อาจพูดได้ว่าเป็นการแท็กทีมครั้งใหญ่ โดยเหตุการณ์นี้เริ่มจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว Epic Games ได้ยื่นเอกสารแจ้งต่อศาลแคลิฟอร์เนีย ว่าหลังจากคดีฟ้องร้องระหว่าง Epic Games และแอปเปิล สิ้นสุดเมื่อเดือนมกราคม ซึ่งมีผลให้แอปเปิลต้องเปิดให้นักพัฒนาแอป สามารถแสดงปุ่มหรือลิงก์ ไปยังการจ่ายเงินช่องทางอื่นในแอป เพื่อลดการจ่ายค่าธรรมเนียมให้แอปเปิลผ่าน App Store ได้ แต่ช่วงที่ผ่านมา แอปเปิลยังพยายามใช้กฎระเบียบของ App Store ปฏิเสธการใส่ลิงก์ในแอป รวมทั้งยังหักค่าธรรมเนียมได้
ทั้งนี้คำสั่งดังกล่าวมีผลเฉพาะในสหรัฐอเมริกา และแอปเปิลก็ปรับแนวทางนี้ โดยยังได้ส่วนแบ่งค่าธรรมเนียม แม้เป็นการจ่ายเงินผ่านช่องทางอื่น ซึ่งจะถูกกว่าวิธีการ In-App อยู่ 3% คือ 12% หรือ 27% ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขแอปนั้น
การร้องเรียนของ Epic Games นี้ ทำให้อีก 4 บริษัท ประกอบด้วย Meta (เจ้าของ Facebook, Instagram), ไมโครซอฟท์, X (หรือ Twitter เดิม) และ Match (เจ้าของ Tinder) เข้ายื่นร้องเรียนร่วมกับ Epic Games ในประเด็นนี้เช่นกัน โดยบอกว่าแอปเปิลพยายามกีดกันนักพัฒนามากจนเกินไป
Meta ร้องเรียนว่าแอปเปิลไม่เปิดให้ผู้ใช้งานบูสต์โพสต์ได้ผ่านเว็บโดยตรง ส่วนไมโครซอฟท์บอกว่าแอปเปิล ไม่อนุญาตให้ใส่ข้อความที่บอกว่าการจ่ายผ่านช่องทางอื่นจะได้ส่วนลด ขณะที่ X บอกว่าส่วนแบ่ง 27% ที่แอปเปิลหักนั้นไม่สมเหตุสมผลเพราะการจ่ายเกิดขึ้นนอกแอปแล้ว และ Match Group บอกว่าแนวทางใหม่ที่แอปเปิลใช้ ส่งผลกระทบมากกับนักพัฒนาและผู้ใช้งาน
ด้านแอปเปิลเคยชี้แจงประเด็นนี้ว่าบริษัทได้ปฏิบัติตามคำสั่งศาลแล้ว นักพัฒนาสามารถเพิ่มเติมให้ข้อมูลการจ่ายเงินช่องทางอื่นกับผู้ใช้งานได้ ทั้งนี้คำร้องของ Epic Games และอีก 4 บริษัท จะขึ้นอยู่กับศาลพิจารณาว่าแอปเปิลได้ปฏิบัติตามคำสั่งแล้วหรือไม่ต่อไป
ที่มา: The Wall Street Journal
Comments
ถ้าคิด ค่าธรรมเนียมถูก ๆก็ไม่มีปัญหา
ไปอยู่ platform ก็ต้องยอมรับเงื่อนไขเขาสิ ทำไมไม่ทำระบบปฏิบัติการเอง ขายมือถือเอง ? โวยทำไม
App Store ไม่ได้ประสบความสำเร็จจนถึงทุกวันนี้เพราะแค่ Apple เพียวๆนะครับ วันแรกๆที่ตลาดเปิดถ้าไปร้องเรียนว่าค่าเช่าที่แพงอาจจะฟังไม่ขึ้น แต่นานวันเข้า ตลาดควรจ่ายค่า Ecosystem ที่ชุมชนนักพัฒนาช่วยกันสร้างขึ้นมาด้วยครับ
