Elizabeth Holmes ผู้ก่อตั้งและอดีตซีอีโอ Theranos เข้ารายงานตัวกับเรือนจำของรัฐเท็กซัส เพื่อรับโทษจำคุก 11 ปี หลังศาลชั้นต้นมีคำตัดสินเมื่อปลายปี 2022
เดิมที Holmes จะต้องติดคุกตั้งแต่ปลายเดือนเมษายน แต่ก็เลื่อนมาเล็กน้อยหลังเธอยื่นต่อศาลเพื่อขอประกันตัว แต่ศาลปฏิเสธเพราะกลัวเธอหลบหนี ในส่วนของคดียังอยู่ระหว่างกระบวนการอุทธรณ์ต่อไป
เรือนจำที่รัฐเท็กซัสแห่งนี้เป็นเรือนจำระดับความปลอดภัยต่ำ (minimum-security) มีนักโทษอยู่ราว 500-700 คน ส่วนใหญ่เป็นคดีอาชญากรรมที่ไม่รุนแรง
ที่มา - BBC
Elizabeth Holmes ผู้ก่อตั้งบริษัท Theranos สตาร์ทอัพที่หลอกลวงนักลงทุนว่าสามารถวิเคราะห์โรคได้จำนวนมากจากเลือดเพียงหยดเดียว เตรียมติดคุกจริงวันที่ 27 เมษายนนี้ หลังจากศาลอุทธรณ์ระบุว่ากระบวนการอุทธรณ์ไม่น่าทำให้คดีพลิกแต่อย่างใด จึงยืนยันให้เธอเข้าคุกตามที่ได้ตัดสินโทษไว้แม้จะมีการยื่นอุทธรณ์
กระบวนการอุทธรณ์น่าจะกินเวลาอีกอย่างน้อยหนึ่งปี ฝ่ายอัยการระบุว่า Holmes มีความเสี่ยงที่จะหนีคดีเพราะเธอจองตั๋วขาเดียวไปเม็กซิโกระหว่างการพิจารณาคดี แม้ว่า Holmes ระบุว่าเป็นการไปร่วมงานแต่งงาน และจองตั๋วไปเพราะคาดว่าจะได้รับการยกฟ้อง
Sunny Balwani ผู้บริหารของ Theranos ที่ถูกตัดสินโทษจำคุก 13 ปีตั้งแต่ปีที่แล้วก็อยู่ระหว่างการขอเลื่อนการรับโทษเช่นกัน
ศาลชั้นต้นแคลิฟอร์เนีย อ่านคำตัดสินลงโทษ Elizabeth Holmes ผู้ก่อตั้ง Theranos สตาร์ทอัพอื้อฉาว ที่อ้างว่ามีเทคโนโลยีตรวจหาโรคจากเลือดเพียงหยดเดียว โดยให้จำคุกเป็นเวลา 135 เดือน ซึ่งเท่ากับ 11 ปี กับ 3 เดือน หลังจากศาลมีคำตัดสินว่าผิดไปเมื่อต้นปี และอัยการยื่นเสนอโทษ
คำตัดสินนี้เป็นที่จับตามองมาก เนื่องจากอาจใช้เป็นบรรทัดฐาน ของคดีเกี่ยวกับการหลอกลวงในวงการเทคโนโลยี
หลังจากที่ Elizabeth Holmes ผู้ก่อตั้ง Theranos สตาร์ทอัพที่ลวงโลกว่ามีเทคโนโลยีการตรวจเลือดที่ปฏิวัติวงการ โดนตัดสินว่ามีความผิดในข้อหาฉ้อโกงรวม 4 ข้อหาเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ล่าสุดทางอัยการได้ยื่นเสนอให้ลงโทษเธอด้วยการจำคุก 180 เดือน และสั่งให้ชดใช้เงินแก่ผู้เสียหาย 803,840,309 ดอลลาร์สหรัฐฯ
ทางด้านตัวแทนของ Holmes เองก็ยื่นคำแก้ต่างโดยยืนยันว่าจองจำเธอนั้นไม่ได้ช่วยอะไร (นัยว่าตัว Holmes นั้นไม่ได้เป็นภัยต่อผู้อื่น), อีกทั้งเธอยังรับรู้ถึงความผิดพลาดของตัวเธอเองแล้วและไม่เคยได้อาศัยประโยชน์จากการฉ้อโกงนั้น แต่หากศาลตัดสินว่าควรลงโทษจำคุกนั่นก็ไม่ควรจะเกิน 18 เดือน
