Amazon ประกาศเพิ่มฟีเจอร์ด้านความเป็นส่วนตัวของ Alexa ให้รองรับคำสั่ง “Alexa, delete what I said today” เพื่อสั่งให้ Alexa ลบข้อมูลที่สั่งการในวันนี้ทั้งหมด
การเพิ่มฟีเจอร์นี้ เพื่อให้ผู้ใช้สะดวกขึ้นในการลบข้อมูล เพราะคำถามบางอย่างก็ไม่สะดวกจะให้คนอื่นในบ้านรู้ และยังทำให้ภาพลักษณ์ของ Amazon ดูดีขึ้นด้วย เนื่องจากช่วงหลังมีข่าวเรื่อง Alexa ทำข้อมูลหลุดออกมา และมีกฎหมายใหม่ที่จะเริ่มบังคับใช้ในประเด็นนี้บ้างแล้ว Amazon จึงต้องเตรียมการไว้ก่อน
นอกจากคำสั่งลบคำพูดวันนี้แล้ว ก็มี “Alexa, delete what I just said” เพื่อสั่งลบสิ่งที่เพิ่งพูดไปเร็ว ๆ นี้ได้ด้วย แต่ Alexa จะยังไม่มีคำสั่งให้ลบทั้งหมด ผู้ใช้จะต้องเข้าไปลบที่หน้า Alexa Privacy เอง
Amazon ต่อยอดลำโพงอัจฉริยะ Echo มาเป็นหน้าจออัจฉริยะ Echo Show ตั้งแต่ปีที่ 2017 โดยเริ่มจากหน้าจอขนาด 7 นิ้ว ก่อนจะอัพเกรดอีกรอบในปี 2018 ขยายหน้าจอเป็น 10 นิ้ว
วันนี้ Amazon เปิดตัว Echo Show 5 ซึ่งก็ตามชื่อคือใช้หน้าจอขนาดเล็กลงเป็น 5.5 นิ้ว และตัวเครื่องมีขนาดเล็กลง หน้าตาคล้ายกับนาฬิกาปลุกมากขึ้น
จุดเด่นของ Echo Show 5 คือราคาที่ถูกลงมาก จาก 229 ดอลลาร์ของตัวใหญ่ ลดลงมาเหลือเพียง 89 ดอลลาร์ สิ่งที่ถูกปรับลดลงคือลำโพงจาก 2 ตัวเป็น 1 ตัว, กล้องหน้าลดจาก 5MP เป็น 1MP และตัดฟีเจอร์เชื่อมต่ออุปกรณ์สมาร์ทโฮมผ่าน Zigbee ออกไป
Amazon ประกาศเปิดใช้งานโหมด Alexa Guard บน Amazon Echo แล้ว เป็นโหมดที่ช่วยให้ Alexa ช่วยปกป้องบ้าน ไม่ว่าจะจากไมโครโฟนของตัวลำโพง เพื่อฟังเสียงกระจกแตก, เสียงสัญญาณไฟไหม้ เป็นต้น ไปจนถึงทำงานร่วมกับหลอดไฟอัจฉริยะและอุปกรณ์ความปลอดภัยอื่นๆ ภายในบ้าน
ผู้ใช้ต้องเลือกเปิดในตัวเลือก Guard ในหน้า Setting ของ Alexa และสั่งงาน Alexa ก่อนออกจากบ้านว่า "I'm leaving" เพื่อเปิดใช้งาน โดยหาก Alexa พบความผิดปกติ จะส่งการแจ้งเตือนไปยังผู้ใช้บนสมาร์ทโฟน รวมถึงหากมีไฟอัจฉริยะอยู่ในบ้าน Alexa จะเปิดปิดไฟให้เหมือนมีคนอยู่บ้านให้ด้วย
กลุ่มสนับสนุนสิทธิเด็กในสหรัฐฯ ได้ทำการยื่นร้องต่อ FTC ระบุว่า Echo Dot Kids ลำโพงอัจฉริยะจาก Amazon มีการบันทึกและเก็บข้อมูลของเด็กเล็กโดยผิดกฎหมาย
