ด้วยกระแสของ non-fungible tokens (NFT) ในตอนนี้ ทำให้มีคนสร้างเว็บไซต์ชื่อ The NFT Bay (พร้อมหน้าตาที่คุ้นเคย) ขึ้นมาแจกไฟล์รูปภาพ NFT ขนาดรวม 19.5TB ผ่าน BitTorrent
Geoffrey Huntley โปรแกรมเมอร์ชาวออสเตรเลียที่สร้างเว็บไซต์นี้ขึ้นมา อธิบายว่าเห็นคนจ่ายเงินซื้อ NFT กันอย่างกว้างขวาง บนความเชื่อว่าเป็นการซื้อสิทธิ (right) ความเป็นเจ้าของชิ้นงาน ผ่าน token ที่เก็บไว้บนบล็อคเชนอีกที แต่ตัวชิ้นงานจริงๆ ไม่ได้ถูกเก็บบนบล็อคเชน เป็นแค่ไฟล์ภาพ jpg ที่ฝากไว้บนเว็บโฮสต์แบบดั้งเดิม และใครๆ ก็สามารถคลิกขวา เซฟภาพเหล่านี้มาเก็บไว้ได้
Torrent Freak เปิดเผยรายงานอ้างอิงทราฟฟิคเฉพาะบน BitTorrent พบว่าซีรีส์ที่ถูกโหลดเถื่อนมากที่สุดในปี 2020 ตกเป็นของ The Mandalorian จาก Disney+ ขึ้นจากอันดับ 3 ในปีที่แล้ว หลังจาก Game of Throne ครองอันดับ 1 มาหลายปี
ส่วนอันดับ 2 ที่มีการโหลดมากที่สุดคือ The Boys ตามมาด้วย Westworld, Vikings, Star Trek: Picard, Rick and Morty, The Walking Dead, The Outsider, Arrow และ The Flash
Tranmission โปรแกรม Bittorrent โอเพนซอร์สยอดนิยมอีกตัว ออกเวอร์ชัน 3.0 ซึ่งทิ้งห่างเวอร์ชัน 2.0 นาน 10 ปีพอดี และเป็นการออกเวอร์ชันใหม่ครั้งแรกในรอบ 2 ปีด้วย (เวอร์ชันก่อนหน้านี้คือ 2.94 ออกเดือนพฤษภาคม 2018)
ฟีเจอร์ใหม่ที่สำคัญคือปรับปรุงการรองรับ IPv6, รองรับ Dark Mode บน macOS และปรับปรุงฟีเจอร์เล็กๆ น้อยๆ รวมถึงแก้บั๊กอีกจำนวนมาก
BitTorrent Inc. เปิดตัวโทเค็นใหม่ในชื่อเดียวกันคือ BitTorrent ตัวย่อ BTT ซึ่งออกโดย BitTorrent Foundation ซึ่งมีหลักการให้ผู้ใช้งาน BitTorrent แลกเปลี่ยนเพื่อความเร็วในการดาวน์โหลดที่มากขึ้น แนวคิดก็คือบนเครือข่าย BitTorrent แบบเดิมนั้น เมื่อผู้ใช้งานดาวน์โหลดไฟล์สำเร็จ ก็จะไม่มีแรงจูงใจมากนักที่จะวางไฟล์ให้คนอื่นดาวน์โหลดต่อ BTT จึงเพิ่มเข้ามาให้ผู้ต้องการดาวน์โหลดไฟล์ จ่าย BTT ให้ผู้วางไฟล์เพื่อสร้างแรงจูงใจ และได้อัตราดาวน์โหลดที่เร็วขึ้น
Sandvine บริษัทพัฒนาระบบวิเคราะห์ทราฟิกเครือข่าย ออกรายงานประจำครึ่งแรกปี 2018 ของการใช้งานอินเทอร์เน็ตทั่วโลก มีประเด็นสำคัญหลายอย่างดังนี้
uTorrent โปรแกรมดาวน์โหลด BitTorrent ชื่อดังได้เปิดตัวไคลเอนท์เวอร์ชันเว็บหรือ uTorrent Web และให้ทดสอบมาสักพัก ตอนนี้ uTorrent Web ก็ได้เปิดตัวเวอร์ชันเต็มพร้อมให้ใช้งานแล้ว