Sunny Balwani อดีตซีอีโอ Theranos และยังเป็นแฟนกับ Elizabeth Holmes ผู้ก่อตั้งบริษัท ถูกตัดสินว่ามีความผิดฉ้อโกงและร่วมกันฉ้อโกงรวม 12 ข้อหา นับว่าเป็นการปิดฉากหนึ่งของมหากาพย์สตาร์ตอัพครั้งนี้
ทั้ง Holmes และ Balwani ต้องรอผู้พิพากษาทกำหนดโทษอีกครั้ง โดย Holmes ถูกตัดสินว่ามีความผิดตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมาและก็ยังรอกำหนดโทษอยู่
มหากาพย์คดีบริษัทสตาร์ตอัพ Theranos ได้ข้อยุติ (ในขั้นต้น) หลังการไต่สวนในชั้นศาลต่อเนื่องมาตั้งแต่เดือนกันยายน คณะลูกขุนก็ตัดสินว่าผู้ก่อตั้ง Elizabeth Holmes มีความผิดจริง 4 ข้อหา จากทั้งหมดที่ถูกสั่งฟ้อง 11 ข้อหา
Holmes ถูกตัดสินว่าฉ้อโกง (wire fraud) นักลงทุนแบบเจาะจง 3 ราย (นับเป็น 3 ข้อหา) รวมเป็นเงิน 142 ล้านดอลลาร์ บวกกับข้อหารวมหัวฉ้อโกง (conspiracy to commit wire fraud) นักลงทุนโดยทั่วไปอีก 1 ข้อหา แต่หลุดข้อหาอื่นๆ ซึ่งรวมถึงการหลอกลวงผู้ป่วย ส่วนอัตราโทษต้องรอผู้พิพากษาตัดสินอีกครั้ง แต่โทษสูงสุดที่เป็นไปได้คือจำคุก 20 ปี
Hulu ประกาศวันฉายมินิซีรีส์เรื่อง "The Dropout" เล่าเรื่องของ Elizabeth Holmes ผู้ก่อตั้งบริษัท Theranos สตาร์ตอัพด้านสุขภาพที่เติบโตอย่างรวดเร็ว แต่สุดท้ายก็ถูกจับโกหกได้และเป็นคดีในชั้นศาลอยู่ตอนนี้
ซีรีส์เรื่องนี้ได้ Amanda Seyfield มารับบทเป็น Elizabeth Holmes มีกำหนดฉายวันที่ 3 มีนาคม 2022 (สำหรับบ้านเราก็ต้องลุ้นกันว่าจะได้ดูใน Disney+ Hotstar หรือไม่)
เรื่องราวของ Theranos ถูกดัดแปลงเป็นซีรีส์บ้างแล้ว โดย HBO เคยทำสารคดีชื่อ The Inventor เมื่อปี 2018 และหนังสือที่เล่าประวัติ Theranos ชื่อว่า Bad Blood อยู่ระหว่างการดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ แสดงโดย Jennifer Lawrence และจะฉายทาง Apple TV+ โดยยังไม่ระบุช่วงเวลา
หลายคนคงจะพอทราบเรื่องราวของบริษัท Theranos สตาร์ทอัพอุปกรณ์ตรวจเลือดที่เคยร้อนแรงมากๆ แต่ก็ถูกมรสุมรุมเร้าอย่างรวดเร็วจากที่เคยรุ่งโรจน์กลับเป็นล้มละลาย แถมตัวซีอีโอยังถูกฟ้องฐานฉ้อโกง ล่าสุดเรื่องของ Theranos ได้ทำเป็นสารคดี ฉายที่ HBO ในชื่อว่า The Inventor: Out for Blood in Silicon Valley ฉาย 18 มีนาคมนี้
เรื่องฉาวของ Theranos มีรายละเอียดมาก เริ่มจากมีสื่อ Wall Street Journal เปิดโปงพฤติกรรมน่าสงสัยของบริษัท ไปจนถึงการตั้งคำถามว่าตกลงแล้ว ผลิตภัณฑ์ของบริษัทที่ว่ากันว่าเป็นการปฏิวัติวงการตรวจเลือดนั้น ใช้ได้จริงมากแค่ไหน การทำเป็นสารคดีจึงน่าจะช่วยให้คนที่ติดตามข่าวได้เห็นภาพรวมทั้งหมดชัดเจนขึ้น