ในคำร้องระบุว่า Amazon ได้ทำการเก็บข้อมูลคำสนทนากับเด็กอย่างผิดกฎหมายแม้ว่าผู้ปกครองจะพยายามลบแล้วก็ตาม ซึ่งถ้าเป็นจริง Amazon จะมีความผิดตามกฎหมายคุ้มครองความเป็นส่วนตัวออนไลน์หรือ Children’s Online Privacy Protection Act (COPPA)
Amazon ปฏิเสธข้อกล่าวหาและยืนยันว่าทั้ง FreeTime on Alexa และ Echo Dot Kids นั้นมีการปฏิบัติตามกฎหมาย COPPA อยู่แล้ว
ที่มา - The Verge
รัฐบาลอังกฤษประกาศว่าประชาชนสามารถถามข้อมูลรัฐ 12,000 ชิ้น จาก Alexa และ Google Assistant ได้แล้ว โดยทางรัฐบาลระบุว่าได้ทดลองโครงการให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลรัฐผ่านผู้ช่วยอัจฉริยะ โดยที่ประชาชนไม่ต้องพิมพ์ค้นหามาได้หกเดือนแล้ว ซึ่งตัวอย่างที่รัฐบาลยกมาจะเป็นข้อมูลทั่วไป เช่น ถามวันหยุดธนาคาร, ค่าแรงขั้นต่ำ, ถามหาสวัสดิการเด็ก, การทำพาสปอร์ต เป็นต้น
หลังจากลือมาสักระยะ วันนี้ Amazon ก็ได้เปิดตัวบริการสตรีมมิ่งเพลงแบบฟรีมีโฆษณาอย่างเป็นทางการแล้วในสหรัฐฯ เพิ่มเติมจาก Prime Music และ Music Unlimited เพื่อผู้ใช้อุปกรณ์ Alexa โดยเฉพาะ
Amazon ระบุว่า ผู้ใช้สามารถสั่งเล่นเพลงจากอุปกรณ์ที่มีระบบผู้ช่วยส่วนตัว Alexa ได้เลย ไม่ว่าจะเป็นการสั่งเล่นเพลงตามศิลปิน, ยุค, หรือเพลย์ลิสต์ โดยถ้าผู้ใช้ไม่ได้สมัครสมาชิก Prime จะมีโฆษณา แต่ถ้าสมัครสมาชิก Prime ไว้แล้วก็จะเป็น Prime Music โดยอัตโนมัติ (คือไม่มีโฆษณาแสดง) ส่วนไลบรารีก็จะใช้แบบเดียวกับ Prime Music คือมีเพลงอยู่ราว 2 ล้านเพลง (ส่วน Music Unlimited มีเพลงราว 50 ล้านเพลง)
Google และ Amazon ประกาศพร้อมๆ กันว่าผู้ใช้งานลำโพงอัจฉริยะ Google Home และ Amazon Echo สามารถฟังเพลงสตรีมมิ่งจากแพลตฟอร์มของบริษัทได้ฟรีไม่ต้องจ่ายเงินเพื่อใช้บริการสตรีมมิ่งรายเดือนเพิ่มถ้าไม่อยากจ่าย
กล่าวคือ ผู้ใช้ Google Home ฟังเพลงจาก YouTube Music ส่วนผู้ใช้ลำโพง Amazon Echo ก็ฟังเพลงจาก Amazon Music ได้ฟรีเช่นกัน แต่มีโฆษณาทั้งคู่ และยังไม่สามารถควบคุมเพลงได้เหมือนเวอร์ชั่นเสียเงิน ดังนั้นเมื่อผู้ใช้ใช้งานจึงสามารถเลือกเพลงได้เป็นชนิดเท่านั้น เช่น เพลงป๊อบ เพลงลาติน เพลงดังตอนนี้ เป็นต้น
Amazon เคยเปิดตัว Echo Wall Clock นาฬิกาติดผนังที่สั่งงานผ่าน Alexa ตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้ว แต่ล่าสุดพบว่า Amazon ได้สั่งหยุดการขายสินค้าชิ้นนี้ชั่วคราว เนื่องจากมีลูกค้ารายงานปัญหาการเชื่อมต่อ ซึ่งทาง Amazon ก็ได้ยืนยันข่าวนี้แล้ว
