Hiroshi Lockheimer หัวหน้าฝ่ายวิศวกรรม Android ขึ้นให้การเป็นพยานแก่ซัมซุง ในคดีสิทธิบัตรกับแอปเปิล โดยเขาให้การยืนยันว่าฟีเจอร์หลายอย่างของ Android (ที่แอปเปิลฟ้องว่าลอก) นั้นกูเกิลคิดเองมาตั้งแต่แรก
Lockheimer บอกว่าเขามาอยู่กับกูเกิลตั้งแต่ปี 2006 โดยตอนนั้นทีม Android มีคนประมาณ 20-30 คน (ปัจจุบันมีประมาณ 600-700 คนที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของเขา) วิธีการทำงานของ Android เป็นเหมือน startup ที่แยกตัวเป็นอิสระจากกูเกิล
เขาเล่าประวัติการกำเนิด Android ให้คณะลูกขุนฟังว่ากูเกิลพยายามทำซอฟต์แวร์ให้แตกต่างจาก iOS อยู่แล้ว กูเกิลอยากมีอัตลักษณ์ของตัวเอง มีไอเดียของตัวเอง มีความภูมิใจในสิ่งที่ตัวเองทำอยู่
ฟีเจอร์ส่วนใหญ่ที่ถูกแอปเปิลฟ้องว่าลอก ถูกสร้างขึ้นระหว่างปี 2005-2006 ก่อนกูเกิลเปิดตัวมือถือรุ่นแรกคือ T-Mobile G1 ในปี 2008 ซึ่งซัมซุงพยายามใช้ข้อมูลนี้โต้กลับแอปเปิลว่า ฟีเจอร์พวกนี้ถูกคิดขึ้นก่อนการเปิดตัว iPhone
นอกจากนี้ ทนายของซัมซุงยังพยายามโต้แอปเปิลว่าเหตุผลที่มือถือซัมซุงขายดี เป็นเพราะปัจจัยอื่นๆ เช่น รองรับ LTE ไม่ใช่เป็นเพราะมีฟีเจอร์ที่แอปเปิลบอกว่าลอก เพราะถ้าฟีเจอร์ของแอปเปิลเป็นสิ่งสำคัญต่อผู้ซื้อจริง ทำไม Galaxy Nexus ที่แอปเปิลบอกว่าละเมิดสิทธิบัตร 5 รายการ จึงขายไม่ดีเท่ากับ Galaxy S3 ที่แอปเปิลบอกว่าละเมิดเพียง 3 รายการ
คดีนี้ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา โดย Lockheimer เป็นพยานคนแรกที่ซัมซุงเชิญมาให้การในชั้นศาล ซึ่งซัมซุงแจ้งว่าอาจเชิญพยานมาถึง 17 คน ในขณะที่ผู้พิพากษา Lucy Koh ก็ขอให้ซัมซุงลดจำนวนพยานลง
ที่มา - CNET
Comments
เกลียดแอปเปิ้ลมากขึ้นทุกวันๆเพราะความหยิ่งทะนงของมันแบบนี้แหละ ต่อให้โลกนี้มีมือถือแค่ไอโฟนอย่างเดียว หรือแจกฟรีก็ไม่เอา หรือเอามาขายทิ้งแหละ ชิยส์...
เกลียดกูเกิลมากขึ้นทุกวันๆเพราะความหยิ่งทะนงของมันแบบนี้แหละ ต่อให้โลกนี้มีมือถือแค่แอนดรอย์อย่างเดียว หรือแจกฟรีก็ไม่เอา หรือเอามาขายทิ้งแหละ ชิยส์...
เกลียดไมโครซอฟมากขึ้นทุกวันๆเพราะความหยิ่งทะนงของมันแบบนี้แหละ ต่อให้โลกนี้มีมือถือแค่วินโดว์โฟนอย่างเดียว หรือแจกฟรีก็ไม่เอา หรือเอามาขายทิ้งแหละ ชิยส์... #ผิดๆกรรม
เกลียดเวอร์ตูมากขึ้นทุกวันๆเพราะความหยิ่งทะนงของมันแบบนี้แหละ ต่อให้โลกนี้มีมือถือแค่เวอร์ตูอย่างเดียว หรือแจกฟรีก็เอา หรือเอามาขายทิ้งแหละ ชิยส์... #ม่ายมีตัง
// มันจะ inception ไปเรื่อยๆ มั๊ย!!?
เกลียดเวอร์ตูทำไมครับ?
I'm ordinary man; who desires nothing more than just an ordinary chance to live exactly what he likes and do precisely what he wants.
It's a joke, a sarcasm.
อ่านครบไหมเนี่ย!?