Theranos สตาร์ทอัพอุปกรณ์ตรวจเลือดที่ถูกแฉเรื่องฉ้อโกง จน Elizabeth Holmes ซีอีโอถูกสั่งฟ้องข้อหาฉ้อโกง ขณะที่สถานการณ์ของบริษัทก่อนหน้านี้ก็รอมร่อ
ล่าสุด Wall Street Journal รายงานว่า Theranos เตรียมปิดตัวลงแล้วและต้องหาเงินมาจ่ายเงินคืนให้เจ้าหนี้และนักลงทุนทั้งหมด หลังสามารถตกลงกันได้นอกศาลเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
ที่มา - Reuters
Theranos สตาร์ตอัพทางการแพทย์ที่หลายคนเคยเชื่อว่าจะเป็นผู้พลิกโฉมการแพทย์ครั้งใหญ่ ทำให้สามารถระดมทุนได้นับหมื่นล้านบาท มูลค่าบริษัทเคยสูงสุดถึงสามแสนล้านบาท (9,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) Elizabeth Holmes ผู้ก่อตั้งซึ่งมีหุ้นเกินครึ่งกลายเป็นมหาเศรษฐีด้วยอายุเพียง 30 ปี แต่ทั้งหมดก็จบลงภายในเวลาเพียงไม่กี่ปีหลังบริษัทถูกแฉว่าเทคโนโลยีใช้ไม่ได้จริง โดยบทความของนักข่าวสืบสวน John Carreyrou ที่ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ Wall Street Journal ในปี 2015 สามปีผ่านมา เขาเรียบเรียงประเด็นประเด็นทั้งหมดออกมาเป็นหนังสือ ว่าปรากฎการณ์ของ Theranos ที่เป็นบริษัทด้านสุขภาพที่ควรจะถูกตรวจสอบอย่างหนัก กลับหลุดรอดกระบวนการตรวจสอบของทั้งหน่วยงานรัฐ และนักลงทุนชื่อดังจำนวนมากที่ทุ่มเงินมหาศาลในบริษัทตลอดช่วงเวลาหลายปีได้อย่างไร
Bad Blood หนังสือแฉเบื้องหลังบริษัท Theranos (อ่านสรุปเรื่องราวในข่าวเก่า) ระบุถึงประวัติของบริษัทที่เต็มไปด้วยความผิดปกติตั้งแต่แรกเริ่ม และเนื้อหาส่วนหนึ่งพูดถึงการวิจัยเทคโนโลยีของ Theranos ในเมืองไทย เมื่อปี 2010 เพื่อวิจัยเทคโนโลยีเพื่อการตรวจโรคไข้หวัดหมู (swine flu)
อัยการสหรัฐ สั่งฟ้อง Elizabeth Holmes ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง Theranos กับ Ramesh Balwani ซีโอโอในข้อหาฉ้อโกงนักลงทุนและลูกค้าแล้ว
ก่อนหน้านี้ SEC หรือ ก.ล.ต. สหรัฐ สั่งปรับบริษัท Theranos และตัวของ Holmes ในฐานะฉ้อโกง มาแล้ว ส่วนคดีนี้เป็นคดีอาญา โดยอัยการของเขตแคลิฟอร์เนียเหนือ ให้ความเห็นไว้ว่าทั้งสองคนไม่เพียงแต่หลอกนักลงทุน แต่ยังหลอกแพทย์และผู้ป่วยอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพและชีวิตคนได้
หลังการสั่งฟ้องนี้ Theranos ประกาศว่า Holmes ลงจากตำแหน่งซีอีโอทันที แต่ยังมีสถานะเป็นประธานบอร์ดของบริษัทอยู่ (บริษัทเหลือพนักงาน 24 คน)
