กระทรวงยุติธรรมสหรัฐ (DoJ) ยื่นฟ้องกูเกิลในคดีผูกขาด search มาตั้งแต่ปี 2020 เวลาผ่านมา 3 ปีกว่า กระบวนการยังอยู่ในชั้นศาล โดยทั้งสองฝ่ายจะแถลงปิดคดีกันภายในเดือนนี้ (พฤษภาคม 2024)
ในการไต่สวนชั้นศาล DoJ ได้เรียกพยานและเอกสารจากคู่แข่งของกูเกิลมาหลายราย หนึ่งในนั้นคือไมโครซอฟท์ และล่าสุดมีอีเมลภายในของไมโครซอฟท์ถูกนำมาใช้อ้างอิงในคดี ทำให้เรามีโอกาสเห็นเบื้องหลังว่าไมโครซอฟท์คิดอย่างไร ถึงไปลงทุนใน OpenAI
อีเมลชุดนี้เขียนขึ้นโดย Kevin Scott ซีทีโอของไมโครซอฟท์ ส่งหา Satya Nadella และ Bill Gates ในเดือนมิถุนายน 2019 มีหัวข้อว่า "Thoughts on OpenAI"
Kevin Scott ภาพจาก Microsoft
Scott แสดงความเห็นว่า ทั้ง OpenAI และกูเกิล (Google Brain และ DeepMind ที่ตอนนั้นยังแยกกัน) คิดใหญ่กว่ามากในเรื่อง AI ซึ่งดูได้จากการออกแบบศูนย์ข้อมูล โครงสร้างพื้นฐาน เครือข่าย ซอฟต์แวร์ คอมไพเลอร์ ไปถึงระดับชิป ซึ่งเขากังวลมากๆ ว่าศักยภาพของไมโครซอฟท์ไม่สามารถไล่ตามทั้งสองบริษัทได้ทัน
Scott ยกตัวอย่าง โมเดลภาษา BERT ของกูเกิล (ในตอนนั้น) ว่าไมโครซอฟท์ไม่สามารถทำแบบเดียวกันได้ง่ายนัก แม้มีเทมเพลตของโมเดลก็ตาม แต่ไมโครซอฟท์ต้องใช้เวลาถึง 6 เดือน กว่าจะพร้อมเทรนโมเดลแบบเดียวกัน เพราะโครงสร้างพื้นฐานของไมโครซอฟท์ไม่ได้เตรียมไว้ดีพอ การที่กูเกิลมีโมเดลแบบ BERT นำหน้าไมโครซอฟท์ 6-12 เดือน ยิ่งทำให้ Google Search มีผลลัพธ์คุณภาพมากขึ้นจากการนำ BERT ไปใช้งาน และ Scott ยังชมฟีเจอร์ autocomplete ของ Gmail ที่ใช้ BERT อยู่เบื้องหลัง ว่าทำงานได้ดีจนน่ากลัว (scarily good)
เนื้อหาส่วนที่เหลือของอีเมลถูกตัดออกไปเพราะเป็นความลับของบริษัท แต่ Satya Nadella ได้ส่งอีเมลนี้ต่อให้ Amy Hood ซีเอฟโอของไมโครซอฟท์ และบอกว่า "why I want us to do this" ซึ่งน่าจะหมายถึงการชักจูงให้ Hood ยอมจ่ายเงิน 1 พันล้านดอลลาร์ ลงทุนใน OpenAI ในเดือนถัดมา (กรกฎาคม 2019)
ที่มา - Business Insider, The Verge
Comments
ทีเรื่องแบบนี้กล้าลงทุน กล้าเสี่ยง แต่ก็พอจะเข้าใจได้ เพราะธุรกิจ AI ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น เลยยังมีโอกาสแข่งขันและทำเงินได้อยู่
พอกลับมามองที่ผลิตภัณฑ์ตัวเองที่กล้าทำออกมาแข่งกับเจ้าอื่นเหมือนกันอย่าง Windows RT, Surface Watch และ Windows Phone กลับไม่ทำอะไรให้เต็มที่แบบนี้บ้าง ดันไม่กล้าเสี่ยง แล้วปล่อยให้ตาทั้งที่มันมีอนาคตและมีตลาดที่คนพร้อมจะซื้อ
ไม่เข้าใจหัวคิดของ MS เลย ทำลายอนาคตตัวเองมาไม่รู้ตั้งกี่รอบ ก็ไม่เคยเรียนรู้อะไรเลย
