จากข่าว กลุ่มนักลงทุน VC กว้านซื้อที่ดินแถบซานฟรานซิสโก เตรียมสร้างเมืองใหม่สำหรับคนทำงานเทค วันนี้มีการเปิดเว็บไซต์ของโครงการอย่างเป็นทางการแล้ว ในชื่อโครงการว่า California Forever
California Forever เป็นโครงการพัฒนาพื้นที่เมืองในเขต Solano County ทางตะวันออกเฉียงเหนือของซานฟรานซิสโก ทางบริษัท California Forever ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Flannery Associates ในข่าวก่อนหน้านี้ ก่อตั้งโดย Jan Sramek นักธุรกิจที่มีโอกาสมาอาศัยอยู่ย่านนี้ และมองเห็นโอกาสสร้างเมืองใหม่ขึ้นมา จึงระดมเงินทุนจากนักลงทุน VC ชื่อดังจำนวนมากเพื่อโครงการระยะยาวครั้งนี้
ตั้งแต่ปี 2018 เป็นต้นมา มีบริษัทลึกลับชื่อ Flannery Associates ไล่กว้านซื้อที่ดินในย่านใกล้เคียงกับสนามบิน Travis Air Force Base ในเขต Solano County ทางตะวันออกเฉียงเหนือจากเมืองซานฟรานซิสโก (บริเวณสีแดงในภาพ)
นับถึงปัจจุบัน Flannery ซื้อที่ดินไปแล้วกว่า 52,000 เอเคอร์ หรือประมาณ 210 ตารางกิโลเมตร (เทียบขนาดแล้ว ใหญ่กว่าเขตเมืองซานฟรานซิสโก 2 เท่า) โดยไม่มีคำอธิบายใดๆ ว่าเป็นใคร และซื้อที่ดินเยอะขนาดนี้ไปทำไม (ตามระบบกฎหมายสหรัฐอเมริกา ค่อนข้างคุ้มครองข้อมูลของบริษัทเอกชน ไม่เปิดเผยต่อสาธารณะ) จนเกิดความสงสัยและคาดเดาไปหลายทาง
จากเหตุการณ์ธนาคาร Silicon Valley Bank หรือ SVB ถูกสั่งปิด ลูกค้าไม่สามารถถอนเงินออกมาได้ชั่วคราว ที่ประเมินว่าอาจกระทบต่อสินทรัพย์และกระแสเงินสดของบริษัท Tech และสตาร์ทอัพหลายแห่งที่เป็นลูกค้า ล่าสุดมีบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหุ้น ที่มีเงินฝากใน SVB เริ่มทยอยรายงานข้อมูลเพิ่มเติมต่อ SEC หรือสำนักงาน กลต. สหรัฐ แล้ว
จากกรณีธนาคาร Silicon Valley Bank ถูกสั่งปิด และให้ FDIC หน่วยงานดูแลคุ้มครองเงินฝากเข้ามาจัดการสินทรัพย์ต่อ ได้สร้างผลกระทบอย่างน้อยสองด้าน ด้านหนึ่งคือผลกระทบในกลุ่มธนาคารที่มาจากการขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย แต่อีกด้านหนึ่งที่อาจกระทบต่ออุตสาหกรรม Tech และสตาร์ทอัพ นั่นคือหลายบริษัทฝากเงินไว้ที่ Silicon Valley Bank แห่งนี้
Silicon Valley Bank หรือ SVB ก่อตั้งในปี 1983 ที่รัฐแคลิฟอร์เนีย โดยวางกลยุทธ์เป็นธนาคารสำหรับธุรกิจสตาร์ทอัพ ที่ได้รับการสนับสนุนจากนักลงทุน VC หรือ Venture Capital รวมทั้งเพิ่มบริการทางการเงินเพื่อรองรับกระบวนการเพิ่มทุนของ VC โดยเฉพาะ เน้นการปล่อยสินเชื่อกับบริษัทด้านเทคโนโลยี
หน่วยงานกำกับดูแลด้านการเงินแห่งรัฐแคลิฟอร์เนีย ออกคำสั่งปิดธนาคาร Silicon Valley Bank หรือ SVB ซึ่งเป็นธนาคารที่เน้นบริการทางการเงินกับสตาร์ทอัพ หลังจากพบปัญหาสภาพคล่อง และพยายามขายหุ้นเพิ่มทุน จนทำให้ลูกค้าเริ่มแห่กันมาถอนเงิน
