Steve Ballmer แถลงข้อมูลกับนักข่าวว่าขาย Vista ได้ไปทั้งสิ้น 60 ล้านชุด (มากกว่าคอมพิวเตอร์ทั้งหมดที่ใช้ OS X รวมกัน) ในจำนวนนี้ 40 ล้านชุดขายออกไปในช่วง 100 วันแรก และเมื่อสิ้นปีงบประมาณ 2008 (31 มิ.ย. 2008) โลกของเราจะมีพีซีที่ติดตั้งวินโดวส์ทั้งหมด 1 พันล้านเครื่อง ซึ่งมากกว่ารถยนต์เสียอีก

ผมลองหาตัวเลขยอดขายอุปกรณ์อย่างอื่นมาเทียบ โทรศัพท์มือถือขายไปประมาณ 986 ล้านเครื่องในปี 2006 (ที่มา) ส่วน iPod ขายไปแล้วทั้งหมด 100 ล้านเครื่องเมื่อเดือนพฤษภาคมปีนี้

ไมโครซอฟท์ล่าสุดได้ออกมาแถลงการณ์หลังจากการประชุมของบริษัทในออร์แลนโดว่าในขณะนี้จะขอเรียกวินโดวส์ตัวนี้ว่า Windows 7

ก่อนหน้านี้วินโดวส์ตัวนี้มีโค้ดเนมว่า Vienna แต่ตัวแทนจากไมโครซอฟท์ได้ออกมายืนยันแน่นอนว่าต่อไปนี้จะใช้โค้ดเนม 7 แทน โดยคาดว่าวินโดวส์ตัวต่อไปน่าจะออกวางขายได้ในช่วงเวลาประมาณ 3 ปีหลังจากนี้ โดยเจ้า "เจ็ด" นี้จะมีออกมาหลายเวอร์ชั่นทั้งสำหรับกลุ่มลูกค้าส่วนบุคคลและสำหรับองค์กร และแน่นอนจะมีให้เลือกทั้งเวอร์ชั่น 32 และ 64 บิต

ไมโครซอฟท์ได้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในกลุ่มลูกค้าองค์กรจากการล่าช้าในการออกวิสต้า เนื่องจากหลาย ๆ บริษัทเป็นลูกค้าที่ต้องจ่ายเงินให้กับบริษัทตามระยะเวลาการใช้งานซอฟต์แวร์ภายใต้ License Agreement ที่เรียกว่า Software Assurance

หลังจากไมโครซอฟท์วางจำหน่าย Vista แบบ Volume Licensing พร้อมกับ Office 2007 เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่ผ่านมา และในเดือนต้นปีที่ผ่านมากไมโครซอฟท์ก็วางจำหน่ายแบบ Retail โดยไมโครซอฟท์คาดหวังว่าจะมีจำนวนผู้ใช้ 1 ใน 2 ผลิตภัณฑ์รวมกันแล้วไม่ต่ำกว่า 200 ล้านคน ผ่านมาเพียงไม่ถึงปี ไมโครซอฟท์ก็เตรียมปล่อย SP1 Beta ออกสู่ตลาดในวันที่ 16 กรกฏาคมนี้ ซึ่งเป็น Service Pack ที่หลายคนตั้งตารอคอย โดยสิ่งที่คาดว่าจะพบใน SP1 ก็คือ

ไมโครซอฟท์ประกาศวันวางขาย Windows Server 2008 หรือโค้ดเนม Longhorn Server เดิม เป็นวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2008

นอกจาก Windows Server 2008 แล้วก็ยังมี Visual Studio 2008 (Orcas) และ SQL Server 2008 (Katmai) วางจำหน่ายในวันเดียวกันด้วย

ข่าวนี้ทำให้เซียนที่เคยฟันธงว่า Windows Server 2008 จะออกมาช่วงปลายปี 2007 ปากกาหักกันเป็นแถว และทำให้วันออก Windows Vista SP1 ที่มีข่าวว่าจะออกมาปลายปีช่วงเดียวกับ Windows Server 2008 เริ่มไม่แน่นอนขึ้นมาว่าจะออกเมื่อไรกันแน่

สำหรับฟีเจอร์ของ Windows Server 2008 ลองย้อนอ่านข่าวเก่าในหมวด Windows ดูกันเองนะครับ

