มหากาพย์ Android vs Oracle Java มีความคืบหน้าออกมาอีกแล้วครับ
เรื่องเริ่มจาก ออราเคิลฟ้องกูเกิลฐานละเมิดสิทธิบัตร Java 7 ชิ้น ซึ่งนอกจาก "สิทธิบัตร" ออราเคิลยังฟ้องเรื่อง "ลิขสิทธิ์" ของโค้ด Java อีกด้วย ฝั่งกูเกิลก็ออกมาโต้ออราเคิลด้วยสำนวนมาตรฐานว่า "ไม่ได้ละเมิด"
ล่าสุดออราเคิลได้ปรับปรุงคำฟ้องของตัวเอง โดยเพิ่มรายละเอียดในส่วนของ "ลิขสิทธิ์" โค้ดของ Java (ไม่เกี่ยวกับ "สิทธิบัตร") กล่าวคือ 1 ใน 3 ของโค้ด Android API นำมาจากโค้ด Java API ซึ่งเป็นลิขสิทธิ์ของออราเคิล
ออราเคิลยังได้โชว์ตัวอย่างโค้ดของไฟล์ PolicyNodeImpl.java ว่าเหมือนกันทุกประการ (ภาพประกอบจาก ZDNet)
ที่มา - Computerworld, ZDNet
ฝั่งกูเกิลยังไม่ได้ออกมาตอบโต้ในเรื่องนี้ แต่เว็บไซต์ Groklaw ซึ่งเป็นเว็บไซต์กฎหมายที่เกี่ยวกับโอเพนซอร์สชื่อดัง ได้วิเคราะห์เรื่องนี้ว่า
เรื่องนี้ต้องรอดูกันต่อไปยาวๆ ทาง Groklaw บอกว่านี่คือคดี SCO ภาคสองนั่นเอง
ที่มา - Groklaw
Comments
ถ้าเมื่อก่อน Sun เป็นแบบนี้คงไม่เจ๊ง
โค๊ดที่เหมือน อ่านแล้วมันก็ส่วน interface กับเป็นการเช็คดัก null ธรรมดามาก
Oracle ต้องหาโค๊ดที่มันเป็น loop ที่ optimize ด้วยความคิดเยอะๆ มาโชว์
ถ้า Google ต้องจ่ายจริงๆ ผมว่าไม่น่าลำบาก เห็นบอกว่าการซื้อบริษัท Android นั้นสุดคุ้ม
ยังแรงได้อีก ความจริงน่าจะร่วมมือพัฒนา Android เพิ่มเติมก็ดีนะ เพราะผลิตภัณฑ์ Oracle ก็ยังมีจุดอ่อนด้านบนอุปกรณ์พกพาอยู่เยอะ
แล้วรัก Android ต้องเลิกใช้ Oracle หรือเปล่า?
ถ้าร่วมมือกันคงดี... เฮ้อ รึว่า oracle จะกระโดดลงมาทำ os for phone ???
Android ไปบี้ตลาด JavaME ด้วยเปล่า? ... JavaME ค่า cert. แพงเกิน จะ sign เล่นๆ ก็ไม่ไหว
Oracle ปากไม่ดีแบบนี้ Google ซื้อมาลอยแพเล่นเลยดีกว่า (จะบ้าเรอะ ?)
