Adobe Firefly เครื่องมือ Generative AI ช่วยสร้างภาพและคอนเทนต์ขยายการรองรับพิมพ์คำสั่งด้วยข้อความมากกว่า 100 ภาษา รวมทั้ง “ภาษาไทย” ทำให้ผู้ใช้ทั่วโลกสามารถเจนเนอเรทภาพ และเอฟเฟ็กต์ข้อความโดยใช้ภาษาประเทศตนได้ ซึ่งในเว็บยังรองรับ 20 ภาษา โดยเปิดให้บริการภาษาฝรั่งเศส, เยอรมัน, ญี่ปุ่น, สเปน, และโปรตุเกส
Adobe Firefly เปิดตัวเดือนมีนาคมที่ผ่านมาและมีการนำเครื่องมือผสานเข้ากับ Photoshop, Express และ Illustrator ในตอนนี้มีผู้ใช้งานเจนเนอเรทภาพบน Adobe Firefly ไปแล้วมากกว่า 1,000 ล้านภาพบนเว็บไซต์ Firefly และใน Photoshop
นอกจากนี้ Firefly ยังนำเสนอ
หน่วยงานกำกับดูแลการแข่งขันของสหราชอาณาจักร (Competition and Markets Authority - CMA) ประกาศเริ่มดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติมในระยะที่ 2 ในดีลที่ Adobe ซื้อกิจการ Figma ซึ่งประกาศเมื่อปีที่แล้ว ว่าอาจส่งผลลดการแข่งขันอย่างมีนัยยะสำคัญในตลาดซอฟต์แวร์งานออกแบบ ที่ Adobe เป็นผู้นำตลาดอยู่แล้ว
CMA ระบุว่า Figma เป็นซอฟต์แวร์ที่โดดเด่นเรื่องงานออกแบบ UI และแย่งส่วนแบ่งตลาดจาก Adobe มาต่อเนื่อง ทั้งสองบริษัทต่างลงทุนพัฒนาผลิตภัณฑ์กันมาตลอด หากดีลควบรวมเกิดขึ้น ย่อมส่งผลกระทบสูงต่อตลาดรวมและคู่แข่งผู้พัฒนาซอฟต์แวร์รายอื่น
ตั้งแต่ที่ Adobe ประกาศเปิดตัวเครื่องมือ Firefly ที่ใช้ Generative AI เพื่อสร้างสรรค์ผลงาน ก็เคยเกิดประเด็นถกเถียงเรื่องข้อตกลงที่ Adobe อาจนำข้อมูลบน Creative Cloud ของผู้ใช้ไปใช้ในการเทรนการสร้างภาพของ AIมาแล้ว ซึ่ง Adobe ก็ได้ออกมาปฏิเสธในภายหลัง
Adobe รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 2 ตามปีการเงินบริษัท 2023 สิ้นสุดวันที่ 2 มิถุนายน มีรายได้รวม 4,816 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 10% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิตามบัญชี GAAP 1,295 ล้านดอลลาร์
ไฮไลท์ตามกลุ่มธุรกิจแบ่งเป็น Digital Media เติบโต 10% เป็น 3.51 พันล้านดอลลาร์ โดย Creative เพิ่มขึ้น 9% เป็น 2.85 พันล้านดอลลาร์ และ Document Cloud เพิ่มขึ้น 11% เป็น 659 ล้านดอลลาร์ ส่วน Digital Experience เพิ่มขึ้น 12% เป็น 1.22 พันล้านดอลลาร์
Adobe ประกาศขยายบริการ Adobe Firefly ชุดเครื่องมือสร้างสรรค์เนื้อหาด้วย AI แบบ Generative และ Adobe Express เวอร์ชันสำหรับลูกค้าองค์กร เพื่อรองรับความต้องการใช้งานที่มากขึ้น ในการนำเครื่องมือสร้างสรรค์เนื้อหามาปรับใช้กับงาน แต่ยังควบคุมข้อมูลภายในองค์กรไว้ได้