แม้ว่าช่วงหลังๆ มานี้ไมโครซอฟท์จะเอาใจโปรแกรมเมอร์ขนานใหญ่ด้วยการแจกเครื่องมือพัฒนาให้กับโปรแกรมเมอร์เป็นจำนวนมาก แต่ดูเหมือนกระแสตอบรับจะไม่ดีเท่าที่ควรเมื่อการสำรวจครั้งล่าสุดโดยบริษัท Evans Data แสดงตัวเลขว่านักพัฒนาบนแพลตฟอร์มวินโดวส์นั้นกำลังลดลงอย่างมีนัยสำคัญ จากปีที่แล้วที่อยู่ที่ร้อยละ 74 นั้นในปีนี้กลับตกลงมาอยู่ที่ร้อยละ 64.8

ส่วนทางฝั่งลินุกซ์นั้น ได้ตลาดนักพัฒนาเพิ่มมาพอสมควรจากร้อยละ 8.8 ในปีที่แล้วเป็น ร้อยละ 11.8 และคาดว่าน่าจะแตะร้อยละ 16 ได้ในปีหน้า

ในรายงานฉบับเดียวกันยังมีการคาดการณ์ในเรื่องของภาษาโปรแกรมไว้ด้วยว่าภาษา Ruby น่าจะเติบโตประมาณร้อยละ 50 ในปีนี้

ไมโครซอฟท์ออกรุ่น RC1 ของ Windows Home Server (มันคืออะไร? ดูข่าวเก่า, Beta 2) โดยเปิดให้สมาชิกของ CTP สามารถดาวน์โหลดได้แล้ว

ไมโครซอฟท์ยังออกกิจกรรมเสริมให้กับ WHS อีกด้วย โดยจัดแข่ง Windows Home Server Code2Fame Challenge มีเป้าหมายในการสร้าง Add-ins ชิงรางวัล 50,000 ดอลลาร์ รายละเอียดดูได้จาก Microsoft Connect

ที่มา - Ars Technica

Joel Spolsky บล็อกเกอร์คนดังเขียนบทความเกี่ยวกับวิธีการแสดงผลฟอนท์ของทั้งฝั่งแอปเปิ้ลและไมโครซอฟท์ ถึงเหตุผลว่าทำไมฟอนท์ที่ถูกแสดงผลบน Safari 3 for Windows ถึงดูเบลอ?

เหตุผลนั้นก็คือแนวคิดที่แตกต่างกันของทั้งสองฝั่ง ในขณะที่ไมโครซอฟท์ยินดีที่จะแลกความถูกต้อง ของการแสดงผลรูปแบบฟอนท์เพื่อให้ตัวหนังสือที่แสดงผลออกมาดูคมไม่เบลอ แอปเปิ้ลยอมที่จะสละความคมของตัวหนังสือเพื่อความถูกต้องของการแสดงผล

ผู้บริหารของไมโครซอฟท์ชื่อ Ty Carlson กล่าวในงานสัมนา Future in Review 2007 ว่าวินโดวส์รุ่นถัดไปจาก Vista จะเปลี่ยนแปลงในระดับโครงสร้างพื้นฐาน (เค้าใช้คำว่า fundamentally different) เพื่อดึงประสิทธิภาพของซีพียูแบบหลายคอร์ได้เต็มที่

Carlson บอกว่าเราจะได้เห็นซีพียูที่มีจำนวนคอร์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไปถึง 64 คอร์ ในขณะที่ Vista ออกแบบมาสำหรับซีพียูที่มีไม่เกิน 4 คอร์เท่านั้น

"fundamentally different" ของ Carlson คืออะไรก็คงยากที่จะได้ข้อมูลชัดเจน ในแหล่งข่าวได้อ้างสถาปัตยกรรมของ BeOS ที่สนับสนุนการทำงานแบบหลายซีพียู หลายเธร็ดมาตั้งแต่แรกเริ่ม

ในงาน WinHEC 2007 บิล เกตส์ได้ประกาศชื่อจริงของ Longhorn Server นั่นก็คือ Windows Server 2008 ซึ่งเป็นไปตามคาด เพราะสืบทอดวิธีการตั้งชื่อมาจาก Windows 2000 และ Windows Server 2003 (PC Mag)

ไมโครซอฟท์ออก Windows Server "Longhorn" เบต้า 3 ให้กับผู้สนใจทั่วไปดาวน์โหลดมาลองใช้งาน รุ่นนี้จะใช้ได้ถึง 7 เมษายน 2008

สเปกเครื่องต่ำสุดที่ต้องการคือซีพียู 1GB แรม 512 และฮาร์ดดิสก์ 8GB หน้าตาก็เรียบๆ ไม่มีอะไรหวือหวา (screenshot) มี 4 รุ่นให้เลือก ได้แก่ Web, Standard, Enterprise และ Datacenter แต่ละรุ่นก็มีทั้งแบบ x86 และ x86-64

