Harman International เคยเปิดตัวลำโพงอัจฉริยะ Harman Kardon Invoke ที่เชื่อมต่อกับ Cortana ของไมโครซอฟท์
ล่าสุด Harman เปิดตัวลำโพงอีกรุ่นชื่อ Harman Kardon Allure ที่เชื่อมต่อกับระบบ Alexa ของ Amazon แทน
ลำโพง Allure มีขนาดใหญ่กว่า Invoke โดยเน้นดีไซน์ที่สามารถส่องแสง ambient lighting รอบทิศทาง 360 องศา ช่วยเน้นคุณประโยชน์ในแง่การตกแต่งห้องได้ด้วย ตัวลำโพงตั้งราคา 249.95 ดอลลาร์ วางขายช่วงปลายปีนี้
ปัจจุบัน Harman เป็นบริษัทลูกของซัมซุง ที่มีระบบผู้ช่วยส่วนตัว Bixby ของตัวเอง และกำลังทำลำโพงอัจฉริยะอยู่เช่นกัน
ยามาฮ่า แบรนด์ผู้ผลิตเครื่องดนตรีชั้นนำ เปิดตัวเปียโนอัจฉริยะ ที่มาพร้อมแทบเล็ตและซอฟต์แวร์สอนเล่นเปียโนด้วย AI ในงาน IFA 2017
เปียโนอัจฉริยะหรือ Clavinova all-electric ใช้แทบเล็ตระบบ iOS ติดตั้งไว้เหนือแป้นกด (จะมีเวอร์ชั่นแอนดรอยด์เร็วๆ นี้) มีแอพพลิเคชั่นสอนเล่นเปียโนโดยจะขึ้นแถบสีล่วงหน้าให้ผู้เล่นรู้ว่าควรกดคอร์ดไหน หรือคีย์ไหนต่อไป แถบสีสีแดงจะแทนถึงแป้นกดสีขาว ส่วนแถบสีสีน้ำเงินแทนแป้นกดสีดำ สำหรับผู้ที่เล่นเป็นและอ่านโน้ตดนตรีได้ ระบบจะแสดงคอร์ดดนตรีที่ผู้เล่นกำลังเล่นอยู่อัตโนมัติแบบเรียลไทม์ Clavinova all-electric สามารถเชื่อมต่อกับลำโพง Amazon Alexa ได้
เมื่อต้นปีนี้ Lenovo เปิดตัวลำโพงอัจฉริยะ Smart Assistant เชื่อมต่อกับ Amazon Alexa ล่าสุด Lenovo เปิดตัวอุปกรณ์คล้ายๆ กันชื่อว่า Home Assistant Pack
เราจะเรียก Lenovo Home Assistant Pack ว่าเป็นลำโพงอัจฉริยะก็คงไม่เต็มปากนัก เพราะมันคือชุด docking ที่ประกอบด้วยลำโพงและแท่นวางแท็บเล็ต ที่ต้องใช้คู่กับแท็บเล็ต Lenovo Tab 4 Series เพื่อเป็นหน้าจอสั่งงาน เมื่อประกอบตัวแท็บเล็ตเข้ากับชุด Home Assistant Pack เราก็จะได้ผู้ช่วยส่วนตัวแบบมีจอ สั่งงานได้ทั้งทัชและเสียงพูดแบบเดียวกับ Amazon Echo Show
ถือเป็นเซอร์ไพร์สของวงการไม่น้อย เมื่อ Amazon ประกาศความร่วมมือกับ Microsoft ให้ระบบ AI ผู้ช่วยส่วนตัวของทั้งสองค่ายสามารถคุยกันได้แบบเป็นแขกรับเชิญ และเรียกใช้ฟีเจอร์เฉพาะของแต่ละค่ายได้
ผู้ใช้ Windows 10 ที่มีระบบ Cortana ฝังมาให้ (รวมถึงแอพ Cortana บน iOS/Android) สามารถเรียกใช้งาน Alexa ได้โดยพูดว่า “Hey Cortana, open Alexa” แล้วสั่งงานได้เหมือนกับสั่ง Alexa ให้ซื้อของออนไลน์ผ่าน Amazon ได้
ฝั่งผู้ใช้ลำโพง Amazon Echo หรืออุปกรณ์อื่นๆ ที่มี Alexa สามารถพูดว่า “Alexa, open Cortana” แล้วสั่งงาน Cortana ให้ดูปฏิทินนัดหมายของเรา (ที่อยู่บนระบบ Office 365) ได้ด้วย