David Wadhwani ประธานส่วนธุรกิจสื่อดิจิทัลของ Adobe บอกว่าผู้นำในองค์กรคาดว่าความต้องการใช้งานคอนเทนต์แบบต่าง ๆ จะเพิ่มขึ้นอีก 5 เท่าตัว ภายใน 2 ปีข้างหน้า ฉะนั้นการสร้างคอนเทนต์จึงต้องมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งเครื่องมือ Firefly ของ Adobe ที่ทำงานร่วมกับใน Express และ Creative Cloud จะเข้ามาช่วยการสร้างสรรค์ผลงานที่รวดเร็วขึ้น
Adobe ประกาศอัปเดต Adobe Express เวอร์ชันใหม่ มี AI ช่วยออกแบบและรองรับ PDF ได้แล้ว
Adobe เตรียมเปิดตัว All-New Adobe Express โปรแกรมช่วยออกแบบกราฟิก ที่จะประกาศอัปเดทเวอร์ชันใหม่ในงาน Adobe Summit EMEA 2023 โดยการนำ Adobe Firefly เครื่องมือ Generative AI เข้ามาช่วยในการออกแบบและสร้างคอนเทนต์
Adobe ประกาศเพิ่มฟีเจอร์ Generative Fill สำหรับ Photoshop ซึ่งนำความสามารถของ Firefly ชุดเครื่องมือ Generative AI สร้างสรรค์รูปภาพ มาช่วยในการปรับแก้ไขและตกแต่งภาพ ด้วยการใช้คำสั่งตัวหนังสือ (Prompt)
สถานะของ Generative Fill นี้ยังเป็นขั้นทดสอบเบต้า เปิดให้กับผู้ใช้งานที่ต้องการทดสอบแล้วตั้งแต่วันนี้ และจะเปิดให้ใช้งานทั่วไปในครึ่งหลังของปี 2023 โดย Photoshop เป็นโปรแกรมแรกในชุด Creative Cloud ที่ได้ Firefly ซึ่งตามแผนนั้น Adobe จะนำ Firefly ไปใส่ในทุกแอพพลิเคชันทั้ง Creative Cloud, Document Cloud, Experience Cloud และ Adobe Express
ดูตัวอย่างการสั่งแก้ไขรูปภาพด้วย Prompt ใน Photoshop ได้จากคลิปท้ายข่าว
Adobe เปิดสำนักงานในประเทศไทยแล้ว หลังจากมีสำนักงานภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ประเทศสิงคโปร์มานาน 21 ปี
ไซมอน เดล (Simon Dale) รองประธานบริหารและกรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SEA) และเกาหลีของอะโดบี กล่าวว่า “ประเทศไทยเป็นตลาดที่สำคัญสำหรับอะโดบีมาโดยตลอด และเรามีแผนที่จะเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจของเราด้วยการเปิดสำนักงานแห่งใหม่ที่นี่ ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจดิจิทัลที่เติบโตเร็วที่สุดในภูมิภาคนี้ และการมีสำนักงานในไทยนับเป็นก้าวที่สำคัญที่ช่วยให้เราสนับสนุน ลูกค้าและพาร์ทเนอร์ในอุตสาหกรรมต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้น ควบคู่ไปกับการรักษาสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับทีมของเรา”
Adobe เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ของโปรแกรมตัดต่อวิดีโอ Premier Pro เรียกว่า Text-Based Editing ใช้สำหรับการตัดต่อวิดีโอที่มีคนพูด (เช่น สัมภาษณ์) ได้ง่ายขึ้นด้วยพลัง AI ของแพลตฟอร์ม Adobe Sensei