Theranos หนึ่งในตำนานม้ายูนิคอร์น (คำเปรียบเปรยสำหรับสตาร์ทอัพที่มูลค่าแตะระดับพันล้านเหรียญ) ที่ขณะนี้ทำท่าจะสิ้นลมหายใจอยู่รอมร่อ หลังจากล่าสุดเพิ่งโดน SEC (ซึ่งก็คือ ก.ล.ต. ของสหรัฐฯ) สั่งปรับเงินบริษัทและตัวซีอีโอเองในข้อหาฉ้อโกง ตอนนี้ต้องหาทางประคับประคองบริษัทโดยการลดขนาดองค์กรปลดพนักงานออกจากบริษัทอีกกว่า 100 คน คงเหลือพนักงานไว้เพียง 24 คนเท่านั้น
SEC หรือหน่วยงาน ก.ล.ต. ของอเมริกา ออกคำสั่งปรับเงิน Theranos, ซีอีโอ Elizabeth Holmes และอดีตประธานบริษัท Ramesh Balwani จากเหตุผลฉ้อโกงเงินจากนักลงทุนรวมกว่า 700 ล้านดอลลาร์ เนื่องจากมีการทำเอกสารเท็จเกี่ยวกับเทคโนโลยี, ข้อมูลทางธุรกิจ และข้อมูลทางการเงินของบริษัท โดย Theranos และซีอีโอ Holmes ยอมจ่ายค่าปรับ 500,000 ดอลลาร์เพื่อยุติคดี, ถอนสิทธิการโหวตในฐานะผู้ถือหุ้น, รับคำตัดสินห้ามรับตำแหน่งในบริษัทมหาชน 10 ปี, คืนหุ้น 18.9 ล้านหุ้นที่ได้มาจากช่วงฉ้อโกงคืนให้บริษัท
Theranos บริษัทสตาร์ทอัพอุปกรณ์ตรวจเลือดที่เคยร้อนแรงมากๆ แต่ถูกมรสุมกระหน่ำหนักจากความไม่ชอบมาพากลของผลิตภัณฑ์ ที่หนักที่สุดคือต้องปิดธุรกิจห้องแล็บ แล้วมาโฟกัสที่ miniLab เพื่อขายให้คลินิกแทน แต่ก็ต้องปลดพนักงานออกไปมาก
ล่าสุด The Wall Street Journal รายงานว่า Theranos ยังสามารถประคองธุรกิจต่อไปได้อีก โดยได้รับเงินกู้ 100 ล้านดอลลาร์ จาก Fortress Investment Group ซึ่งเพียงพอสำหรับดำเนินงานถึงปี 2018 บนเงื่อนไขเงินกู้นี้สามารถแปลงสภาพเป็นหุ้นได้ 4% และเงินกู้จะทยอยจ่ายให้เมื่อมีผลิตภัณฑ์ส่งมอบที่เป็นรูปธรรมชัดเจน
ดูเหมือนว่า Theranos จะเข้าสู่ภาวะวิกฤตซะแล้ว เมื่อบริษัท Theranos Inc. ได้ปลดพนักงานอีก 155 คน คิดเป็น 41% ของพนักงานทั้งหมดโดยประมาณ แต่ยังมีพนักงานเหลืออีก 220 คนที่ทำงานใน miniLab นี่นับเป็นการปลดพนักงานครั้งที่สองแล้ว หลังจากก่อนหน้านี้ปลดพนักงานในจำนวน 340 คน
"มันเป็นการตัดสินใจที่ลำบากที่สุด แต่มันก็ช่วยทำให้ Theranos จัดการทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพ" จากคำแถลงการณ์ของบริษัท
ที่มา - Bloomberg
Walgreens บริษัทร้านค้าปลีกด้านสุขภาพ พันธมิตรเก่าตั้งแต่สมัย Theranos ยังรุ่งเรือง ฟ้องเรียกค่าเสียหาย Theranos เป็นจำนวนเงิน 140 ล้านดอลลาร์ ส่วนเนื้อหารายละเอียดการฟ้องร้อง ยังไม่เปิดเผย
John Carreyrou นักข่าว Wall Street Journal รายงานที่ศาลในรัฐเดลาแวร์ว่ารายละเอียดคดียังเป็นความลับ เพราะทั้งสองบริษัทได้ลงนามในข้อตกลงที่ห้ามเปิดเผย เนื่องจากจะได้รับผลกระทบหากข้อฟ้องร้องของ Walgreens ออกสู่สาธารณะ