ออราเคิลไม่ได้ราคาถูกๆนะครับ พูดตรงๆว่าไม่ได้กระจอก
ผมหมายถึงบริษัทนะ
ดีไม่ดี Oracle จะใหญ่กว่า Google อีกครับ
ลายเซ็นยาวเกินไปครับ
โหนกระแส กันถูกลืม
ดูแล้วพูดยาก ว่า copy หรือเปล่า
interface กำหนด specification ลงมาแล้ว
บาง method ตัว implementation สำหรับ programmer
ระดับที่อยู่มาตรฐานระดับเดียวกัน เขียนไม่หนีจากกันไปเท่าไหร่
บางทีแม้แต่การตั้งชื่อตัวแปลถ้านิยม convention เดียวกันก็เหมือนกันเป็นไปได้
แต่เท่าที่ดูจาก code ตัวอย่างน่าเชื่อได้ว่า programmer ที่ implement
ฝั่ง android คงเปิด ดู source ฝั่ง oracle java อยู่บ้าง
ก็ต้องไปไล่ดูอีกทีว่าจากที่ กูเกิ้ลอ้างมาว่าดูจาก source ปี 2006-2007 นั้น
จริงหรือไม่ ต้องกลับไปเช็คขอบเขต license กันอีก
google ควรนำเงินมาลงทุนใน software platform ใหม่ ๆ ได้แล้ว
ผมคิดว่าการที่ google เอา ๋java มาใช้ใน android เพราะว่าต้องการดึง java developer มาเป็น developer สำหรับ android โดยตรงครับ เพราะทำให้ใด้ developer มาพัฒนา application บน android ได้เร็วและมากกว่าจะให้จะให้พัฒนาบน platform ใหม่เลยครับ
ไม่ได้ติดใจตรงนั้นครับ move ที่ผ่านมาเหมาะสมแล้ว เพราะต้องไว ทันการ
และอาศัยกำลังของนักพัฒนาจำนวนมากๆ
ที่ผ่านมาเป็นผู้ลงทุนเป็นตัวตั้งตัวตี ในการพัฒนา เทคโนโลยีบน platform อื่น ๆมาก
ไม่ว่าจะเป็น library, framework, community, project hosting, event.
แต่สำหรับระยะยาว
อยากเห็นกูเกิ้ลลงทุนให้หนักกว่าเดิมลงไปถึงระดับ software platform/language
ระดับเดียวกับ java/.net ไปเลย ทำให้ open ตั้งแต่เริ่มต้น เอาทุนลงไปสร้าง
ขุมกำลังสะสมไว้ เปิด open แต่ต้นให้มาก
ให้ฝั่ง open ได้มีทางเลือกใหม่ ๆ เพิ่ม ( oracle ดูเหมือนหวังพึ่งพาไม่ค่อยจะได้ )
java เองก็นับว่าเก่าและมีส่วนยึดเกาะกับ oracle อยู่มาก
บางส่วนที่เคยทันสมัยตอนนี้ก็ล้าสมัยแล้ว
ผมว่าตอนนี้เป็นโอกาสที่ดีในการไล่เก็บระดับหัวกะทิที่หลุดออกมาจาก SUN และ microsoft
ถ้านับ 3 ก๊ก โมเดล ของ mk ทั้ง microsoft, apple เค้ามี อารยธรรม ของเค้าเองครับ
google ก็น่าจะมีเช่นกัน
การสร้าง Platform ใหม่ มันก็ดูดี แต่ผมว่าไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์โดยตรงกับ Google
ผมมองว่าตัว Android สำหรับ Google ไม่ได้สร้างรายได้ไปมากกว่ารายจ่าย,ค่าโฆษณา,ค่าวิจัยและพัฒนาที่ทุ่มลงไป