Anker ผู้ผลิตอุปกรณ์เสริมกลุ่มสายชาร์จและพาวเวอร์แบงค์ เปิดตัวลำโพงอัจฉริยะ Eufy Genie ที่มาพร้อมผู้ช่วยส่วนตัว Amazon Alexa ในราคาที่ถูกกว่าลำโพง Echo Dot ตัวที่ถูกที่สุดของ Amazon ทำขายเอง
ปัจจุบัน ลำโพง Echo Dot ขายตัวละ 50 ดอลลาร์ แต่ Genie ขายถูกกว่าในราคา 35 ดอลลาร์ เริ่มวางขาย 16 สิงหาคมนี้
Genie ใช้เทคโนโลยีไมโครโฟนแบบเดียวกับของ Amazon Echo และมีฟีเจอร์ด้านซอฟต์แวร์ทุกอย่างทัดเทียมกับ Echo ทุกประการ นอกจากนี้ Anker ยังโฆษณาว่าลำโพงให้คุณภาพดีด้วย ฟีเจอร์เดียวที่ Genie ยังทำไม่ได้คือไม่มีตัวต่อออกลำโพงภายนอกผ่าน Bluetooth ซึ่งปัญหานี้จะถูกแก้ใน Genie รุ่นราคา 40 ดอลลาร์ที่จะตามมาในอนาคต
Amazon กำลังพยายามขยายฐานอุปกรณ์รองรับผู้ช่วยอัจฉริยะให้ครอบคลุมมากขึ้น นอกเหนือจากอุปกรณ์ในแบรนด์ตัวเองอย่าง Echo Dot และ Fire TV โดยมีความขยายไปยังมือถือ Huawei's Mate 9 และ HTC U11 ในเร็วๆนี้
ล่าสุดความพยายามขยายไปถึง Sony ผู้ผลิตชั้นนำในตลาดสมาร์ททีวีแล้ว โดย Sony จะนำ Alexa มารองรับการทำงานของสมาร์ททีวีรุ่นใหม่ปี 2016 - 2017 การทำงานพื้นฐานอย่างเช่น เปิด-ปิด เร่งหรือเบาเสียง เรียกหาคอนเทนต์ แต่ไม่แน่ใจว่า Alexa จะรองรับการเรียกหาคอนเทนต์ของ Netflix หรือไม่
อย่างไรก็ตาม Alexa ใน Sony TV ยังเป็นเวอร์ชั่นเบต้าอยู่
Amazon เปิดตัว Echo Show ผลิตภัณฑ์ใหม่ในไลน์ Echo มีหน้าจอและกล้องหน้า เพิ่มช่องทางการสื่อสารกับผู้ใช้จากเดิมที่ต้องสั่งงานด้วยเสียงเท่านั้น
Echo Show ใช้หน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้วและกล้องหน้าขนาด 5 ล้านพิกเซล มาพร้อมกับคุณสมบัติพื้นฐานของ Echo เช่นระบบผู้ช่วย Alexa ที่รองรับการสั่งงานด้วยเสียง บริการสตรีมมิ่งเพลง และการควบคุมอุปกรณ์สมาร์ทโฮมต่างๆ
สำหรับความสามารถที่เพิ่มมา เช่น ผู้ใช้สามารถสั่งให้ Alexa เล่นคลิปจาก YouTube ได้, สามารถแสดงเนื้อเพลงขณะเล่นเพลงจาก Amazon Music, สั่งให้แสดงพยากรณ์อากาศได้ และยังสามารถมอนิเตอร์กล้องวงจรปิดสำหรับบางอุปกรณ์ที่รองรับได้ด้วย
Amazon เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ให้ลำโพง Echo สามารถใช้เป็น intercom คุยกันระหว่างห้องได้ รวมถึงส่งเสียงออกลำโพงของ Echo ตัวใดตัวหนึ่งผ่านแอพ Alexa บนสมาร์ทโฟนได้ด้วย
ในการใช้งานฟีเจอร์นี้ (Amazon เรียกว่า Drop-in) เราต้องตั้งชื่อของลำโพง Echo ตามชื่อห้องก่อน จากนั้นก็สามารถเรียก "Alexa, call the kitchen" เพื่อคุยกับคนในครัวได้เลย ข้อดีของมันคือเราไม่จำเป็นต้องพูดจาก Echo เพียงอย่างเดียว ต่อให้อยู่นอกบ้านก็สามารถพูดได้ผ่านแอพ Alexa นั่นเอง
