สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. ออกประกาศปรับปรุงหลักเกณฑ์รายชื่อเงินคริปโต ที่ผู้เสนอขายโทเคนดิจิทัล (Issuer) สามารถรับเป็นการตอบแทน และผู้ให้บริการเสนอขายโทเคนดิจิทัล (ICO Portal) สามารถรับจากผู้ลงทุนหรือ Issuer ในการทำธุรกรรม โดยเพิ่มสกุลเงินดิจิทัล 2 สกุล ได้แก่ USD Coin (USDC) และ Tether (USDT)
ประกาศหลักเกณฑ์นี้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 16 มีนาคม 2568 เป็นต้นไป
Tether บริษัทคริปโตที่ออกเหรียญ Stablecoin USDT ประกาศเข้าถือหุ้นส่วนน้อยในสโมสรฟุตบอล Juventus ของอิตาลี โดยไม่ได้เปิดเผยจำนวนหุ้นและมูลค่าที่เข้าซื้อ
แผนงานถัดไปที่ Tether วางไว้จากการร่วมมือกับสโมสรฟุตบอล Juve แห่งนี้ คือการออกสินทรัพย์ดิจิทัล, นำเทคโนโลยี AI และ Biotech มาสร้างโอกาสใหม่ผ่านกิจกรรมของสโมสรฟุตบอล และกิจกรรมกีฬา ซึ่งเป็นไปตามวิสัยทัศน์ของ Tether ที่ต้องการนำสินทรัพย์ดิจิทัลและ Stablecoin เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของทุกคน
เมื่อเดือนที่แล้ว Tether ประกาศขยายเครือข่ายเหรียญ USDT โดยเพิ่มการรองรับเลเยอร์ของ Bitcoin และเครือข่าย Lightning Network
Tether บริษัทที่ออกเหรียญ Stablecoin USDT ประกาศนำเหรียญ USDT เข้าสู่ระบบนิเวศของบิตคอยน์ โดยรองรับเลเยอร์พื้นฐานของบิตคอยน์ และเครือข่าย Lightning Network บนโปรโตคอล Taproot Assets ที่พัฒนาโดย Lightning Labs
Tether บอกว่าเมื่อการเชื่อมต่อทั้งหมดเสร็จสิ้น จะทำให้ USDT สามารถใช้งานได้บนเครือข่ายที่มีความเร็ว ต้นทุนต่ำ รวมกับความปลอดภัยและความสามารถการสเกลจากเครือข่ายบิตคอยน์
ปัจจุบัน USDT เป็น Stablecoin ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกประมาณ 1.4 แสนล้านดอลลาร์ โดยมีสินทรัพย์เป็นเงินดอลลาร์ค้ำไว้ประมาณ 2.1 แสนล้านดอลลาร์
Tether บริษัทผู้ออกเหรียญ stablecoin USDT ประกาศนำเหรียญ USDT และ XAUT เหรียญที่ใช้ทองคำเป็นสินทรัพย์ค้ำมูลค่า เพิ่มมาให้ซื้อขายได้บนบล็อกเชน TON ที่สร้างโดย Telegram (แต่ปัจจุบันแยกบริษัทแล้ว)
Tether มองว่านี่เป็นโอกาสที่ทำให้ทั้ง USDT และ XAUT เข้าถึงเป็นเครื่องมือในการรับ-จ่ายเงิน ของผู้ใช้งาน Telegram ที่มีมากกว่า 900 ล้านบัญชีทั่วโลก
ปัจจุบัน USDT รองรับการใช้งานบนเชนต่าง ๆ 15 เชน รวมทั้ง Ethereum, Near, Polygon, Solana, Tezos และ Tron
ที่มา: Tether
Tether บริษัทผู้ออกเหรียญ stablecoin USDT ประกาศการลงทุนในบริษัท Northern Data Group ผ่าน Damoon ที่เป็นบริษัทลูก โดยบอกว่าเป็นการขยายธุรกิจนอกจากฟินเทค ไปสู่ธุรกิจด้านพลังงาน เหมืองบิตคอยน์ และเทคโนโลยีการสื่อสาร