พายุลูกใหญ่สำหรับ Theranos ยังไม่ผ่านพ้นไป ล่าสุดประกาศปิดแล็บในแอริโซนา แคลิฟอร์เนีย และเพนซิลวาเนียแล้ว โดยจะเบนกลยุทธ์ไปที่การทำอุปกรณ์ในชื่อ miniLab เพื่อขายให้กับคลีนิกแทน
Elizabeth Holmes ซีอีโอบริษัทเขียนในจดหมายประกาศว่า หลังจากประเมินจุดอ่อนจุดแข็งของบริษัทมาระยะหนึ่ง บริษัทจะมีการเปลี่ยนแปลง จากแล็บทดสอบเลือดไปเป็นการทำอุปกรณ์ใหม่ที่จะสามารถขายให้กับผู้บริการด้านสุขภาพได้ โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือ ทำอุปกรณ์ตรวจสอบกลุ่มตัวอย่างทางการแพทย์จากกรณีต่างๆ ทั้งมะเร็ง กุมารเวชศาสตร์ ที่มีประโยชน์ทางการแพทย์และสามารถทำการค้าด้วยได้
สำหรับการปิดตัวแล็บ ส่งผลกระทบต่อพนักงานถึง 340 คน หรือเกือบครึ่งของทั้งหมดที่มีประมาณ 790 คน
หลังจากที่ CMS ได้สั่งเพิกถอนใบอนุญาตให้ดำเนินการห้องปฏิบัติการของ Theranos ใน California เมื่อเดือนก่อน ล่าสุด Theranos ก็ยังไม่ยอมแพ้ และเตรียมแผนการปรับปรุงการดำเนินงานเพื่อยื่นอุทธรณ์คำตัดสินดังกล่าวอีกครั้ง อย่างไรก็ตามแม้ในช่วงวิกฤตที่การกอบกู้ความน่าเชื่อถือของห้องปฏิบัติการเป็นเรื่องสำคัญยิ่งยวดเช่นนี้ ก็มีข่าวว่า Theranos โดนตรวจสอบพบความหละหลวมในการทำงาน จนถึงขนาดทำให้ Theranos เองต้องยอมถอยยกเลิกการขออนุมัติใช้เครื่องมือตรวจหาไวรัสซิก้า
ท่ามกลางพายุที่โหมกระหน่ำ Theranos ต่างๆ นานาจนนำไปสู่การถูกถอนใบอนุญาตห้องแล็บ ขณะที่ Elizabeth Holmes ผู้ก่อตั้งถูกห้ามเปิดแล็บใหม่ 2 ปี (ข่าวเก่า)
ล่าสุดเธอไปปรากฎตัวในงานประชุมเสวนาทางด้านวิทยาศาสตร์ของ American Association for Clinical Chemistry ในรัฐฟิลาเดลเฟีย เปิดตัว miniLab อุปกรณ์วินิจฉัยและตรวจจับสารพัดโรค ถึงแม้ผู้คนส่วนใหญ่ภายในงานจะคาดหวังว่าเซสชันของเธอ จะเป็นการบรรยายและไขข้อข้องใจถึงข่าวฉาวสารพัดที่กำลังถาโถมบริษัทก็ตามที
ความคืบหน้าของกรณี Theranos แนะนำให้อ่านข่าว Theranos โดนทางการสหรัฐฯ สั่งปรับปรุงแล็บด่วน หากไม่ผ่านการประเมินอาจต้องปิดตัว ก่อนนะครับ
ล่าสุด Centers for Medicare & Medicaid Services (CMS) หน่วยงานของกระทรวงสาธารณสุขสหรัฐ สั่งลงโทษ Theranos หลังสั่งให้บริษัทปรับปรุงห้องแล็บในแคลิฟอร์เนียในรอบก่อนแล้วไม่เกิดผล โดย CMS มีคำสั่งดังนี้
เรื่องราวของ Theranos ที่เป็นเหมือนมหากาพย์อยู่ในขณะนี้ นับตั้งแต่ถูกตั้งข้อสงสัยว่าลวงโลก, ถูกสั่งปรับปรุงแล็บ, ยืนยันผลตรวจเลือดให้ลูกค้าทั้งๆ ที่ไม่ถูกต้อง และล่าสุดโดนฟ้องแบบกลุ่ม กำลังจะถูกสร้างเป็นภาพยนตร์จอเงินแล้ว