ก่อนหน้านี้ไม่นาน Amazon เพิ่งเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ลำโพง Echo และแอพ Alexa โทรหากันได้ฟรีตลอดไป
ถึงแม้ในแง่ยอดขาย Amazon Alexa จะเป็นพี่ใหญ่ในตลาดก็ตาม แต่ในแง่ของความสามารถแล้วอาจจะไม่เป็นเช่นยอดขายก็ได้
บริษัท 360i เอเจนซี่ด้านดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งในนครนิวยอร์คได้พัฒนาซอฟต์แวร์ขึ้นมา เพื่อทดสอบความสามารถในการตอบคำถามของ Amazon Alexa และ Google Assistant บน Google Home ด้วยการยิงคำถามไปกว่า 3,000 คำถาม ปรากฎว่า Google Assistant มีแนวโน้มจะตอบคำถามได้มากกว่า Alexa ถึง 6 เท่า
360i ระบุด้วยว่า ถึงแม้ Alexa จะมีจุดเด่นด้านข้อมูลการค้นหาในแง่ของสินค้าขายปลีก แต่โดยองค์รวมแล้วยังแพ้ Google Assistant ที่มีคลังข้อมูลมหาศาล ร่วมกับ Knowledge Graph ของ Google
Wall Street Journal อ้างข้อมูลจากอดีตพนักงานแอปเปิลที่อยู่ในทีม Siri เผยเบื้องหลังที่ทำให้ Siri พัฒนาช้ามากในช่วงหลัง แม้จะเริ่มต้นก่อนคู่แข่งหลายปี
เคยมีการทดสอบของบริษัท Stone Temple ยิงคำถาม 5,000 คำถามไปยัง AI เหล่านี้ ผลคือ Google Assistant และ Amazon Alexa ให้ผลลัพธ์แม่นยำ 90% ในขณะที่ Siri ทำได้ 62%
ปกติแล้ว แอปเปิลมักเข้าตลาดทีหลังคู่แข่ง แต่แซงมาเอาชนะได้ในภายหลัง กรณีของ Siri แอปเปิลเป็นฝ่ายเข้าตลาดก่อนตั้งแต่ตอน iPhone 4s ในปี 2011 (และเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ตัวท้ายๆ ของสตีฟ จ็อบส์ด้วย) แต่กลับถูกแซงโดยทั้ง Amazon และ Google
งาน Google I/O จบลงไปด้วยการแสดงความเป็นผู้นำของกูเกิลที่สามารถพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ได้อย่างหลากหลาย มีประสิทธิภาพสูง ความแม่นยำที่เริ่มใช้งานได้เป็นธรรมชาติ ผมเองได้ลองใช้งานแพลตฟอร์มผู้ช่วยผ่านเสียงอย่าง Alexa ของ Amazon มาหลายเดือน คู่กับ Google Assistant ในโทรศัพท์มือถือ และจาก Google Home ที่กูเกิลแจกในงาน Google I/O ปีนี้ ก็พบว่าในแง่เทคโนโลยีพื้นฐานนั้นกูเกิลทำผู้ผลิตรายอื่นๆ พอสมควร จากความสามารถของ Google Assistant ที่สามารถฟังสำเนียงภาษาอังกฤษแบบไทยๆ ของผมได้ค่อนข้างแม่นยำ (จนบางครั้งรู้สึกว่าตัวเองพูดภาษาอังกฤษดีเกินจริง) มันสามารถคาดเดารูปประโยค, context ของเรื่องที่กำลังพูด ได้ใกล้เคียงมนุษย์อย่างน่าสนใจ
IKEA เตรียมเพิ่มฟังก์ชันให้กับหลอดไฟแอลอีดีอัจฉริยะ TRÅDFRI ให้ผู้ใช้สามารถควบคุมได้ผ่านการสั่งงาน Amazon Alexa, Google Assistant, Siri เพื่อตั้งค่าและจัดการหลอดไฟ รวมถึงรองรับการใช้งานกับระบบ HomeKit ของ Apple เพื่อให้สามารถใช้งานกับแอพ Home ด้วย แต่เดิมที่ต้องใช้แอพเฉพาะในการควบคุมเท่านั้น โดยฟีเจอร์ดังกล่าว IKEA เผยว่าจะเริ่มปล่อยออกสู่ตลาดจริงในช่วงฤดูร้อนนี้