แต่ผมกลับเชื่อว่า Google Chrome, Google Android คือสะพานที่จะดึงคนจำนวนมากเข้าสู่อินเตอร์เน็ตมากขึ้น หรือเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตมากขึ้น ซึ่งไม่มากก็น้อย ต้องพึ่งพาบริการสืบค้นข้อมูลที่กูเกิลเป็นเจ้าตลาดอยู่ สามารถขายโฆษณาได้ สามารถวิเคราะห์พฤติกรรม(แบบไม่เจาะจงตัวบุคคล) เพื่อเอามาขายให้กับนักการตลาดได้ ซึ่งตรงนี้ให้เงินกับ Google ได้
เช่น การที่ Google Android ไม่ได้กระตือรือล้นในการปรับปรุง Market ให้จัดหมวดหมู่ได้ง่าย อีกทั้งยอมให้เกิด Market ที่ไม่ใช่ของ Google เองก็ได้ ทำให้การที่ผู้ใช้จะหาอะไรสักอย่างในกองแอ็ปจำนวนแสนกว่าๆ อย่างทุกวันนี้มันยุ่งยาก ไม่มากก็ต้องก็ต้องหาจากช่องทางอื่น และช่องทางไหนล่ะ ก็พี่ Google ของเรานี่เองงงงง
กลับไปที่ข้อแรก ผมยังนึกประโยชน์ของการประดิษฐ์ Programming Language และ Platform ใหม่ๆ ที่เป็นตัวเงินโดยตรงยังไม่เห็นออกเลย
"การสร้าง Platform ใหม่ มันก็ดูดี แต่ผมว่าไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์โดยตรงกับ Google"
=> ผมไม่ได้สนใจเลยเรื่อง ดูดี หรือไม่
ผมมองว่าสำหรับ google กับ software platform มันเหมือน หมากล้อม บางทีไม่เห็นในตาสองตาหรอกครับ
พลังของการอ้อมแล้วมาเติมเต็มทีหลัง อาจจะใหญ่กว่าพลังของการตัดสินใจตาม
อะไรที่อยู่ตรงหน้า
หมากบางตาที่วางลงไปแล้วบางทีดูแล้วไร้สาระ จนมาเอาตอนจบกระดานมันอาจจะสำคัญที่สุด
บางที ประโยชน์ตรงหน้าอาจจะเป็นแค่ทางเดินไปสู่การติดกับดักได้
ผมมองว่าตัว Android สำหรับ Google ไม่ได้สร้างรายได้ไปมากกว่ารายจ่าย,ค่าโฆษณา,ค่าวิจัยและพัฒนาที่ทุ่มลงไปแต่ผมกลับเชื่อว่า Google Chrome, Google Android คือสะพานที่จะดึงคนจำนวนมากเข้าสู่อินเตอร์เน็ตมากขึ้น หรือเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตมากขึ้น ซึ่งไม่มากก็น้อย ต้องพึ่งพาบริการสืบค้นข้อมูลที่กูเกิลเป็นเจ้าตลาดอยู่ สามารถขายโฆษณาได้ สามารถวิเคราะห์พฤติกรรม(แบบไม่เจาะจงตัวบุคคล) เพื่อเอามาขายให้กับนักการตลาดได้ ซึ่งตรงนี้ให้เงินกับ Google ได้
=> เรื่องที่บอกใครติดตามกูเกิ้ลคงเข้าใจอยู่แล้ว การพา traffic เข้ามาย่อมนำมาซึ่งข้อมูล และผลประโยชน์
ที่ดินติดถนนมีคนเดินผ่านไปมาตลอดก็สามารถทำธุรกิจได้
