ต่อเนื่องจาก [ข่าวรั่ว] ความสามารถใหม่ของ Windows 8 จากสไลด์ของไมโครซอฟท์ ยังมีข้อมูลรั่วอีกว่าไมโครซอฟท์ยังมี Windows Store หรือ App Store สำหรับ Windows 8 ที่ทำงานอยู่บนกลุ่มเมฆอยู่ในแผนอีกด้วย
จากรายละเอียดสรุปได้ว่า ผู้ใช้สามารถค้นหาแอพพลิเคชั่นจากภายในเครื่อง (local) หรือผ่านเว็บไซต์ สามารถดาวน์โหลด ติตตั้ง และเรียกใช้งานแอพพลิเคชั่น รวมถึงฟีเจอร์ "follow me" ที่เก็บการตั้งค่าของแอพพลิเคชั่น ช่วยให้ผู้ใช้สามารถใช้งานจากอุปกรณ์ต่างๆ ได้อย่างต่อเนื่อง (เช่น เล่นเกมบนโน้ตบุ๊กแล้วมาเล่นต่อบนแท็บเล็ตได้อย่างต่อเนื่อง)
ก่อนหน้านี้ไม่นานเว็บ MacRumors ได้ทำการโพสข่าวเกี่ยวกับความเป็นไปได้ว่าแอปเปิลจะปล่อย App ออกมาบน iOS สำหรับการซื้อสินค้าจากแอปเปิลออนไลน์ และการจองบริการล่วงหน้าก่อนใช้บริการ Apple Retail Store ล่าสุดแอปเปิลได้ปล่อย App ตัวนี้ออกมาจริง ๆ แล้วตามข่าวลือ
โดย App ตัวนี้สามารถให้ผู้ใช้เลือกทำการซื้อ iPhone 4 ล่วงหน้า (Pre-Order) และการค้นหาตำแหน่งร้าน Apple Store นอกจากนี้ยังสามารถสั่งซื้อสินค้าต่าง ๆ ผ่านทาง App ไม่ต่างกับการซื้อสินค้าผ่านทางเว็บ Apple Online Store เลยด้วย
ที่มา - MacRumors
ความเดิม Android งานเข้า โปรแกรมใน Market หายไปชั่วขณะ แม้ว่ากูเกิลจะออกมาขอโทษในความล่าช้า และแก้ปัญหาเรียบร้อยแล้ว แต่ล่าสุดมีรายงานว่าปัญหายังคงอยู่
เว็บไซต์ Android Guys รายงานว่าการค้นหาโปรแกรมชื่อ "Credit Card" (พัฒนาโดยเจ้าของเว็บ) ไม่เจอโปรแกรมที่ต้องการ แต่ถ้าใช้คำค้นว่า "pname:bostone.android.credit" กลับใช้ได้ นอกจากนี้เขายังพบว่ายอดและอันดับการดาวน์โหลดถูกเปลี่ยน กลับไปใช้ข้อมูลของเมื่อหลายสัปดาห์ก่อน
ทาง Android Guys แสดงความเห็นว่ากูเกิลมีช่องทางสำหรับติดต่อเรื่องปัญหาใน Android Market น้อยมาก มีเพียง forum ที่ไม่ใช่ช่องทางรับเรื่องโดยตรงเท่านั้น
อาจเป็นข่าวร้ายของกูเกิล เพราะในวันที่คู่แข่งอย่างแอปเปิลเปิดตัว iPhone 4 แบบยิ่งใหญ่ ฝ่ายตัวเองกลับมีข่าวด้านลบที่ทำให้นักพัฒนาไม่พอใจ
เรื่องมีอยู่ว่า นักพัฒนาจำนวนหนึ่งที่ส่งโปรแกรมรุ่นอัพเดตลงไปใน Android Market ตั้งแต่วันที่ 3 มิถุนายน พบว่าโปรแกรมของพวกเขาหายไปจาก Android Market ซะอย่างนั้น
ปัญหายิ่งเลวร้ายกว่าเดิมเมื่อนักพัฒนาพยายามติดต่อไปยังกูเกิลในช่องทางต่างๆ แต่กลับไม่ได้รับความสนใจจากกูเกิลแม้แต่น้อย ทำให้นักพัฒนาจำนวนไม่น้อยเริ่มไม่พอใจกูเกิลบ้างแล้ว
ไมโครซอฟท์ได้ประกาศนโยบายการส่งโปรแกรมเข้า Windows Phone Marketplace ของ Windows Phone 7 แล้ว โดยรวมๆ เหมือนกับนโยบายของ iPhone App Store ครับ
รองรับการจ่ายเงินด้วยเครดิตการ์ดเป็นหลัก แต่จะมีระบบคิดเงินรวมกับค่าโทรศัพท์ในอนาคต