การทำงานของมันคือ Premier Pro ใช้ AI ช่วยถอดเสียงพูดของฟุตเตจทั้งหมดออกมาเป็นข้อความ และซอยฟุตเตจตามข้อความแต่ละช่วงแสดงเป็น timeline จากนั้นเราสามารถจิ้มเลือกข้อความที่ต้องการไปใส่ในวิดีโอ กดปุ่ม insert แล้วก็จะได้ฟุตเตจช่วงนั้นแทรกเข้าไปในโปรเจควิดีโอที่กำลังตัดต่ออยู่เลย ไม่ต้องมานั่งฟังเสียงแล้วเลือกช่วงเวลาที่ต้องการเหมือนที่แล้วๆ มา
Adobe เปิดตัว Firefly for Video เครื่องมือสร้างวิดีโอด้วย generative AI พิมพ์สั่งว่าต้องการวิดีโอแบบไหนยังไง แล้วเสกออกมาเป็นคลิปให้ได้เลย
ก่อนหน้านี้ Adobe เพิ่งเปิดตัว Firefly เวอร์ชันภาพนิ่ง โดยสร้างได้เฉพาะภาพนิ่งและข้อความ โมเดลเทรนมาจากคลังภาพของ Adobe Stock ทำให้ไม่มีปัญหาลิขสิทธิ์เหมือนกับโมเดลสร้างภาพตัวอื่นๆ
คราวนี้ Firefly เวอร์ชันวิดีโอทำงานลักษณะเดียวกัน คือ ค้นหาคลิปจากคลังวิดีโอของ Adobe Stock มาใส่ข้อความแอนิเมชัน เอฟเฟคต์ ปรับแต่งสี ใส่เสียงประกอบ ฯลฯ ผู้ใช้งานสามารถพิมพ์สั่งที่ prompt ให้เปลี่ยนโทนสีของคลิป (change it to golden hour) หรือเลือกเพลงประกอบในโทนสดใสได้
Adobe ประกาศฟีเจอร์ใหม่ของซอฟต์แวร์ตัดต่อวิดีโอ Adobe Premiere Pro โดยบอกว่าช่วยให้การตัดต่อแบบหยาบหรือ Rough Cut ทำได้ง่ายขึ้น เหมือนการคัดลอกตัดวางข้อความ
ขั้นตอนการทำงานก็ดูจะเป็นแบบที่ Adobe บอก โดย Premiere Pro ใช้ AI ของ Adobe Sensei สร้างคำบรรยายขึ้นมาจากวิดีโอเริ่มต้น จากนั้นผู้ตัดต่อที่เดิมต้องไล่ฟุตเทจและฟังเสียงหาจุดที่ต้องการ ก็สามารถสแกนข้อความคำบรรยายที่ AI สร้างขึ้น และลากตัดวางเรียงวิดีโอในเบื้องต้นได้ ช่วยลดเวลาในการทำงาน (ตัวอย่างดูจากคลิปท้ายข่าว)
Adobe เปิดตัว Firefly ชุดเครื่องมือใหม่สำหรับงานสร้างสรรค์เนื้อหาด้วย AI หรือ Generative AI ผ่านโมเดลหลากหลายรูปแบบ โดยโมเดลชุดแรกคือการสร้างรูปภาพ แบบเดียวกับ Midjourney และการใส่เอฟเฟกต์ให้ข้อความตัวหนังสือ
Firefly ตอนนี้ยังมีสถานะเบต้า โดยจะส่วนหนึ่งของ Adobe Sensei เครื่องมือสร้างสรรค์ด้วย AI ที่อยู่ในทุกผลิตภัณฑ์ของ Adobe ตอนนี้รองรับเฉพาะการใช้งานผ่านเว็บเท่านั้น
Adobe ยังตอบประเด็นเรื่องรูปภาพที่ใช้เทรนซึ่งมีปัญหามาก่อนหน้านี้ ยืนยันว่าชุดข้อมูลที่นำมาเทรนเพื่อใช้สร้างรูปภาพ เป็นภาพจาก Adobe Stock ซึ่งได้ไลเซนส์มาถูกต้อง ภาพที่สร้างขึ้นจึงสามารถนำไปใช้เชิงพาณิชย์ได้
Adobe รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 1 ตามปีการเงินบริษัท 2023 สิ้นสุดวันที่ 3 มีนาคม มีรายได้รวม 4,655 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 9% เทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิตามบัญชี GAAP 1,247 ล้านดอลลาร์
