Ripple บริษัทผู้พัฒนาบล็อกเชนและโซลูชันเงินคริปโต ประกาศออกเงินคริปโตคงมูลค่าหรือ Stablecoin ที่ผูกกับเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) แบบ 1:1 โดย Stablecoin ของ Ripple จะมีสินทรัพย์ค้ำคือ เงินฝากสกุลดอลลาร์สหรัฐ, ตั๋วเงินคลังระยะสั้นของสหรัฐ และสินทรัพย์อื่นที่เทียบเท่าเงินสด มีการตรวจสอบโดยบริษัทผู้ตรวจภายนอก และออกรายงานทุกเดือน

Ripple บอกว่าตลาด Stablecoin ตอนนี้มีมูลค่าประมาณ 1.5 แสนล้านดอลลาร์ และคาดว่าจะเพิ่มถึง 2.8 ล้านล้านดอลลาร์ ในปี 2028 เนื่องจากมีความต้องการเพิ่มมากขึ้น Ripple มองเห็นโอกาสนี้ในการเชื่อมระหว่างสถาบันการเงินแบบเดิม และคริปโต บน XRP Ledger จึงมีแผนออกเหรียญ Stablecoin นี้

ศาลประจำภูมิภาคนิวยอร์กใต้ของสหรัฐ ออกคำตัดสินในคดีที่ ก.ล.ต. สหรัฐ (SEC) ฟ้องบริษัท Ripple Labs ผู้ออกเหรียญคริปโต XRP ว่าผิดกฎหมายการระดมทุนเนื่องจาก XRP ถือเป็นหลักทรัพย์ (security) ที่ต้องดำเนินการตามกระบวนการกำกับดูแล

โดยศาลตัดสินว่า XRP ไม่ใช่หลักทรัพย์ ในกรณีที่เป็นการซื้อขายบนแพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล แต่จะเข้าข่ายหลักทรัพย์ตามเกณฑ์ Howey Test หากการขายนั้นทำกับนักลงทุนสถาบัน คำตัดสินดังกล่าวจึงมองได้ว่า XRP เป็นฝ่ายที่ชนะคดีเนื่องจาก XRP ไม่ถือเป็นหลักทรัพย์ยกเว้นบางกรณีเท่านั้น

ราคา XRP ปรับเพิ่มขึ้นทันทีหลังมีคำตัดสินดังกล่าว โดยล่าสุดราคาเพิ่มขึ้นมากกว่า 70% ราคาอยู่ที่ 0.82 ดอลลาร์ต่อ XRP

Binance เป็นเว็บเทรดเงินคริปโตรายใหญ่รายล่าสุด ที่ประกาศหยุดการซื้อขายสกุลเงิน XRP หลังจาก Coinbase เพิ่งประกาศไปเมื่อวันก่อน

สาเหตุสำคัญมาจาก SEC ยื่นฟ้อง Ripple ขายเหรียญ XRP ผิดกฎหมายหลักทรัพย์อเมริกา ทำให้เว็บเทรดหลายแห่งทยอยถอด XRP เพื่อเลี่ยงปัญหากฎหมาย อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงจะมีผลเฉพาะ Binance.US ซึ่งเป็นเว็บสาขาสหรัฐอเมริกาของ Binance (ที่ก่อตั้งในประเทศจีน แต่ปัจจุบันย้ายสำนักงานใหญ่มาอยู่ที่ประเทศมอลตา)

Binance.US ระบุว่าจะถอด XRP ออกจากระบบในวันที่ 13 มกราคมนี้

Coinbase ตลาดซื้อขายเงินคริปโตรายใหญ่ประกาศจำกัดการซื้อขายเงินคริปโตสกุล XRP หลังก.ล.ต.สหรัฐฯ (SEC) ฟ้อง Ripple Labs ว่าระดมทุนโดยไม่ได้รับอนุญาตจากการขาย XRP

ทาง Coinbase ยืนยันว่าลูกค้าที่ฝาก XRP ไว้ในบริการกระเป๋าเงินจะใช้งานได้ต่อไป แต่การซื้อขายบนกระดานของ Coinbase นั้นจะเข้าสู่โหมดจำกัดการซื้อขาย และจะหยุดซื้อขายสมบูรณ์ในวันที่ 19 มกราคมนี้ โดยหลังจากนี้บริษัทจะติดตามคดีระหว่าง SEC และ Ripple ต่อไป

