หลังจากอเมซอนออกอัพเดต 5.3.8 ไปเมื่อเกือบสองเดือนที่ผ่านมา เมื่อวานนี้อเมซอนออกอัพเดตย่อย 5.3.8.1 แทน 5.3.8 มาแล้วครับ ส่วนตัวอัพเดตใหม่นี้มีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปบ้างนั้น ไม่มีคำอธิบายอย่างเป็นทางการใดๆ ตามสไตล์อเมซอนครับ
เท่าที่ผู้เขียนได้ลองอัพเดตแล้ว ก็ไม่พบฟีเจอร์อื่นใดเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบจาก 5.3.8 นอกจากเลขรุ่นที่เปลี่ยนแปลง
อเมซอนรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 3 ของปี 2013 โดยยังขาดทุนอีก 41 ล้านดอลลาร์ แต่ก็ขาดทุนน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดกันไว้ ขณะที่รายได้นั้นเติบโตถึง 24% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน อยู่ที่ 17.1 พันล้านดอลลาร์
แม้ว่าบริษัทจะกำไรเล็กน้อยสลับกับขาดทุน แต่นักลงทุนก็ยังคงมั่นใจในยุทธศาสตร์ของอเมซอนที่เลือกทำกำไรต่ำแต่หวังผลการเติบโตในระยะยาว ซึ่งก็คงต้องใช้เวลาต่อไปเพราะอเมซอนประเมินว่าไตรมาสที่ 4 ก็จะยังขาดทุนอีกเช่นเคย
ที่มา: GeekWire
หลังจากพยายามปลุกปล้ำ Amazon Publishing กันอยู่สองปีกว่า แต่อาจจะยังไปไม่ถึงดวงดาว ล่าสุด Vice President ของทาง Amazon Publishing นาย Kirshbaum ประกาศลาออก มีผลวันที่ 17 มกราคม ปีหน้า
นาย Kirshbaum วัย 67 คนนี้มีประวัติโชกโชนในฝั่งสิ่งพิมพ์ เคยทำงานอยู่ที่ Random House แล้วก็มาอยู่ที่ (Time) Warner ถึง 30 ปี ตำแหน่งสุดท้ายเป็น CEO ของส่วน Time Warner Book Group จนเกษียณในปี 2005 หลังเกษียณก็มาเปิดบริษัทตัวแทนวรรณกรรมหรือเอเจนซี่ (Literary Agency) ที่ชื่อ LJK Literary ก่อนที่อเมซอนจะให้ไปดูแล Amazon Publishing ในปี 2011
จากข่าวที่แล้วที่มีการเปิดตัว Kindle Fire เปิดตัวใหม่ 3 รุ่น HD, HDX 7, HDX 8.9 เมื่อปลายเดือนที่ผ่านมาโดยที่ขายในอเมริกาเท่านั้น มาบัดนี้ อเมซอนเปิดให้ผู้คนนอกอเมริการวมถึงประเทศไทยสั่งซื้อได้แล้วครับโดยจะเริ่มจัดส่งในเดือนหน้า
ทั้ง Kindle Fire 7" HD, Kindle Fire 7" HDX, Kindle Fie 8.9" HDX มีราคาเริ่มต้นที่ 154, 244 และ 394 เหรียญสหรัฐตามลำดับ โดยทุกโมเดลเป็นรุ่นไม่มี Special Offer และเป็นรุ่น WiFi เท่านั้น
Amazon Cloudfront คือผู้ให้บริการ Content Delivery Service รายใหญ่รายหนึ่งที่มีสตาร์ทอัพมากมายใช้บริการ เพื่อช่วยให้ฝั่งผู้ใช้สามารถเข้าถึง content จากภูมิภาคต่างๆได้เร็วขึ้น ยกตัวอย่าง เช่น การที่เราสามารถดาวน์โหลดรูปภาพ Instagram จากประเทศไทยผ่าน Amazon Cloudfront ของสิงคโปร์ ซึ่งทำให้เร็วกว่าการดาวน์โหลดจากเซิฟเวอร์ในอเมริกาโดยตรง เป็นต้น