ไปอยู่แคลิฟอร์เนีย ก็ต้องยอมรับเงื่อนไขเขาสิ ทำไมไม่สร้างรัฐเอง? โวยทำไม
รอบที่แล้วก็คอมเม้นแบบนี้บ้งไปทีนึงละยังจะมาคอมเม้นเหมือนเดิมอีก นี่เค้าไม่เคยกลับมาอ่านคอมเม้นเลยเหรอไงนะ555
ว่าแต่ทำไมแอปเปิ้ลไม่ไปสร้างประเทศเองแล้วขายแค่ในประเทศตัวเองละไปขายประเทศอื่นทำไม 🤣
ได้ส่วนแบ่งอะไร จาก Apple เหรอครับ ถึงไปเดือดร้อนแทนบริษัท ทั้งๆที่การฟ้องร้องที่้เกิดขึ้นทำเพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้บริโภค และ นักพัฒนา
เค้าก็ร้องเรียนตามสิทธิ์ของเค้าที่กฎหมายกำหนดไงครับ
มีติ่ง Device โง่ๆแบบนี้ ก็ชวนปวดหัวแค่คอมเม้นก็โชว์ตรรกะได้เลยว่าคนๆนี้ ไม่น่าคบหา
ขาดอีกคนครับ จุดธูปเรียกก่อน พ่อ window จอฟ้า คงจะเจ็บปวดไปยันลูกบวชเลยมั้ง แถมเอามือจับโทรศัพท์ Samsung แล้วเครื่องดับ 2 เครื่อง !?@#%$ เอาจริงๆ ผมอิหยังวะมากๆ
555 ไอ้จับแล้วดับสองเครื่องนี่ฮามาก คิดได้เนอะioผลไม้เหรอไง อ่านแล้วขำหนัก
EMP lifeform เหรอครับ จับแล้วเครื่องดับเองได้ 555
ผมก็ไม่สามารถพูดอะไรได้เ่ท่าไหร่นะ คือผมจับโทรศัพท์แล้วดับหรือค้างมาหลายรุ่น แท็บเล็ตก็มี Apple Watch Ultra ที่โชว์อยู่ที่ Apple Store Central World ก็เป็น 🥲 ค้างไปนาทีกว่าๆ กว่าจะกลับมา
มีติ่งแบบนี้เยอะจนแอปเปิ้ลกั๊กผลิตภัณฑ์เท่าไหร่ก็ได้ ตัดทางเลือกผู้บริโภคยังไงก็ได้ ไม่มีอะไรพัฒนากันพอดี
ก็เหมือนเช่าบ้าน เช่าที่ ทำเลดีมากๆ ก็ย่อมแพงเป็นธรรมดา
พอไม่ถูกใจราคา ก็ร้องเรียนรัฐซะงั้น ต้องบังคับให้ถูกกว่านี้ แทนที่จะไปหาที่อื่น
ลืมอะไรรึเปล่าว่าแอปเปิ้ลไม่ได้ใหญ่ที่สุด ขายบ้านเค้าก็ต้องเคารพกฎบ้านเค้า เรื่องเบสิคแบบนี้ทำไมคนไทยชอบมองข้ามกันนะ ถึงว่าบ้านเราไม่ค่อยเคารพกฎหมายกัน
ถ้าบ้านนั่นตั้งอยู่ในรัฐที่กฏห้ามตั้งค่าเช่าเกินเท่านี้ แต่เจ้าบ้านไม่ทำตามกฏ ก็ควรถูกลูกบ้านฟ้องป่ะ เสร่อเม้นจริงๆ
กลับประมูลไปเถอะครับ ที่นี่มีแต่สุภาพชน 99.99%
+1 ไม่สมกับที่โตเป็นผู้ใหญ่ทำงานทำการแล้วเลย น่าส....จริงๆ
ค่าเช่าน่ะไม่มีปัญหา
แต่ tax/commission จากสินค้าที่เราขายได้ นี้คือ?
เหมือนค่าน้ำค่าไฟไงครับ
ถ้าเอาแบบแฟร์หน่อยต้องคิดเป็นจำนวนการใช้พื้นที่ / จำนวนแบนด์วิธ ที่โหลดใช้งาน และไปคิดค่าบริการตาม API แยกเหมือนพวก Cloud
แต่ถ้าทำแบบนั้นพวก Social ที่เน้น install base อาจจะจ่ายแพงกว่าเก่าก็ได้นะ
มากันหมดเลย ทีนี้ั
ความคิดเห็นเชิงบวกเพียบ