หลังการเปิดตัว Vision Pro เฮดเซต Mixed Reality ของแอปเปิล ซึ่งอาจเป็นคำตอบของผลิตภัณฑ์โลกเสมือน ล่าสุด Mark Zuckerberg ผู้จุดกระแสคำว่า Metaverse ก็ออกมาให้ความเห็นต่อ Vision Pro แล้ว
โดยมีรายงานจากการประชุมพนักงาน Meta ล่าสุด ซึ่ง Zuckerberg ให้ความเห็นต่อ Vision Pro ว่า เทคโนโลยีที่นำเสนอไม่มีเรื่องใหม่ที่เกินคาดคิด Meta เคยศึกษาแนวทางเหล่านี้มาทั้งหมดแล้ว นอกจากนี้เขายังให้ความเห็นกับราคาเฮดเซต 3,499 ดอลลาร์ ว่าสิ่งนี้สะท้อนแนวทางแอปเปิลที่แตกต่างจาก Meta มาก เพราะบริษัทต้องการทำสินค้าที่ทุกคนเข้าถึงได้ โดย Quest 3 มีราคา 499 ดอลลาร์ ส่วน Quest Pro ราคา 999 ดอลลาร์
สุดท้าย Zuckerberg ว่าเป้าหมายของ Meta คือการสร้าง Metaverse ซึ่งเป็นเรื่องของโซเชียล ขณะที่ Vision Pro ดูทำให้คนแยกตัวขณะใช้งานมากกว่า เขาบอกว่าแอปเปิลอาจต้องการสร้างรูปแบบใหม่ของคอมพิวเตอร์ในอนาคต แต่นั่นไม่ใช่ที่เขาต้องการทำ
เนื้อหาเต็มอยู่ท้ายข่าว
ที่มา: The Verge
เนื้อหาเต็มที่ The Verge ได้ข้อมูลมา
แอปเปิลเปิดตัวเฮดเซตเรียบร้อยแล้ว ผมจึงอยากพูดถึงเรื่องนี้สักหน่อย ผมสงสัยจริง ๆ ว่าสินค้าจะเป็นยังไงกันแน่ ซึ่งก็คงต้องได้ลองเล่นก่อน จึงจะเข้าใจว่าคนใช้งานกันอย่างไร
ดูจากสิ่งที่ผมเห็นตอนนี้ เป็นข่าวดีว่าไม่มีโซลูชันล้ำ ๆ ที่ทีมเราไม่เคยศึกษาวิธีการหรือคิดถึงมันมาก่อน สิ่งที่แอปเปิลใส่คือหน้าจอความละเอียดสูง ตลอดจนเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่ใส่เข้าไป ทำให้ราคาแพงกว่าเรา 7 เท่า และต้องใช้พลังงานมากกว่า จึงเห็นการใช้แบตเตอรีมีสายต่อเข้าตลอดเวลาใช้งาน ในแง่ดีไซน์เป็นสิ่งที่ต้องแลกกัน และแอปเปิลก็น่าจะเลือกแล้ว
สิ่งที่แอปเปิลนำเสนอเป็นภาพที่ต่างจากแนวทางที่ Meta ต้องการเดินไป และผมคิดว่าสิ่งนี้สำคัญมาก เราสร้างนวัตกรรมเพื่อให้สินค้าเราเข้าถึงได้ ราคาดีที่สุดสำหรับทุกคนเท่าที่ทำได้ ซึ่งพิสูจน์จากแว่นตา Quest ที่ขายได้มากกว่า 10 ล้านอันแล้ว