uTorrent Web มีให้ใช้งานบนเว็บเบราว์เซอร์ทั้ง IE, Edge, Firefox, Opera และ Chrome โดยผู้ใช้ยังคงจำเป็นต้องดาวน์โหลด uTorrent Web มาติดตั้งบนเครื่อง แต่ตัว uTorrent Web สามารถดาวน์โหลดไฟล์ได้ในเบราว์เซอร์ พร้อมทั้งมีระบบเล่นไฟล์ในตัวที่สามารถเล่นไฟล์ระหว่างดาวน์โหลดได้ด้วย
เป็นไปตามข่าวลือเมื่อเดือนก่อน โดย Tron สตาร์ทอัพสายบล็อกเชนและผู้สร้างเหรียญ Tron (TRX) ได้ประกาศเข้าซื้อบริษัท BitTorrent Inc. ซึ่งรายงานว่ามูลค่าดีลอยู่ราว 126 ล้านดอลลาร์ โดยทีมงาน BitTorrent ทั้งหมด จะย้ายมาทำงานต่อให้กับ Tron
นอกจากนี้ซอฟต์แวร์ของ BitTorrent ได้แก่ BitTorrent client และ μTorrent จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในระบบนิเวศของ Tron ด้วย ซึ่ง Tron บอกว่าด้วยจำนวนผู้ใช้ BitTorrent ราว 100 ล้านคนทั่วโลก จะทำให้ Tron กลายเป็นระบบนิเวศแบบกระจายศูนย์ (decentralized) ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ด้าน BitTorrent ก็ยืนยันว่าบริการต่าง ๆ จะยังคงเหมือนเดิมในตอนนี้ และยังไม่มีแผนเพิ่มการขุดเหรียญใส่เข้ามา
เว็บไซต์ Variety รายงานข่าวว่าบริษัท BitTorrent Inc. ที่ก่อตั้งโดย Bram Cohen ผู้คิดค้นโพรโทคอล BitTorrent (ปัจจุบัน Cohen ไม่ได้ทำงานเต็มเวลาที่นี้แล้ว) ถูกขายกิจการให้กับ Justin Sun นักลงทุนสายคริปโตและผู้สร้างเหรียญ Tron (TRX)
BitTorrent Inc. ไม่ได้แถลงเรื่องนี้อย่างเป็นทางการ แต่ Variety รายงานโดยอ้างข้อมูลจากพนักงานว่าบริษัทแจ้งเรื่องนี้ต่อพนักงานแล้ว
ตามข่าวบอกว่า Sun เป็นผู้เสนอซื้อ BitTorrent Inc. มาตั้งแต่เดือนกันยายน 2017 และบริษัทเองก็พยายามหาผู้ซื้อรายอื่น ก่อนจะตกลงดีลกับ Sun ได้เมื่อเร็วๆ นี้ ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่า Sun ซื้อบริษัทไปทำไม และมีแผนการอะไรต่อไป
Tavis Ormandy นักวิจัยจาก Project Zero ของ Google รายงานว่าซอฟต์แวร์ uTorrent บน Windows มีช่องโหว่ที่สามารถใช้เพื่อทำการรันโค้ดระยะไกล, ดาวน์โหลดมัลแวร์ใส่ไว้ในโฟลเดอร์สตาร์ทอัพของ Windows (เพื่อให้รันตอนรีบู๊ตครั้งถัดไป), คัดลอกไฟล์ที่ดาวน์โหลดมาแล้วและดูประวัติการดาวน์โหลดได้
Ormandy ค้นพบว่าช่องโหว่ของ uTorrent นี้เป็นช่องโหว่จาก DNS rebinding ทำให้ผู้บุกรุกเข้า resolve web domain บนคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้และเก็บกุญแจเพื่อใช้เข้าถึงได้ โดยตอนนี้ช่องโหว่ดังกล่าวได้รับการแก้ไขจาก BitTorrent เรียบร้อยแล้ว