โฆษกของ Amazon ระบุว่า ทางบริษัทรับทราบแล้วว่ามีลูกค้าจำนวนน้อยที่พบปัญหาการเชื่อมต่อ ตอนนี้ทางบริษัทกำลังเร่งแก้ปัญหาและวางแผนว่าจะขาย Echo Wall Clock ได้อีกครั้งในสัปดาห์หน้า
Apple Music ถือเป็นหนึ่งในบริการเพียงไม่กี่อย่างของ Apple ที่เปิดให้ใช้บนอุปกรณ์อื่นนอกจากอุปกรณ์ Apple เอง และวันนี้ Amazon ก็ประกาศว่า ลำโพงอัจฉริยะ Echo กำลังจะสตรีมมิ่ง Apple Music ได้แล้ว
Amazon ระบุว่า ในอีก 3 สัปดาห์ข้างหน้า (สัปดาห์ของวันที่ 17 ธันวาคม แต่ Amazon ยังไม่ระบุชัดว่าจะเป็นวันไหน) Apple Music จะเปิดให้บริการบน Echo โดยผู้ใช้สามารถสั่ง Alexa ให้เล่นเพลงบนคลังเพลงของ Apple Music ได้ตามต้องการ และรวมถึงสถานีวิทยุ Beats 1 ของ Apple ด้วย
สำหรับผู้ใช้ที่ต้องการใช้ Apple Music บน Alexa จะต้องเปิดใช้งาน Apple Music skill บนแอพ Alexa และเชื่อมต่อเข้ากับ Apple ID ก่อนจึงสามารถเล่นเพลงได้
หลังจากไมโครซอฟท์ประกาศไปเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมาว่า Skype จะรองรับอุปกรณ์สาย Alexa ด้วย ล่าสุด Amazon Echo ทุกรุ่นสามารถโทรผ่าน Skype ได้แล้ว
การเริ่มต้นใช้งาน Skype ผ่าน Alexa ต้องเข้าไปเปิดใช้งานในแอพ Amazon Alexa บน iOS หรือ Android ก่อน หลังจากนั้นจะสามารถสั่งงานด้วยเสียงได้ทันที เช่น "Alexa, Skype mom" หรือ "Alexa, call dad on Skype" ส่วนในกรณีที่มีผู้โทรหาคุณก็สามารถใช้คำสั่งรับได้ว่า "Alexa, pick up"
โดยอุปกรณ์ที่รองรับการโทรผ่าน Skype สามารถใช้ได้กับตระกูล Amazon Echo ทั้งรุ่นเก่าและรุ่นปัจจุบัน
ที่มา : Windows Central, TechCrunch, ภาพจาก Amazon
Canalys รายงานยอดส่งมอบลำโพงอัจฉริยะทั่วโลกประจำไตรมาส 3 ออกมาปรากฎว่าเติบโตขึ้นจากปีที่แล้วถึง 137% โดย Amazon กลับขึ้นมาเป็นเบอร์ 1 ของตลาดได้อีกครั้ง หลัง Google ครองส่วนแบ่งไปมากสุด 2 ไตรมาสที่ผ่านมา
ไตรมาสที่ผ่านมา Amazon ส่งมอบไปทั้งหมด 6.3 ล้านชิ้น ส่วนแบ่ง 31.9% ตามมาด้วย Google ที่ 5.9 ล้านชิ้น ส่วนแบ่ง 29.8% ส่วนเบอร์ 3 และ 4 ยังคงเป็น Alibaba และ Xiaomi ที่ 11.1% และ 9.7% ตามลำดับ Canalys ระบุด้วยว่าไตรมาสที่ผ่านมา Baidu กระโดดลงมาเล่นในตลาดนี้และพร้อมชนกับ Alibaba และ Xiaomi แล้ว ขณะที่ขนาดของตลาดจีนและสหรัฐรวมกันกินส่วนแบ่งไปถึง 70% ทั่วทั้งโลก