ส่วนการยึดหน้าจอและความสนใจ โดยใช้ chrome กับ android จะยิ่งได้อะไรที่ context sensitive และมีความสมบูรณ์ของข้อมูลมากขึ้นเรื่อย ๆ ในระดับ interaction ที่ย่อยลงไปมาก ๆเขาคิดว่าเขาไม่ได้ขายการวิเคราะห์ให้นักการตลาด แต่เป็น platform ให้อีกที (ที่ผมมองว่าสำคัญคือ android เชื่อมกับ geo )
เช่น การที่ Google Android ไม่ได้กระตือรือล้นในการปรับปรุง Market ให้จัดหมวดหมู่ได้ง่าย อีกทั้งยอมให้เกิด Market ที่ไม่ใช่ของ Google เองก็ได้ ทำให้การที่ผู้ใช้จะหาอะไรสักอย่างในกองแอ็ปจำนวนแสนกว่าๆ อย่างทุกวันนี้มันยุ่งยาก ไม่มากก็ต้องก็ต้องหาจากช่องทางอื่น และช่องทางไหนล่ะ ก็พี่ Google ของเรานี่เองงงง
=> ไม่ค่อยเห็นด้วย และคิดว่าไม่น่าจะใช่ความตั้งใจของกูเกิ้ล กูเกิ้ลต้องการเปิด market ให้เป็น platform สำหรับ market operator มาจัดการอีกทีหนึ่ง อยากเช่น amazon ลักษณะที่ทำก็คล้าย ๆ nexus one คือทำให้
ผู้อื่นเห็นอีกทีว่ามันควรเป็นแบบไหนบ้าง เป็นตุ๊กตา ระบบ search ของกูเกิ้ลในปัจจุบันเหมาะสำหรับ การค้นหาข้อมูลที่ไม่เฉพาะเจาะจงและกระจัดกระจายแบบอิสระ ถ้ามองแบบ app store คงไม่เหมาะจะใช้ระบบค้นหา
กลับไปที่ข้อแรก ผมยังนึกประโยชน์ของการประดิษฐ์ Programming Language และ Platform ใหม่ๆ ที่เป็นตัวเงินโดยตรงยังไม่เห็นออกเลย
=> ก็เพราะมันไม่ใช่อะไรที่ใช้หาเงินโดยตรงไงครับ
มันเป็น enabler ของอะไรอีกหลาย ๆ อย่างที่จะตามมา
ของบางอย่างบางทีถึงเวลาจะใช้ แล้วค่อยทำ มันก็ไม่ทันการณ์เสียแล้ว
บางเรื่องอาจฟังดูตลก เช่นเมื่อก่อนรบกัน เมื่อชนะ คุณก็กวาดคนเข้ามาในเขตของเราก็พอแล้ว เรียกว่า กวาดครัว
เมื่อเป็นประชากร เขาก็เป็นทั้ง แรงงาน ตลาด ผู้สร้างสรรค์วัฒนธรรม กำลังรบ และก็ลดประชากรศัตรูไปในตัว
ถ้ามีวิสัยทัศน์และแผนการณ์อยู่แล้วสร้างอารยธรรมของตัวเองด้วยจะดีกว่า
ที่ผมค่อนข้างเชียร์เพราะเท่าที่ดูผลงานในหลาย ๆ งานที่ทำให้ java ทำออกมาได้ดีและตรงประเด็น
มี productivity สูง และคิดว่า ถ้าทำภาษาเองจะยิ่งเข้าถึงระดับของการพัฒนาได้มากขึ้น
และเท่าที่สังเกต ใช้เงินไม่มากเทียบกับคู่แข่ง
-- ยินดีที่ได้สนทนาและขอบคุณสำหรับการแลกเปลี่ยนความรู้และแนวคิดครับ --