กลุ่มธุรกิจ Digital Media มีรายได้เพิ่มขึ้น 9% เป็น 3.40 พันล้านดอลลาร์ โดย Creative มีรายได้เพิ่มขึ้น 8% เป็น 2.76 พันล้านดอลลาร์ Document Cloud มีรายได้ 634 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 13% รายได้ต่อเนื่อง 12 เดือน (ARR) ของทั้งกลุ่มเพิ่มขึ้นเป็น 13.67 พันล้านดอลลาร์
ส่วนกลุ่ม Digital Experience มีรายได้ 1.18 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 11% เฉพาะส่วนรายได้จาก Subscription เพิ่มขึ้น 12% เป็น 1.04 พันล้านดอลลาร์
ไมโครซอฟท์ประกาศความร่วมมือกับ Adobe เตรียมเปลี่ยนเอนจินเรนเดอร์ PDF มาใช้เอนจินของ Adobe Acrobat สำหรับเรนเดอร์ไฟล์ PDF โดยทั่วไปน่าจะไม่มีผลต่อการอ่านไฟล์นัก แต่จะมีรายละเอียด เช่น การแสดงสีตรงขึ้น, ประสิทธิภาพดีขึ้น, การเลือกข้อความเลือกได้แม่นยำขึ้น รวมถึงมีฟีเจอร์อ่าน PDF เป็นเสียง
แต่สำหรับลูกค้า Adobe Acrobat หน้าจอใหม่จะแสดงปุ่มลิงก์ไปแก้ไขไฟล์ PDF ใน Acrobat ได้ทันที และในแง่การตลาดก็จะแสดงโลโก้ Acrobat ในหน้า PDF ด้วย
ไมโครซอฟท์จะปล่อยเอนจิน PDF ใหม่นี้เป็นกลุ่มๆ คาดว่าจะเลิกใช้เอนจินเดิมในเดือนมีนาคม 2024
Scott Belsky หัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์ออกมาให้สัมภาษณ์ชี้แจง ประเด็นที่มีการรายงานเมื่อต้นเดือนว่า Adobe ปรับปรุงเงื่อนไขการใช้งาน ระบุว่าจะนำข้อมูลที่เก็บไว้ใน Creative Cloud มาใช้เทรนอัลกอริธึมเพื่อปรับปรุงและพัฒนาผลิตภัณฑ์ โดยเป็นข้อตกลงแบบ opt-out ที่เปิดการยินยอมเป็นค่าเริ่มต้น ทำให้เกิดความกังวลว่า Adobe อาจใช้ข้อมูลนี้สำหรับใช้ในงานสร้างภาพจาก AI (Generative AI) ซึ่งเวลานั้น Adobe ก็ยืนยันว่าไม่ใช่
Adobe ส่งเอกสารชี้แจงรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับดีลซื้อกิจการ Figma หลังหน่วยงานกำกับดูแลเข้ามาตรวจสอบประเด็นผูกขาด ซึ่งมีข้อมูลใหม่ว่ามีอีกบริษัทได้พูดคุยเรื่องซื้อกิจการ Figma ด้วยตอนนั้น
ในเอกสารนั้น Adobe ระบุชื่อว่าบริษัท A แต่ CNBC อ้างแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้อง ยืนยันว่าบริษัทนั้นคือไมโครซอฟท์ โดยการพูดคุยเกิดขึ้นหลังจาก Adobe มาขอซื้อกิจการครั้งแรก ที่ปรึกษาทางการเงินของ Figma จึงแนะนำให้ลองคุยกับผู้สนใจรายอื่น ซึ่งไมโครซอฟท์มีการใช้งาน Figma ภายในบริษัทอยู่มาก แต่ก็จบที่ไมโครซอฟท์ปฏิเสธข้อเสนอนี้ไป
Adobe เปลี่ยนแปลงนโยบายการวิเคราะห์เนื้อหาใหม่โดยจะนำข้อมูลของผู้ใช้ที่เก็บไว้ในบริการ Creative Cloud ทั้งในรูปแบบภาพ เสียง วิดีโอ ตัวอักษรและเอกสารมาใช้ในการเทรนอัลกอริธึมเพื่อปรับปรุงบริการและผลิตภัณฑ์ของบริษัทโดยอัติโนมัติหากผู้ใช้ไม่กด opt-out ออก ส่วนข้อมูลที่อยู่บนอุปกรณ์ของผู้ใช้ไม่ได้ถูกนำมาวิเคราะห์ร่วมด้วย