อ่านครบครับ (พยายามจะทำหน้าขึงขัง กลบอาการหัวเราะ)
I'm ordinary man; who desires nothing more than just an ordinary chance to live exactly what he likes and do precisely what he wants.
เหมือนเคยมีการพูดถึง Comment แบบนี้นะ แบนๆ ไปซะจะได้หมดๆ ไป
ถ้าแบนยกสายขึ้นมานี่ คนคอมเมนต์ต่อๆ ข้างหลังนี่สยองเลยนะครับนั่น :D
[แจ้งเตือน] การคอมเมนต์ไม่แสดงความเห็น ไม่เสริมเนื้อหา
กำลังจะต่อเลย อ่านมาถึงตรงนี้ถึงกับชะงัก
ผู้พิพากษาคงเหนื่อย ขอให้ลดจำนวนพยานลง 555
ก็ยังคงฟ้องกันมุ้งมิ้งต่อไปอีกหลายปีสินะคู่นี้
อ่าน 5 สิทธิบัตรที่ Apple ฟ้อง Samsung รู้สึกว่าบางอันเคยมีก่อน Apple อยู่แล้วอย่าง เดาข้อความใน SMS ผมเห็นมาตั้งแต่สมัย Nokia แล้ว Apple ก็มี Notification bar หลัง Android เหมือนกัน...
ปล.อยากให้วงการนี้ต่อสู้กันอย่างมีศักดิ์ศรีกว่านี้
+100
WE ARE THE 99%
ปัญหาคือลิขสิทธิ์ไม่จำเป็นต้องวางขายแล้วอะครับ เราทำงานมาเหนื่อยแทบตายถ้ามีคนมาตัดหน้าเอาไปขายแล้วดันขายดีซะด้วยก็เดือดร้อนครับก็เป็นคดีกันไปผมไม่ขอมองว่าใครเป็นมารร้าย เพราะมันคือการค้าครับ :D
ถ้าจำไม่ผิดจะชื่อฟงัชั่นว่า Dictionary นะ ผมเคยเห็นในโนเกียรุ่นจอขาวเมื่อก่อน
ปล.อยากให้วงการนี้ต่อสู้กันอย่างมีศักดิ์ศรีกว่านี้
+1
ปล.อยากให้ "ทุกวงการ" ต่อสู้กันอย่างมีศักดิ์ศรีกว่านี้
เหอๆ ความจริง apple นี่ขี้ขโมยความคิดสุดๆ แต่เพราะขโมยช่วงที่ไม่มีอะไรดัง พอของที่ตัวเองขโมยมามันดัง กลายเป็นว่าคนเข้าใจผิดคิดว่า apple คิดขึ้นมาเอง ผมไม่อยากก่อดราม่านะ แค่คำพูดนี้ good art is copy great art is steal ก็สื่อได้หลายอย่าง ว่า apple ios iphone เป็นรูปเป็นร่างได้ในวันนี้ ก็เพราะขโมยความคิดคนอื่นมาดันแปลงนิดหน่อย ขณะที่คนอื่นก็ขโมยเหมือนกัน แต่แปลกที่โดนเหมาว่า ก๊อปปี้
ส่วนประเด็นฟ้องร้องผมว่ามันเป็นเทคนิคการต่อสู้ทางธุรกิจ ลองฟ้องๆดู เผื่อพลุคนี่แจ๊คพอตได้เลย การลงทุนฟ้องใช้เศษเงินนิดหน่อยเองเมื่อเทียบกับรายได้ แต่ถ้าชนะอย่างที่บอก ........ไม่อยากจะคิด
ลองๆคิดดูนะว่าการขโมยน่ะมันทำอะไรได้บ้าง ถ้าสมมุติผมเป็นคนดังในโลกศิลปะ ไปขโมยไอเดียภาพที่ศิลปินอิสระวาดข้างถนน เอามาวาดภาพของตัวเองทำการเปลี่ยนสีนิดหน่อย ลายเส้นนิดหนึ่ง แล้วจัดงานโชว์ จะเกิดอะไรขึ้น.... ไม่มีคนรู้หรอกว่าผมไปเจอไอเดียนั้นที่ไหน
สุดท้ายก็แค่ เส้นบางๆ ระหว่างผิดกับถูก ที่คนเราใช้จิตใต้สำนึกตัดสินไป และจิตใต้สำนึกผมตอบว่า apple ไม่ควรไปฟ้องเขาเกือบทุกเรื่อง โดนเฉพาะ โทรศัพท์รูปทรงสี่เหลี่ยมผืนฝ้า
การฟ้องร้องเป็นหนึ่งในกระบวนการ DISCREDIT ฝ่ายตรงข้ามว่าเป็นพวกขึ้นลอก ไม่น่าใช้
นอกจากนั้นยังสร้าง brand-loyalty ขึ้นมาอีกทำนองว่า ยี่ห้อที่ฉันใช้ดีนะ ไม่เคยลอกใครมา เป็นนวัตกรรมล้วนๆ หารู้ไม่ว่า นี่แหละตัวพ่อเลย
karma op.