เว็บไซต์ปล่อยของผิดกฎหมายอย่าง The Pirate Bay นั้นมีปัญหาคือไม่สามารถสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำจากการโฆษณา จึงทำให้ The Pirate Bay ต้องคิดวิธีใหม่ในการหาเงิน หนึ่งในนั้นก็คือ “การขุดคอยน์” โดยอาศัยซีพียูของผู้เปิดเว็บ
มีผู้เข้าชมเว็บไซต์ The Pirate Bay พบว่าตัวเว็บนั้นฝัง JavaScript ไว้ โดยเมื่อผู้ใช้เข้าเว็บจะทำการยืมเครื่องของผู้ใช้ไปขุดคอยน์ Monero ซึ่งก็ไม่ได้เกิดขึ้นทุกครั้งที่เข้าเว็บไซต์
The Pirate Bay ได้ให้ข้อมูลกับ TorrentFreak ว่าตอนนี้ทางเว็บไซต์ได้ทดสอบฟีเจอร์นี้จริง โดยการทดสอบนี้กินเวลาประมาณ 24 ชั่วโมง ซึ่งถือเป็นหนึ่งในวิธีการสร้างรายได้ และอาจจะเอามาแทนที่โฆษณาในที่สุด
Azureus เคยเป็นโปรแกรม BitTorrent แบบโอเพนซอร์สยอดนิยมตัวหนึ่ง เริ่มพัฒนาครั้งแรกในปี 2003 จากนั้นในปี 2007 ก็เปลี่ยนชื่อมาเป็น Vuze โดยหันมาเป็นโปรแกรมเชิงพาณิชย์มากขึ้น (นำซอร์สโค้ดของ Azureus มาผนวกกับบางส่วนที่ไม่เปิดซอร์ส)
ปัจจุบัน Vuze กลายเป็นโปรแกรมแจกฟรีแบบมีโฆษณา และมีเวอร์ชันพรีเมียม Vuze+ ที่จ่ายเงินเพื่อแลกกับการปลดล็อคโฆษณาและฟีเจอร์อื่นๆ
ล่าสุดมีอดีตนักพัฒนาของ Vuze สองราย ออกมาสร้างโปรแกรมโอเพนซอร์สตัวใหม่ชื่อ BiglyBT โดยแยกโครงการมาจาก Azureus มีฟีเจอร์ต่างๆ ครบถ้วน สามารถใช้ไฟล์และปลั๊กอินชุดเดียวกันได้ แต่ไม่มีโฆษณา
uTorrent ไคลเอนท์ BitTorrent ชื่อดังเตรียมเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ คือจะนำไคลเอนท์ไปรันบนเว็บเบราว์เซอร์ โดย Bram Cohen ผู้พัฒนา BitTorrent ได้ให้สัมภาษณ์เปิดเผยเรื่องดังกล่าวในพอดคาสท์ Steal This Show ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้จะช่วยให้ uTorrent สามารถให้บริการสตรีมมิ่งได้ดียิ่งขึ้นกว่าไคลเอนท์แบบปัจจุบัน
uTorrent ยังต้องใช้เวลาอีกสักพักกว่าจะบังคับผู้ใช้ให้ย้ายมาใช้ไคลเอนท์แบบใหม่ โดย Cohen ให้สัมภาษณ์ว่าเนื่องจาก uTorrent เป็นไคลเอนท์ที่มีผู้ใช้มาอย่างยาวนาน จึงเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนในการให้ผู้ใช้รู้สึกว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้คือการอัพเกรดจริง ๆ ไม่ใช่เป็นการทำลายประสบการณ์ผู้ใช้
FBI มีเทคโนโลยีเฉพาะของตัวเองสำหรับตามจับคนร้ายเสมอๆ วันนี้ทาง TorrentFreak ก็รายงานถึงความสามารถของ FBI ในการตามจับคนร้ายคดีเผยแพร่ภาพอนาจารเด็ก ที่ใช้ไคลเอนต์ BitTorrent ที่ปรับแต่งมาเป็นพิเศษเพื่อการตามจับคนร้าย