หลอดไฟอัจฉริยะของ IKEA วางจำหน่ายแล้วเฉพาะในอเมริกาเหนือและยุโรปเท่านั้น ซึ่งปกติแล้วราคาของระบบไฟอัจฉริยะมักจะมีราคาแพง เช่น Philips Hue Bridge 2.0 ที่ 60 ดอลลาร์ แต่ระบบของ IKEA จะมีราคาเพียงครึ่งเดียวที่ 30 ดอลลาร์เท่านั้น (แต่ของ Philips ก็มีความสามารถมากกว่า)
Amazon เตรียมนำฟีเจอร์การแจ้งเตือนมาลง Alexa คือให้อุปกรณ์ที่รัน Alexa ไม่ว่าจะเป็น Echo ของ Amazon เองหรืออุปกรณ์จากนักพัฒนารายอื่น รับการแจ้งเตือนจาก skill ของ Alexa ได้
Alexa ไม่ได้เป็นการประกาศการแจ้งเตือนออกมาทันทีเมื่อได้รับการแจ้งเตือนมา แต่จะมาเป็นเสียงเตือน (เหมือนโทรศัพท์มือถือ) กับเปลี่ยนสีของแสงวงแหวนเป็นเขียว (ส่วนอุปกรณ์ที่ไม่มีไฟสี อาจใช้วิธีแสดงไฟแจ้งเตือนในรูปแบบอื่นแทน) เพื่อเป็นการแจ้งเตือนผู้ใช้ก่อน เมื่อผู้ใช้ต้องการทราบรายละเอียดให้เรียกถาม Alexa ก็จะอ่านรายละเอียดการแจ้งเตือนให้ฟัง
โฆษณาตามติดเราไปทุกที่ในแพลตฟอร์มต่างๆ ไม่เว้นแม้แต่ผู้ช่วยในบ้านอย่าง Amazon Alexa บริษัท third party ของ Amazon หรือ Voicelabs ที่เข้ามาดูแลเรื่องข้อความโฆษณาได้แทรกข้อความเสียงโฆษณาจากแบรนด์ต่างๆ ที่เข้าร่วมลงใน Amazon Alexa เวลาเริ่มต้นที่ 6 ไปจนถึง 15 วินาที ผู้ใช้สามารถสั่งซื้อของจากโฆษณานั้นได้ผ่าน Alexa เลย
Adam Marchick ซีอีโอ Voicelabs เคยให้สัมภาษณ์ว่าทางบริษัทจะทำตามนโยบายโฆษณาของ Amazon ทุกประการ ทำโฆษณาให้สั้นและกระชับ โดยตัวโฆษณาจะอยู่ตอนเริ่มต้นและปิดท้ายการสนทนาระหว่างผู้ใช้กับ Alexa
ในโอกาสเดียวกับที่ Amazon เปิดตัว Echo Show ลำโพงพร้อมหน้าจอสัมผัส บริษัทก็อัพเกรดความสามารถให้กับลำโพง Echo รุ่นก่อนๆ รวมถึงแอพผู้ช่วยส่วนตัว Alexa บนสมาร์ทโฟนด้วย
ฟีเจอร์ใหม่เรียกว่า Alexa Calling มันคือการใช้ Echo หรือแอพ Alexa โทรออก-รับสายได้เหมือนกับโทรศัพท์เลย แถมยังรองรับการส่ง SMS ได้ด้วย ทั้งหมดคือฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ
อย่างไรก็ตาม ข้อจำกัดของ Alexa Calling คือคู่สนทนาของเราต้องติดตั้งแอพ Alexa หรือมีผลิตภัณฑ์ตระกูล Echo ด้วยเช่นกัน เมื่อทั้งสองฝ่ายพร้อมแล้ว เราสามารถสั่ง "Alexa, call Dad" หรือ "Alexa Message Mom" ได้ทันที หรือถ้ามีคนโทรมาหาเราผ่าน Alexa เราก็สามารถรับสายด้วยการพูดว่า "Alexa, answer"
eMarketer บริษัทวิจัยตลาดคาดการณ์การใช้งานลำโพงอัจฉริยะที่สั่งงานด้วยเสียงในปีนี้ จะมีชาวอเมริกันใช้งานราว 35.6 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 128.9% โดย Amazon Echo จะครองส่วนแบ่งตลาดมากที่สุดถึง 70.6% จากยอดผู้ใช้งานทั้งหมด