โดยในวันนี้ Amazon Cloudfront ได้ประกาศรองรับ HTTP method เพิ่มเติม คือ POST, PUT, DELETE, OPTIONS และ PATCH ซึ่งจะทำให้สามารถใช้พัฒนาประสิทธิภาพของเว็บไซต์ที่มีการตอบสนองต่อผู้ใช้ได้หลายรูปแบบซึ่งรวมถึงการอัพโหลดผ่าน Amazon Cloudfront ได้โดยตรง จากแต่เดิมที่ต้องวางเซิฟเวอร์ไว้ตามภูมิภาคต่างๆ เองเพื่อรองรับการอัพโหลดจากผู้ใช้
ช่วงนี้มีข่าวของว่า Amazon กำลังซุ่มทำสมาร์ทโฟนของตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อไม่นานมานี้มีวงในเผยว่าสมาร์ทโฟนของเจ้านี้จะมารพร้อมกับกล้องหน้าที่สามารถจับการเคลื่อนไหวของใบหน้า และนัยน์ตาผู้ใช้ได้ ล่าสุดมีการเปิดเผยชื่อผู้ผลิตของเจ้ามือถือที่ว่ามาแล้ว
จากรายงานของสำนักข่าว Financial Times ระบุว่า Amazon เซ็นสัญญากับ HTC ให้เป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนดังกล่าวให้ โดยมีสองโมเดล รุ่นแรกเป็นสมาร์ทโฟนที่มาพร้อมกับส่วนติดต่อผู้ใช้แบบสามมิติ ตัวที่หลุดมา และอีกรุ่นเป็นสมาร์ทโฟนราคาถูกที่ลือกันว่าจะแจกฟรีแบบติดสัญญา
Amazon จัดงานสัมมนาเกี่ยวกับบริการ cloud ในระบบ Amazon Web Services (AWS) สำหรับนักพัฒนาและ startup ในประเทศไทย งานจัดวันที่ 31 ตุลาคมนี้ที่โรงแรม Centre Point Hotel (ตึกเดียวกับ Terminal 21)
ชื่องานคือ AWS Cloud Kata ซึ่งคำว่า "Kata" ก็มีความหมายตามนี้
Kata (型 or 形 literally: "form"), a series of choreographed patterns of movements used for teaching, through which successful techniques are mastered.
ในงานมีทีมงานของ Amazon มานำเสนอประเด็นทั้งฝั่งเทคนิคและฝั่งธุรกิจสำหรับ startup รวมถึงกรณีศึกษาจาก startup เมืองไทยสองรายคือ Shopspot กับ Wongnai
กลยุทธ์ของ Chromebook นั้นอาศัยราคาถูกมาโดยตลอด โน้ตบุ๊กตัวสำคัญคือ Samsung Chromebook นั้นสามารถยึดอันดับหนึ่งโน้ตบุ๊กขายดีของอเมซอนได้ตั้งแต่วันเริ่มวางขายมาจนทุกวันนี้ แต่วันนี้มันก็เจอคู่แข่งใหม่คือ HP Chromebook 11
HP Chromebook 11 ยังไม่มีขายแต่อเมซอนเปิดให้สั่งล่วงหน้าได้ในตอนนี้ขึ้นมาเป็นอันดับสอง (ผมเข้าเมื่อชั่วโมงที่แล้วเห็นอยู่อันดับหนึ่ง แต่เปลี่ยนภายหลัง ไม่ยืนยันว่าเพราะความผิดพลาดหรืออเมซอนจัดอันดับใหม่พอดี) อีกรุ่นที่ยังไม่มีขายเหมือนกันคือ Acer C720-2800 ก็ขึ้นมาอันดับหกทั้งที่ยังไม่มีของเช่นกัน โดยตัวเอเซอร์นี้ทางอเมซอนลดราคาให้กับคนสั่งกลุ่มแรกเหลือ 240.27 ดอลลาร์