ความร่วมมือระหว่างไมโครซอฟท์กับอเมซอนเรื่อง Alexa-Cortana เกิดขึ้นมาได้ระยะหนึ่งแล้ว ก่อนหน้านี้เราเพิ่งเห็น Xbox One เริ่มรองรับ Alexa ล่าสุดเมื่อ Amazon เปิดตัวฮาร์ดแวร์ชุดใหญ่ ไมโครซอฟท์จึงประกาศว่า Skype จะรองรับอุปกรณ์สาย Alexa ด้วย
ประกาศของไมโครซอฟท์ระบุเพียงว่าจะนำฟีเจอร์โทรผ่าน Skype มายังอุปกรณ์ตระกูล Alexa (ใช้คำว่า "Alexa devices") แต่ไม่ได้ระบุว่ามีรุ่นใดบ้าง ส่วน Amazon ก็ระบุเพียงว่า ลำโพงติดกล้อง Echo Show ตัวใหม่จะรองรับวิดีโอคอลล์ผ่าน Skype แต่ก็ไม่ได้พูดชัดถึงอุปกรณ์รุ่นอื่นๆ
ในงานของ Amazon เมื่อคืนนี้ มีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ฮาร์ดแวร์ในตระกูล Echo ชุดใหญ่ หลายรายการ นอกเหนือจาก Echo Input และ Echo Show ที่รายงานไปก่อนหน้า มีรายละเอียดทั้งหมดดังนี้
วานนี้ตามเวลาในประเทศสหรัฐอเมริกา (วันนี้ตามเวลาประเทศไทย) Amazon จัดงานแถลงข่าวที่ Seattle มลรัฐวอชิงตัน ประกาศเปิดตัว Echo Input ผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ล่าสุดของบริษัทที่จะแปลงลำโพงในบ้าน กลายเป็นลำโพงอัจฉริยะแบบผลิตภัณฑ์ Echo ตัวอื่นๆ
ตัว Echo Input หน้าตาเหมือน Echo Dot ที่ตัดลำโพงออกไป ทำให้มีขนาดที่แบนราบ มีเฉพาะไมโครโฟน สามารถรองรับคำสั่งเสียงทุกอย่างได้เหมือนผลิตภัณฑ์ตัวอื่นๆ ในกลุ่มทุกประการ โดยถือเป็นคู่แข่งโดยตรงของ Chromecast Audio
หลายสื่อรายงานว่า Amazon กำลังจะมีอีเว้นท์เปิดตัวฮาร์ดแวร์หลายอย่างภายในเดือนนี้ จึงมีข่าวลือข่าวหลุดเกี่ยวกับฮาร์ดแวร์ใหม่ๆ ออกมามากมาย คือ Amazon Echo Sub และ Smart Plug
ย้อนกลับไปในปี 2016 ส่วนแบ่งตลาดลำโพงอัจฉริยะเป็นของ Amazon ถึง 80% (ข้อมูลจาก Canalys) แต่เพียงปีเดียว ส่วนแบ่งของ Amazon ก็ลดลง 28%, Google Home ลดลง 36% ในขณะเดียวกันผู้เล่นจากจีนคืออาลีบาบาและ Xiaomi มีส่วนแบ่งรวมกัน 19% จากที่ปีก่อนหน้านี้แทบจะไม่มีส่วนแบ่งในตลาดโลกเลย
แสดงให้เห็นว่าผู้เล่นจากจีนเริ่มมีความน่าสนใจมากขึ้น และ Amazon กำลังเสียฐานลูกค้าให้จีน และยิ่งจีนมีนโยบายรัฐเน้นสนับสนุนผู้สร้างเทคโนโลยีในท้องถิ่น รวมถึงการปิดกั้นระบบคลาวด์ของต่างประเทศทำให้ผู้เล่นต่างประเทศเข้าถึงกลุ่มลูกค้าจีนได้ยาก
