RIAA (สมาคมผู้ประกอบกิจการเพลงของสหรัฐอเมริกา) และ MPAA (สมาคมผู้ประกอบกิจการภาพยนตร์ของสหรัฐฯ) ได้ประกาศความร่วมมือกับผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตรายใหญ่ในสหรัฐ ซึ่งได้แก่ AT&T, Verizon, Comcast, Time Warner และ Cablevision เพื่อสร้างระบบแจ้งเตือนผู้ใช้เมื่อผู้ใช้กำลังดาวน์โหลดเนื้อหาละเมิดลิขสิทธิ
เมื่อระบบพบการละเมิดลิขสิทธิจากผู้ใช้ ระบบจะส่งอีเมลแจ้งเตือนไปถึงผู้ใช้โดยอัตโนมัติ หลังจากนั้นผู้ให้บริการสามารถที่จะเลือกปรับลดความเร็วอินเทอร์เน็ต หรือ redirect หน้าเว็บไปยังเว็บอื่นจนกว่าผู้ใช้จะติดต่อกลับไปหาผู้ให้บริการ แต่สิ่งที่แตกต่างไปจากผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตในยุโรปหลาย ๆ ประเทศก็คือผู้ให้บริการในสหรัฐจะไม่ตัดอินเทอร์เน็ตผู้ใช้
สมาคมผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตในสหรัฐยังเชื่อว่า หากผู้ใช้ทราบว่าแอคเคาท์ของเขาถูกนำไปใช้ในการละเมิดลิขสิทธิ ส่วนใหญ่แล้วผู้ใช้เหล่านี้จะเลิกละเมิดหรือหาทางแก้ไขทันที ในขณะที่กลุ่มนักวิชาการด้านสิทธิเสรีภาพและเทคโนโลยีได้ออกมากล่าวว่าสิ่งที่น่าเสียดายที่สุดคือการที่กลุ่มผู้ให้บริการเลือกที่จะดำเนินการก่อนโดยไม่ได้มีคำสั่งจากศาล
ที่มา - Reuters
Comments
+1
That is the way things are.
ถ้ามาใช้กับประเทศไทยล่ัะก็สนุกน่าดู
เริมที่พันธิปจะกลับมาคึกคักอีกครั้ง แต่ลูกค้า isp ร่วมใจกัลดสปีดเน็ตลง
นายกที่ให้กดหมายผ่านก็จะไม่ใด้เก้าอี้ในสมัยหน้า คนที่จะมายกเลิกก็จะใด้เก้าอี้ไปแทน
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
Call Center แต่ละค่ายก็คงรับบทหนักขึ้น เพราะลูกค้าโทรเข้าไปไม่ขาดสาย
ว่าแต่ ค่ายเพลง/ภาพยนตร์ กับ ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต มีผลประโยชน์ซึ่งกันและกันด้วยหรือครับ?
กำลังสงสัยอยู่นิดตรงประเด็นที่ว่า ถ้ามันมีผลประโยชน์ซึ่งกันและกัน อย่าง Apple iTunes ที่ได้ค่าหัวคิวไปตรงๆ กับค่ายเพลงที่ต้องการป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์ ก็ต่างร่วมมือกันป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์ได้ ทำให้ iOS เลยเป็นอย่างที่เห็นกับการทำระบบให้ไม่เอื้อต่อการละเมิดลิขสิทธิ์ อันนี้เป็นตัวอย่างนะครับ
แต่ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต ไม่น่ามีผลประโยชน์ใดๆ กับค่ายเพลง/ภาพยนตร์ การที่ผู้ใช้ดาวน์โหลดไฟล์ละเมิดลิขสิทธิ์ แม้อาจจะมีผลกระทบต่อผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตในเรื่องการใช้ bandwidth บ้าง แต่ไม่น่าเสียผลประโยชน์อย่างมีนัยสำคัญถึงขนาดออกมาร่วมมือกันกับค่ายเพลง/ภาพยนตร์ในการป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์ แถมอาจมีผลเสียต่อการทำตลาดด้วยซ้ำที่ลูกค้าอาจจะหนีไป ISP รายอื่นๆ ที่ไม่มีการปรับลดความเร็วอินเทอร์เน็ตลงแทน (อาจเป็นจุดขายของ ISP รายอื่นๆ ได้ด้วยซ้ำ ...คือเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ต้องยอมรับว่าในอเมริกามันก็มีอยู่พอประมาณเหมือนกัน ไม่ใช่เฉพาะเมืองไทย)