นับว่าเป็นเครื่องรุ่นเดียวมีประวัติอย่างโชกโชนเลยทีเดียวสำหรับ Kindle DX มาพร้อมหน้าจอ 9.7 นิ้ว ความละเอียด 1200x824 หนัก 540 กรัม ที่เปิดตัวเมื่อสี่ปีก่อนที่ราคาสูงถึง 489 เหรียญ ต่อมาไม่ถึงปีก็อัพเกรดเล็กน้อยและเป็นชื่อเป็น DX Graphite พร้อมตัดราคาลงเหลือ 379 เหรียญ เคยหยุดขาย Kindle DXG ไปนานถึงเก้าเดือนและกลับมาขายใหม่อีกครั้งในราคา 299 เหรียญ และลดราคามาเหลือ 239 เหรียญ
การจัดซื้อบริการสร้างโครงสร้างกลุ่มเมฆของซีไอเอมูลค่า 600 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ กลายเป็นสงครามระหว่างเจ้าตลาดรัฐบาลอย่างไอบีเอ็มและผู้เข้าชิงอย่างอเมซอน โดยซีไอเอเลือกอเมซอนหลังจากให้ผู้เข้าแข่งยื่นเสนอราคาและสินค้าที่เสนอให้
ทางไอบีเอ็มไม่พอใจคำตัดสินจึงยื่นเรื่องต่อสำนักงานบัญชีกลาง (Government Accountability Office - GAO) ว่าการประมูลมีปัญหา ทาง GAO แนะนำลงมาว่าให้มีการประมูลใหม่แต่ซีไอเอยืนยันผลประมูลเดิม ทำให้กระบวนเข้าสู่ศาล และศาลยืนยันว่าสิทธิในการตัดสินใจเป็นของซีไอเอ ให้ยืนยันผลการประมูลไปได้
ไอบีเอ็มระบุว่าบริษัทมีแผนจะอุทธรณ์คำพิพากษานี้ต่อไป ส่วนทางอเมซอนไม่ได้แสดงความเห็นอะไรมากกว่า
หนึ่งในปัญหาที่นักพัฒนาเว็บหลายๆ คนต้องเจอมาบ้างก็คือจะรับเงินหรือตัดเงินจากบัตรเครดิตเมื่อมีลูกค้ามาสั่งซื้อของในเว็บอย่างไร หนึ่งในทางเลือกหลักๆ ก็คงหนีไม่พ้นการไปใช้บริการของ Paypal หรือ Google Wallet เพื่อประมวลผลและตัดเงินบัตรเครดิตแทนการไปติดต่อกับธนาคารเอง
ในวันนี้ อเมซอนก็เลยเปิดตัวบริการใหม่ที่มีชื่อว่า Login and Pay เป็นส่วนหนึ่งของ Amazon Payments กล่าวคือเป็นบริการที่ให้นักพัฒนาเว็บเข้ามารับเงินจากบัตรเครดิตผ่านระบบของอเมซอนเอง โดยลูกค้าจะสามารถใช้บัตรเครดิตที่ผูกไว้กับบัญชีอเมซอนเพื่อสั่งซื้อของได้ทันที ซึ่งก็เป็นการให้บริการในลักษณะเดียวกับ Paypal นั่นเอง
ตั้งแต่เมื่อครั้งกูเกิลเปิดตัว Chromecast อุปกรณ์ตัวจ้อยสำหรับเล่นวิดีโอผ่านกลุ่มเมฆบนทีวีก็มีผู้ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ด้วยราคาที่ถูกเพียง 35 เหรียญเท่านั้น
ในช่วงแรกหลังเปิดตัว ผู้คนที่อยู่นอกสหรัฐฯ อาจต้องเล่นท่ายากเสียหน่อยเพราะกูเกิลยังไม่เปิดขายที่ประเทศอื่น แม้แต่ห้างร้านที่ร่วมขายอย่าง Amazon เองก็ขายเฉพาะในสหรัฐฯ เช่นกัน
แต่วันนี้มีการเปลี่ยนแปลงนิดหน่อยเมื่อ Amazon ปรับให้ผู้ใช้นอกสหรัฐฯ สามารถสั่งซื้อ Chromecast ได้แล้ว จากรายงานบอกว่ามีหลายประเทศสามารถสั่งได้ เช่น อังกฤษ เยอรมนี และฮ่องกง ผมลองสั่งดูแล้วพบว่าส่งมาที่ไทยได้เช่นกัน แต่โดนชาร์จค่าส่งอีก 20 เหรียญ ภาษีอีกประมาณ 30 เหรียญ รวมแล้วเกือบๆ 100 เหรียญเลย - -"