FDIC ซึ่งเป็นสถาบันคุ้มครองเงินฝากให้กับผู้ฝากเงินในสหรัฐ ได้รับการแต่งตั้งให้เข้ามาดูแลสินทรัพย์ของ SVB โดยทาง FDIC ชี้แจงว่าผู้ฝากเงินไว้ในส่วนที่ได้รับการคุ้มครอง 250,000 ดอลลาร์แรกต่อบัญชีต่อธนาคาร จะสามารถเข้ามาจัดการบัญชีต่อได้ไม่เกินวันจันทร์ที่ 13 มีนาคม 2023 และจะจ่ายดอกเบี้ยเงินฝากส่วนที่ไม่ได้รับการคุ้มครองล่วงหน้าภายในสัปดาห์หน้า
Silicon Valley Bank (SVB) ธนาคารที่โฟกัสเรื่องการปล่อยกู้สตาร์ตอัพในสหรัฐ (เปิดบริการมาตั้งแต่ปี 1982) เริ่มประสบปัญหาทางการเงิน ทำให้ต้องขายพันธบัตรและสินทรัพย์ในราคาที่ขาดทุน 1.8 พันล้านดอลลาร์ (เด้งที่ 1) จนต้องนำเสนอขายหุ้นของธนาคารมูลค่า 2.25 พันล้านเพื่อเพิ่มสภาพคล่อง (เด้งที่ 2)
ข่าวนี้ทำให้หุ้นของ SVB Financial Group บริษัทแม่ของธนาคาร ลดลงทันที 60% ในวันเดียว จากราคาปิดของวันก่อน 267.83 ดอลลาร์ มาปิดที่ 106.04 ดอลลาร์ และยังร่วงต่อในการขายหุ้นนอกเวลาทำการ (ขณะที่เขียนข่าวนี้ ราคาหุ้นเหลือ 76.80 ดอลลาร์)
หลัง Google เปิดสำนักงานด้านฮาร์ดแวร์ที่ไต้หวัน เมื่อต้นปี และได้รับการอนุมัติให้สร้างแคมปัสใหม่ชื่อ Downtown West ในเมืองซานโฮเซ่ แถบซิลิค่อนวัลเลย์ไปเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ทาง CNBC ยังพบว่า Google ยื่นแผนสร้างแคมปัสใหม่ที่ชื่อว่า Midpoint และศูนย์ฮาร์ดแวร์เพิ่มเติมในซานโฮเซ่อีกด้วย โดยจะตั้งอยู่ใกล้กับ Downtown West
แคมปัส Midpoint เป็นสำนักงานใหม่ขนาดย่อม ประกอบด้วยอาคารสำนักงานห้าอาคาร ที่ Google ทยอยซื้อมาปรับปรุง รองรับพนักงานได้สูงสุดราว 3,500 คน (Downtown West รองรับพนักงานประมาณ 20,000 คน) และจากที่ตั้งอยู่ติดกับศูนย์ฮาร์ดแวร์ ทำให้คาดเดาได้ว่าพนักงานที่เตรียมมาอยู่สำนักงานใหม่นี้ น่าจะเป็นทีมด้านฮาร์ดแวร์
งานใหม่ของของ เจ้าชาย Harry หลังละบทบาทในราชวงศ์ คือเป็น Chief Impact Officer ในสตาร์ทอัพ BetterUp สำนักงานใหญ่ในซานฟรานซิสโก เป็นสตาร์ทอัพแนวโค้ชชิ่ง ให้ปรึกษาสภาพจิต และพัฒนาตัวเอง
เจ้าชาย Harry ระบุว่า เขาเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าการจัดลำดับความสำคัญของสมรรถภาพทางจิต จะช่วยปลดล็อกศักยภาพและโอกาสที่เราไม่เคยรู้มาก่อนว่าเรามีอยู่ภายในตัว เขาบอกด้วยว่าได้เรียนรู้ในชีวิตอย่างหนึ่งคือ เปลี่ยนความเจ็บปวดให้เป็นจุดมุ่งหมาย
ก่อนจะเกิดเหตุโรคระบาด Facebook เคยผุดโครงการใหญ่ Willow Campus พื้นที่สำหรับทำงาน อยู่อาศัย ร้านค้าและสวนสาธารณะ เป็นการขยายพื้นที่สำนักงานใหญ่ Menlo Park แต่เมื่อโรคระบาดเข้ามา บริษัทพิจารณามาตรการ social distancing ลดความแออัดในสำนักงานในระยะยาว Facebook จึงเตรียมปรับลดขนาด Willow Campus ลง 29%
