พบกันทุกเดือนกับ Android O รุ่นพรีวิวตัวใหม่ เดือนนี้ถือว่ากูเกิลออกค่อนข้างช้าเพราะค่อนมาเกือบปลายเดือน โดย Developer Preview 4 จะเป็นพรีวิวตัวสุดท้ายก่อนที่ Android O จะออกตัวจริงในช่วงปลายฤดูร้อน (ฝรั่ง) หรือประมาณเดือนสิงหาคม
ของใหม่ใน Preview 4 เน้นไปที่การแก้บั๊กและปรับปรุงเสถียรภาพ โดยไม่มีฟีเจอร์ใหม่เพิ่มเข้ามาจาก Preview 3 มากนัก
ทีมงาน Android ไปตอบคำถาม AMA (Ask Me Anything) บน Reddit โดยเน้นไปที่ประเด็น Android O มีข้อมูลที่น่าสนใจดังนี้
ฟีเจอร์เด่นของ Android O คือ Project Treble หรือการแยกชั้นของฮาร์ดแวร์ออกมาจากระบบปฏิบัติการ ประโยชน์ของมันคือช่วยลดระยะเวลาการอัพเดตเวอร์ชัน เพราะชั้นฮาร์ดแวร์ยังใช้ของเดิมได้อยู่ เปลี่ยนเฉพาะชั้นของระบบปฏิบัติการ
ล่าสุด บล็อก Android Developers ยังอธิบายข้อดีของ Project Treble ว่านอกจากเรื่องอัพเดตเร็วแล้ว มันยังช่วยให้ Android O ปลอดภัยมากขึ้นด้วย
เพียงสามสัปดาห์หลังกูเกิลออก Android O Developer Preview 2 ที่งาน Google I/O กูเกิลก็ออกรุ่น Preview 3 ตามมาทันที
ความสำคัญของ Android O Preview 3 คือเป็นรุ่นที่ API เสถียรและไม่มีการเปลี่ยนแปลงอีกแล้ว นักพัฒนาแอพสามารถอ้างอิง O Preview 3 ในการทดสอบแอพได้เลย (API level 26 จะคงที่ไปตลอดจนถึงรุ่นจริง) ขั้นถัดไปคือการแก้บั๊กหรือเพิ่มฟีเจอร์ของตัวระบบปฏิบัติการที่ไม่เกี่ยวกับ API เท่านั้น
กูเกิลบอกว่าจะออก Preview 4 ตามมาอีกตัวในเดือนกรกฎาคม ก่อนจะออก O รุ่นสมบูรณ์ในช่วงท้ายๆ ของฤดูร้อนฝรั่ง (ราวเดือนสิงหาคม)
HMD Global ยืนยันกับ TechRedar ว่าโทรศัพท์โนเกียทั้งสามรุ่น คือ Nokia 6, 5, และ 3 จะได้รับ Android O หลักจากกูเกิลเปิดตัวเป็นทางการ แม้ว่าจะไม่สามารถสัญญาได้ว่าจะได้รับอัพเดตเมื่อใด เพราะต้องใช้เวลาแก้ไขอีกนับเดือนหลังได้รับซอฟต์แวร์ตัวเต็ม
โทรศัพท์โนเกียทั้งสามรุ่นโฆษณาเรื่องการได้รับอัพเดตต่อเนื่องอย่างหนัก และจนตอนนี้ทาง HMD Global ก็ยังทำตามที่สัญญาไว้ได้ แม้จะเพิ่งวางขายเมื่อต้นปีที่ผ่านมา อัพเดตล่าสุดเดือนพฤษภาคมก็ยังปล่อยค่อนข้างตรงเวลา
ฟีเจอร์อย่างหนึ่งของ Android O คือ JobScheduler จำกัดการทำงานของแอพที่รันในแบ็คกราวนด์ เพื่อประหยัดพลังงานให้มากขึ้น ก่อนหน้านี้เราเข้าใจกันว่าฟีเจอร์นี้จะใช้ได้เฉพาะแอพที่ออกแบบมาให้รันบน O เท่านั้น
แต่ในบทสัมภาษณ์ของหัวหน้าทีม Android กับ Ars Technica ก็มีการอธิบายเรื่องนี้เพิ่มเติม กลายเป็นว่าแอพใดๆ ก็ได้ที่รันบน O สามารถถูกจำกัดการรันอยู่ในแบ็คกราวนด์ได้เช่นกัน เพียงแต่ผู้ใช้ต้องตั้งค่าเอาเองในหน้า Battery usage
การจำกัดการทำงานของ O ไม่ได้เป็นการห้ามรันแบ็คกราวนด์ 100% แต่ตัว JobScheduler จะคอยจัดการทรัพยากรให้แทน เช่น จำกัดความถี่ของการเข้าถึง location เป็นต้น
ในห้องย่อยของงาน Google I/O ทีมงาน Android ประกาศข้อมูลไว้สั้นๆ ว่าในอนาคตอันใกล้นี้ ผู้ใช้ Android O จะสามารถอัพเดตไดรเวอร์กราฟิกผ่าน Play Store ได้โดยตรง