ด้าน Northern Data ก็ประกาศว่า Damoon ได้ปิดดีลสั่งซื้อจีพียู NVIDIA H100 รวมมากกว่า 1 หมื่นตัว คิดเป็นมูลค่ากว่า 400 ล้านยูโร โดยจะส่งมอบทั้งหมดภายในไตรมาส 4 ปี 2023 แล้วนำมาใช้กับ Taiga Cloud บริการคลาวด์สำหรับงาน AI โดยเฉพาะ
ก่อนหน้านี้ Tether ได้ขยายการลงทุนในธุรกิจอื่น ทั้งธุรกิจเหมืองบิตคอยน์ในอเมริกาใต้ และบริการจ่ายเงินในจอร์เจีย ทั้งนี้ Tether ยืนยันว่าการลงทุนดังกล่าวไม่ได้ใช้เงินทุนสำรองของ USDT ที่แยกส่วนกันอยู่แล้ว มาใช้จ่ายแต่อย่างใด
Tether บริษัทผู้ออกเหรียญ stablecoin USDT ประกาศกลยุทธ์การลงทุนของบริษัทเพิ่มเติม เพื่อให้พอร์ตโฟลิโอเงินทุนสำรองมีความแข็งแกร่งมากขึ้น
โดยมีผลตั้งแต่เดือนนี้เป็นต้นไป Tether จะเริ่มซื้อบิตคอยน์ (BTC) เข้ามาเป็นสินทรัพย์ทุนสำรอง ในวงเงินสูงสุดไม่เกิน 15% ของกำไรจากการดำเนินงานสุทธิที่รับรู้แล้ว ซึ่งการลงทุนบนเงื่อนไขนี้ ทำให้ไม่กระทบกับโครงสร้างทุนของผู้ถือหุ้น และช่วยกระจายความเสี่ยงในการถือครองสินทรัพย์ โดย ณ เดือนมีนาคม 2023 Tether มี BTC มูลค่ารวมประมาณ 1.5 พันล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ Tether จะถือ BTC ไว้เอง ไม่ฝากไว้กับผู้ดูแลสินทรัพย์รายอื่น ตามแนวคิด Not Your Keys, Not Your (Bit)Coins
หลังตลาดคริปโต FTX มีแนวโน้มจะล้มละลาย ตลาดคริปโตก็เข้าสู่ช่วงผันผวนอีกครั้ง เหรียญ USD₮ ที่ควรจะมีค่าคงที่ 1 ดอลลาร์ก็เกิดอาการแกว่งเล็กน้อย ลดค่าลงไป 1.3% หรือมากกว่านั้นในบางตลาด
เหตุการณ์ครั้งนี้นับว่าเบากว่าช่วงเหรียญ USD₮ ต่ำกว่า 1 ดอลลาร์เพราะได้รับผลกระทบจากเหรียญ UST (และ LUNA) มาก โดยตอนนั้น USD₮ ราคาต่ำกว่าดอลลาร์ถึง 3% และราคาต่ำกว่าต่อเนื่องยาวนานจนกระทั่งมีการไถ่ถอนเงินออกไปนับหมื่นล้านดอลลาร์ภายในเวลาไม่กี่วัน
Tether เหรียญ stablecoin รายใหญ่ที่สุดในตลาดคริปโต ประกาศว่าเงินทุนสำรองของเหรียญตอนนี้ ไม่มีการถือสินทรัพย์ที่เป็นหุ้นกู้เอกชน (commercial paper) แล้ว โดยสินทรัพย์กลุ่มนี้ถูกแทนที่ด้วยตั๋วเงินคลังสหรัฐ (Treasury Bill) ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย และมีความเสี่ยงน้อยกว่า
ที่ผ่านมามีข่าวลือว่า Tether ถือครองหุ้นกู้เอกชนเป็นสินทรัพย์อยู่มาก และขาดทุนจากราคาหน้าตั๋ว ทำให้มีความเสี่ยงจากสภาพคล่องหากมีผู้ไถ่ถอนเหรียญพร้อมกันเป็นจำนวนมาก คล้ายกับกรณี UST