work from home กลายเป็นประเด็นที่สังคมพูดถึงกันมากในช่วงโรคระบาด แต่กลายเป็นว่าชีวิตจริงไม่ง่ายขนาดนั้นแม้แต่กับบริษัทไอทีในซิลิคอนวัลเล่ย์ก็ตาม The Wall Street Journal ไปสัมภาษณ์บุคลากรในบริษัทเหล่านั้นที่ออกนโยบายทำงานที่บ้านมา พบว่าไม่สามารถปฏิบัติตามได้ ติดปัญหาด้าน security, ข้อมูลอ่อนไหวของผู้ใช้งานทำให้ไม่สามารถนำข้อมูลนั้นไปทำงานที่บ้านได้, ตัวพนักงานไม่มีอุปกรณ์ส่วนตัวที่จะทำงานจากที่บ้านได้
Silicon Valley คือย่านรวมบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของโลก เป็นหนึ่งในที่ที่ใครก็อยากเข้าไปทำงาน ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าออฟฟิศของบริษัทเหล่านี้ล้วนไม่ธรรมดา เพราะมีสิ่งอำนวยความสะดวกจัดเต็ม และการเลี้ยงข้าวพนักงานฟรีก็ไม่ใช่สิ่งพิเศษอีกต่อไป
ข่าวนี้จะพาไปดูว่าสิทธิประโยชน์สุดเจ๋งของบริษัทใน Silicon Valley นั้นมีอะไรบ้าง
หลายคนคงจะพอทราบเรื่องราวของบริษัท Theranos สตาร์ทอัพอุปกรณ์ตรวจเลือดที่เคยร้อนแรงมากๆ แต่ก็ถูกมรสุมรุมเร้าอย่างรวดเร็วจากที่เคยรุ่งโรจน์กลับเป็นล้มละลาย แถมตัวซีอีโอยังถูกฟ้องฐานฉ้อโกง ล่าสุดเรื่องของ Theranos ได้ทำเป็นสารคดี ฉายที่ HBO ในชื่อว่า The Inventor: Out for Blood in Silicon Valley ฉาย 18 มีนาคมนี้
เรื่องฉาวของ Theranos มีรายละเอียดมาก เริ่มจากมีสื่อ Wall Street Journal เปิดโปงพฤติกรรมน่าสงสัยของบริษัท ไปจนถึงการตั้งคำถามว่าตกลงแล้ว ผลิตภัณฑ์ของบริษัทที่ว่ากันว่าเป็นการปฏิวัติวงการตรวจเลือดนั้น ใช้ได้จริงมากแค่ไหน การทำเป็นสารคดีจึงน่าจะช่วยให้คนที่ติดตามข่าวได้เห็นภาพรวมทั้งหมดชัดเจนขึ้น
Bill Gates ผู้ร่วมก่อตั้งไมโครซอฟท์ ปกติจะมีเขียนบล็อกแนะนำหนังสือน่าสนใจที่เขาได้อ่านช่วงที่ผ่านมา (อ่าน: หนังสือ 5 เล่มที่อยากให้อ่านช่วงซัมเมอร์นี้ แนะนำโดย Bill Gates
) แต่ในบล็อกล่าสุดนั้น เขาแนะนำซีรี่ส์ที่ควรได้ชมซึ่งก็คือ Silicon Valley ซีรี่ส์ตลกของ HBO
Facebook ประกาศโครงการสร้างตึกใหม่ขยายเพิ่มเติมใน Menlo Park ในชื่ออาคาร MPK 21 ที่สร้างเสร็จแล้วและใช้เวลาสร้างประมาณ 18 เดือน ที่นอกจากจะสวยงามสมกับเป็นออฟฟิศไอทียักษ์ใหญ่ในยุคใหม่แล้ว บนหลังคายังมีสวนขนาดย่อมและแผงโซลาร์ด้วย
แม้จะเป็นงานที่เจ๋งในบริษัทเทคโนโลยีใหญ่เล็กในซิลิคอนวัลเล่ย์ ก็ใช่ว่าจะมีเงินพอซื้อบ้านในที่แพงแสนแพงอย่างซานฟรานซิสโก ผลสำรวจจาก Team Blind ระบุว่า 59% ของคนทำงานในซิลิคอนวัลเล่ย์ รวมทั้งบริษัทไอทีใหญ่ 13 แห่งในนั้น ไม่มีความสามารถทางการเงินมากพอจะซื้อบ้านในย่านนั้นได้
