ตามตัวข้อมูลไม่ได้ระบุค่าใช้จ่ายของผู้ขับว่ามีอะไรบ้าง ทางสำนักข่าวใช้วิธีตั้งสมตติฐานคร่าวๆ โดยอิงตัวเลขจากรายงานมาประเมินด้วย

Samsung Electronics ประกาศว่าจะไม่มีการขึ้นเงินเดือนแก่พนักงานในปี 2015 นี้ ถือเป็นมาตรการที่ถูกนำกลับมาใช้เป็นครั้งแรกในรอบ 6 ปี โดยครั้งล่าสุดที่ Samsung ตัดสินใจไม่ขึ้นเงินเดือนให้พนักงานก็คือในปี 2009

ที่มาที่ไปของเรื่องนี้ก็เดาได้ไม่ยากว่าเป็นเพราะผลประกอบการที่แย่ลงโดยเฉพาะการสูญเสียส่วนแบ่งทางตลาดของสมาร์ทโฟนให้แก่ Apple และผู้ผลิตรายอื่นอย่าง Xiaomi เป็นต้น

ตอนนี้ความหวังของพนักงานก็คงต้องฝากเอาไว้กับ Galaxy S6 และมือถือรุ่นใหม่ตัวอื่นๆ ที่จะเปิดตัวในปีนี้
ที่มา - Reuters

บริษัทสำรวจค่าจ้าง Glassdoor ในอเมริกาเปิดเผยผลสำรวจ 25 อันดับบริษัทที่จ่ายเงินเดือนวิศวกรซอฟต์แวร์สูงที่สุดของปี 2013 พบว่าอันดับ 1 คือบริษัท Juniper Networks โดยค่าจ้างเฉพาะเงินเดือนเฉลี่ยอยู่ที่ 159,990 ดอลลาร์ต่อปี ส่วนอันดับ 2 คือ LinkedIn 136,427 ดอลลาร์ และยาฮูอยู่ในอันดับ 3 ที่ 130,312 ดอลลาร์

สำหรับบริษัทที่คน "คาดกัน" ว่าจะจ่ายผลตอบแทนวิศวกรซอฟต์แวร์สูงอย่างกูเกิลนั้นอยู่อันดับที่ 4 ส่วน Twitter และ Facebook อยู่ในอันดับ 5 และ 9 ตามลำดับ บริษัทที่ถือว่าอยู่นอกกลุ่มไอทีแต่ติดอันดับเช่นกันคือ Walmart อยู่อันดับที่ 8 ครับ

25 อันดับทั้งหมดดูได้จากที่มา

ในรายงานที่ส่งถึงคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐอเมริกา มีรายละเอียดที่บอกไว้ว่า Amazon จ่ายผลตอบแทนในรูปของเงินเดือนให้กับผู้บริหารสูงสุด (CEO) อย่าง Jeff Bezos แค่เพียงปีละ 81,840 ดอลลาร์ (คิดเป็นเงินไทยประมาณ 2.5 ล้านบาทต่อปี) เท่ากับ Jeff Bezos ได้รับค่าจ้างเพียงเดือนละ 210,000 บาท ถือได้ว่าเป็น CEO ที่ได้รับผลตอบแทนต่ำที่สุดในกลุ่มของบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่

หลายคนอาจจะมองว่า CEO ของหลายๆ บริษัท ก็ได้รับผลตอบแทนในลักษณะของเงินเดือนน้อย แต่ได้รับเป็นหุ้นของบริษัท ซึ่งมีมูลค่ามากมายมหาศาลแทน แต่ Jeff Bezos เองก็ไม่ได้รับผลตอบแทนเป็นหุ้นของบริษัทแต่อย่างใด

Dice Holdings เว็บไซต์สมัครงานสายเทคโนโลยีได้เปิดเผยข้อมูลของเงินเดือนเหล่าวิศวกรทางด้านซอฟต์แวร์ และวิศวกรสาขาอื่นๆ ในแถบที่ขึ้นชื่อเรื่องเทคโนโลยีอย่าง Silicon Valley ผลคือรายได้ต่อปีของคนเหล่านี้ทะลุ 100,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปีไปแล้ว

ตัวเลขแบบชัดๆ อยู่ที่ 104,195 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อนราวร้อยละ 5.2 นับว่าสูงกว่าแถบอื่นอย่างชัดเจน เมื่อเทียบกับรายได้ของอาชีพใกล้เคียงกันทั่วสหรัฐฯ ซึ่งอยู่ที่ 81,327 ดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นมาราวร้อยละ 2 เท่านั้น

Dice Holdings บอกว่านี่เป็นครั้งแรกที่เหล่าวิศวกรใน Silicon Valley ทำลายกำแพง 100,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ นับตั้งแต่มีการเก็บข้อมูลมาเมื่อปี 2001

แอปเปิลได้ยื่นเอกสารต่อ ก.ล.ต.

คาดการณ์ค่าจ้างในอินเดียจะพุ่งทยานเร็วที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก จากการสำรวจล่าสุดในปี 2010 การฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งของประเทศที่ขนาดเศรษฐกิจเป็นอันดับสามของเอเชีย ซึ่งได้รับอานิสงส์จากการมุ่งสร้างโครงสร้างพื้นฐานและอุปสงค์ของผู้บริโภค เทียบกับปีที่แล้ว ที่หลายกิจการลดหรือไม่ขึ้นเงินเดือนเนืองด้วยอุปสงค์ลดลงและเศรษฐกิจชะลอตัว ซึ่งเฉลี่ยแล้วเงินเดือนขึ้น 6.6 % จากผลการสำรวจของ Hewitt Associates
กับ 465 บริษัท ใน 20 อุตสาหกรรม ระบุว่า ที่จะขึ้นสูงที่สุดน่าจะเป็นกิจการทางด้านวิศวกรรมและการก่อสร้าง ซึ่งได้อานิสงค์จากโครงการโครงสร้างพื้นฐานมูลค่า 38 พันล้านดอลลาร์ของอินเดีย

ว่าแต่ท่านที่รับเงินเดือน ได้เพิ่มขึ้นบ้างหรือเปล่า