ประเด็นของผมที่อยากจะสื่อคือ กูเกิลไม่จำเป็นต้องสร้าง a (another) new platform ก็สามารถได้ประโยชน์ได้ ด้วยวิธีสร้้างที่คุณเรียกว่า enabler ลงไปบนแพลตฟอร์มเกิดโดยคนอื่นนั่นแหล่ะ ทำไมต้องไปสร้างอีกแพลตฟอร์มล่ะ? สู้รอมันงอกแล้วแล้วชักจูงให้ใช้ของในอาณาจักรกูเกิลอีกทีไม่ดีกว่าหรือ
การที่เค้าแชร์ in-house framework บางส่วน ผมก็มองว่าบริษัทนั้นได้ประโยชน์จากการเปิดเผยเทคโนโลยีบางส่วนออก โดยผมสังเกตว่าเค้าเลือกทำกับเทคโนโลยีที่ไม่ใช่ core business (เช่น ไม่ใช่ search engine, search algorithm, กลวิธีในการ scoring) โดยพิจารณาแล้วว่ามันคุ้มค่าระหว่าง การสูญเสียการได้เปรียบเชิงเทคโนโลยี (technology advantage) กับการดูแลบำรุงรักษาโค้ดส่วนนี้ คือด้วยหลายๆคนนำไปประยุกต์ใช้งาน อาจจะทำให้เครื่องมีอมีการพัฒนาต่อยอด รวมถึงแก้บั๊ก จากโปรแกรมเมอร์นอกบริษัทที่สละเวลามาช่วยแก้ให้ โดยที่กูเกิลไม่ต้องจ่ายเงินจ้าง เรียกว่าได้ประโยชน์จาก collective intelligent กันเต็มๆล่ะ
ผมว่าสุดท้าย บริษัทต้องเป็นบริษัท นั่นคือต้องมีผลกำไร แคชโฟลว์ต้องเป็นบวก ยิ่งเป็นบริษัทมหาชน ผู้ถือหุ้นย่อมต้องการกำไรมากที่สุด จ่ายให้น้อย ได้เงินมาก รวมถึงเม็ดเงินที่จ่ายออกไปต้องมีเหตุผลรองรับ ใครจะว่าเป็นบริษัท IT, dot Com จะคิดอะไรเรื่องกำไรขาดทุน อะไรก็แล้วแต่ สุดท้าย ธุรกิจมันโหดร้ายสำหรับผู้ขายอยู่แล้วครับ ถ้าบริษัทไหน ต่อให้มีวิสัยทัศน์เลิศหรู แต่ไม่ทำให้เป็นจริงได้ (visionary but not executable) ถ้าไม่เจ็งเพราะหมดทุน ก็โดนซื้อ ก็แคะแกรน ไม่เติบใหญ่ครับ
ผมคิดว่า มันอาจจะแรง แต่คงต้องมานั่งมองว่า บริษัทที่ผลิตนวัตกรรมมากอย่างซัน ทำไมถึงไม่รอดการถูกควบรวมกิจการ
เผอิญผมนึกไปไกล เช่น type system ต่าง ๆ ไปอยู่บน cloud
ทำ platform ubiquitous อย่างแท้จริง เพิ่ม productivity และ reusability
สร้างอารยธรรมให้ ฝั่งผู้พัฒนาได้เข้าร่วมและต่อยอด
บางอย่างคุณจำเป็นต้องคุม direction เอง ปล่อยให้ความหลากหลายมีได้ไม่ได้ปิดกั้น
แต่เวลามาถึงแล้ว บางอย่างไม่มีใครทำให้คุณได้หรอกครับ
แต่เวลาที่คุณต้องถือธงนำ ต้องนำ ไม่ใช่ทำเหมือนเดิมตลอด เกมส์มัน
dynamic เปลี่ยนไปเสมอ ไม่มีสูตรตายตัว สถานการณ์มันเปลี่ยนไว
ธุรกิจต้องแบ่งมองสั้นมองยาวให้ออก
ถ้าวันนั้นบังเอิญไม่มี android ให้ซื้อ วันนี้จะเป็นอย่างไรครับ ?
แล้วการที่โดน oracle ฟ้องวันนี้ถ้าเกิดแพ้ขึ้นมาล่ะ ?