Amazon เปิดตัวความสามารถใหม่สำหรับผู้ช่วย Alexa คือ Alexa for Hospitality หรือผู้ช่วยในโรงแรม ที่ให้ผู้เข้าพัก ใช้เสียงสั่งการ Alexa จาก Amazon Echo ที่อยู่ในห้องในการช่วยอำนวยความสะดวกต่างๆ
ก่อนหน้านี้ในปี 2016 โรงแรม Wynn ในลาสเวกัสติดตั้ง Amazon Echo ในห้องพัก 4,748 ห้อง คนเข้าพักก็สามารถใช้งานทั่วไปได้ แต่สำหรับ Marriott คือสามารถทำได้มากกว่าเดิมโดยใช้สิ่งอำนวยความสะดวกที่โรงแรมมีเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งที่ผู้ใช้สามารถใช้เสียงสั่งการ Alexa เพื่อเข้าถึงบริการต่างๆ ของโรงแรมได้ เช่น เปิดปิดไฟ ควบคุมอุณหภูมิห้องเช่น จองฟิตเนส สปา สั่งอาหารในโรงแรม ถามข้อมูล เปิดเพลงจากสตรีมมิ่ง อ่านหนังสือเสียง เป็นต้น
บริษัทวิจัยตลาด Canalys ออกรายงานตลาดลำโพงอัจฉริยะ (smart speaker) ประจำไตรมาส 1/2018 มีการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจคือ Google Home ทำยอดขาย (นับรวมทั่วโลก) แซง Amazon Echo ได้แล้ว
ตัวเลขของ Canalys ประเมินว่า Google Home ทุกรุ่น (รวมรุ่น Mini) ขายได้ 3.2 ล้านเครื่อง ส่วน Amazon Echo ขายได้ 2.5 ล้านเครื่อง
Canalys ประเมินว่าความสำเร็จของ Google Home มาจากการเปิดตลาดใหม่ๆ อย่างอินเดีย และตำแหน่งทางการตลาดของกูเกิลที่ไม่เป็นคู่แข่งโดยตรงกับร้านค้าปลีก ทำให้ร้านค้าสะดวกใจจะขาย Google Home มากกว่า Amazon Echo อย่างไรก็ตาม Echo ยังเหนือกว่าในแง่ของปริมาณ Skills และการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์สมาร์ทโฮมที่หลากหลายกว่า
Canalys รายงานผลวิเคราะห์เทคโนโลยีลำโพงอัจฉริยะ ซึ่งในไตรมาสล่าสุดนี้มียอดส่งมอบที่ 9 ล้านหน่วย เติบโตสูงถึง 210% เมื่อเทียบกับปีที่แล้วที่ 2.9 ล้านหน่วย และมีสิ่งที่น่าสนใจคือ ไตรมาสนี้ Google Home มียอดส่งมอบทั้งหมด 3.2 ล้านยูนิต ซึ่งสูงกว่า Amazon ที่มียอดส่งมอบ 2.5 ล้านยูนิต
นอกจากนี้ ในรายงานยังเผยว่าส่วนแบ่งตลาดของลำโพงอัจฉริยะในสหรัฐฯ ลดลงต่ำกว่าครึ่งหนึ่งเป็นครั้งแรก โดยมียอดส่งมอบ 4.1 ล้านหน่วย โดยมีจีนและเกาหลีใต้มาเป็นอันดับสองและสาม ที่ยอดส่งมอบ 1.8 ล้านหน่วยและ 730,000 หน่วยตามลำดับ เนื่องจากช่วงนี้ Google และ Amazon ได้ขยายตลาดออกต่างประเทศ รวมถึงมีคู่แข่งจากประเทศอื่นออกลำโพงอัจฉริยะแบรนด์ตัวเองมาด้วย