ส่วน Google Home ตามมาเป็นอันดับ 2 ที่ 23.8% ที่เหลือ 5.6% เป็นของเจ้าอื่นๆ รวมกัน อาทิ Lenovo, Harman Kardon, Mattel โดย eMarketer คาดว่าปีต่อไป ส่วนแบ่งของ Amazon Echo จะลดลงและไปเพิ่มให้กับ Google Home แทน แต่ก็ยังเป็นผู้นำตลาดอยู่เช่นเดิม
ทั้งนี้ eMarketer จัดหมวดหมู่ลำโพงอัจฉริยะแยกต่างหากจากกลุ่ม Virtual Assistance ซึ่ง eMarketer คาดว่าจะมีการใช้งานเพิ่มขึ้น 23.1% ในปีนี้
Amazon ได้เปิดตัว Echo Show อุปกรณ์ในตระกูล Echo ใหม่ พร้อมหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว และระบบผู้ช่วยเหลือส่วนตัว Alexa
Echo Show มีไมโครโฟนทั้งหมด 8 ตัว มีเทคโนโลยี beam-forming และการตัดเสียงรบกวนเหมือนกับ Echo ตัวอื่น ๆ จึงสามารถฟังเสียงของผู้ใช้ได้ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดของห้อง และยังมีกล้องอยู่ด้านบนตัวเครื่อง ลำโพงอยู่ด้านล่างเครื่อง และจุดเด่นของอุปกรณ์นี้คือหน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่ถึง 7 นิ้ว ตัวเครื่องสามารถใช้โทรคุยด้วยเสียงหรือวิดีโอกับผู้ใช้คนอื่นที่มี Echo Show ด้วยกัน หรือผ่านแอพ Echo, Alexa ก็ได้ เพียงสั่ง Alexa ให้โทรออกเท่านั้น
Amazon ได้เปิดตัว Speech Synthesis Markup Language (SSML) ไปแล้วในช่วงก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน และตอนนี้ Amazon ก็ได้ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีนี้ในการเพิ่มความสามารถให้ Alexa พูดได้เหมือนมนุษย์มากขึ้น คือมีลูกเล่นในการพูดเยอะ และไม่ทำให้เสียงเป็นหุ่นยนต์มากจนเกินไป
Amazon เปิดตัวอุปกรณ์ใหม่ในตระกูล Echo ในชื่อ Echo Look ซึ่งเป็นกล้องที่ช่วยถ่ายภาพ พร้อมระบบ Style Check ให้คะแนนการแต่งตัวของผู้ใช้ โดยใช้ machine learning algorithm จากคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญด้านแฟชั่น ตัว Echo Look จะมีไมโครโฟน, หลอด LED และฐานสำหรับการติดกับกำแพงหรือให้ตั้งโต๊ะ ผู้ใช้สามารถสั่งให้ถ่ายภาพสไตล์การแต่งตัวเพื่อนำไปเปรียบเทียบกันในแอพ Echo Look และบันทึกเก็บไว้ได้ หรือจะถ่ายวิดีโอเพื่อดูการแต่งกายรอบตัวก็ได้
นอกจาก Echo Look จะมีฟีเจอร์พิเศษคือการแนะนำการแต่งตัวให้ผู้ใช้แล้ว ยังสามารถสั่ง Alexa ให้อ่านข่าว, เล่นเพลง หรือถามข้อมูลอื่น ๆ รวมถึงสามารถลง skill เพิ่มเติมได้เช่นเดียวกับ Echo และ Echo Dot
Amazon Web Services มีบริการชื่อ Lex สำหรับให้บริการแชทบ็อต ที่รองรับทั้งการคุยด้วยข้อความและเสียง โดยใช้เอนจินตัวเดียวกับที่ Alexa ใช้งาน ก่อนหน้านี้ Lex ยังเปิดให้ทดสอบในวงจำกัดเท่านั้น