Gary Sanchez Productions บริษัทโปรดักชันเฮ้าส์ของ Will Farrell (The Other Guys, Anchorman) และ Adam McKay (ผกก. The Big Short) มีแผนจะสร้างเรื่องราวของ Theranos และซีอีโอ Elizabeth Holmes เป็นภาพยนตร์ โดยมีข่าวว่าทีมงานต้องการตัว Jennifer Lawrence (The Hunger Games, X-men Trilogy) มาแสดงเป็น Elizabeth Holmes ครับ
รายงานระบุว่าเรื่องนี้เป็นเพียงแนวคิดเบื้องต้นเท่านั้น ทาง Gary Sanchez Productions กำลังจะติดต่อหาบริษัทสตูดิโอที่สนใจให้ทุนในช่วงสัปดาห์หน้าครับ
ที่มา - Deadline
Theranos บริษัทที่กำลังตกเป็นข่าวอื้อฉาวมาตลอดหลายเดือนหลัง เพราะโดนเพ่งเล็งทั้งเรื่องการหลอกลวงผู้บริโภคเกี่ยวกับเครื่องวิเคราะห์ตรวจเลือดซึ่งดูเหมือนจะไม่อาจเชื่อถือได้ดังที่กล่าวอ้าง ไม่เพียงแต่จะโดนหน่วยงานรัฐหลายแห่งรุมตรวจสอบจนจ่อจะโดนถอนใบอนุญาตห้องปฏิบัติการเท่านั้น ล่าสุดก็มีคนไปฟ้องร้อง Theranos ต่อศาลแล้ว โดยมีผู้ฟ้องดำเนินคดีแบบกลุ่ม (class action lawsuit) ถึง 3 คดีภายในช่วงเวลาแค่ 6 วันเท่านั้น
Elizabeth Holmes ซีอีโอสาวผู้ก่อตั้ง Theranos หนึ่งใน unicorn (ซึ่งหมายถึงบริษัทที่ระดมเงินทุนได้ในระดับ 1 พันล้านดอลลาร์) ที่กำลังตกที่นั่งลำบากในขณะนี้ ผู้ที่ครั้งหนึ่งเคยได้รับการประเมินจาก Forbes ว่ามีสินทรัพย์มากถึง 4.5 พันล้านดอลลาร์ มาตอนนี้ Forbes คิดว่าเธอมีแค่ 0 ดอลลาร์เท่านั้น
Forbes ที่ว่านี้ก็คือสื่อสายการเงินจากสหรัฐอเมริกาที่หลายคนรู้จักและคุ้นหูกันดี โดยเฉพาะในบ้านเราที่มักจะได้ยินข่าวการจัดอันดับมหาเศรษฐีจาก Forbes ให้ได้ยินอยู่บ่อยครั้ง และในครั้งนี้ Forbes ได้พูดคุยกับนักลงทุนและผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมวงการเดียวกันกับ Theranos หลายรายด้วยกันจนนำไปสู่ข้อสรุปที่ว่าแท้จริงแล้วมูลค่าสินทรัพย์ของซีอีโอสาวแห่ง Theranos นั้นก็คือไม่มีมูลค่าเลย
Theranos ออกมายอมรับว่าตอนนี้สำนักงานอัยการของ California เขตเหนือ และ SEC (U.S. Securities and Exchange Commission) หน่วยงาน ก.ล.ต. ของสหรัฐอเมริกา กำลังเข้ามาสืบสวนว่า Theranos กระทำความผิดเข้าข่ายหลอกลวงนักลงทุนหรือไม่
ข้อมูลนี้มาจากบันทึกที่ Theranos ส่งถึงบริษัทพันธมิตรธุรกิจซึ่งร่วมถึง Walgreens Boots Alliance Inc. บริษัทเจ้าของร้านขายยาผู้รับหน้าที่เป็นศูนย์ตรวจเลือดของ Theranos กว่า 40 แห่ง โดยมีใจความระบุว่า Theranos กำลังทำงานอย่างใกล้ชิดกับบรรดาหน่วยงานรัฐให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่สำหรับการสืบสวนในทุกประเด็น