เวลามีแข่งขันประชันไอเดียธุรกิจสตาร์ทอัพ เรามักจะได้ยินคำพูดซ้ำๆ เช่น ธุรกิจของเราจะเปลี่ยนโลกอย่างไร เรากำลังจะ disrupt... และ ตัวเลขมูลค่าการตลาดที่เรากำลังทำธุรกิจมีค่าถึง ... พันล้านดอลลาร์ โปรดลงทุนกับเราเถิด เป็นต้น ตัวจุดประกายให้นักลงทุนสนใจลงทุนคือมูลค่าการตลาด (Total Addressable Market, TAM) ที่มหาศาล เพราะมีโอกาสโตได้มากกว่า คำถามคือ TAM ที่เหล่าสตาร์ทอัพเคลมว่าสูงนั้นจริงหรือไม่
จากกรณีมีจดหมายเวียนจากพนักงาน Google เนื้อหาตั้งคำถามถึงประเด็นเพศในองค์กร นำมาสู่การปลดพนักงานคนดังกล่าว ก่อให้เกิดคลื่นใต้น้ำเมื่อมีผู้ชายจำนวนหนึ่งระบุว่าการพยายามสร้างความเท่าเทียมชายหญิงในองค์กรไอที บางครั้งก็เลยเถิดจนกลายเป็นล่าแม่มด
ASUS ก้าวเข้าสู่วงการการลงทุนเพื่อสตาร์ทอัพ โดยร่วมมือกับ Fenox Venture Capital ทำกองทุนขนาด 50 ล้านดอลลาร์ สนับสนุนสตาร์ทอัพที่ต้องการเข้ามาในตลาดเอเชีย
Anis Uzzaman ซีอีโอ Fenox Venture Capital ระบุว่า ASUS สนใจเรื่องปัญญาประดิษฐ์ IoT AR และ VR ทาง ASUS กำลังมองหาสตาร์ทอัพที่เจาะลึกเรื่องดังกล่าวมาช่วยเสริมทัพและความสามารถของผลิตภัณฑ์ ASUS
ในกองทุนเน้นนำสตาร์ทอัพจากสหรัฐฯเข้ามาเปิดตลาดในเอเชีย ASUS สนใจจะนำเข้ามาในประเทศญี่ปุ่น จีน และไต้หวัน ซึ่ง Fenox ได้เข้ามาลงทุนไว้แล้ว Fenox ระบุว่าจะขยายไปยังประเทศอื่นในเอเชียเพิ่มเติมอีก 8 ประเทศ
การคุกคามทางเพศในซิลิคอนวัลเล่ย์เป็นประเด็นร้อนแรงในช่วงระยะหลังนี้ โดยมีผู้หญิงที่ได้รับผลกระทบกล้าออกมาเปิดเผยความจริงมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังมีผู้หญิงอีกมากไม่กล้าออกมาเปิดเผยความจริงเพราะกลัวจะเสียตำแหน่งงานไป
ผู้ประกอบการหญิงบางส่วนในซิลิคอนวัลเล่ย์จึงร่วมมือกันสร้างเว็บไซต์ BetterBrave ที่ระบุข้อมูลทางกฎหมายหากเจอเหตุการณ์คุกคามทางเพศ ระบุสิ่งที่ต้องทำ know-how เพื่อแก้ไขปัญหา หลักการของแพลตฟอร์มคือทำเนื้อหากฎหมายให้อ่านง่าย รวมทั้งวิธีรับมือหากถูกขู่กรรโชก และมีเครื่องมือให้ติดต่อทนายความผ่านเว็บไซต์ได้ด้วย
เว็บไซต์ New York Times ตีแผ่ปากคำของผู้หญิงจำนวนหนึ่งที่ทำงานในซิลิคอนวัลเล่ย์ ต่อประเด็นคุกคามทางเพศจากบรรดานักลงทุน โดยกลุ่มนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ New York Times ระบุว่ายังมีอีกเป็นโหล ที่ไม่กล้าออกมาพูดอะไรเพราะกลัวกระทบหน้าที่การงาน และเป็นความจริงที่น่าเจ็บปวดที่ได้รู้ว่า ผู้หญิงหลายคนถูกสั่งห้ามไม่ให้แพร่งพรายเรื่องนี้ ไม่เช่นนั้นจะโดนไล่ออก
สาเหตุสำคัญที่ทำให้อูเบอร์ต้องปฏิรูปวัฒนธรรมองค์กรระลอกใหญ่ คือมีผู้บริหารระดับสูงคุกคามทางเพศต่อพนักงานหญิงจนเป็นข่าวฉาว และไม่เพียงอูเบอร์ แต่เป็นปัญหาที่มีอยู่ทุกหย่อมหญ้าในซิลิคอนวัลเล่ย์
