ในงาน CES 2018 คอลเกตได้เปิดตัวแปรงสีฟันไฟฟ้ารุ่นใหม่ชื่อ Colgate Smart Electronic Toothbrush E1 with Artificial Intelligence ซึ่งมีเซ็นเซอร์แบบเรียลไทม์ และอัลกอริทึม AI ที่พัฒนาร่วมกับทันตแพทย์ เพื่อตรวจจับรูปแบบการแปรงฟัน ใน 16 จุดของช่องปาก แล้วไปเชื่อมต่อข้อมูลกับแอพผ่านบลูธูท นอกจากนี้ยังมีตัวช่วยฝึกการแปรงฟันที่ถูกวิธี โดยวิเคราะห์จากรูปแบบการแปรงฟันปัจจุบัน
แอพของคอลเกตยังมีคุณสมบัติเชื่อมต่อกับ ResearchKit ของแอปเปิลบน iOS เพื่อเก็บข้อมูลพฤติกรรมการแปรงฟัน ซึ่งคอลเกตระบุว่าสามารถนำข้อมูลนี้ไปพัฒนาหาโซลูชั่นใหม่สำหรับการดูแลสุขภาพช่องปากและฟันในอนาคต
อาจถือเป็นข่าวดีสำหรับนักวิจัยสายสุขภาพที่กำลังพิจารณาจะใช้ ResearchKit ในการวิจัย เมื่อ IBM ประกาศว่าจะแจกพื้นที่เก็บข้อมูลให้กับนักวิจัยและโครงการวิจัยที่ใช้ ResearchKit ซึ่งได้รับอนุมัติให้ทำวิจัยจากคณะกรรมการจริยธรรม (IRB) ของสถานศึกษาแล้ว ขนาด 1 TB ฟรีเป็นระยะเวลา 3 ปี
เงื่อนไขนอกจากจะต้องใช้ ResearchKit ซึ่งต้องผ่านการอนุมัติจาก IRB ของมหาวิทยาลัยก่อน ขนาดของพื้นที่เก็บข้อมูลที่ให้จะได้ 1 TB เป็นระยะเวลา 3 ปี (ผ่านมาตรฐาน HIPAA) ส่วนบริการวิเคราะห์ข้อมูลที่ใช้ IBM Watson อย่าง Watson Analytics นั้น จะต้องเสียเงินเพิ่มต่างหาก
ใครสนใจสามารถเข้าไปชมรายละเอียดเพิ่มเติมได้จากที่นี่ครับ
ที่มา - iMedicalApps
ResearchKit ชุดเครื่องมือวิจัยด้วยอุปกรณ์ iOS ที่ก่อนหน้าเปิดให้ใช้งานแค่ในสหรัฐฯ ตอนนี้ขยายการรองรับออกไปยังต่างประเทศเป็นครั้งแรก ผ่านหนึ่งในแอพที่ใช้งานได้ตั้งแต่เปิดตัวอย่าง MyHeart Count จากมหาวิทยาลัย Oxford
โดยแอพ MyHeart Count ออกแบบมาสำหรับเก็บข้อมูลการออกกำลัง และการเต้นของหัวใจเพื่อศึกษาหาความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจ ซึ่งเพิ่งจะอัพเดตเวอร์ชันใหม่ และรองรับการใช้งานเพิ่มอีกสองแห่งคือ สหราชอาณาจักร และฮ่องกง ตั้งแต่เปิดตัวมามีผู้เข้าร่วมวิจัยมากกว่า 41,000 รายเข้าไปแล้ว
เป้าหมายของแอพตัวนี้คือจะเป็นฐานเก็บข้อมูลเกี่ยวกับข้อมูลการออกกำลังกายที่เกี่ยวข้องกับโรคหัวใจและหลอดเลือดขนาดใหญ่ และทันสมัยที่สุด ซึ่งน่าจะเป็นผลดีกับทั้งตัวแอพ และแพลตฟอร์ม ResearchKit เอง