ตอนนี้เรายังไม่มีข้อมูลละเอียดในเรื่องนี้ แต่คาดว่าน่าจะเป็นผลมาจาก Project Treble ที่แยกส่วนของ OS หลักกับส่วนของไดรเวอร์ฮาร์ดแวร์ออกจากกัน
ที่มา - Android Police
ช่วงนี้เริ่มมีคนที่ทดสอบ Android O Beta แล้วค้นพบฟีเจอร์ใหม่ๆ ของ Android O ที่อาจไม่ได้ประกาศไว้ในงาน Google I/O
ฟีเจอร์หนึ่งที่น่าสนใจคือ Turn on WiFi Automatically เราสามารถตั้งค่าให้เปิด Wi-Fi อัตโนมัติเมื่อเข้าไปอยู่ในพื้นที่ที่กำหนด (เช่น บ้านตัวเอง) และเชื่อมต่อกับเครือข่ายที่รู้จักอยู่แล้วได้ทันที ฟีเจอร์นี้จำเป็นต้องเปิด location ให้ระบบรู้ว่าตอนนั้นเราอยู่ที่ไหนด้วย
ตัวเลือกตั้งค่าฟีเจอร์นี้เพิ่มเข้ามาในรุ่น Preview 1 แต่เพิ่งเริ่มใช้งานได้ใน Preview 2 ที่เพิ่งเปิดให้ทดสอบกัน
ยังไม่ทันที่ Google จะปล่อยใช้งานอีโมจิชุดใหม่ ก็มีผู้ใช้บน Twitter ชื่อ @SilverEzhik สร้างแคมเปญขึ้นใน Change.org เรียกร้องให้ Google นำอีโมจิแมวตัวเดิมกลับมา ซึ่งตอนนี้มีผู้ลงชื่อแล้วกว่า 400 คน
ในคำอธิบายของแคมเปญได้ระบุว่า "อีโมจิแมวตัวเก่ามีรอยยิ้มที่สวยงามราวกับแสงสว่างที่สดใสท่ามกลางเวลาที่มืดมน ฉันขอให้ Google พิจารณานำอีโมจิตัวเก่ากลับมาอีกครั้งเพราะมันเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้ผู้คนรวมใจกันได้จนทุกวันนี้"
นอกจาก Android O จะเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ๆ ให้ใช้งานกันแล้ว Google ยังจับอีโมจิของตัวเองมาปรับเปลี่ยนและออกแบบใหม่ยกชุด พร้อมให้ใช้งานแล้วใน Android O
แนวคิดของ Google ที่เปลี่ยนอีโมจิเป็นแบบใหม่นี้ เกิดจากต้องการสร้างอีโมจิแต่ละตัวให้สามารถระบุตัวตนได้ชัดเจนขึ้น และจุดสำคัญอีกอย่างคือปัญหาหน้าตาอีโมจิที่ไม่เหมือนกันในแต่ละแพลตฟอร์ม ทำให้เกิดปัญหาการสื่อสารที่ไม่ชัดเจน จึงตัดสินใจออกแบบใหม่เพื่อให้ผู้ใช้มั่นใจว่าส่งอีโมจิไปหาอีกฝั่งได้อย่างถูกต้อง
กูเกิลประกาศออก Android O Developer Preview 2 ซึ่งมีฟีเจอร์เพิ่มจาก Preview 1 ที่เปิดตัวไปก่อนแล้วในเดือนมีนาคม ผู้ใช้สามารถทดสอบได้แล้วผ่านโครงการ Android Beta บน Nexus 5X, 6P, Nexus Player, Pixel, Pixel XL, Pixel C
ของใหม่ใน Preview 2 มีดังนี้
ปัญหาแอนดรอยด์ได้รับอัพเดตช้าเป็นปัญหาเรื้อรังต่อเนื่องมาหลายปี สร้างความเสี่ยงให้กับผู้ใช้ที่ไม่ได้รับแพตช์ใหม่ๆ ทั้งที่ช่องโหว่ถูกเปิดเผยออกไปแล้วหลายเดือน ตอนนี้กูเกิลก็เปิดเผย Project Treble แยกชั้นฮาร์ดแวร์ออกจากชั้นแอนดรอยด์เอง
หนึ่งในฟีเจอร์ใหม่ของ Android O คือ Autofill API หรือการเปิด API ให้กับแอพช่วยเติมฟอร์ม เพื่อให้แอพจัดการรหัสผ่านทั้งหลาย สามารถยิงข้อมูลไปที่ฟอร์มได้โดยตรง
ล่าสุด แอพจัดการรหัสผ่านชื่อดัง LastPass ประกาศรองรับ Autofill API เรียบร้อยแล้ว ในอนาคต ผู้ใช้ LastPass บน Android O ก็จะสะดวกมากขึ้น เพราะสามารถกรอกรหัสผ่านแบบอัตโนมัติได้ทันที ไม่ว่าจะเป็นในเว็บเบราว์เซอร์หรือในแอพก็ตาม
กูเกิลเปิดตัว Android O ที่ยังไม่รู้ว่าชื่อจริงว่าอะไร (แต่คนจำนวนมากก็ลุ้นให้เป็น Oreo) โดยมีฟีเจอร์ชุดแรกออกมาเพื่อฟังเสียงตอบรับจากนักพัฒนากันก่อน ฟีเจอร์เด่นๆ ได้แก่