ไคลเอนต์รุ่นพิเศษนี้จะใช้สำหรับเก็บข้อมูลไอพีที่ได้มาจาก tracker จากนั้นเมื่อ FBI ล็อกเป้าหมาย ก็สามารถดาวน์โหลดไฟล์ทั้งหมดจากคนแชร์รายเดียว เพื่อยืนยันว่าต้นทางมีไฟล์ครบทั้งไฟล์อยู่บนเครื่องจริงๆ เพื่อดำเนินคดีต่อไป
ก่อนหน้านี้ FBI เคยตามจับคนร้ายที่แชร์ผ่านบริการอื่นๆ เช่น Limewire ที่มีฟีเจอร์แชร์ทั้งโฟลเดอร์ ทำให้ FBI สามารถตามค้นหาไฟล์ได้ว่าอยู่ในโฟลเดอร์ใครบ้าง แต่ช่วงหลังบริการเหล่านี้ก็เสื่อมความนิยมหรือเลิกฟีเจอร์แชร์โฟลเดอร์ไป
เมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมามีเว็บไซต์ให้บริการดาวน์โหลด BitTorrent ชื่อดังอันดับต้นๆ KickassTorrents ถูกปิดตัวลงพร้อมกันนี้เจ้าของเว็บถูกจับตัวที่ประเทศโปแลนด์จนในวันนี้กลับมาฟื้นคืนชีพอีกครั้ง
หลังจากเหตุการณ์เว็บถูกปิดตัวลงไม่นานนัก เหล่านักพัฒนาที่อุทิศตนให้กับเว็บไซต์ได้เปิดเว็บบอร์ดขึ้นมาเพื่อหวังจะให้กลับมาเปิดบริการใหม่ได้อีกครั้ง จนกระทั่งวันนี้ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการมาพร้อมกับโดเมนใหม่ในชื่อ Katcr.co
What.CD เป็น BitTorrent Tracker แบบปิด ก่อตั้งขึ้นในปี 2007 ไม่กี่วันให้หลังจากเว็บไซต์ OiNK ถูกปิด เว็บ What.CD รวบรวม torrent เพลงต่างๆ ไว้กว่า 2.5 ล้านไฟล์ในรูปแบบตั้งแต่ MP3 ไปจนถึง FLAC ทั้งเพลงที่ยังวางขายอยู่ และเพลงหายากไม่มีจำหน่ายแล้ว นอกจากนี้ทีมงาน What.CD ยังเป็นผู้พัฒนาระบบ Tracker Gazelle ซึ่งมี Tracker อื่นๆ ใช้กันอย่างแพร่หลาย
Bram Cohen ผู้ก่อตั้ง BitTorrent ได้ส่งอีเมลภายในถึงพนักงานว่า ตอนนี้ทางบริษัทได้ไล่ซีอีโอสองคนออก พร้อมกับปิดบริการ BitTorrent Now เรียบร้อยแล้ว พร้อมกับปลดพนักงานออกจำนวนหนึ่ง โดยผู้ที่จะขึ้นมาเป็นซีอีโอชั่วคราวคือ Dipak Joshi ผู้ดำรงตำแหน่งซีเอฟโอของบริษัท
ซีอีโอสองคนของบริษัทคือ Jeremy Johnson และ Robert Delamar นั้นถูกปลดออกจากบอร์ดบริหารของ BitTorrent เรียบร้อยแล้ว ซึ่งจากผลงานของทั้งสองคนคือพยายามจะปั้น BitTorrent ในด้านสื่อด้วย BitTorrent Now โดยทางบริษัทไม่ได้บอกเหตุผลที่ไล่ออกจากบริษัท แต่แหล่งข่าวของ Variety เผยว่าเพราะเงินที่ใช้จ่ายไปกับ BitTorrent Now ควบคุมไม่ได้ และตอนนี้ใช้จ่ายไปนับล้านดอลลาร์แล้ว
Torrentz.eu เว็บไซต์ค้นหาไฟล์ torrent รายใหญ่ของโลก ประกาศอำลาผู้ใช้งานแล้ว หลังเปิดมาตั้งแต่ปี 2003 เป็นเวลานานถึง 13 ปี
ตอนนี้หน้าเว็บ Torrentz.eu ยังเข้าได้อยู่ แต่ไม่สามารถค้นหาข้อมูลอะไรได้อีกแล้ว