ผมไม่คิดว่าต้องใช้จ่ายเงินเยอะหรอกครับ สำหรับสร้าง platform ขึ้นมาใหม่ ยิ่งเป็นสมัยนี้
มีตัวอย่างจากความสำเร็จผู้อื่นอยู่แล้ว เหมือนที่ .net แก้ไขปัญหาของ java ไปหลายอย่าง (แต่บางอย่างไม่ดู) ลงทุนแค่นี้ไม่มีผลต่อกำไรขาดทุนหรอกครับ และเหตุผลมันชัดเจน
ผมไม่ได้บอกซักนิดว่า พัฒนาแบบเป็น proprietary แบบไม่ให้คนอื่นช่วย ? ต้องจ้างอย่างเดียว
มี platform ไม่ได้หมายความว่ามีแล้วปิด คนละเรื่องครับ ผมได้บอกอยู่แล้วว่าควรมีแต่ให้ open แต่เริ่ม
คุณลงไป initiate ก็พอแล้ว ใส่ทุนไปบ้างเปิดเป็น specification ทำ process อะไรทำไป
แต่คุณมี main direction ของตัวเอง และให้คนอื่นได้ยึดเกาะ เหมือนที่หลาย ๆ คนได้ใช้ ผลงานที่กูเกิ้ลทำให้ java (รวมทั้งผม)
คีย์ที่บอกคือ ถ้าอาศัย platform ที่คนอื่นคุม direction อยู่ คุณมีส่วนได้ไม่เต็มที่ มันก็จะ
ไปได้แบบไม่สุด
เท่าที่นึกออกตอนนี้ มีหนทางทำอะไรได้อีกมาก
บางอย่างตอนนี้คุณนึกไม่ออกหรอกครับว่าต้องมีมัน
ตอนคุณนึกออกชัดเจนว่าต้องมีมัน ต้องใช้มันก็สายไปเสียแล้ว
ผมว่า ผู้ก่อตั้ง กูเกิ้ลคงรู้เรื่องนี้ดี และไม่ได้คิดว่าจะขายโฆษณาบนกูเกิ้ลแต่แรก
แม้แต่ jobs เองก็เคยบอกว่าไม่ได้วางแผน iphone ไว้ไกลถึงขาดนี้
เหมือนคุณสรุปว่าทำตัวนี้แล้วต้องขาดทุนเจ๊ง อันนั้นคนละเรื่อง ผมแค่บอกว่าแบ่งส่วนงบพัฒนา งบลงทุนลงมา
บ้าง มันไม่ได้แปลว่า เอากูเกิ้ลไปเป็น sun
ถ้าวิสัยทัศน์ขนาดเอาไปลงทุนใน winfarm ได้เนี่ย มันตรงกับ core business ที่คุณบอกไหม?
แล้วทำไมต้องคิดว่า not executable ?เท่าที่ผมใช้ของ google มา ค่อนข้าง practical มาก
ใช้ได้จริงทั้งนั้น และเท่าที่ทราบใช้เงินสร้างน้อยมากเทียบกับเจ้าอื่น
หลักการ 20% time ตรงนี้บอก nature ของเขาชัดเจน
ตรงนี้ผู้ถือหุ้นแบบนักคิดเชิงเส้น คงมองเป็น 20% loss ?
เป็น 20% ที่คุณก็ยังไม่รู้ชัดว่าทำไปได้เงินไหม ไม่มีแผนรองรับแต่ต้น
ถ้ามัวแต่ถูก driven ด้วยบัญชี หุ้น การเงิน เป็นหลักผมว่าเขาไม่มาถึงวันนี้หรอกครับ
กระบวนการ สร้าง creativity/innovation มันต้องมี
และ opportunity เป็นสิ่งสำคัญ
ถ้ามองในเชิง bussiness จริงๆ คุณก็ต้องไม่ลืมนะครับว่าคู่แข่งของ android ตอนนี้คือ iPhone
เท่าที่ผมทราบ จุดแข็งที่สำคัญอย่างนึงของ iPhone คือ AppStore ถ้า Google บอกว่าถ้าอยากจะพัฒนา App บน Android ต้องใช้นี่ๆ เท่านั้น
คุณว่าต้องใช้ระยะกี่ปีถึงจะมี App เป็นแสนตัวเหมือน AppStore
ยิ่งมองถึงความคุ้มค่าเมื่อเทียบกับ .NET ของ Microsoft ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลยครับ
ผมตอบไปข้างบนแบบนี้นะครับ
"ไม่ได้ติดใจตรงนั้นครับ move ที่ผ่านมาเหมาะสมแล้ว เพราะต้องไว ทันการ
และอาศัยกำลังของนักพัฒนาจำนวนมากๆ
ที่ผ่านมาเป็นผู้ลงทุนเป็นตัวตั้งตัวตี ในการพัฒนา เทคโนโลยีบน platform อื่น ๆมาก
ไม่ว่าจะเป็น library, framework, community, project hosting, event.