โปรแกรม Pulse News Reader เป็นหนึ่งในโปรแกรมที่สตีฟ จ็อบส์ได้นำออกมาโชว์ใน Keynote เมื่อคืนที่ผ่านมานี้ที่งาน WWDC ล่าสุดได้ถูกถอดถอนออกจาก App Store แล้ว หลักจาก New York Times ได้แจ้งกับแอปเปิลว่าโปรแกรมนี้มีการละเมิดสิทธิของทาง New York Times แม้ว่าโปรแกรมนี้ใช้วิธีเรียกข้อมูลจาก RSS Feeds มาเท่านั้น
การออกมาทำแบบนี้หมายความว่าโปรแกรมทุกอย่างที่ใช้การเรียกข้อมูลจาก RSS Feeds ผิด Terms of Use ของ New York Times ทั้งหมด ไม่เช่นนั้นแล้ว ก็ถือได้ว่าบริษัท New York Times ใช้วิธีเลือกปฏิบัติ
น่าสนใจเหมือนกันว่าหลังจากนี้เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป
กดอ่านต่อเพื่อเข้ามาดูคลิปสั้น ๆ โชว์การทำงานของ App ตัวนี้ครับ
หลังจาก กูเกิลเปิดตัว Chrome Web Store ซื้อขายแอพลิเคชั่นบนเว็บได้เหมือนบนโทรศัพท์ ก็ได้มีปฏิกริยาออกมาจากฝั่ง Mozilla ซึ่งเป็นทั้งคู่แข่งและพันธมิตรของกูเกิล
Mozilla ได้เสนอแนวทางที่เรียกว่า "Open Web App Store" ซึ่งเป็นร้านขายเว็บแอพพลิเคชันลักษณะเดียวกับ Chrome Web Store แต่มีแนวทางการดำเนินการต่างไปนิดหน่อยดังนี้
มีรายงานเข้ามาว่า Twitter ได้ทำการถอดถอน Tweetie ออกจาก App Store และได้ทำการเพิ่ม Twitter เข้าสู่ App Store แล้ว โดยผู้ใช้ที่ใช้ Tweetie อยู่ในปัจจุบันจะเห็นว่าโปรแกรมนี้ได้ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น Twitter เวอร์ชั่น 3.0
ก่อนหน้านี้ Twitter ได้ทำการเข้าซื้อ Tweetie โปรแกรมที่ถูกเขียนขึ้นโดย Atebits
สำหรับคุณสมบัติใหม่นั้นยังไม่มีใครทราบ แม้ว่าหลาย ๆ คนอาจจะเห็นเป็นอัพเดตขึ้นมาแล้ว แต่เมื่อพยายามอัพเดตจะได้ข้อความ Error ขึ้นมา (ผมก็เจอเหมือนกัน อุตส่าห์ดีใจ)
ที่มา - Engadget
แม้ว่าแอปเปิลจะควบคุมกระบวนการส่งโปรแกรมเข้า App Store อย่างเข้มข้น (จนมีปัญหากับชาวบ้าน) แค่ไหนก็ตาม แต่ iPhone App Store ยังเผชิญกับปัญหาลิงก์ขยะและโปรแกรมซ้ำซ้อนอย่างมาก
Marco Arment นักพัฒนาโปรแกรม Instapaper ยกตัวอย่างกรณีของเกม Angry Birds โดยบริษัท InTekOne ซึ่งสามารถส่งเกมเดียวกันในเวอร์ชันต่างๆ เข้าไปใน App Store ได้เยอะมากจนเข้าขั้นสแปม
จากตัวเลขของ Marco บอกว่า InTekOne มีลิงก์สแปมถึง 58 โปรแกรมใน App Store นี่ยังไม่รวมค่าย ESCAPP มี 24 โปรแกรม และ Ben Cousins มี 86 โปรแกรมตามลำดับ เขาให้ความเห็นว่าการปล่อยให้โปรแกรมขยะอย่างนี้เข้าไปใน App Store ได้สะดวก ยิ่งขัดแย้งกับการปฎิเสธโปรแกรมดีๆ จากนักพัฒนาที่ตั้งใจจริง ที่เราเคยเห็นข่าวกันมาตลอด
Engadget นำวีดีโอจากยูทูปมาโชว์ โดยวีดีโอนี้ถูกโพสขึ้นโดยนักพัฒนารายหนึ่งที่ได้ทำการโชว์ App ของเขาที่ชื่อว่า Wi-Fi Sync โดย App ตัวนี้นั้นต้องทำการติดตั้งทั้งบนแมคและบนไอโฟนหรือไอพ็อดทัช เพื่อที่จะทำการ Sync ข้อมูลหากันได้โดยไม่ต้องการสาย เพียงต้องการแค่เครือข่าย Wi-Fi เท่านั้น
โดยหลักการทำงานนั้น ผู้ใช้จำเป็นต้องทำการ Pair อุปกรณ์กับเครื่องคอมพิวเตอร์เข้าหากันก่อนเพียงครั้งเดียว หลังจากนั้นแล้วสามารถทำการ Sync ได้เลย