Dell เป็นเหมือนกับผู้ผลิตพีซีทั่วๆ ไปที่ตอน Vista ออกสิ้นเดือนมกราคม ก็เปลี่ยนมาลง Vista ให้กับเครื่องแทบทุกรุ่น แต่สองสามเดือนผ่านไป ลูกค้ากลับเรียกร้องผ่านเว็บไซต์ IdeaStorm ให้นำ XP กลับมาอีกครั้งเนื่องจากปัญหาด้านไดรเวอร์และเรื่องจุกจิกอื่นๆ ใน Vista ซึ่ง Dell ก็ตอบสนองด้วยดีโดยเปิดโอกาสให้เลือกระบบปฏิบัติการในโน้ตบุ๊คตระกูล Inspiron 4 รุ่น และพีซี Dimension 2 รุ่น

โฆษกของไมโครซอฟท์ให้ความเห็นว่า นี่เป็นเรื่องปกติที่ผู้ขายฮาร์ดแวร์จะสนับสนุนเทคโนโลยีเก่าต่อไปอีกระยะหนึ่ง แต่เรายังเชื่อว่าลูกค้าส่วนมากจะอยากได้ของใหม่ล่าสุดแบบ Vista อยู่ดี

XP แบบ OEM จะขายถึงเดือนมกราคม 2008 เท่านั้น

Mary Jo Foley คอลัมนิสต์ด้านไมโครซอฟท์ของ ZDNet สอบถามไปยังไมโครซอฟท์เกี่ยวกับ Windows XP SP3 ที่มีข่าวลือว่าจะยกเลิก ได้คำตอบกลับมาว่า SP3 จะออกภายในครึ่งแรกของปี 2008 แน่นอน

นอกจากตอบคำถามนักข่าวโดยตรงแล้ว ไมโครซอฟท์ยังเพิ่มกำหนดการของ SP3 ไว้ในหน้า Windows Service Pack Road Map เรียบร้อย โดยจะมีทั้งรุ่น Home และ Pro

ที่มา - ZDNet

ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์รายต่างๆ ได้รับการชี้แจงว่า จะไม่สามารถหา Windows XP OEM ได้อีกต่อไปภายในสิ้นปีนี้ แม้ว่าลูกค้าจำนวนมากจะยังต้องการอยู่ (โดยเฉพาะกลุ่ม SME)

โดยหลักๆ ก็คือไมโครซอฟต์ทำสัญญากับผู้ผลิตเครื่องคอมพิวเตอร์ไว้วา ก่อนช่วงต้นปี 2008 เครื่องที่ขายจะต้องลง Vista เท่านั้น จากคำพูดของ Frank Luberic (Senior Thinkpad Product Manager จาก Lenovo) บอกว่า "Windows XP Pro OEM นั้นคงจะต้องหายไปในมกราคมปีหน้า และเมื่อถึงจุดนั้น คงไม่มีทางเลือก"

ส่วน Dell ยังเห็นความสำคัญของ Windows XP และคิดว่าการเปลี่ยนรุ่นของ OS ยังต้องการเวลามากกว่านี้ โดย ยังตัดสินใจลง Windows XP ในเครื่อง Dimension และ Inspiron บางรุ่นต่อไปจนถึงฤดูร้อนที่จะถึงนี้ (ซึ่งคิดว่าก็ไม่เกินปีหน้าอยู่ดี)

Cafe Press ร้านกาแฟชื่อดังของอินเดียที่มีสาขาทั่วประเทศ ได้จัดโปรโมชั่นกาแฟร่วมกับ Microsoft ภายใต้ผลิตภัณฑ์กาแฟที่ชื่อว่า Microsoft Vista WOWffee ในราคา RS40 หรือ 0.93 ดอลลาร์สหรัฐ ภายในเมนูก็ยังมีโลโก้ Vista ให้ดูเห็นๆว่าไม่ได้โม้นะเอ้า

ไม่รู้ว่าในอนาคตเราจะได้ชิมกาแฟยี่ห้ออื่นๆในแวดวงไอทีบ้างหรือเปล่านะ

ที่มา - The Inquirer

เรื่องน่ารำคาญในวินโดวส์รุ่นหลังๆ คือการที่ผู้ใช้ต้อง Activate ตัววินโดวส์กับทางไมโครซอฟท์เพื่อที่จะใช้งานได้ต่อจากช่วงเวลา 30 วันแรกที่ทางไมโครซอฟท์ให้มา แต่ปรากฏว่าในเว็บซัพพอร์ตของทางไมโครซอฟท์เองมีการพูดถึงวิธีการต่ออายุเครื่องที่ต้องการต่ออายุการใช้งานก่อนที่จะ Activate เอาไว้สำหรับลูกค้าระดับองค์กร