นโยบายนี้ได้รับการอัปเดตในช่วงเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว ทางฝั่ง Adobe เผยว่าบริษัทให้ผู้ใช้มีสิทธิ์ในการตัดสินใจอยู่แล้วเพราะหากไม่ต้องการให้ทาง Adobe นำข้อมูลไปใช้ก็สามารถกด opt-out ได้ นอกจากนี้ Adobe ไม่ได้นำข้อมูลผู้ใช้ไปเทรน Generative AI ด้วย
Adobe รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 4 ตามปีการเงินบริษัท 2022 สิ้นสุดวันที่ 2 ธันวาคม 2022 รายได้รวม 4,525 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิตามบัญชี GAAP ที่ 465 ล้านดอลลาร์
กลุ่มธุรกิจ Digital Media มีรายได้ 3.30 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 10% แบ่งเป็นกลุ่ม Creative มีรายได้ 2.68 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 8% ส่วน Document Cloud รายได้ 619 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 16% ขณะที่กลุ่มธุรกิจ Digital Experience มีรายได้ 1.15 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 14% เป็นรายได้จาก subscription 1.01 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 14%
Adobe ประกาศนโยบายว่าบริการซื้อขายภาพสต๊อก Adobe Stock จะยอมรับภาพที่สร้างด้วย AI (generative AI) เข้ามาขายบนแพลตฟอร์ม ภายใต้เงื่อนไขว่าต้องแปะป้ายว่าสร้างด้วย AI เสมอ
ส่วนนโยบายการคัดกรองเนื้อหาของภาพในระบบ จะถูกปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกันกับภาพสต๊อกประเภทอื่นๆ และห้ามเป็นภาพที่ละเมิดลิขสิทธิ์ของภาพ บุคคล สถานที่ หรือสไตล์ของนักวาดคนอื่นด้วย
นโยบายเรื่องการยอมรับภาพจาก AI ของเว็บไซต์ขายรูปสต๊อกแต่ละแห่งแตกต่างกันมาก เช่น Shutterstock ยอมรับ แถมยังไปจับมือร่วมกับ OpenAI ในขณะที่ Getty Images ไม่ยอมรับทุกกรณี
Adobe ประกาศในงานของ Qualcomm ว่าจะออกแอพในตระกูล Creative Cloud ที่รองรับ Windows on Arm แบบเนทีฟอีกสองตัวคือ Adobe Fresco และ Adobe Acrobat แต่ยังไม่บอกช่วงเวลาที่แน่ชัด
ที่ผ่านมา Adobe มีแอพที่รองรับ Windows on Arm อยู่ก่อนแล้วคือ Lightroom และ Photoshop (แม้ถูกวิจารณ์ว่าประสิทธิภาพไม่ดีเท่าไรนัก)
นอกจากนี้ Adobe ยังประกาศจะออก Adobe Aero เครื่องมือสร้างโมเดล AR เวอร์ชัน Android ด้วย
ที่มา - Qualcomm
แหล่งข่าวของ POLITICO และเอกสารระบุว่า กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ (Department of Justice - DOJ) กำลังเตรียมสอบสวนเชิงลึกกรณีที่ Adobe ซื้อ Figma ด้วยมูลค่า 20,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ว่าเป็นการผูกขาดการค้าของฝั่งบริษัทพัฒนาซอฟต์แวร์ออกแบบหรือไม่