เดี๊ยว samsung ฟ้องกลับ ข้อหาทำหน้าจอใหญ่ และอีกหลายบริษัทร่วมกันฟ้อง คราวนี้ apple boom เล็ก เละกลายเป็นโกโก้ครั้น
ใครมีประวัติการขึ้นศาลของ แอปเปิ้ลและซัมซุง แบบTimeline เอามาโชว์หน่อย...
Smartphone Patent Wars: Timeline of the Apple v. Samsung Legal Battle
พูดกันตรง ๆ ผมว่าคงไม่มีใครยอมรับหรอกครับว่าเลียนแบบมา ... ยกเว้นแต่ว่าภูมิใจว่า "ข้าเลียนแบบมานะเฟร้ย" อันนี้จะยืดอกเลยว่าเลียนแบบมา (มีนะครับที่ทำแบบนี้ เช่นพวกซอฟท์แวร์ Emulator อะไรทำนองเนี้ยะ) และจะทำแบบเหมือนที่สุดเท่าที่ทำได้
ถ้าเป็นศิลปินบ้านเราจะเรียกว่า "แรงบันดาลใจ" :-)
อ่อผมแปลกอยู่คนเดียวรึเปล่าครับ ถึงแม้ว่าผมจะชื่นชอบ Apple และใช้ผลิตภัณฑ์ของเค้ามาตลอด
แต่ถ้าวันดีคืนดี Samsung ลุกขึ้นมาฟ้อง Apple บ้างผมก็คงไม่เป็นเดือดเป็นร้อนอะไร และไม่คิดจะ
แบนผลิตภัณฑ์ของ Samsung ด้วย อันไหนมันดีคุ้มค่าสำหรับผม ผมก็ซื้อใช้ตามนั้น ไม่เห็นเราจะต้อง
เอามาใส่ใจให้เป็นอารมณ์เลยนี่ครับ
ความสุขของคนเราไม่เหมือนกันครับ ถ้าเหตุผลมันฟังแล้วโอเค เขาทำแล้วเราไม่เดือดร้อนก็ปล่อยเขาทำไปเถอะครับ
นั่งคิดว่าการใช้พยานจำนวนมากๆ บางครั้งเพียงเพื่อจะลากเรื่องให้ยาวขึ้น?
I'm ordinary man; who desires nothing more than just an ordinary chance to live exactly what he likes and do precisely what he wants.
เป็นเทคนิคในทางกฎหมายที่สำคัญอย่างหนึ่งครับ พวกทนายเคี่ยว ๆ นี่มีหลายวิชาในการยืดการพิจารณาคดีให้ยาวออกไปอย่างที่เห็นบ่อย ๆ คือ เลื่อนการพิจารณา กรณีตามข่าวอาจจะเป็นการเพิ่มพยานให้มากเกินความจำเป็น
เมื่อยืดเวลาออกไปส่งผลให้เวลาแพ้คดี ค่าเสียหายที่ต้องจ่ายจริงลดลงจากค่าของเงินเอง และทำให้การแบนสินค้าทำไม่ได้จริงด้วยครับ (ตกรุ่นไปแล้ว) ในคดีอื่นก็อาจต้องการผลที่ต่างออกไปเช่นถ่ายโอนทรัพย์ เตรียมหลบหนีการจับกุม รอแก่ตายก่อนโดนจำคุก เป็นต้น
A smooth sea never made a skillful sailor.
สิทธิบัตรบางตัวเห็นแล้วเพลีย ไม่รู้ปล่อยให้จดกันได้ยังไง สุดท้ายก็กลายมาเป็นปัญหา
5สิทธิบัตรเนี่ย มันมีในของอื่นๆก่อนที่แอปเปิ้ลจะมาทำมือถือแล้วทั้งนั้น กองสิทธิบัตรปล่อยให้จดได้ยังไงเนี่ย
apple พ่อทุกสถาบัน ขนาดโอบาม่ายังต้องลงมือช่วย
นึกถึงกรณีข้าวหอมมะลิของไทย....
เหมือนหลายๆคนจะเดือดร้อนกว่า Apple หรือ Samsung อีกนะครับ
สรุป Goophone พ่อทุกสถาบัน เฮียแกลอกทุกอย่างอย่างลอยตัว