ที่สำคัญกว่านั้น วิสัยทัศน์ของ Meta คือ Metaverse ซึ่งมีโซเชียลเป็นพื้นฐาน เป็นการปฏิสัมพัทธ์ของผู้คนในแนวทางใหม่ ทำให้พวกเขารู้สึกใกล้ชิดกันในรูปแบบใหม่ สินค้าของเราเป็นแบบนั้น กรณีของแอปเปิล เราเห็นภาพคนหนึ่งคนนั่งโซฟา นั่นอาจเป็นวิสัยทัศน์ของการสร้างคอมพิวเตอร์สำหรับอนาคต แต่ไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการ เมื่อเห็นชัดว่าแนวทางเราแตกต่างกัน การเดินทางและการแข่งขันจากนี้ก็น่าสนใจและน่าตื่นเต้นมาก
Comments
รอดูหลังจากนี้ จะมีคนลอกการบ้าน Apple ทุกค่าย
ย้ำว่าทุกค่าย
ผมก็เชื่ออย่างนั้น เดินตามผู้ใหญ่หมาไม่กัด
เอาจริง ๆ เรื่องแนวคิดประมาณนี้ Meta ก็ทำอยู่แล้วก็คือ Feature Passthrough เพียงแต่ด้วยเรื่องต้นทุน คงจะจัดเต็มแบบ Apple ไม่ไหว มันก็เลยออกมาเป็นอย่างที่เห็นในปัจจุบันก่อนแอปเปิ้ลจะเปิดตัว
แต่ในอนาคตก็ใช่แหละ ถ้าต้นทุนมันถูกลงการที่จะยัดเซนเซอร์ยิบย่อย หน่วยประมวลผลจัดเต็มแบบแอปเปิ้ลก็คงทำได้ไม่ยาก แต่ไอจอข้างหน้าคิดว่าคงไม่มีใครเอาด้วย ไม่ใส่มานี่น่าจะประหยัดไปได้อีกหลักหมื่น
แต่มว่าแอปเปิ้ลออกมาแบบนี้เป็นผลดีกับ Meta นะ เพราะคนที่อยากได้ประสบการณ์ AR จากเมื่อก่อน Meta Quest Pro เปิดตัวมา โหว 999 USD อย่างแพง ตอนนี้ โหว ถูกกวาแอปเปิ้ล 3 เท่า ฟีเจอร์ออกมาคล้าย ๆ กัน 555
...
ผมก็เชื่อแบบนั้นครับ ขนาด Widget ในมือถือAndroidยังลอกของApple เลย โคตรหน้าด้านเลยนะครับ ลอกแล้วยังมีคนมาว้าวอีกแบบเหมือนเกิดมาไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน
นั่นสิ
พูดยังกะว่า VR เพิ่งจะถูกคิดขึ้นโดยแอปเปิ้ล
ก็แค่รถอีแต่น กับรถเบนซ์
คนทั่วไปไม่มีปัญญาใช้รถเบนซ์หรอก แต่ถ้าเกิดมี MG ที่ลอกรถเบนซ์ แล้วเอามาขายในราคารถญี่ปุ่นได้ก็ดีนะ
Widget นี้ แอนดรอย ลอกมาเหรอ
ใจเย็นๆทุกท่าน อ่านช้าๆ
apple ทำ widget ตาม android จริงครับ แต่ทำตามทันทีหรอ?