แต่สำหรับระยะยาว....
กำไรของ Google มาจาก Service ครับ มันจะต่างจาก Microsoft กับ Apple ครับ
ในยาวยังไง การพัฒนา platform ขึ้นมาใช้เอง ก็อาจจะไม่ได้ช่วยให้ Google ได้กำไรมากขึ้นครับ
มันจะต่างจาก Microsoft ตรงที่เค้าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นจาก Software ที่เกี่ยวข้องกับ Platform ตัวนั้น ใน case ของ Apple คงเป็น hardware เนืองจากเป็นตัวทำกำไรให้บริษัท
เอาง่ายๆเลยครับ ถ้า Google คิด AndriodObject คุณคิดว่า AndroidObject จะทำให้คนทั่วไปเข้ามาใช้ search Google ใน keyword ที่ทำให้ได้รายได้จากค่าโฆษณาเพิ่มมั้ยครับ
ผม note เสริมนิดนึงว่าในทางปฎิบัติแล้ว แนวคือ "for the best interest of shareholders" นั้นไม่จริงเสมอไป มีบางอย่างทำไปเพื่อความชอบส่วนตัวของผู้บริหารบ้าง โดยแม้ผู้ถือหุ้นอาจจะไม่ชอบใจ แต่บางครั้งก็ต้องยอมๆ เพราะผู้บริหารท่านนั้นความสามารถสูงทำกำไรดี ไล่ออกไปไม่คุ้ม อะไรอย่างนี้ก็อาจจะทำให้บริษัททำอะไรที่ไม่ได้แสวงหากำไร (ซึ่งอาจจะดีหรือไม่ดี) ก็ได้เหมือนกัน
lewcpe.com, @wasonliw
อื้อหือ!!! ยาวเหยืยดเลยครับ ผมว่าภาษากฏหมายมันดิ้นง่ายครับ ทนายใครดีกว่ากัน ศาลเขามองยังไง ประมาณนี้ครับ
we can build a more peaceful.
อื้อหือ!!! ยาวเหยืยดเลยครับ ผมว่าภาษากฏหมายมันดิ้นง่ายครับ ทนายใครดีกว่ากัน ศาลเขามองยังไง ประมาณนี้ครับ
we can build a more peaceful.
ซื้อมาเพื่อฟ้อง?
ชี้อนาคตได้เลยว่าต่อไป Open office, Java จะเป็นยังไง
ปกติผมไม่ชอบเห็นข่าว Google ซื้อบริษัทนะ แต่ผมว่าซื้อ Oracle มาตบเล่นดีกว่า (คงได้หรอก - -") เผื่อ Java, MySQL ฯลฯ จะมีหวังกว่านี้
ยังกะซื้อประทัดมาจุดเล่น แค่เสียงดังเฉยๆ แต่กอบโกยอะไรจากเศษของมันต่อไม่ได้
เห็นหลายคนพูดว่า ให้ google ไปซื้อ oracle มาสั่งสอนดีไหม
ฟังแล้วหน่อยเล็กน้อย ผมเลยเอามูลค่าตลาด 2 บริษัทนี้มาให้ดูล่ะกันครับ
มูลค่าตลาด ณ วันนี้
ORACLE: $ 147,570,611,920
GOOGLE: $ 152,457,701,120
พูดง่ายๆคือ ถ้าคิดว่า google มีเงินซื้อ oracle มาตบเล่นฉันท์ใด
oracle ก็สามารถซื้อ google มาตบเล่นได้ฉันท์นั้น
ถ้าใครจะซื้อใครจริงๆ FTC คงไล่ห้ามสุดตัวล่ะครับ
lewcpe.com, @wasonliw