หนังสือพิมพ์ Wall Street Journal รายงานข่าวว่า Amazon เตรียมเปิดตัวฮาร์ดแวร์สำหรับสตรีมวิดีโอจากอินเทอร์เน็ตไปออกทีวี เพื่อวางขายช่วงปลายปีนี้
Amazon มีบริการวิดีโอสตรีมมิ่งชื่อ Instant Video ให้อุปกรณ์เซ็ตท็อปหลากหลายยี่ห้อ (รวมถึงแท็บเล็ต Kindle Fire ของตัวเอง) เข้าถึงและใช้งานได้อยู่ก่อนแล้ว การที่ Amazon ลงมาทำฮาร์ดแวร์สำหรับสตรีมมิ่งเองจึงไม่ใช่เรื่องเกินความคาดหมายนัก
ในข่าวระบุว่า Amazon ยังเริ่มเจรจากับผู้พัฒนาแอพด้านมัลติมีเดีย และผู้ให้บริการเคเบิลทีวีหลายรายเพื่อนำแอพหรือบริการเหล่านี้มาสู่กล่องเซ็ตท็อปของตัวเอง
เว็บไซต์ TechCrunch รายงานข้อมูลวงในของมือถือยี่ห้อ Amazon ที่ลือกันมานานว่า โครงการพัฒนามือถือใช้ชื่อว่า Project B (Amazon ใช้โค้ดเนมภายในเป็นตัวอักษร มีตั้งแต่ A-D) โดยแยกรุ่นย่อยเป็น 2 รุ่น
มือถือรุ่นล่างไม่มีโค้ดเนมเฉพาะ เรารู้แค่ว่ามันจะราคาถูก และใช้ระบบปฏิบัติการ FireOS ตัวเดียวกับ Kindle Fire โดยแหล่งข่าวของ TechCrunch ระบุว่ายังไม่มีแผนแน่ชัดว่าจะวางขายเมื่อไร และตั้งราคาเท่าไร
อเมซอนอัพเดต Kindle Fire ปีนี้อีกสามรุ่น ได้แก่ Kindle Fire (2013), Kindle Fire, และ Kindle Fire HDX 8.9" ทั้งสามรุ่นใช้ Fire OS 3.0 "Mojito"
Kindle Fire (2013) นั้นเปลี่ยนแปลงไม่มากนัก อัพเกรดซีพียูเป็นสองคอร์ 1.5GHz, แบตเตอรี่นานขึ้นเป็น 10 ชั่วโมง ขอบจอบางลง ราคาเริ่มต้น 139 ดอลลาร์
Kindle Fire HDX จอความละเอียด 1080p ความกว้างสี 100% sRGB ซีพียูสี่คอร์ 2.2GHz แรม 2GB แบตเตอรี่ 17 ชั่วโมง น้ำหนัก 303 กรัม มีเฉพาะกล้องหน้า 720p ราคาเริ่มต้น 229 ดอลลาร์ รุ่น 4G เพิ่มเป็น 329 ดอลลาร์
Kindle Fire HDX 8.9" หน้าจอ 2560x1600 ความกว้างสี 100% sRGB ซีพียูสี่คอร์ 2.2GHz แรม 2GB น้ำหนัก 374 กรัม กล้องหลัง 8 ล้านพิกเซล กล้องหน้า 720p ราคา 379 ดอลลาร์
จากข่าวลือ สมาร์ทโฟนจาก Amazon ใช้โมเดล "เครื่องฟรี" แบบไม่ติดสัญญา ล่าสุดทางโฆษกของ Amazon ออกมาปฏิเสธข่าวนี้สั้นๆ ว่าบริษัทจะไม่วางขายสมาร์ทโฟนในปีนี้ และต่อให้ออกขายในอนาคตก็จะไม่แจกฟรีอย่างแน่นอน
กรณีนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ Amazon ออกมาพูดเรื่องมือถืออย่างเป็นทางการ (แม้จะเป็นข่าวปฏิเสธก็ตาม)
ตอนนี้หลายๆ คนคงเริ่มคิดถึง Kindle Phone ราคาถูกมาก และวางขายในปี 2014 กันแล้ว
ที่มา - Jessica Lessin
