ปัญหาเรื่องความหลากหลายทางเชื้อชาติของบุคลากรในบริษัทไอทีนับเป็นประเด็นที่ถูกตั้งคำถามมาโดยตลอด และยิ่งถูกจับตามองมากขึ้นหลังจากเหตุการณ์ของ George Floyd
แม้ว่าบริษัทไอทีพยายามโปรโมทความหลากหลายของบุคลากรในบริษัท รวมไปถึงประกาศเพิ่มพนักงานผิวดำมาหลายครั้ง แต่หากพิจารณาจากรายงานความหลากหลายทางเชื้อชาติของแต่ละบริษัท เราจะพบว่า สัดส่วนคนผิวดำในบริษัทไอทียังถือว่าน้อย โดยเฉพาะในตำแหน่งระดับสูง
รูปจาก Pexels
Apple - จากรายงานความหลากหลายปี 2018 พบว่า พนักงานในบริษัทกว่าครึ่งนึงเป็นคนผิวขาว ตามมาด้วยพนักงานชาวเอเชีย อยู่ที่ 23% และพนักงานเชื้อสายละติน 14% ส่วนพนักงานผิวดำอยู่ที่ 9% ในขณะที่พนักงานผิวดำด้านเทคนิคตั้งแต่ปี 2014 จนถึง 2018 อยู่ที่ 6% อย่างไรก็ตาม Apple เป็นบริษัทไอทีท็อป 5 รายเดียวที่ยังไม่เปิดเผยรายงานความหลากหลาย ของปี 2019
อนึ่ง Tim Cook ซีอีโอแอปเปิลก็เพิ่งเปิดตัวโครงการสนับสนุนความยุติธรรมและความเท่าเทียมทางเชื้อชาติและบริจาคเงินไป 100 ล้านเหรียญเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาด้วย
Google - จากรายงานความหลากหลายฉบับล่าสุด พบว่า พนักงานผิวดำในตำแหน่งผู้บริหารอยู่ที่ 2.6% เท่ากับปีก่อนหน้า ในขณะที่สัดส่วนพนักงานผิวดำทั้งหมดในบริษัทอยู่ที่ 5.5% ขึ้นมาจากปีก่อนหน้านี้ซึ่งอยู่ที่ 4.8%
อย่างไรก็ตาม Sundar Pichai ซีอีโอบริษัท เพิ่งออกประกาศเพิ่มจำนวนผู้บริหารคนดำอีก 30% ภายในปี 2025 พร้อมทั้งยังจะแก้ปัญหาเรื่องสัดส่วนตัวแทนจาก underrepresented group (กลุ่มคนที่ไม้รับโอกาสในสังคม) อีกด้วย
Amazon - มีพนักงานผิวดำเยอะที่สุดในบรรดาบริษัทไอที ด้วยสัดส่วน 26.5% เเป็นอันดับสองจากคนผิวขาวที่ 34.7% ทว่าพนักงานผิวดำในตำแหน่งผู้บริหารอยู่ที่ 8.3% ตามหลังชาวเอเชียที่ 20.8% ส่วนคนผิวขาวในตำแหน่งเดียวกันอยู่ที่ 59%
Facebook - จากรายงานความหลากหลาย ปี 2019 พบว่าสัดส่วนพนักงานด้านเทคนิคผิวดำอยู่ที่ 1.5% ขึ้นมาจาก 1% ในปี 2014 ขณะที่สัดส่วนคนผิวดำในตำแหน่งผู้นำอยู่ที่ 3.1%
อย่างไรก็ตาม Facebook เพิ่งประกาศว่าจะเพิ่มคนผิวดำ 30% ในตำแหน่งผู้นำภายในปี 2025 และจะเพิ่มสัดส่วนบุคลากรจากกลุ่ม underrepresented ให้ขึ้นมาอยู่ที่ 50% ภายในปี 2023 นอกจากนี้ ยังบริจาคเงินเพื่อสนับสนุนองค์กรและกิจการของคนดำอีกด้วย
Microsoft - จากรายงานความหลากหลาย ปี 2019 พบว่า มีพนักงานผิวดำทั้งหมด 4.5% เทียบกับผิวขาว 53.2% ส่วนพนักงานฝั่งเทคที่มีผิวดำอยู่ที่ 3.3% ขึ้นมาจากปี 2016 ซึ่งอยู่ที่ 2.4% ในขณะที่ตำแหน่งผู้จัดการมีสัดส่วนคนผิวดำอยู่ที่ 2.7% และผู้อำนวยการที่ 2.5%