อย่างไรก็ตาม ยังไม่ค่อยมีคนพูดถึงปัญหาดังกล่าวในวงการการลงทุน ล่าสุดมีรายงานข่าวว่าผู้หญิงหกคน กล่าวหา Justin Caldbeck ผู้บริหารระดับสูงของในบริษัทลงทุนเทคโนโลยี Binary Capital ว่าเขามีพฤติกรรมคุกคามทางเพศ
การได้เข้าทำงานบริษัทไอทีชื่อดังในสหรัฐฯ ไม่ได้การันตีความเสมอภาคในการทำงานเสมอไป ผลวิจัยในสหรัฐฯเผยว่า 40% ของคนที่ลาออกจากงานไอทีในสหรัฐฯ มีสาเหตุเพราะการเลือกปฏิบัติ (unfairness) กลั่นแกล้งกันในที่ทำงาน (bullying) รวมถึงทัศนคติคนวงการไอทีที่ค่อนข้างเหยียดเพศ-เหยียดสีผิว
ผลสำรวจจาก Kapor Center for Social Impact และ Harris Poll สำรวจคนทำงานไอทีในสหรัฐฯ 2,000 คน ที่ลาออกจากงานไอทีในรอบสามปีที่ผ่านมา เผยว่าผู้หญิง 1 ใน 10 ต้องเจอประสบการณ์การคุกคามทางเพศ (unwanted sexual attention) และ 1 ใน 4 คนที่เป็นคนผิวสีลาออกจากงานไอทีเพราะต้องเจอกับการเลือกปฏิบัติ (discrimination)
แคนาดาช่วงหลังๆ มานี้ลงทุนหนักมากเรื่องเทคโนโลยี ไม่เพียงภาครัฐ แต่ภาคเอกชนและการศึกษาต่างทยอยเปิดศูนย์วิจัย โดยเฉพาะในโตรอนโต ที่อาจเรียกได้ว่าจะเป็นซิลิคอนวัลเล่ย์แห่งใหม่ในอนาคตได้
อีกปัจจัยกระตุ้นให้แคนาดาเดินหน้าได้เร็วขึ้นคือนโยบายของโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ค่อนข้างปิดกั้นชาวต่างชาติ บรรดาวิศวกรนักพัฒนาเก่งๆ จากต่างประเทศก็จะหันไปหาแหล่งงานแห่งใหม่ในแคนาดาแทนในสหรัฐอเมริกา
ตัวเลขคนสหรัฐฯ ที่มาสมัครงานไอทีในแคนาดาพุ่งสูงขึ้นมาก Roy Pereira ซีอีโอบริษัท Zoom.ai ระบุว่าไม่เคยเห็นตัวเลขสมัครงานเยอะขนาดนี้ ส่วนใหญ่เป็นคนอเมริกัน มหาวิทยาลัยโตรอนโตมีนักศึกษาจากสหรัฐฯมาสมัครเรียนช่วงสิ้นปี 2016 มากขึ้น 70% (ก่อนทรัมป์จะออกนโยบายแบนชาวต่างชาติใน 7 ประเทศ)
ไม่เพียงแต่ปัญหาภายในประเทศไทย Uber ก็กำลังมีปัญหาเชิงวัฒนธรรมองค์กรในสหรัฐ ไล่มาตั้งแต่ประเด็น #DeleteUber เพราะสนับสนุน Trump ตามมาด้วยปัญหาการล่วงละเมิดทางเพศในองค์กร และล่าสุดประเด็นเรื่องซีอีโอโต้เถียงกับคนขับ
อย่างไรก็ตามปัญหาที่ยังคงคาราคาซังและเป็นกระแสโจมตีในสหรัฐอยู่ คือเรื่องการล่วงละเมิดทางเพศ เนื่องจากหลังการเปิดเผยของอดีตวิศวกรซอฟต์แวร์หญิงในครั้งนั้น ยังมีอดีตพนักงานหญิงออกมาแฉกระล่วงละเมิดทางเพศ และวัฒนธรรมองค์กรที่เน่าเฟะของ Uber อีกถึง 2 ราย
เกม The Founder หรือที่เข้าใจกันง่ายๆ คือเกม The Sims สำหรับสตาร์ทอัพนั่นเอง คอนเซปต์เกมคือสร้างสตาร์ทอัพของคุณเองลงไป ตั้งชื่อ คิดผลิตถัณฑ์ คิดแผนการตลาด หานักลงทุน และรอดูความล้มเหลว ทำไมถึงล้มเหลวงั้นหรือ? เพราะ The Founder คือเกมที่ตีแผ่ด้านมืดสตาร์ทอัพยังไงล่ะ