ที่มา - Coinbase

ก.ล.ต. สหรัฐ (Securities and Exchange Commission หรือ SEC) ยื่นฟ้องบริษัท Ripple Labs Inc. และผู้บริหารอีก 2 รายคือ Christian Larsen ผู้ก่อตั้งและประธานบอร์ด กับ Bradley Garlinghouse ซีอีโอคนปัจจุบัน ในข้อหาระดมทุนผ่านการออกเหรียญคริปโต XRP โดยไม่ได้รับอนุญาตจาก SEC

SEC บอกว่า Ripple เสนอขายเหรียญ XRP เป็นมูลค่ารวม 1.3 พันล้านดอลลาร์นับตั้งแต่ปี 2013 เป็นต้นมา (ในจำนวนนี้ ผู้บริหารทั้งสองรายขายเหรียญเองส่วนตัวรวมกัน 600 ล้านดอลลาร์) ซึ่งเหรียญทั้งหมดถือเป็นหลักทรัพย์ที่ไม่ได้จดทะเบียน (unregistered securities) ซึ่งขัดกับกฎหมายสหรัฐ เพราะถือว่าไม่ให้ข้อมูลที่เพียงพอกับนักลงทุน

SCB เปิดบริการโอนเงินต่างประเทศผ่านทาง SCB EASY อย่างเป็นทางการหลังจากทดสอบภายใต้ระบบกำกับดูแลแบบ sandbox มาตั้งแต่ปีที่แล้ว โดยให้บริการ 12 ประเทศหลัก ได้แก่ สหราชอาณาจักร, สหรัฐอเมริกา, สิงคโปร์, ฝรั่งเศส, เยอรมัน, อิตาลี, สเปน, เนเธอร์แลนด์, ไอร์แลนด์, ออสเตรีย, เบลเยียม, และโปรตุเกส ใน 4 สกุลเงิน ได้แก่ ดอลล่าร์สหรัฐฯ, ปอนด์, ยูโร, และดอลล่าร์สิงคโปร์

บริการโอนเงินนี้ต่างจากบริการโอนเงินข้ามประเทศแบบเดิมๆ เพราะหากธนาคารปลายทางรองรับ กระบวนการโอนจะใช้เวลารวมไม่กี่วินาทีเท่านั้น หรือหากไม่รองรับเต็มรูปแบบก็ยังใช้เวลาไม่เกิน 3 วัน โดยเบื้องหลังเป็นการใช้ Ripple Blockchain ในการทำธุรกรรม

Ripple บริษัทขวัญใจชาวบล็อคเชน ประกาศระดมทุนซีรีส์ C เพิ่มอีก 200 ล้านดอลลาร์ จากบริษัทลงทุนหลายราย นำโดยบริษัทลงทุน Tetragon

Brad Garlinghouse ซีอีโอของ Ripple กล่าวในแถลงการณ์ว่าในขณะที่บริษัทบล็อคเชนรายอื่นๆ ต้องปิดตัวหรือเติบโตช้าลง Ripple ยังสามารถเติบโตได้ต่อไป ผลิตภัณฑ์ตัวหลักของบริษัทคือ RippleNet มีลูกค้าเกิน 300 รายแล้ว บริษัทจะนำเงินทุนรอบนี้ไปใช้ผลักดัน XRP ในวงกว้างให้มากขึ้น

เมื่อกลางปีนี้ Ripple เพิ่งเข้าไปซื้อหุ้น 15% ในบริษัทโอนเงินข้ามประเทศ MoneyGram เพื่อผลักดันให้ MoneyGram ใช้เทคโนโลยีของ Ripple ในการโอนเงินข้ามประเทศด้วย

Ripple ไม่เปิดเผยข้อมูลรายได้และผลประกอบการว่าขาดทุนหรือกำไร

Ripple ประกาศความร่วมมือกับบริษัทผู้ให้บริการโอนเงินข้ามประเทศ MoneyGram โดย Ripple จะเข้าถือหุ้นราว 8-10% ใน MoneyGram คิดเป็นมูลค่า 30 ล้านดอลลาร์ พร้อมออปชั่นซื้อหุ้นเพิ่มได้อีกมูลค่า 20 ล้านดอลลาร์ ภายใน 2 ปี คิดเป็นมูลค่าดีลนี้รวม 50 ล้านดอลลาร์