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
Windows Phone Windows RT เนี่ยเสียดายมากๆ ไม่รู้ว่าจะสร้างมาทำไมถ้าจะกีดกันนักพัฒนาแอพขนาดนี้ แทนที่จะทำให้แอพมันคอมไพล์ง่ายๆ เล่นให้ไปเขียนโค้ดพิเศษขึ้นมาเหมือนไล่แขก
ทุกคนเขาไม่ได้คิดแบบคุณไงครับ MS เลยไม่ได้ทำอย่างที่คุณกล่าว จริงอยู่ที่ว่าอนาคตและมีคนพร้อมจะซื้อ แต่ * ไว้ด้วย สำหรับคนที่รู้เรื่อง IT คนทั่วไปเขาไม่ใช้กัน +ติด android ios ไปแล้ว ชาวบ้านไม่ค่อยมีใครอยากเสียเวลาเรียนรู้สิ่งใหม่ บางคนยังเปิดปิด PC ไม่เป็นเลย
ส่วนตัวมองว่า MS ขาดวิสัยทัศน์ นะ
คือ มีทุนพร้อมไล่ตามคู่แข่ง แต่ก็จะช้ากว่าคู่แข่ง หลายเดือน
แถมไม่มีวิสัยทัศน์แบบชัดๆว่าจะทำอะไรล้ำๆแซงหน้าคู่แข่ง
(หรืออาจจะกั๊กไว้ เพราะส่วนแบ่งตลาดน้อย
ถ้าทำไป กลายเป็นไอเดียให้เจ้าตลาดก็ได้)
จะตัดราคาทุ่มตลาดแย่งส่วนแบ่งก็ต้นทุนสู้ไม่ได้
ซึ่งลากต่อไปก็จะเป็นผู้ตามไปเรื่อยๆอีก
โดยปรกติจ้าวตลาดจะไม่ทำผลิตภัณฑ์ที่แหวกจากผลิตภัณฑ์เดิมเท่าไหร่หรอกครับ เรียกว่าจะแทบทุกวงการเลยก็ว่าได้ มันมีปัจจัยหลายอย่างทั้งผู้ถือหุ้น ผู้ใช้ผลิตภัณฑ์เดิม หรือแม้แต่เรื่องต้นทุน ในทุกวงการผู้เปลี่ยนตลาดมักเป็นเบอร์ 2,3 หรือรองๆ ลงไป พอมีสินค้าใหม่ที่ผู้บริโภคตอบรับดีผลิตออกมาจากคู่แข่ง จ้าวตลาดถึงจะเริ่มขยับตัว แล้วออกผลิตภัณฑ์มาแข่ง อาจสงสัยว่าทำไมถึงออกมาแข่งได้ภายในเวลาไม่ถึง 1-2 ปี ก็เพราะความเป็นจ้าวตลาดมีเงินสดสะสม และลูกค้าปริมาณมาก จึงมักใช้วิธี ทำผลิตภัณฑ์ออกมาที่หลังแล้วเกทับด้วยพลังเงินซะเป็นส่วนใหญ่ เพราะวิธีนี้มักจะมีความเสี่ยงน้อยกว่าการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ถอดด้ามที่ผู้บริโภคไม่คุ้นเคย และที่สำคัญเบอร์รองได้ลงทุนเรื่องการทำให้ผู้บริโภครู้จักสินค้าใหม่ไปแล้ว หน้าที่ของผู้ตามมา คือ ทุ่มตลาดเพื่อเกทับอย่างเดียว ดีกว่า เร็วกว่า ในราคาที่ถูกกว่า มักเป็นสิ่งที่จ้าวตลาดมักทำ มันเป็นสัจธรรมในโลกทุนนิยมไปแล้ว
ในตลาด mobile/tablet
เจ้าตลาด ทั้ง google ปรับ feature android ตลอด
samsung ก็พยายามทำ ปากกา, จอพับ ฯลฯ
มันแสดงให้เห็นว่าผู้นำในวงการนี้สร้างสิ่งล้ำกว่าคู่แข่งตลอดนะ
เป็น MS เองที่เล่นเกมรับ อันไหนตลาดยอมรับมากสุดก็ทำตามนั้น
ราวกับมือถือค่ายจีนก็มิปาน
เผลอๆ จีนอย่าง Huawei ยังมีนวัตกรรมกว่า(เช่น กล้องซูมโหด)
ส่วน Apple นี่ปล่อยเขาไป สาวกเขาแข็ง 😆
จริง ขอบคุณครับ
autocomplete ตัวนี้ของกูเกิลเวลาค้นหาดีมากนะ ตอนนั้นของไมโครพิมพ์ไปก็ไม่มี ใช้ลำบากสุดๆ