งานนี้เริ่มสนุกเมื่อนาย Brian Livington ได้แกะขั้นตอนดังกล่าวแล้วพบว่าสามารถใช้ได้กับวิสต้าทุกรุ่น แม้แต่รุ่น Home Premium ก็ตาม ด้วยการตั้งค่ารีจิสเตอร์ที่ชื่อว่า SkipReArm แล้วรันโปรแกรมที่มากับวิสต้าเองเพียงเล็กน้อย เครื่องคอมพิวเตอร์นั้นก็สามารถใช้งานไปได้จนครบหนึ่งปี ซึ่งน่าจะนานพอสำหรับหลายๆ คนที่จะลงโปรแกรมทั้งหมดใหม่อีกครั้ง แล้วทำตามกระบวนการเดิมต่อไป

ไมโครซอฟท์ได้ทำการเปิดเผยรายชื่อ 800 โปรแกรมที่ได้รับการรองรับว่าทำงานบน Vista แล้วที่นี่ครับ

จากในรายชื่อจะเห็นว่าชุดโปรแกรมออฟฟิศ 2007 นั้นผ่านทั้งหมด ส่วนโปรแกรมอื่นๆ หรือเกมส์ของไมโครซอฟท์เองก็ผ่านเช่นกันรวมไปถึงชุดป้องกันไวรัสของ Trend Micro ด้วย แต่ว่าไม่มีรายชื่อโปรแกรมจากบริษัทใหญ่ๆ อย่าง Adobe, IBM, Symantec ฯลฯ เลย

ใครสนใจจะใช้ Vista ก็เข้าไปตรวจสอบรายชื่อเทียบกับโปรแกรมปัจจุบันที่ใช้อยู่ได้ครับ

ที่มา - OSNews

นิตยสาร PC World รวบรวมฟีเจอร์ที่เพิ่มเข้ามาใน Vista แล้วทำให้รำคาญมากกว่าจะเป็นผลดี

หลังจากที่ได้เปิดตัวไปในงาน CES 2007 และได้ทำการทดสอบเป็นการภายในไปแล้ว ตอนนี้ Windows Home Server ได้ออก beta 2 มาให้คนทั่วไป ได้ร่วมทดสอบการใช้งาน โดยผู้ที่สนใจ และต้องการเข้าร่วมการทดสอบครั้งนี้ สามารถสมัครได้ที่นี่ โดยผู้เข้าร่วมการทดสอบจะต้อง มีคอมพิวเตอร์มากกว่า 1 เครื่อง มีอินเทอร์เน็ตบรอดแบรนด์ และเราเตอร์ มีคอมพิวเตอร์สำหรับลง Windows Home Server ส่วนรายละเอียดอื่น ดูเพิ่มเติมได้ที่ Windows Home Server Forum

ในงาน RSA Conference 2007 ที่ผ่านมารองประธานพัฒนาของไมโครซอฟท์ Ben Fathi ได้ออกมาแย้มถึงแผนการวางตลาดวินโดวส์ตัวต่อไปว่าจะมีกำหนดการอยู่ในช่วงปลายปี 2009 โดยวินโดวส์ตัวต่อไปนั้นจะไม่ได้เว้นช่วงการวางตลาดยาวนานเหมือนสมัย XP เพราะในช่วง XP นั้นมีการเลื่อนแผนการครั้งใหญ่จากการออก XP SP2 เพื่อยกมาตรฐานความปลอดภัย

Fathi ระบุว่ามีอีกหลายอย่างมากที่ไมโครซอฟท์ยังไม่ได้ทำในวิสต้าเนื่องจากกำหนดการที่กระชั้นชิด รุ่นต่อไปฟีเจอร์ต่างๆ ที่หวังไว้จึงน่าจะมีครบถ้วนมากขึ้น ที่เดาๆ กันได้คงเป็น WinFS ที่ถูกถอดออกไปในนาทีสุดท้าย

ออกตัวใหม่เมื่อใหร่ยังไม่สน แต่ผมกำลังหาข้อมูลอยู่ว่าไมโครซอฟท์จะซัพพอร์ตวิสต้าไปอย่างน้อยอีกกี่ปี... จะได้ตัดสินใจซื้อ

Mary Jo Foley นักเขียนของ ZDNet ซึ่งเขียนข่าวกับไมโครซอฟท์โดยเฉพาะ ได้เปิดเผยข้อมูลจากคนในไมโครซอฟท์ว่า รหัสการพัฒนาวินโดวส์ตัวถัดไปจะไม่ใช่ Fiji/Vienna (ข่าวเก่า) แล้ว แต่จะเป็น "Windows 7"