การเข้าลงทุนของ Ripple ใน MoneyGram เป็นการผลักดันให้มีการใช้บริการ xRapid ของ Ripple สำหรับการโอนเงินนั่นเอง ซึ่งก่อนหน้านี้ทั้งสองบริษัทก็มีความร่วมมือกันมาอยู่แล้ว เพื่อทำให้การโอนเงินข้ามประเทศมีค่าธรรมเนียมที่ลดลง และใช้เวลาในการทำธุรกรรมเหลือระดับไม่กี่วินาที จากเดิมต้องใช้เวลาหลายนาที

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว SCB Easy บน iOS อัพเดตเป็นเวอร์ชั่น 3.19 โดยมีฟีเจอร์หนึ่งคือ การส่งเงินข้ามประเทศในอัตราค่าธรรมเนียมถูกที่สุดผ่าน Ripple ทำให้หลายคนเข้าใจว่า SCB จะใช้เงินคริปโต XRP ในการโอนเงินข้ามประเทศ แต่จากการสอบถามไปยัง SCB ทำให้ทราบว่าระบบโอนเงินนี้ใช้ระบบส่งข้อความการโอนเงิน xCurrent จาก Ripple ไม่ใช่การใช้ XRP (ซึ่งเป็นบริการอีกตัวของ Ripple คือ xRapid) แต่อย่างใด

Bithumb ตลาดเงินคริปโตรายใหญ่ของเกาหลีใต้ถูกแฮกขโมยเงิน XRP (Ripple) ความเสียหายรวม 35,000 ล้านวอน หรือประมาณพันล้านบาท

ตอนนี้ทางบริษัทประกาศหยุดฝากถอนทั้งหมด, ย้ายทรัพย์สินทั้งหมดเข้า cold wallet, และเตรียมเปลี่ยนบัญชีรับเงิน

ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลเพิ่มเติมว่าแฮกเกอร์ได้เงินไปทางใด หรือกระทบเงินสกุลอื่นบ้างหรือไม่ มีเพียงสำนักข่าว Yonhap ที่รายงานเป็นภาษาเกาหลีระบุว่ากระทบเงิน Ripple

ที่มา - Coindesk

ถึงแม้ระยะหลังอุตสาหกรรมการเงินและธนาคารจะพูดถึงเทคโนโลยีอย่าง Blockchain หรือ Distributed Ledger ที่จะเปลี่ยนผ่านรูปแบบการทำธุรกรรม จนกลายเป็นกระแสไปยังอุตสาหกรรมอื่นๆ มาอย่างต่อเนื่อง

เอาเข้าจริงๆ แล้วการเปลี่ยนผ่านด้วยเทคโนโลยี Distributed Ledger อาจจะยังไม่เกิดขึ้นจริงในเร็วๆ นี้อย่างที่เป็นกระแสก็ได้ เมื่อ David Schwartz หัวหน้าฝ่ายวิทยาการเข้ารหัสของ Ripple ให้สัมภาษณ์กับ Reuters ระบุว่า ธนาคารส่วนใหญ่ยังไม่กล้าใช้ Distributed Ledger ในกระบวนการโอนเงินระหว่างประเทศ เนื่องด้วยปัญหาความเป็นส่วนตัวและความสามารถในการขยายตัว (scalability and privacy issues)

Ripple พยายามผลักดันให้ธุรกิจนำ XRP ไปใช้งานจริงจัง โดยตั้งชื่อโครงการว่า Xpring โดยเน้นสนับสนุนบริษัทที่มีการนำ XRP ไปแก้ปัญหาจริง

Eric van Miltenburg รองประธานอาวุโสของ Ripple ระบุว่าโครงการนี้จะให้การสนับสนุนหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่ทุนให้เปล่า, การบ่มเพาะกิจการ, การลงทุน, ไปจนถึงการควบรวมกิจการ โดยมุ่งสนับสนุนธุรกิจที่ต่อยอดจาก XRP Ledger

บริการของ Ripple เองแยกออกเป็นตัวเครือข่าย XRP และซอฟต์แวร์ส่งข้อความระหว่างธนาคาร ที่ผ่านมาการโอนเงินข้ามประเทศนั้นมีการใช้งานซอฟต์แวร์จัดการข้อความ (messaging) อยู่บ้างแต่ยังไม่มีการโอนผ่านเครือข่าย XRP จริงจัง ความพยามครั้งนี้จึงมุ่งไปที่เครือข่าย XRP โดยตรง