Microsoft ระบุว่าจะเพิ่มสัดส่วนคนดำในตำแหน่งสูงอย่างผู้จัดการ ตำแหน่งงานอาวุโส ให้ได้สองเท่าภายในปี 2025 และจะลงทุนเพิ่ม 150 ล้านดอลลาร์ เพื่อผลักดันประเด็นความหลากหลายในองค์กร
อันที่จริงประเด็นความหลากหลายของบุคลากรในที่ทำงานไม่ได้มีแค่เรื่องของกลุ่มคนผิวสี แต่ยังมีกลุ่มคนละติน คนเอเชีย หรือแม้แต่เรื่องของเพศหญิงที่มีสัดส่วนหรือได้โอกาสน้อยกว่าชาย (ทั้งที่หากวัดที่ความสามารถอาจเท่ากันหรือมากกว่า) เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่าที่ผ่านมา วงการเทคโนโลยีเป็นวงการที่ถูกครอบครองโดยคนขาวเพศชายเป็นหลัก ซึ่งก็น่าสนใจว่าบริษัทไอทีเหล่านี้จะสามารถสร้างความหลากหลายของบุคลากรตามที่ลั่นวาจาเอาไว้ได้มากน้อยแค่ไหน
อ้างอิง - ITPro Today
Comments
บริษัทไอที Elite 4 มีชื่อย่อสวยๆว่า MAGA
แต่ถ้าไอที Top 5 มีตัว F โผล่มาด้วย ย่อยังไงก็ไม่สวย
FAGMA น่าจะพอได้นะครับ
สรุปไปค้นดูแล้วเห็นเค้าใช้ว่า GAFAM
คำนี้โอเคเลยนะ
..: เรื่อยไป
MAFAG พอได้ไหมครับ
เห็นด้วยกับ MAFAG
Fag นี้เป็นคําสแลงว่าเพศที่ 3 นะครับ คงไม่สวยเท่าไร ฮาๆ
เอาจริงก็คงไม่อยากย่อเป็น MAGA ด้วยมั้ยครับ ดันไปพ้องกับคำอื่นซะอีก
ส่วนนึงอาจจะเกี่ยวกับเรื่องของยีนด้วยมะครับ
ในวงการกีฬาระดับท้อปๆ มักจะเห็นคนผิวดำมากกว่า วงการค้าขายก็มักจะพบคนเชื้อสายจีน หรือในวงการวิชาการ ระดับอัจฉริยะก็มักจะมีเชื้อสายยิว
เกี่ยวค่อนข้างเยอะอยู่ครับ แบบถ้าลองไปดูทีมฟิสิกส์โอลิมปิกของ USA จะพบว่ายังกะขนทีมชาติจีนมาแข่งแทน - -"
https://www.aps.org/publications/apsnews/201907/israel.cfm
ทีม USA น่าจะให้โควต้าคนเชื้อสายคอเคซอยด์กับนิกรอยด์บ้างนะครับ ไม่งั้นเกรงว่าจะเป็นปัญหาในอนาคต
คืออันนี้เค้าเลือกตามความสามารถจริงๆนะ แต่มันดันมาเป็นเอเชียหมดเลย โรงเรียนหลายๆแห่งที่ท๊อปๆด้านวิชาการก็คือมีแต่คนเอเชียไปเรียน ย่านที่อยู่อาศัยรอบๆโรงเรียนก็มีแต่คนเอเชีย เหมือนรู้กันเลยว่าถ้าสายจีเนียสยังไงคนขาวก็สู้คนเอเชียไม่ได้ เหมือนเราก็ถนัดกันไปคนละด้านทั้งจากยีนส์และบริบทของสังคมที่โตมาด้วย
รู้สึกเหยียดในเหยียดยังไงก็ไม่รู้ ปล่อยตามกระบวนการคัดสรรปกติไม่ดีกว่าเหรอ งง
น่าจะให้ทุกคนทำงานที่บ้านแล้วใช้ avatar แทนตัวตนที่แท้จริงในการออกสื่อหรือทำงานร่วมกัน
เอาจริงๆนะ นักกีฬาเก่งๆที่ใช้สมรรถภาพทางกายนี่ก็ผิวดำนะ นักวิ่งอย่างงี้ สถิติโลกด้วยนิ ไม่มีใครสู้ได้
แต่ละเชื้อสายมันเก่งคนละทาง ถ้าเอาตามความสามรถจริงๆก็ เหมือนแบ่งแยกอยู่ดีนั่นแหล่ะ ควรเข้าประเด็นตรงการเรลือกปฎิบัติแบบอื่นมากกว่า เช่นการปฎิบัติตัวต่อกันแบบเนี่ยควรเท่าเทียม ไม่ใช้ทำงานได้เท่าเทียมกัน เดี๋ยวสักพักจะมีกระแสตีกลับ