โมเดลธุรกิจของ Amazon Kindle คือกดราคาอุปกรณ์ให้ถูกที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ เพื่อทำกำไรจากการขายเนื้อหาดิจิทัลและการโฆษณา
ล่าสุดมีข่าววงในว่าสมาร์ทโฟนของ Amazon ที่ลือกันมาหลายรอบนั้นอาจใช้โมเดลเดียวกันนี้ และอาจไปไกลถึงระดับ "เครื่องฟรี" กันเลยทีเดียว
ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลชัดเจนว่า "เครื่องฟรี" ของ Amazon หมายถึงอะไรกันแน่ เพราะบริษัทอาจใช้วิธีแจกเครื่องฟรีเฉพาะผู้สมัครบริการพรีเพียม Amazon Prime แต่แหล่งข่าวบอกว่าน่าจะชัวร์คือเครื่องฟรีแบบไม่จำเป็นต้องผูกกับสัญญามือถือ
แม้ว่าอเมซอนเพิ่งจะเปิดตัว Paperwhite ตัวใหม่ ไปไม่ถึงสัปดาห์ก็ยังไม่ลืมรุ่นเก่า เมื่อวานนี้อเมซอนปล่อยอัพเดต 5.3.8 ออกมาสำหรับ Paperwhite ตัวเก่าแล้วครับ เท่าที่ดูเน้นที่ฟีเจอร์การค้นหาเพียงอย่างเดียว และก็ยังไม่ใช่ฟีเจอร์เด่นๆ ที่อยู่ในรุ่นใหม่ครับ
ตัวอัพเดตสามารถโหลดผ่าน OTA หรือถ้ารอไม่ไหวจะโหลดตัวอัพเดตขนาด 164MB จากเว็บไซต์ที่มาได้โดยตรงครับ คำอธิบายฟีเจอร์และภาพประกอบหน้าจออยู่หลังเบรคครับ
เผลอหลุด Kindle Paperwhite ตัวใหม่ได้แปปเดียว Amazon ก็จัดการเปิดตัวเครื่องอ่านอีบุ๊กตัวใหม่นี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
Kindle Paperwhite ตัวใหม่มีอัพเดตทั้งซอฟต์แวร์ และฮาร์ดแวร์ แต่ทรงตัวเครื่องนั้นเหมือนเดิมเด๊ะ โดยรายละเอียดตรงกับที่หลุดมาตอนแรกทุกประการดังนี้ครับ
ฮาร์ดแวร์
ปิดไฟอ่านได้ 8 สัปดาห์ (ถ้าอ่านเฉลี่ยวันละแปดชั่วโมง) เปิดไฟอ่านได้ 10 ชั่วโมง
อเมซอนเปิดโครงการ Kindle MatchBook ให้ลูกค้าเก่าที่เคยซื้อหนังสือฉบับกระดาษจาก Amazon (ย้อนไปได้ถึงปี 1995!) มีสิทธิซื้ออีบุ๊กเรื่องเดียวกันได้ในราคาถูก (หรือฟรีในบางครั้ง) ผ่านระบบของ Kindle
อเมซอนระบุว่าได้เพิ่มอีบุ๊กของหนังสือเก่าแต่นิยมในอดีตไปอีกกว่า 10,000 เรื่อง โดยจะตั้งราคาไม่เกิน 2.99 ดอลลาร์ ไล่ลงไปเรื่อยๆ ที่ 1.99, 0.99 ดอลลาร์ หรือบางเล่มอาจแจกฟรีด้วยซ้ำ ส่วนราคาก็ขึ้นกับว่าเป็นหนังสือเล่มไหน
Russ Grandinetti รองประธานฝ่าย Kindle Content ให้สัมภาษณ์ว่าถ้าคุณเป็นลูกค้าเก่าของอเมซอนตั้งแต่สมัยประธานาธิบดีคลินตัน ก็มีสิทธิ์ซื้ออีบุ๊กของหนังสือเล่มเดิมที่คุณเคยซื้อไปเมื่อ 18 ปีก่อนได้แบบถูกๆ
หลังจาก Amazon หยุดขาย Kindle Paperwhite ทุกโมเดลจนคนเดาไปว่าน่าจะเตรียมเปิดตัวรุ่นใหม่ในไม่ช้า ซึ่งก็ถูกเผง และเป็น Amazon เองที่หลุดข้อมูลของ Kindle Paperwhite รุ่นใหม่บนหน้าเว็บ แน่นอนว่ามีผู้ใช้เก็บภาพเอาไว้ได้ครับ