เว็บไซต์ข่าว TorrentFreak พยายามติดต่อไปยัง Torrentz.eu แต่ได้รับคำตอบว่าไม่ต้องการแสดงความเห็นในตอนนี้ เราเลยยังไม่รู้สาเหตุว่าทำไม Torrentz.eu ปิดตัวลงไป และไม่รู้ว่ามีความเชื่อมโยงกับข่าวการปิด KickassTorrents เมื่อเดือนที่แล้วหรือไม่
ที่มา - TorrentFreak
ข่าวใหญ่รอบสัปดาห์นี้คงหนีไม่พ้น Kickass Torrents ถูกปิด แต่หลายคนน่าจะพอเดากันได้ว่าถึงแม้เว็บหลัก kickass.to จะถูกทางการสหรัฐยึดโดเมนเนมไปแล้ว แต่ก็เป็นผลให้มีเว็บสำรองเกิดขึ้นมาเป็นจำนวนมาก
ปัญหาคือตอนนี้ไม่มีใครรู้ว่า Kickass ใหม่อันไหนเป็นของจริงของปลอม เพราะมีคนหลายกลุ่มทำ mirror ของตัวเว็บดั้งเดิมเก็บไว้ และหลายกลุ่มก็พยายามโปรโมทว่าตัวเองเป็นเว็บที่สืบทอดเจตนารมณ์ของเว็บเดิม เช่น kickass.la ที่พยายามอ้างว่าตัวเองเป็น official backup ของเว็บเดิม (แต่สุดท้ายก็ยอมรับว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกัน) หรือ Kickasstorrents.to ที่โฮสต์ไฟล์แคชของเว็บต้นฉบับเท่านั้น
เป็นเรื่องฮือฮาขึ้นมาเมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา หลัง Artem Vaulin เจ้าของเว็บไซต์ KickAssTorrents ถูกจับและเว็บถูกปิด ล่าสุดเว็บไซต์ Gizmodo ออกมาเปิดความผิดพลาดของนาย Vaulin จนเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่สามารถตามรอยได้ง่ายๆ จากอีเมลที่เขาผูกไว้กับเฟซบุ๊ก และการทำธุรกรรมผ่าน iTunes
เว็บไซต์ให้บริการดาวน์โหลด BitTorrent ชื่อดังอันดับหนึ่ง KickassTorrents ถูกปิดลงแล้ว หลังเจ้าของเว็บถูกตำรวจจับที่ประเทศโปแลนด์
กระทรวงยุติธรรมของสหรัฐอเมริกาเปิดเผยว่า นาย Artem Vaulin อายุ 30 ปี ชาวยูเครน ถูกตำรวจโปแลนด์ในนามของประเทศสหรัฐอเมริกาจับกุมแล้ว พร้อมร้องขอให้ส่งผู้ร้ายข้ามแดนไปยังสหรัฐฯ ด้วยข้อหาครอบครองเว็บไซต์ดังกล่าว โดยเขาถูกตั้งข้อหาในสองประเด็น คือการละเมิดลิขสิทธิ์ และการฟอกเงิน ซึ่งเว็บไซต์ทั้งหมดกำลังถูกยึด และขณะนี้ก็เข้าไม่ได้แล้ว
BitTorrent ได้เปิดตัว BitTorrent News ซึ่งเป็นเครือข่ายข่าวทีวีแบบสตรีมมิ่งสดหลังจากที่รับสมัครงานทีมงานข่าวไปได้ไม่นานนัก โดยใช้ระบบสตรีมมิ่งทีวี BitTorrent Live ซึ่งจะเปิดให้รับชมกันวันที่ 18 กรกฎาคม
Erik Schwartz ผู้บริหารฝ่ายสื่อของ BitTorrent ได้กล่าวว่าข่าวโทรทัศน์ได้ซบเซาไปในระยะเวลาหนึ่ง โดยปัญหานี้มาจากการที่คนรุ่นใหม่เติบโตมากับโลกออนไลน์ BitTorrent News จึงสร้างขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว
ศาลในสหรัฐต้องเผชิญกับการยื่นฟ้องละเมิดลิขสิทธิ์ จากการดาวน์โหลดและอัพโหลดไฟล์ผ่าน BitTorrent แทบจะทุกอาทิตย์ ล่าสุดดูเหมือนว่าผู้พิพากษาในศาลแขวงออริกอน จะกำหนดมาตรฐานการยื่นฟ้องใหม่แล้ว จากการปฏิเสธไม่ยอมรับว่าหมายเลข IP อย่างเดียวเพียงพอที่จะเป็นหลักฐานในการยื่นฟ้อง
โจทก์ในคดีนี้คือผู้สร้างหนัง The Cobbler ยื่นฟ้องนาย Thomas Gonzales ว่าละเมิดลิขสิทธิ์หนังของตน แต่ทว่าผู้พิพากษา Stacie Beckerman ของศาลแขวงรัฐออริกอนปฏิเสธรับฟ้องโดยให้เหตุผลว่า หมายเลข IP ที่ตามปกติมักถูกใช้เป็นหลักฐานในการเอาผิด ไม่เพียงพอจะเป็นหลักฐานอีกต่อไปแล้ว
BitTorrent ได้ประกาศเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่กับ BitTorrent Bundle ซึ่งเป็นบริการให้เหล่าศิลปินหรือผู้สร้างสรรค์นำเนื้อหามาลงแพลตฟอร์มเพื่อเข้าถึงผู้ใช้ได้โดยตรง โดยใช้เทคโนโลยีแบบ peer-to-peer ของ BitTorrent ในการเผยแพร่เนื้อหา ซึ่งตอนหลังก็ได้เพิ่มระบบจ่ายเงินขึ้นมา ซึ่ง BitTorrent Now ก็ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก
ตอนนี้ BitTorrent ก็ได้ประกาศเปลี่ยนชื่อ BitTorrent Bundle ใหม่เป็น BitTorrent Now และยังมีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มอย่างอื่นอีกหลายอย่าง ได้แก่
Variety รายงานว่า BitTorrent เตรียมขยายบริการถ่ายทอดสดของทางบริษัทเพิ่มเติมให้ทันภายในการเลือกตั้งเดือนพฤศจิกายนนี้ เป็นบริการข่าวสดที่ใช้ชื่อว่า BitTorrent News โดยการขยายบริการจากแอพ OTT News ที่ปัจจุบันมีอยู่บน Apple TV, iOS และ Android และตอนนี้ทางบริษัทกำลังหาตัวผู้กำกับและทีมงานข่าวอยู่
จากรายการสมัครงานนั้นก็พอจะทราบว่าบริการข่าวของ BitTorrent จะเน้นไปในด้านข่าวด่วน อย่างเช่น แคมเปญการเมือง, กีฬา, ไอที และวัฒนธรรม ซึ่งรายงานข่าวของ Variety บอกว่าบริการใหม่ของ BitTorrent จะยังไม่เปิดเร็ว ๆ นี้ และบริการนี้ไม่น่าใช่ข่าวแบบ 24 ชั่วโมงที่จะเป็นคู่แข่งโดยตรงกับเคเบิลทีวีด้วย
หลายคนน่าจะยังจำบริการ BitTorrent Sync บริการแชร์ไฟล์ข้ามเครื่องคอมพิวเตอร์ผ่านโพรโตคอลแบบ P2P ซึ่งทาง BitTorrent ได้เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2013
ก่อนหน้านี้ 2 เดือน BitTorrent Inc. เพิ่งจะเปลี่ยนตัวซีอีโอจาก Eric Klinker โดยมี Jeremy Johnson และ Robert Delamar มาแทน ซึ่งแต่เดิม Klinker ทำให้ BitTorrent เป็นบทบาททางเทคนิค (in a technical role) ซึ่งบทบาทนี้มีอายุสั้น และ Delamer จะตั้งธุรกิจใหม่ที่ชื่อว่า Resilio