ในขณะที่ android ทุกเจ้ากำลังพยายามทำหน้าจอไร้รูกล้อง แต่พอ apple ทำจอบากเกือบทุกค่ายพยายามทำตามเพื่อเกาะกระแส
ที่เจ้าของเม้นจะสื่อคือ apple คือคลื่นลูกใหญ่ในวงการเทคครับ ก่อน apple เปิดตัวกระแส VR เงียบเป็นป่าช้า
อันที่จริง ฟังชั่นหลายอย่างที่เกี่ยวกับประสบการณ์ใช้งาน MR นั้น.. แว่น MR ส่วนใหญ่ในตลาดมันก็ทำได้อยู่แล้วแหละครับ แค่ Apple ทำได้ดีกว่า ซึ่งก็ไม่แปลกใจด้วนราคาที่สูงกว่าหลายเท่าตัว
เพราะงั้นผมมองว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้น ผมมองว่าไม่ใช่ลอกการบ้าน Apple ซะทีเดียว แต่เป็นการปลดล๊อคเพดานราคาให้จัดเต็มได้มากขึ้นมากกว่า เพราะแว่น MR ตัวท๊อปในตลาดตอนนี้ต่อให้แพงกว่า 2-3 เท่ามันก็ยังถูกกว่าของ Apple เสียอีก มีช่องว่างให้จัดเต็มได้เยอะเลย
แต่รูปลักษณ์กับ Presentation นี่คงถูกลอกแน่ๆแหละ และฟังชั่นอื่นๆอย่างที่ไม่เกี่ยวกับ MR อย่างจอนอกก็อาจจะใส่มาในเวอร์ชั่นที่ลดต้นทุน เช่น เป็นจอ LED Dot Matrix อะไรแบบนี้
ภาพประกอบอย่างฮา
ฮา ฮา ฮา มาร์คจอมแสบ
ตอกย้ำประโยค
ได้ดีมาก
เอาจริง ๆ แอปเปิลก็ไม่ได้จะสร้าง SNS แบบที่ Meta จะทำ เอาจริง ๆ Meta จะเอา Horizon world มาลง Vision Pro ยังได้เลย
+1 คือถ้ามันเป็นคอมที่ทำได้ทุกอย่างแล้วแล้วทำไม Metaverse จะอยู่ในนั้นไม่ได้
ก็ดีนะ ชอบแนว vision pro มากกว่า
ไปแล้ว ต้องไปให้สุด ดึงศักยภาพเทคโนโลยีให้มาก ไม่ต้องสนงบ
ราคาค่อยมาลงทีหลัง คนจ่ายแพง สัมผัสก่อน ได้ลองก่อน
ส่วนใครอยากประหยัดก็รอหน่อย
ของ Facebook ถ้าโชว์คอนเซ็ปที่ดูเป็นไปได้ คนคงสนใจเยอะกว่านี้
Meta ไม่ได้มี platform eco system ใหญ่แบบ Apple ที่กินรวบ ดูแลเองหมด อาศัยเกาะๆ เขา ก็ทำได้ประมาณหนึงละ จะสร้างแข็งคงยาก จีนที่ว่าแน่ยังต้อง fork Android ออกไปเลย
ได้เวลาช้อน คริปโต
จีนทำแล้วมันมีชื่อว่าpicoราคาจับต้องได้ไม่เหมือนแอปเปิ้ลแหว่ง
แล้วมี Ecosystem เท่าแอปเปิลมั้ยล่ะครับ จับต้องได้แต่แอพมีไม่เยอะหรือไม่มีคุณภาพเท่า ก็เท่านั้น
แค่มนุษย์คนนึงที่อยากรู้เกี่ยวกับวงการไอที
แว่นราคาถูก ผมเจอ motion sickness ทุกตัวที่เคยลองมา ก็หวะงว่าของApple ที่ใส่กับถอดให้ภาพที่ต่างกันน้อยๆ แล้วให้ความลึกระดับสมจริงได้ จะทำให้ไม่เกิด motion sickness
ที่ Iphone แพงเพราะ ต้องการให้ ไม่ให้สามารถมีกันทุกคน
เหมือนทุกคนสวมสร้อยทองหมด แล้วจะไปอวดใคร
อย่าใส่ออกนอกบ้านเลย เป็นไปได้ก็อย่าให้มันใส่ตอนขับรถได้ด้วย
ก็บริษัทคนละแนว รายนึงถนัด Social Network
อีกรายถนัดสร้างคอม
ก็แนวทางใครแนวทางมันอยู่แล้ว