บริษัท Tether ที่สร้างชื่อจากเหรียญ USDT เดินหน้าสร้างเหรียญ stablecoin เพิ่มอีก ล่าสุดประกาศทำเหรียญ GBP₮ ที่ผูกกับเงินปอนด์อังกฤษในสัดส่วน 1:1 ถือเป็นเหรียญ stablecoin ลำดับที่ 5 ของบริษัท
ตอนนี้ Tether มีเหรียญ stablecoin ทั้งหมดในเครือคือ USDT (ดอลลาร์), EURT (ยูโร), CNHT (หยวนนอกจีน) และล่าสุดคือ MXNT (เปโซเม็กซิโก)
เหรียญของ Tether ระบุว่ามีสินทรัพย์จริงค้ำประกันมูลค่าครบเต็มจำนวน แม้ที่ผ่านมาถูกวิจารณ์เรื่องไม่ยอมเปิดเผยบัญชีสินทรัพย์ตลอดเวลา โดย Tether ก็ออกมาเถียงเรื่อยๆ ว่าเป็นการโจมตีเพื่อสร้างความหวาดกลัว
Tether ออกมาตอบโต้ข่าวลือว่าหุ้นกู้เอกชน (commercial paper) ที่ Tether ถืออยู่เพื่อหนุนค่า USDT นั้นเป็นหุ้นกู้จีนถึง 85% และตอนนี้ซื้อขายในตลาดกันที่ส่วนลด 30% ทำให้ กองทุนหนุนค่า USDT นั้นน่าจะมีสินทรัพย์ไม่เพียงพอ โดย Tether ระบุว่าข่าวลือแบบนี้ปล่อยมาเพื่อสร้างความกลัว และพยายามทำกำไรในภาวะที่ตลาดตึงเครียดเท่านั้น
ตอนนี้ Tether กำลังพยายามผองถ่ายสินทรัพย์จากหุ้นกู้ให้เป็นพันธบัตรสหรัฐฯ ระยะสั้นทั้งหมด ล่าสุดมูลค่าหุ้นกู้เหลือ 11,000 ล้านดอลลาร์ ลดลงจาก 20,000 ล้านดอลลาร์เมื่อไตรมาสแรกของปีนี้ และคาดว่าสิ้นเดือนนี้จะเหลือ 8,400 ล้านดอลลาร์
Tether บริษัทที่อยู่เบื้องหลังเหรียญ USDT ที่เป็น stablecoin ผูกกับเงินดอลลาร์สหรัฐ ประกาศออกเหรียญใหม่ MXNT (หรือเขียนให้ถูกสไตล์คือ MXN₮) เงินแบบเดียวกัน แต่ผูกกับค่าเงินเปโซของเม็กซิโก
ก่อนหน้านี้ Tether มีเหรียญ stablecoin แล้ว 3 เหรียญคือ USDT, EURT (ผูกกับค่าเงินยูโร) และ CNHT (ผูกกับค่าเงินหยวนนอกประเทศจีน) ทำให้ MXNT ถือเป็นเหรียญลำดับสี่ของบริษัท
Tether ระบุว่าเหรียญ MXNT ยังใช้นโยบายเดียวกับ USDT คือมีสินทรัพย์ค้ำประกันเต็มจำนวน แต่ก็ยังคงไม่เปิดเผยรายละเอียดของสินทรัพย์เช่นที่แล้วๆ มา
ที่มา - Tether
หลังจากมีข่าวถึงการไถ่ถอนเงิน USDT ออกจากตลาดถึงหมื่นล้านดอลลาร์ ตอนนี้ทาง Tether ก็ออกมาอธิบายถึงการทำงานของ USDT ว่าต่างจาก stablecoin อื่นๆ เนื่องจาก USDT มีสินทรัพย์หนุนค่าเต็มจำนวน ทำให้ทุก USDT สามารถไถ่ถอนได้เต็มมูลค่า ทำให้ 1 USD₮ = 1$ เสมอ
แม้ว่าตอนนี้หลายตลาดจะซื้อขาย USDT ในราคาต่ำกว่า 1 ดอลลาร์เล็กน้อย ทาง Tether ก็ระบุว่าเป็นเพียงเพราะความอ่อนไหวของตลาดในช่วงนี้เอง และบางครั้ง USDT ก็ซื้อขายในราคาเกิน 1 ดอลลาร์ และราคาอาจจะต่างกันไปแต่ละตลาด
หลังเหตุการณ์ราคาเหรียญ UST หลุดราคาที่ผูกค่าไว้กับดอลลาร์ เหรียญที่ผูกค่าไว้กับดอลลาร์อื่นๆ ก็กระทบไปตามๆ กัน โดยเหรียญที่ใหญ่ที่สุดคือ USDT นั้นก็ยังคงมีมูลค่าต่ำกว่า 1 ดอลลาร์เล็กน้อย