เลยสงสัยว่าค่ายเพลงมีการ "จ่าย" ให้ ISP ด้วยหรือเปล่า ซึ่งถ้าจริงก็ต้องมาคุยกันต่อว่าลูกค้าจ่ายให้ ISP ในราคาเต็มเหมือนกัน จุดความเหมาะสมอยู่ที่ตรงไหนอย่างไร
ไม่ได้สนับสนุนการละเมิดลิขสิทธิ์นะครับ แต่เป็นประเด็นที่ชวนให้คิดครับ
ส่วนตัวเข้าใจว่า Bandwidth จำนวนมากถูกใช้ไปกับการดาวน์โหลดของละเมิดลิขสิทธิ์หน่ะครับ แต่คงต้องหาตัวเลขมาดูอีกที
ใน USA เจ้าของสายโทรศัพท์สามารถกันไม่ให้รายเล็กเข้าไปทำตลาดใด้ (เช่นไม่ให้แชร์สายโทรศัพท์ หรือ ไม่ให้ไช้เสา) รวมถึงค่ายใหญ่ตกลงแยกพื้นที่กัน เลยเป็นการผูกขาดไปในตัว เมื่อไม่มีการแข่งขันลูกค้าเลยต้องง้อ ISP ชึ่งเป็นปัญหาของ USA ... ชึ่งไม่มีในที่อื่น
ก่อนหน้านี้มีข่าวว่า ISP จะตัดเน็ตลูกค้าตามใจค่ายเพลงด้วยช้ำ แต่ก็โดนต่อต้านมากจนต้องยกเลิกไป
ครั้งนี้เลยแอบทำเงียบๆ ปัญหาคือการปรับลดความเร็วอินเทอร์เน็ต หรือ redirect หน้าเว็บไปยังเว็บอื่นน่าจะโดนต่อต้าน (เช่นเดิม) นอกจากนั้น การที่รู้ว่าโหลดอะไร แปลว่ามีการแอบดูการไช้งาน ชึ่งละเมิดความเป็นส่วนตัว และยังเป็นการลงโทศผู้ไช้บริการโดยไม่ผ่านศาล
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
โอ้ว ขอบคุณครับ ได้ความรู้เยอะเลย สงสัยงานนี้ต้องดูกันยาวๆ
มันไม่เกี่ยวกับ Bandwidth เลยสิครับ (อาจจะมองมุมมอง Technical มากไป)
ความจริงคือ ISP มักจะโดนค่ายเพลงฟ้อง ที่ปล่อยให้ลูกค้าตัวเองทำผิดกฎหมาย
@TonsTweetings
+1 ถ้าเป็นบ้านเราก็ย้ายไปลงทุน ISP แทน อิอ
เท่าที่อ่านตรวจสอบแค่ตอนโหลดใช่ไหม มากกว่านั้นคงไม่ดีเนอะ ถ้างั้น ถ้า zip ใว้เปลี่ยนชื่อ จะรู้ได้ไงว่าผิดลิขสิทธิหรือเปล่า
ดีแล้ว!! เคารพ"ผู้สร้าง"ที่ต้องเหน็ดเหนื่อยสร้างผลงานขึ้นมาบ้าง
แต่ก็ไม่ใช่ข้ออ้างที่จะขึ้นราคาผลงานตนเองตามใจชอบ
แล้วยิ่งกว่านั้น ถึงยังไงก็ผิดต่อสิทธิเสรีภาพอยู่ดี ..จริงๆแล้ว คนเราจะทำอะไรกับเน็ตของผม มันก็เรื่องของเรานี่
ถ้าำงี้ คนใช้ก็มีสิทธิไม่จ่ายเงินคุณ เพราะคุณก็ทำผิดสัญญา
มาดูว่าใช้งานอะไรไป โหลดอะไรไปบ้าง มันไม่ต่างอะไรกับไปแอบถ่ายคลิปในส้วมหรอกนะ
ใช่ครับ
ISP มีอิสระที่จะออกข้อกำหนดเพิ่มเติม และถ้าผู้ใช้ไม่พอใจ ก็ไปหาเจ้าอื่นแทน
ถ้าไม่มีซักเจ้า ก็ต้องยอมทน
เพียงแต่รัฐบาลต้องไม่บังคับกับ ISP โดยไม่มีกฏหมายรองรับ แต่อาจมีนโยบายสนับสนุนได้