เพียงสามวันหลังบิตคอยน์ราคาต่ำกว่า 9,000 ดอลลาร์ วันนี้ราคาบิตคอยน์ก็ลงไปอย่างต่อเนื่อง แตะราคา 7,000 ดอลลาร์แล้ว โดยลงไปต่ำสุด 6,888 ดอลลาร์

ช่วง 7 วันที่ผ่านมาเงินคริปโตแทบทุกสกุลอยู่ในขาลงอย่างต่อเนื่องแม้จะราคาขึ้นมาบ้างในช่วงสองวันที่ผ่านมา แต่วันนี้ส่วนใหญ่ก็ทำราคาต่ำสุดในรอบ 7 วันอีกครั้ง สำหรับบิตคอยน์นั้นต่ำสุดในรอบสองเดือนไปแล้ว โดยช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนก็เคยราคาช่วงนี้มาก่อน

ค่าเงินคริปโตสกุลหลักที่อาการหนักที่สุดคงเป็น XRP หรือ Ripple ที่เคยราคาสูงสุด 3.75 ดอลลาร์ต่อ XRP และตอนนี้เหลือเพียง 0.7 ดอลลาร์เท่านั้น มูลค่าปัจจุบันเหลือเพียง 18.6% จากจุดสูงสุดภายในเดือนกว่าๆ เท่านั้น

Ripple บริษัทผู้พัฒนาบล็อกเชนสำหรับการโอนเงินประกาศร่วมมือกับ MoneyGram ผู้ให้บริการโอนเงินของสหรัฐฯ

ภายใต้ความร่วมมือนี้ MoneyGram จะเริ่มทดสอบใช้ระบบ xRapid ของ Ripple เพื่อให้โอนเงินได้เร็วขึ้นและค่าธรรมเนียมต่ำ ซึ่งจะมีการใช้งาน XRP ด้วย โดยจากคำแถลงของบริษัทเผยว่า XRP เป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีประสิทธิภาพมาก ด้วยค่าธรรมเนียมต่ำเมื่อเทียบกับบิตคอยน์ที่มีค่าธรรมเนียมกว่า 30 ดอลลาร์ต่อธุรกรรม รวมถึงเวลาที่ใช้ทำธุรกรรมสั้นเพียง 2-3 วินาที เทียบกับสินทรัพย์ดิจิทัลอื่นที่ใช้เวลา 15 นาทีไปจนถึงระดับชั่วโมง

จากเหตุการณ์ที่ สกุลเงิน Ripple (XRP) พุ่งแรง กลายเป็นเงินดิจิทัลอันดับ 2 ของโลก แซงหน้า Ethereum (ขณะที่เขียนข่าว มูลค่ารวมทั้งตลาดประมาณ 123 พันล้านดอลลาร์)

ผลที่ตามมาคือผู้ถือเงินสกุล XRP ต่างกลายเป็นเศรษฐี (ตามตัวเลขในกระดาษ) กันถ้วนหน้า โดยเฉพาะกลุ่มผู้ก่อตั้งบริษัท Ripple ที่ถือครอง XRP สัดส่วนมหาศาล คิดเป็น 61.3% ของปริมาณเงินสกุล XRP ทั้งหมด

ตลาดซื้อขายเงินดิจิทัลมีการเปลี่ยนแปลงสำคัญเมื่อคืนนี้ โดย XRP สกุลเงินดิจิทัลของ Ripple ราคาได้ปรับตัวพุ่งสูง (ขณะเขียนข่าว ราคาพุ่งกว่า 50% ใน 24 ชั่วโมง) ราคาทะลุ 2 ดอลลาร์ จนทำให้มูลค่ารวมสูงกว่า 8.6 หมื่นล้านดอลลาร์ กลายเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่มีมูลค่ารวมเป็นอันดับ 2 สูงกว่า Ethereum แล้ว

Bitcoin ยังคงเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่มีมูลค่ารวมสูงสุดคือ 2.4 แสนล้านดอลลาร์

เกิดความขัดแย้งระหว่าง 2 สตาร์ตอัพชื่อดังแห่งวงการ blockchain เมื่อบริษัท R3 ยื่นฟ้องคู่แข่ง Ripple Labs ในประเด็นสัญญาการซื้อขายเงินดิจิทัลสกุล XRP ของ Ripple

เรื่องมีอยู่ว่า สองบริษัทเคยทำสัญญากันในเดือนกันยายนปี 2016 ว่า R3 จะมีสิทธิซื้อเงินสกุล XRP จำนวน 5 พันล้านหน่วยจาก Ripple ในราคาหน่วยละ 0.0085 ดอลลาร์ โดยจะซื้อเมื่อไรก็ได้ภายในเดือนกันยายน 2019