จะซื้อ Oracle นี่คงต้องข้ามศพ แลรรี่ แอลลิสัน ไปก่อนหรือเปล่า
CEO อะไร ปากจัดน่าดู
ถ้าจะให้โลกตะลึงจริงๆคงต้องให้ microsoft ควบกิจการ(หรืออาจจะเป็น merger of equals)กับ 1 ใน 2 บริษัทนี้ เมื่อนั้นก็จะกลาย deal ประวัติศาสตร์ ...ว่า ถ้าเกิดจริง FTC อนุญาตได้อย่างไร แล้วคู่แข่งจะสู้ได้อย่างไร
ปล.1 ถ้า microsoft รวมกับ oracle แล้วให้ Ellison เป็น CEO บริษัทใหม่แทน Ballmer ที่หลายคนค่อนขอดว่าบริหารไม่ค่อยดีแล้วหล่ะก็ รับรองว่าไม่ว่าใครจะอยาก be evil หรือจะเป็นศาสดา ก็ต้องกระเจิง "HARDWARE SOFTWARE and CLOUD COMPLETE" และถ้าซื้อ ACCENTURE อีกก็ห้อย SERVICE ไปด้วย คราวนี้รับรอง complete จริงๆ
ปล.2 ไม่ชอบ "...engineered to work together" ยาวเกินไป "complete" ให้ความรู้สึกดีกว่าและกระชับได้ใจความ เอหรือจะรู้สึกว่าตอนนี้ที่ไปซื้อมาปีละไม่รู้กี่สิบบริษัทมันจะยังไม่ complete นะ
เหนรูปแล้วนึกถึงเวลา อ.สั่งการบ้านเขียนโปรแกรม
จะมีต้นฉบับ 1 ชุด ที่เหลือ เปลี่ยนตัวแปร ฮ่าๆๆ
แสดงว่า อ. ท่านยังไม่รู้จัก jplag
+1
อ. ก้คงดูออกนะครับ แต่ก็ยังมีคนดันทุรัง ทำส่งกันไป
ผมมองว่าเป็นความรับผิดชอบของอาจารย์ครับ ที่จะสร้างผลลบให้กับการกระทำเช่นนี้ (ที่ถูกคือให้เด็กยอมรับว่าทำไม่ได้ ส่วนอาจารย์ก็อาจจะต้องหาทางออกว่าจะติวเพิ่มหรืออย่างไร)
การบ่นๆ โดยเด็กส่วนใหญ่ได้ผลประโยชน์จากการลอก เช่นไปหักคะแนน กลับไปสร้างแนวคิดว่าคนยอมรับว่าตัวเองทำงานไม่ได้นั้นเป็นคนโง่ ไม่ยอมลอกๆ เพื่อนส่งไป เป็นความรับผิดชอบของอาจารย์ผู้สอนโดยตรง
lewcpe.com, @wasonliw
จัดให้หนักเลยนะ 555
ซื้อมาเพื่อฟ้อง ฮ่ะๆ
ผมว่าถ้าคิดในแง่ดี ก็เป็นการผลักดันให้ Google สร้างนวัตกรรมให้แก่วงการ แทนที่จะ maximize profit อย่างเดียว
ไหน ๆ dalvik ก็ไม่ใช่ JVM งั้นก็เลิกใช้ภาษา Java ได้ไหมครับ มาใช้ C# from ECMA แทน
ประชด ๆ หึหึ
อ่านข่าวนี้ ทำให้เริ่มเข้าใจว่าทำไม Oracle ถึงได้กลัว Google เลยเป็นเหตุให้ต้องฟ้อง สำหรับ Oracle มีดีที่ฐานข้อมูลถูกไหมครับ สาเหตุที่ Oracle อยากได้ MySQL ไม่ใช่เพราะการขยายตัวของมัน แต่เป็นเพราะ Google ใช้เป็นตัวหลักในการจัดการกับฐานข้อมูลทั้งหมด ลองอ่านดูก็จะเริ่มมองภาพออก
จริงๆ Ellison แกซี้กับ Jobs อิอ