Lex ไม่ใช่การเปิดให้นักพัฒนาแอพเรียกใช้ Alexa ตัวเต็มได้ แต่เป็นการเรียกใช้ความสามารถประมวลผลเสียงและข้อความแบบเดียวกับ Alexa เพื่อประหยัดแรงไม่ต้องพัฒนาเอง จากนั้นนักพัฒนาค่อยสร้างระบบ backend สำหรับให้บริการข้อมูลกับบ็อตอีกทีหนึ่ง
ตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป ผู้ใช้ไอโฟนสามารถคุยกับปัญญาประดิษฐ์ Alexa ผ่านแอพพลิเคชั่น Amazon บนมือถือได้แล้ว
ผู้ใช้สามารถพูดคุยกับ Alexa ให้หาข้อมูลให้ เปิดเพลงให้ฟัง พยากรณ์อากาศ คาดการณ์ผลการแข่งขัน Super Bowl รางวัลออสการ์ หรือควบคุมอุปกรณ์ IoT ในบ้าน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทักษะ Alexa ที่มีอยู่เป็นหลักหมื่น
ในอนาคตอันใกล้ Alexa ยังจะสามารถควบคุมหุ่นยนต์ดุดฝุ่น Roomba ของ iRobot ได้ด้วย
Amazon ประกาศให้เครดิต AWS เป็นเงิน 100 ดอลลาร์ต่อเดือนสำหรับนักพัฒนา Alexa เพื่อให้ใช้งานเซิร์ฟเวอร์ของบริการ AWS เพื่อทำการโฮสต์ Alexa skill โดยโปรโมชั่นนี้ยังไม่กำหนดวันหมดอายุ
Amazon ประกาศจัดตั้งกองทุน Alexa Fund Fellowship เป็นกองทุนเพื่อสนับสนุนหลักสูตรและงานวิจัยเกี่ยวกับเทคโนโลยีด้านเสียง ซึ่งจะสนับสนุนการพัฒนาทั้งระดับปริญญาตรีและระดับบัณฑิตศึกษาในฟิลด์ประเภท text-to-speech, AI เกี่ยวกับการสนทนา, การจำแนกเสียงแบบอัตโนมัติ และการเข้าใจภาษาธรรมชาติ
กลุ่มมหาวิทยาลัยแรกที่จะเข้ารับทุนเพื่อการวิจัยนี้ ได้แก่ University of Waterloo, Johns Hopkins University, Carnegie Mellon University และ University of Southern California (USC) โดยตอนนี้กองทุนดังกล่าวยังคงอยู่ในช่วงการทดสอบวงปิด หากมหาวิทยาลัยสนใจรายละเอียดสามารถเข้าไปชมได้ที่เว็บไซต์ของ Alexa Fund Fellowship
Motorola ประกาศทำอุปกรณ์เสริม Moto Mods ตัวใหม่สำหรับ Moto Z อีก 5 อย่าง ดังนี้
Starbucks เปิดตัวบริการสั่งกาแฟด้วยเสียงได้ โดยลูกค้าจะสั่งผ่าน Amazon Alexa หรือแอพพลิเคชั่น Starbucks ในระบบ iOS ก็ได้ สั่งกาแฟได้ก่อนดกินทางไปถึงร้าน ไม่ต้องเสียเวลารอนาน
ผู้รับคำสั่งกาแฟคือปัญญาประดิษฐ์ชื่อ My Starbucks Barista ทำหน้าที่เป็นแชทบ็อต เมื่อลูกค้าเปิดแอพและสั่งกาแฟด้วยเสียง My Starbucks Barista จะรับออร์เดอร์ทันที ปรับใช้ได้ตามประวัติการสั่งและสไตล์กาแฟที่แต่ละคนชอบ นอกจากแอพแล้ว ลูกค้ายังสามารถสั่งกาแฟผ่าน Amazon Alexa โดยพูดว่า Alexa order my Starbucks ได้อีกด้วย
ระบบเบต้ากำลังให้ลูกค้าทั่วสหรัฐทดลองใช้ 1,000 คน และจะค่อยๆ เปิดบริการเต็มรูปแบบก่อนฤดูร้อนปีนี้ ส่วนผู้ใช้แอนดรอยด์จะใช้บริการได้หลังจากนั้น