มีเหตุเรื่องข้อมูลส่วนตัวอีกครั้ง คราวนี้เป็น Amazon Echo Dot เว็บไซต์ KIRO-7 รายงานว่า Amazon Echo Dot บันทึกเสียงการสนทนาของผู้ใช้งานรายหนึ่งคือ Danielle และสามีของเธอ และส่งข้อมูลเสียงไปยังโทรศัพท์ของเพื่อนร่วมงานของสามี โดยเป็นเบอร์โทรศัพท์ที่อยู่ในลิสต์รายชื่อผู้ติดต่อ
คนที่รับข้อมูลโทรมาบอก Danielle ว่า ถอดปลั๊กอุปกรณ์ Alexa เดี๋ยวนี้ เพราะคุณกำลังโดนแฮก ซึ่งคนที่แจ้งข่าวก็ส่งข้อความเสียงสนทนาที่เขาได้รับกลับมาให้ Danielle ฟัง ปรากฏว่าเป็นเสียงสนทนาระหว่างเธอและสามีจริงๆ
Danielle แจ้งเรื่องนี้ไปยัง Amazon วิศวกรรับทราบเรื่องและกำลังสอบสวน และขอโทษขอโพยยกใหญ่ต่อความผิดพลาดครั้งนี้
Amazon ชี้แจงกับเว็บไซต์ Ars Technica ว่า นี่เป็นความผิดพลาดที่มีโอกาสเกิดขึ้นยากมาก ซึ่งปกติ Echo จะเริ่มการทำงานเมื่อได้ยินเสียงเรียก Alexa จากนั้นการสนทนาในเวลาต่อมาก็ถูกได้ยินว่าเป็น "ส่งข้อความ" ถึงจุดนี้ Alexa จะถามว่า ส่งให้ใคร และเมื่อถึงจุดนั้นบทสนทนาเบื้องหลังจะถูกตีความว่าเป็นชื่อในรายชื่อผู้ติดต่อของผู้ใช้ และครั้งนี้ก็ไม่ได้บอกรายละเอียดว่าความผิดพลาดเกิดขึ้นได้อย่างไร
บริษัทวิจัยตลาด Strategy Analytics รายงานภาพรวมตลาดลำโพงอัจฉริยะ (Smart Speaker) โดยมียอดส่งมอบรวม 9.2 ล้านเครื่อง ในช่วงไตรมาสที่ 1 ของปี 2018 ซึ่ง Amazon ครองส่วนแบ่งอันดับหนึ่งจากจำนวน 4 ล้านเครื่อง ที่น่าสนใจคือตลาดลำโพงอัจฉริยะตอนนี้มีการเติบโตสูง เพราะในช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ทั้งตลาดส่งมอบลำโพงไป 2.4 ล้านเครื่องเท่านั้น เท่ากับว่า Amazon ไตรมาสเดียวขายได้มากกว่าทั้งตลาดในปีก่อนเกือบเท่าตัว
อันดับที่ 2-3 คือ กูเกิลและ Alibaba ตามลำดับ ส่วน HomePod จากแอปเปิลอยู่ในอันดับที่ 4 ที่จำนวน 6 แสนเครื่อง ซึ่งเพิ่งเริ่มจำหน่ายไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์
Amazon ประกาศเพิ่มคุณสมบัติใหม่ให้กับ Alexa มีผลกับทุกอุปกรณ์ตระกูล Echo โดยผู้ใช้งานสามารถออกคำสั่ง Announce หรือบอกว่า Broadcast ตามด้วยข้อความที่ต้องการ ให้ Alexa ประกาศข้อความนั้นไปยังอุปกรณ์ทุกตัวภายในบ้านได้
ผู้ใช้ Echo ที่จะลองเล่นฟีเจอร์นี้ได้ ก็จำเป็นต้องมีอุปกรณ์ในบ้านมากกว่าหนึ่งตัว และกระจายอยู่ตามห้องต่างๆ ด้วย ซึ่งจากพ่อแม่จะเรียกลูกลงมาทานข้าวก็คงสะดวกมากขึ้น