mark พูดไม่ผิดเลยนะ ด้วยราคาขนาดนี้ถ้าเป็นค่ายอื่นทำคงโดนด่าทั่วสารทิศ พร้อมกับโดนดูแคลนว่าเจ๊งแน่ ๆ
แต่พอเป็น apple ทำแล้วมันดูมีลุ้น มันดูมีอะไรซักอย่างที่น่าจะออกมาแมสได้ (ถึงจะไม่มีอะไรใหม่เลยก็ตาม)
ผมว่าที่ไม่โดนดูแคลนเพราะค้าเปิดตัวมาพร้อมกับ demo ที่ใช้งานได้จริง และมี partner ทางธุกิจด้วยครับ เป็นการแสดงความพร้อมว่าไม่โดดเดี่ยวแน่นอน ไม่ใช่แค่มาโชว์อุปกรณ์
ถ้าบริษัทอื่นเปิดตัวมาพร้อมกับ demo ใช้งานและ partner แบบนี้(ที่ไม่ใช่แค่พูด)ผมว่าไม่น่าจะโดนดูแคลนครับ
เทียบกับ meta คือเปิดตัว metavrese แล้วยังไงต่อ ตอนนี้ทุกคนยังไม่เห็นภาพเลย แต่ vision pro เปิดตัวมาทุกคนก็อยู่บนภาพเดียวกันแล้ว
คือเดโมที่โชว์ให้ดูไม่ใช้ค่ายอื่นทำไม่ได้นะทำได้นานแล้วแต่ไม่เคยนำเสนอให้ลูกค้าก็ไม่รู้เหมือนกันการตลาดคิดอะไรอยู่ อย่างอะไรแบบนี้ก็ไม่ได้เน้นเป็นฟีเจอร์เด่นอะไร
ก็ตามนั้นแหละ แนวทางต่างกัน เป้าหมายต่างกัน หลายๆ ฟีเจอร์ ค่ายๆ อื่นก็น่าจะคิดได้นะ ทำมาก่อนตั้งนาน แต่คงกลัวราคามันพุ่งไปขนาดนั้น เดี่ยวขายไม่ออก ขนาดราคาถุกกว่าตั้งเยอะ ยังไม่ค่อยนิยม
ขำในเว็บ Macrumors แบบตามาร์คช่างกล้าวิจารณ์นะ
From what I’ve seen initially, I’d say the good news is that there’s no kind of magical solutions that they have to any of the constraints on laws of physics that our teams haven’t already explored and thought of.
แล้วก็มีคนเอารูปมาเทียบกัน
https://forums.macrumors.com/attachments/1686253219423-jpeg.2215281/
มันก็อยู่บนพื้นฐานเดียวกันแหล่ะครับ เพียงแต่ทาง Apple นำเสนอได้ดีกว่า รูปที่เปรียบเทียบมันแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจในการสร้างผลิตภัณฑ์ได้ดีว่าใครพิถีพิถันกว่า
ต้องโดนด่าก่อน ขาถึงตามมา…
/ทิม คุก ไม่ได้กล่าวไว้
อันที่จริงมันก็ไม่ผิดนะครับ ฟีเจอร์ด้าน MR ของ Apple ที่เปิดตัวมาเอาจริงๆมันไม่ได้มีอะไรใหม่หรือล้ำกว่าแว่น MR เจ้าอื่นๆในตลาด แต่ทำได้ดีกว่าเจ้าอื่นด้วยการใช้ Hardware ที่ดีกว่า ซึ่งแน่นอนว่ามาพร้อมกับราคาที่สูงกว่า
ถ้าให้โจทย์ค่ายอื่นทำแว่น MR ราคาหลักแสนออกมา ผลลัพท์ก็คงไม่ต่างจากของ Apple นักหรอกครับ
แต่ก็แค่ตัวแว่นน่ะนะ... เรื่องความพร้อมของ Platform และ Content รวมไปถึงการนำเสนอ ก็ต้องยกให้ Apple อยู่ดี
ทำไมผมเห็นพี่มาร์คมาพูดงี้ ไม่ใช่แนวทางของเรา = เรายังก๊อปไม่ได้ (ในราคาที่เหมาะสม) กันนะ 555
Quest ขายได้ 10 ล้านชิ้นแล้วนะครับ ใช้เวลากี่ปี
แล้วเดียวต้องดูว่า Vision Pro จะขายได้ 10 ล้านชิ้นปีไหน