Adobe ประกาศหยุดซัพพอร์ตระบบสี Pantone Color ในแอพกลุ่ม Creative Cloud ทั้งหมด (เช่น Photoshop, Illustrator, InDesign) ด้วยเหตุผลเรื่องไลเซนส์การใช้งานสีระหว่าง Adobe กับ Pantone
หลังเดือนพฤศจิกายน 2022 แอพของ Adobe จะรองรับสีของ Pantone เหลือแค่ 3 ชุดเท่านั้นคือ Pantone + CMYK Coated, Pantone + CMYK Uncoated, Pantone + Metallic Coated
หากผู้ใช้งานยังจำเป็นต้องใช้ระบบสีของ Pantone อยู่ สามารถติดตั้งปลั๊กอิน Pantone Connect เพิ่มได้ โดยต้องเสียค่าสมาชิกรายเดือน 14.99 ดอลลาร์ให้ Pantone
Adobe ประกาศอัพเดตฟีเจอร์ของ Adobe Creative Cloud เน้นฟีเจอร์ด้านปัญญาประดิษฐ์ที่ช่วยในการปรับแต่งภาพและวิดีโอ ไปจนถึงการใช้ปัญญาประดิษฐ์เติมภาพหรือวัตถุในลงภาพได้แล้ว
Photoshop ปรับตัวเครื่องมือ Selection ช่วยเลือกวัตถุในภาพอย่างฉลาด โดยเวอร์ชั่นนี้จะเลือกได้แม่นยำแม้เป็นส่วนเส้นผมที่ปกติเลือกได้ยาก
ฟีเจอร์ซ่อมภาพอัตโนมัติ Photo Restoration Neural Filter แก้ไขภาพเก่าให้เหมือนภาพใหม่ได้ในฟิลเตอร์เดียว ทั้งการลดรอยเปื้อนในภาพ, ปรับแต่งภาพขาวดำให้เป็นภาพสี, พร้อมกับเติมภาพในกรณีที่ภาพเดิมขาดหาย
Generative AI เป็นฟีเจอร์สร้างภาพตามคำบรรยาย แต่อาศัยภาพเติมเป็นตัวตั้งต้น โดยผู้ใช้สามารถเลือกพื้นที่ที่ต้องการเปลี่ยนแปลงภาพแล้วพิมพ์คำสั่งลงไป เช่นการสร้างภาพเมืองบาดาล
Adobe ประกาศออกเวอร์ชันอัพเดต Photoshop Elements 2023 และ Premiere Elements 2023 ซอฟต์แวร์แบบขายขาด ที่จับกลุ่มผู้ใช้งานมือใหม่ หรือต้องการเครื่องมือแต่งภาพและวิดีโอที่ไม่ซับซ้อน
ในอัพเดตของ Elements 2023 ได้เพิ่มเครื่องแต่งรูปและวิดีโอด้วย AI ที่ใช้งานง่าย เช่น Moving Elements สามารถใส่การเคลื่อนไหวให้กับภาพนิ่ง เพื่อทำเป็น MP4 หรือ GIF สำหรับแชร์ลงโซเชียล, Artistic Effects ใส่เอฟเฟกต์สไตล์งานศิลปะ, เครื่องมือเพิ่มความลึกของภาพอัตโนมัติ
โปรแกรมยังปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงาน เปิดเร็วขึ้น 50% จากเวอร์ชันก่อน ขนาดไฟล์เล็กลง 48% และรองรับซีพียู M1 ให้ทำงานเร็วขึ้นถึง 70% รวมทั้งเพิ่มการทำงานร่วมกับแอปในมือถือและผ่านเว็บเบราว์เซอร์
Scott Belsky หัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์ของ Adobe ให้สัมภาษณ์กับ Bloomberg ถึงทิศทางของ Figma หลังจาก Adobe ประกาศเข้าซื้อกิจการ ทำให้ผู้ใช้งาน Figma น่าจะกังวลว่าตัวแอปและบริการจะเปลี่ยนแปลงไปเมื่ออยู่กับ Adobe
Belsky บอกว่า Figma จะยังใช้โมเดลแบบฟรีเมียมที่เป็นอยู่ในปัจจุบันต่อไป นั่นคือการใช้งานพื้นฐานจะฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย เขาบอกว่าไม่ต้องการไปเปลี่ยนอะไรหากมันดีอยู่แล้ว ส่วน XD นั้น Adobe จะปรับรื้อทีมงานและโฟกัสหลังดีล Figma เสร็จสิ้น