สาเหตุก็เพราะการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างองค์กร รวมถึงนโยบายภายในของฝ่าย Windows and Windows Live Engineering ซึ่งนำโดย Steven Sinofsky โค้ดเนมนี้จะใช้้คู่กับ "Office 14" ที่กำลังเริ่มการพัฒนาเช่นกัน (โค้ดเนมของ Office 2007 คือ "Office 12" คราวนี้ข้ามเลข 13 ไป)

หลายคนคงมีคำถามว่าทำไมเป็น Windows 7 อันนี้ลองนับเวอร์ชันเก่าๆ เทียบเลขกับชื่อกันดูนะครับ

บ้านเราเปิดตัวกันไปเรียบร้อยแล้ว ในต่างประเทศเองก็ทยอยเปิดตัวกันตามความต่างเวลา วันนี้ข่าวเลยเยอะหน่อย รวมเป็นข่าวเดียวละกันครับ

ข่าวแรกคือไมโครซอฟท์ออกแพตช์ 6 ตัวผ่าน Windows Update ถึงแม้จะดูแปลกๆ หน่อยที่แพตช์ชุดแรกออกก่อนตัวระบบปฏิบัติการ แต่ก็ดีกว่ารู้ปัญหาแล้วไม่ทำอะไรน่า - Ars Technica

ขณะที่คนทั่วไปเห็นความใหม่ของวิสต้าด้วย Gadget หรือ Aero ตลอดจนความสวยงามอื่นๆ คนอ่าน Blognone คงอยากรู้ว่าในเคอร์เนลของวิสต้านั้นมีอะไรใหม่กันบ้าง จังหวะพอดีกับ Mark Russinovich เซียนวินโดวส์มือเขียนบทความลง TechNet แนะนำถึงฟีเจอร์ใหม่ๆ ของตัวเคอร์เนลล้วนๆ แค่ตอนแรกของบทความนี้ก็นับว่าน่าอ่านมากแล้ว ข่าวนี้เลยลองย่อๆ บทความมาให้อ่านกัน ถึงฟีเจอร์ใหม่ เช่น

หลังจากที่ Ubuntu ออก Windows-based Installer ทาง Debian ก็มี Debian-Installer Loader for win32 ออกมาแล้วเหมือนกัน โดยการติดตั้งจะคล้ายกับของ Ubuntu คือโหลดตัวติดตั้งมาลงบนวินโดวส์ แล้วตัวติดตั้งจะตรวจสอบว่าเป็นซีพียูแบบ 64-bit หรือไม่ หลังจากนั้นจึงเลือกโหลด image file ที่เหมาะสม มาติดตั้งให้อัตโนมัติ ใครสนใจก็เข้าไปดาวน์โหลดมาลองได้ที่นี่ รายละเอียดเพิ่มเติมที่นี่ ใครยังโหลดของ Ubuntu ไม่เสร็จ มาลอง Debian แทนมั้ยครับ

ที่มา - OSNews

ไมโครซอฟท์เปิดเผยสถิติของ Windows Genuine Advantage ว่าตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2005 ที่เริ่มโปรแกรมนี้ มีลูกค้าเข้ามาลงทะเบียนทั้งหมด 512 ล้านคน และ 22.3% นั้ันเป็นวินโดวส์เถื่อน

ถึงจะดูเยอะแต่ก็ยังน้อยกว่าสถิติจากหน่วยงานอื่นๆ เช่น BSA บอกว่า 35% ของซอฟต์แวร์ทั้งโลกเป็นของปลอม (ถ้าในอเมริกาคือ 22%) ส่วน Yankee Group บอกว่าองค์กรจำนวน 55% ที่ถูกสำรวจมีปัญหาเรื่องนี้เช่นกัน

เสริมนิดนึงเผื่อใครไม่รู้ว่าซอฟต์แวร์แท้ ฟรี แถมส่งแผ่นให้ถึงบ้าน ก็ยังมีอยู่ในโลก

ที่มา - BetaNews

วินโดวส์รุ่นพิเศษชื่อยาวเฟื้อย มีลายเซ็นของบิล เกตส์บนกล่อง (ไม่รู้ว่าเซ็นเองหรือเปล่า) รันหมายเลขให้และมีจำกัดเพียง 20,000 ชุดเท่านั้น

รุ่นนี้มีเฉพาะเวอร์ชันอัพเกรด ราคาขาย 259 เหรียญเท่ากับ Vista Ultimate แบบปกติ ดูหน้าตากล่องได้ตามลิงก์

ที่มา - Engadget