สรุปจากภาพที่ Amazon หลุดมา Kindle Paperwhite รุ่นใหม่จะมาพร้อมกับหน้าจอที่คอนทราสต์สูงขึ้น ระบบไฟใหม่ที่แก้ปัญหาตาล้า ชิปประมวลผลทำงานเร็วขึ้น 25% และระบบสัมผัสหน้าจอใหม่ที่แม่นยำขึ้น
จากข่าวปีที่แล้วที่อเมซอนร่อนจดหมายถึงลูกค้าแจ้งจะคืนเงินบางส่วนจากการซื้อหนังสือจาก 3 ค่ายใหญ่ หลังจากบรรดาสำนักพิมพ์ตกลงระงับข้อพิพาท (settlement) ไปเกือบทั้งหมดแล้ว เมื่อวานนี้ทางอเมซอนก็ส่งอีเมลฉบับที่สองมาถึงลูกค้าในอเมริกา ใจความสำคัญคือ
อเมซอนหยุดจำหน่ายเจ้า Kindle Paperwhite ทุกรุ่นทั้งรุ่น WiFi Only และรุ่น 3G แล้วนะครับ แต่ Kindle (non-touch) กับ Kindle DX ก็ยังมีให้สั่งซื้อกันอยู่
ซึ่งโดยปกติแล้ว ก่อนที่อเมซอนจะเปิดตัวคินเดิลรุ่นใหม่ก็มักจะมีการประกาศลดราคารุ่นเก่าเพื่อเคลียร์สต็อค ไม่ก็หยุดขายรุ่นที่มีความสามารถใกล้เคียงกันชั่วระยะเวลาหนึ่ง (เหมือนกรณี Kindle Touch กับ Kindle Paperwhite) ยิ่งมีการหยุดขายสินค้าตัวนี้ในช่วงเวลานี้ก็ยิ่งเพิ่มความมั่นใจขึ้น เพราะในช่วงสามปีที่ผ่านมาอเมซอนมักจะเปิดตัวคินเดิลสาย e-Ink ในช่วงกันยายน-ตุลาคมเสมอ
ศูนย์ข้อมูลที่รัฐเวอร์จิเนียของ Amazon Web Services ล่ม ทำให้บริการจำนวนมากที่อยู่ในศูนย์นี้พากันล่มตามไปด้วย นับแต่บริการดังๆ เช่น Instagram, Vine, Airbnb, และ Netflix
อเมซอนระบุว่าปัญหาต้นเหตุได้รับการแก้ไขไปแล้ว และเครื่องที่ใช้ EBS เป็นที่เก็บข้อมูลทั้งหมดสามารถทำงานได้เป็นปกติ แต่ยังมีปัญหากับระบบกระจายโหลด
การที่บริการจำนวนมากจะไปพึ่งพิงกับศูนย์ข้อมูลของอเมซอนทำให้บริการล่มพร้อมกันหมดเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง ทำให้คำถามว่าการพึ่งกับบริการแบบกลุ่มเมฆเป็นเรื่องสมเหตุสมผลหรือไม่
ที่มา - TechCrunch
Bloomberg อ้างแหล่งข่าวปกปิดตัวตนระบุว่า อเมซอนกำลังพัฒนาเครือข่ายไร้สายของตัวเองโดยใช้คลื่นที่ความถี่ที่ถือครองโดยบริษัท Globalstar บริษัทให้บริการดาวเทียม
ข่าวนี้ตรงกับการแถลงของ Globalstar ที่เคยเปิดเผยว่ากำลังอยู่ระหว่างการขออนุญาตจาก FCC ให้สามารถใช้คลื่นเดิมที่เคยใช้กับดาวเทียมอยู่แล้ว มาใช้ในกิจการภาคพื้นดินได้ด้วย
อเมซอนเป็นบริษัทที่ต้องส่งข้อมูลออกไปยังเครื่องลูกข่ายจำนวนมหาศาลทั่วสหรัฐฯ เป็นเรื่องปกติจากทั้งลูกค้า Kindle, และลูกค้า Amazon Prime ที่สามารถดูวิดีโอได้ การมีคลื่นความถี่ของตัวเองเป็นเรื่องสมเหตุสมผลกับอเมซอนที่ไม่ต้องแบกรับค่าใช้จ่ายจากการเช่าโครงข่ายของผู้ให้บริการรายอื่น เช่นทุกวันนี้ที่ต้องจ่ายเงินผ่านกับ Amazon Whispernet