ResearchKit แพลตฟอร์มเก็บข้อมูลเพื่องานศึกษาด้านการแพทย์ที่ Apple เปิดตัวไปเมื่อ 4 เดือนก่อน กำลังตกเป็นที่สนใจของยักษ์ใหญ่อุตสาหกรรมผลิตยาที่ต้องการนำมาใช้งานจริงในการเก็บข้อมูลผู้ใช้ยา
2 บริษัทยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตยาระดับโลกอย่าง GlaxoSmithKline และ Purdue Pharma ได้แสดงความสนใจที่จะใช้แพลตฟอร์ม ResearchKit ทำการเก็บข้อมูลจากกลุ่มผู้ใช้ iPhone เพื่อนำมาใช้ในงานศึกษาวิจัยทางการแพทย์ของบริษัทตนเอง
หลังจากเปิดตัวแพลตฟอร์ม ResearchKit ไปเมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา วันนี้ทาง Apple ได้เปิดให้นักวิจัยทางการแพทย์ สามารถเข้าใช้งาน ResearchKit ได้อย่างเป็นทางการแล้ว โดยนักวิจัยสามารถสร้างแอพหรือโปรแกรม เพื่อนำข้อมูลจากแพลตฟอร์มดังกล่าว มาใช้ประกอบการวิจัยได้แล้ว
ทั้งนี้ Apple ยังเปิดเผยตัวเลขว่าสำหรับแอพชุดแรก ที่เปิดตัวไปพร้อมๆ กับการเปิดตัว ResearchKit มีการใช้งานกับ iPhone แล้วกว่า 60,000 เครื่องทั่วโลก
เมื่อคืนนี้ Apple ได้เปิดตัว Research Kit โดยโฆษณาว่ามันเป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยนักวิจัยด้านการแพทย์ (Medical Research -- บางทีเราจะใช้คำว่า Clinical Research ในกรณีที่เก็บคนไข้ที่เป็นคนจริงๆ เพราะ Medical Research นี่รวมทดลองทางการแพทย์ที่ทำในห้องทดลองและสัตว์ทดลองด้วย) เพื่อนำไปในการเก็บข้อมูล และเพิ่มจำนวนคนไข้ที่สมัครใจเข้าร่วมงานวิจัย ผมในฐานะที่คลุกคลีอยู่กับวงการวิจัยทางการแพทย์ ขอแสดงความเห็นส่วนตัวจากคนที่เคยทำงานวิจัยมาบ้างเล็กน้อยดังนี้ครับ
หลังจากเปิดตัวแพลตฟอร์มสำหรับใช้งานร่วมกับ iOS จำนวนมากมาตั้งแต่ครั้ง iOS 8 วันนี้ในงาน Apple Spring แอปเปิลเปิดตัวแฟลตฟอร์มสำหรับช่วยเหลือการวิจัยบนอุปกรณ์พกพาในชื่อ ResearchKit
ResearchKit เป็นแพลตฟอร์มสำหรับวิจัยที่ออกแบบมาเพื่องานวิจัยทางการแพทย์โดยเฉพาะ เป้าหมายหลักคือการทำให้สมาร์ทโฟนกลายเป็นอุปกรณ์ที่สามารถวินิจฉัยอาการของโรคได้ โดยมีห้าแอพแรกสำหรับเก็บข้อมูลโรคยอดนิยมอย่างพาร์กินสันที่ชื่อว่า mPower ซึ่งมาพร้อมกับชุดทดสอบเพื่อวินิจฉัยอาการที่สามารถใช้ได้ด้วยตัวเอง ร่วมกับเซนเซอร์ต่างๆ ในสมาร์ทโฟนเพื่อให้เก็บข้อมูลได้แม่นยำยิ่งขึ้น และแอพอื่นๆ สำหรับหาอาการของโรคหัวใจ เบาหวาน มะเร็งเต้านม เป็นต้น