กูเกิลก็มีฟีเจอร์คล้ายกัน โดยส่งข้อความผ่าน Google Assistant ไปยัง Google Home ได้
มีผู้ใช้งาน Amazon Echo บางคนเผยจู่ๆ Alexa ก็ส่งเสียงหัวเราะออกมาโดยที่ไม่ได้สั่ง ด้าน Amazon บอกว่ารับรู้ปัญหาดังกล่าวแล้ว และกำลังแก้ไข
ผู้ใช้รายหนึ่งเล่าประสบการณ์ว่าเขากำลังจะล้มตัวลงนอน แต่ Alexa ก็ส่งเสียงหัวเราะออกมา ผู้ใช้บางคนยังโพสต์คลิปลงทวิตเตอร์ด้วย ซึ่งฟังจากเสียงแล้วดูไม่เหมือนเสียงของ Alexa เสียทีเดียว แต่ฟังแล้วเหมือนเสียงหัวเราะของคนจริงๆ
Nate Michel โฆษก Amazon ระบุว่า Alexa อาจเข้าใจบางวลีผิด ซึ่งตอนนี้บริษัทกำลังแก้ไขการตอบกลับของ Alexa เช่นถ้าผู้ใช้ถาม Alexa ว่า หัวเราะได้ไหม Alexa จะตอบว่า ใช่ ฉันหัวเราะได้จากนั้นก็ตามด้วยเสียงหัวเราะ
ผมได้เกริ่นเอาไว้ใน Google Assistant vs Alexa ตอนแรก แล้วว่างาน CES 2018 ที่ผ่านไป ได้กลายเป็นพื้นที่สงครามระหว่าง Intelligent Assistant 2 เจ้า ดูอย่างง่ายที่สุดก็จำนวนของผลิตภัณฑ์ที่เปิดตัวในบทความเก่า
อย่างไรก็ตามเวทีนี้กลับไม่ได้เป็นเพียงสถานที่จัดงานโชว์หรือเปิดตัวเท่านั้น แต่ดูเหมือนจะกลายเป็นเวทีใหญ่สำหรับ Google สำหรับเดินหน้าในเกมผู้ช่วยอัจฉริยะด้วย โดยบทความนี้จะพยายามนำเสนอว่าเหตุใด Intelligent Assistant จึงกลายเป็นแพลตฟอร์มใหม่ที่มีการแข่งขันสูงและภาพรวมของการแข่งขัน ก่อนจะชี้ให้เห็นถึงความพยายามไล่ตาม Amazon ของ Google ให้เป็นรูปภาพธรรมมากขึ้น ปิดท้ายด้วยสภาพของเจ้าอื่นๆ อย่างไมโครซอฟท์ แอปเปิลหรือแม้แต่ซัมซุงจะมีที่ยืนในสมรภูมินี้แค่ไหน
Consumer Intelligent Research Partners (CIRP) บริษัทวิจัยตลาดได้ออกรายงานว่าปลายปีที่แล้วที่เป็นช่วงเทศกาล Google Home มีส่วนแบ่งยอดขายอยู่ที่ราว 40% ขณะที่ยอดขายลำโพงอัจฉริยะทั้งหมดในสหรัฐปัจจุบันแตะ 45 ล้านเครื่องแล้ว
ในแง่ของส่วนแบ่ง Amazon Echo ยังคงนำทว่า Google Home ก็ได้ส่วนแบ่งเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 31% จากยอดขาย 14 ล้านเครื่อง ส่วน Echo ที่ 69% ที่ 31 ล้านเครื่อง สอดคล้องกับข้อมูลจากอีกบริษัทอย่าง NPR Survey ว่ายอดขายทั้งหมดอยู่ที่ 40 ล้านเครื่อง โดย Google Home มีส่วนแบ่งราว 1/3 ที่เหลือ 2/3 เป็นของ Echo
ที่มา - Search Engine Land