USDT มีสินทรัพย์หนุนค่าเต็มจำนวน ทำให้ผู้ถือสามารถนำเหรียญไปไถ่ถอนจากทาง Tether ผู้ออกเหรียญได้ ผลคือเมื่อราคา USDT ในตลาดมีราคาต่ำกว่า 1 ดอลลาร์ก็จะมีคนซื้อออกไปไถ่ถอนอย่างต่อเนื่อง ตลอดเดือนพฤษภาคมนี้มีการไถ่ถอนไปแล้วถึงหมื่นล้านดอลลาร์
สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า กระทรวงการคลังของสหรัฐฯ และหน่วยงานอื่น ๆ กำลังเตรียมสอบสวน stablecoins ผ่านสภาดูแลความมั่นคงทางการเงินหรือ FSOC โดยหน่วยงานภาครัฐกังวลว่าสกุลเงินดิจิทัลเหล่านี้ส่วนใหญ่ยังไม่ได้อยู่ภายใต้การกำกับดูแล และเป็นความเสี่ยงต่อระบบการเงินได้ จึงจำเป็นต้องตรวจสอบอย่างจริงจัง
กลุ่มเหรียญ cryptocurrency ที่เรียกว่า stablecoins ถูกสร้างขึ้นมาให้มีมูลค่าผูกกับสกุลเงินทั่วไปซึ่งจะผันผวนน้อยกว่าสินทรัพย์ดิจิทัลต่าง ๆ เช่น USDT, USDC หรือ BUSD ที่ 1 เหรียญมีมูลค่าเท่ากับหรือใกล้เคียงกับ 1 ดอลลาร์ ซึ่งบริษัทที่เป็นผู้พัฒนาเหรียญอย่าง Tether ระบุว่าเหรียญเหล่านี้มีสินทรัพย์หนุนหลัง อย่างเช่นตราสารหนี้บริษัทเอกชนหรือว่าเงินดอลลาร์
Tether บริษัทที่ออกเหรียญคริปโต USDT ออกรายงานการตรวจสอบโดย Freeh, Sporkin & Sullivan LLP (FSS) บริษัทด้านกฎหมาย หลังจากตรวจสอบสถานะทางการเงินของ Tether และยืนยันว่าบริษัทมีเงินดอลลาร์หนุนค่าเงินคริปโตเพียงพอ
Tether ออกโทเคนมาเพื่อต้องการให้ใช้แทนเงินสกุลดอลลาร์จริงๆ โดยอาศัยเงินดอลลาร์หนุนค่าที่อัตรา 1:1 ทำให้ USDT ถูกนำไปใช้ซื้อขายและเทียบกับสกุลเงินคริปโตอื่นๆ อย่างเช่น Bitcoin
ทว่าปัญหาของ Tether เกิดขึ้นเมื่อบริษัทไม่ยอมออกรายงานบัญชี (จากที่ในช่วงแรกมีการออกบ้างเนืองๆ) จนไปนำสู่การตั้งคำถามถึงความน่าเชื่อว่าเหรียญ USDT มีเงินดอลลาร์หนุนอยู่ในจำนวนที่เท่ากันจริงหรือไม่ และถูกตั้งข้อสงสัยว่าเหรียญ USDT (ที่อาจไม่มีเงินดอลลาร์หนุนอยู่จริง) อาจถูก Bitfinex บริษัทรับแลกเปลี่ยนที่มีนักลงทุนและทีมบริหารเดียวกับ Tether นำไปพยุงและปั่นราคาของ Bitcoin ในช่วงปีที่แล้ว โดยประเด็นการปั่นราคานี้มีเปเปอร์วิจัยจากมหาวิทยาลัยเท็กซัสสนับสนุนด้วย
Tether ผู้ออกเงิน USDT เงินที่สนับสนุนมูลค่าด้วยเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ถูกขโมยเงินออกจากกระเป๋าเงินตัวเองออกไปยังบัญชีที่ยังหาเจ้าของไม่เจอ รวมกว่าา 30 ล้านดอลลาร์
เงิน USDT มีดอลลาร์สนับสนุนมูลค่าอยู่เบื้องหลัง ทำให้ผู้ที่ถือ USDT สามารถนำไปแลกกลับเป็นดอลลาร์ได้จากบริษัทรับแลกเงินที่กำหนด ได้แก่ Bitfinex และ Kraken ราคาจะนิ่งอยู่ใกล้ๆ 1 ดอลลาร์ตลอดเวลา