แต่เมื่อตลาด cryptocurrency บูมในปี 2017 ส่งผลให้ราคา XRP แพงขึ้นหลายเท่า (ขณะที่เขียนข่าว ราคาหน่วยละ 0.21 ดอลลาร์ ขึ้นมาประมาณ 25 เท่าจากราคาที่ตกลงไว้) ทำให้ฝั่ง Ripple พยายามบอกเลิกสัญญานี้ และส่งผลให้ R3 ยื่นฟ้องต่อศาลนั่นเอง

นี่อาจหมดสัญญาณของการตื่นสกุลเงิน cryptocurrency (อย่างน้อยก็ในรอบนี้) เมื่อราคา Bitcoin ยังร่วงลงมาอย่างต่อเนื่อง หลังจากทำสถิติสูงสุดที่ 3,000 ดอลลาร์ในเดือนมิถุนายน ตอนนี้ราคาตกลงมาต่ำกว่าระดับ 2,000 ดอลลาร์แล้ว เทียบเท่ากับขาขึ้นในเดือนพฤษภาคม (ขณะที่เขียนข่าวนี้ ราคาอยู่ที่ 1,994 ดอลลาร์)

ส่วนสกุลเงิน Ethereum ก็ไปในทิศทางเดียวกัน จากที่ขึ้นไปสูงสุด 391 ดอลลาร์ในช่วงกลางเดือนมิถุนายน ราคาปัจจุบันอยู่ที่ 164 ดอลลาร์ ตกลงมาเกินครึ่งของมูลค่าสูงสุด

สกุลเงินอันดับสาม XRP (Ripple) ขึ้นไปสูงสุดที่ 0.39 ดอลลาร์ในเดือนพฤษภาคม ตอนนี้ราคาอยู่ที่ 0.14 ดอลลาร์

ธนาคารไทยพาณิชย์เปิดตัวเป็นผู้นำนวัตกรรมทางการเงินเข้าทดสอบผ่าน Regulatory Sandbox ของธนาคารแห่งประเทศไทย ตามที่มีการประกาศเมื่อวานนี้ โดยไม่เปิดเผยชื่อผู้เข้าร่วม

บริการของธนาคารไทยพาณิชย์จะเปิดให้ผู้ที่อยู่ในญี่ปุ่นสามารถโอนเงินเยนผ่านตู้เอทีเอ็มของบริษัท SBI Remit หรือโอนผ่านที่ทำงานไปรษณีย์ญี่ปุ่น เข้ามายังบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์เป็นสกุลบาทได้ภายในเวลาเพียง 20 นาที

มีคนไทยอาศัยในญี่ปุ่นตอนนี้ประมาณ 40,000 คนและมีการโอนเงินเยนมายังประเทศไทยประมาณปีละหนึ่งหมื่นล้านบาท หลังจากนี้ทางธนาคารมีแผนจะเพิ่มบริการเช่นนี้ไปเรื่อยๆ ให้ครบทุกภูมิภาค เช่น อเมริกาเหนือ, ยุโรป, และเอเชียแปซิฟิก

Ripple สตาร์ตอัพด้านระบบชำระเงินแบบกระจายศูนย์ (distributed settlement) ระดมทุนรอบใหม่ Series B เป็นเงิน 55 ล้านดอลลาร์ จากนักลงทุนหลายราย เช่น Standard Chartered, Accenture Ventures, SBI Holdings, Santander Innoventures, Seagate และหนึ่งในนั้นมี SCB Digital Ventures บริษัทลูกของธนาคารไทยพาณิชย์รวมอยู่ด้วย ถือเป็นการลงทุนในบริษัทต่างประเทศเป็นครั้งแรกของ Digital Ventures

นายธนา เธียรอัจฉริยะ ประธานกรรมการบริหารของ Digital Ventures ระบุว่าการลงทุนใน Ripple จะช่วยให้ธนาคารมองเห็นโอกาสของบริการใหม่ๆ ด้วยเทคโนโลยี blockchain โดยธนาคารไทยพาณิชย์ถือเป็นธนาคารไทยรายแรกที่เข้ามาลงทุนใน Ripple และทางธนาคารก็กำลังศึกษาเรื่องการโอนเงินข้ามประเทศด้วยโซลูชัน blockchain อยู่ด้วย