App นี้ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้ iPhone OS 4.0 และนักพัฒนารายนี้เองก็คิดว่า App นี้ไม่ได้ผิดกฏของ App Store แต่อย่างใด โดยเขาจะส่ง App ตัวนี้เข้าสู่ App Store และหวังว่าแอปเปิลจะยอมให้ผ่าน
คลิกเข้ามาดูวีดีโอที่ว่านี้ได้ครับ
Engadget นำวีดีโอจากยูทูปมาโชว์ โดยวีดีโอนี้ถูกโพสขึ้นโดยนักพัฒนารายหนึ่งที่ได้ทำการโชว์ App ของเขาที่ชื่อว่า Wi-Fi Sync โดย App ตัวนี้นั้นต้องทำการติดตั้งทั้งบนแมคและบนไอโฟนหรือไอพ็อดทัช เพื่อที่จะทำการ Sync ข้อมูลหากันได้โดยไม่ต้องการสาย เพียงต้องการแค่เครือข่าย Wi-Fi เท่านั้น
โดยหลักการทำงานนั้น ผู้ใช้จำเป็นต้องทำการ Pair อุปกรณ์กับเครื่องคอมพิวเตอร์เข้าหากันก่อนเพียงครั้งเดียว หลังจากนั้นแล้วสามารถทำการ Sync ได้เลย
App นี้ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้ iPhone OS 4.0 และนักพัฒนารายนี้เองก็คิดว่า App นี้ไม่ได้ผิดกฏของ App Store แต่อย่างใด โดยเขาจะส่ง App ตัวนี้เข้าสู่ App Store และหวังว่าแอปเปิลจะยอมให้ผ่าน
คลิกเข้ามาดูวีดีโอที่ว่านี้ได้ครับ
หลังจากที่แอปเปิลอนุมัติให้ Opera Mini เข้าสู่ App Store หลังจากนั้นไม่นาน Opera Mini ก็มียอดดาวน์โหลดทะลุล้านครั้งตั้งแต่ในวันแรกที่เปิดให้ดาวน์โหลด และก้าวขึ้นอันดับหนึ่ง ใน App Store ในหลายๆ ประเทศอย่างรวดเร็ว
ประเทศใดที่ตอนนี้ Opera Mini ขึ้นอันดับหนึ่ง ลองไปดูได้ที่นี่
Lars Boilesen ผู้เป็น CEO ของ Opera Software กล่าวว่า "วันนี้ผู้ใช้ iPhone มีตัวเลือกแล้ว และจากที่ตัวเลขแสดงออกมา พวกเขาต่างอยากที่จะลองการเข้าเว็บด้วยทางที่ใหม่และเร็วกว่าเดิมบน iPhone โดยเฉพาะช่วงที่มีการใช้งานเว็บอย่างหนักหน่วง"
Opera ได้ออกมารายงานแล้วว่าเว็บเบราว์เซอร์ของตัวเอง Opera Mini สำหรับไอโฟนนั้นได้ผ่านการตรวจสอบจากทีมงาน App Store ของแอปเปิลแล้ว และจะเปิดให้ดาวน์โหลดภายใน 24 ชั่วโมงนี้
ก่อนหน้านี้มีเสียงจากหลาย ๆ กลุ่มที่คาดเดากันเองว่าแอปเปิลอาจจะไม่ให้ผ่าน Opera Mini เพราะว่าหากดูจากสาเหตุที่แอปเปิลเคยให้กับนักพัฒนาอื่น ๆ โปรแกรมต่าง ๆ ที่มีความสามารถใกล้เคียงกับโปรแกรมที่มีอยู่แล้วโดยแอปเปิลนั้น จะไม่ถูกให้ผ่านและไม่สามารถเปิดให้ดาวน์โหลดบน App Store ได้
ผมเห็นมันอยู่บน App Store แล้วนะครับ โหลดมาใช้ได้เลย ข่าวร้ายคือตัดคำภาษาไทยไม่ได้ตามเคย สกรีนชอทหลังเบรคครับ
เป็นเวลากว่า 20 วัน ที่ Opera ส่ง Opera Mini ไปให้แอปเปิลพิจารณาเข้าสู่ App Store และตอนนี้มันก็ผ่านเข้าสู่ App Store เป็นที่เีรียบร้อยแล้ว ซึ่ง Opera Mini จะเข้าสู่ App Store และให้ดาวน์โหลดกันได้ฟรีภายใน 24 ชั่วโมงหลังจากนี้ครับ
ใครเบื่อหน้า Safari แล้วก็เชิญเฮกันดังๆ ครับ
ที่มา - Opera Press Release
Mobclix เครือข่ายโฆษณาสำหรับโปรแกรมในอุปกรณ์พกพา ได้เปิดเผยยอดโปรแกรมของ iPad ใน App Store ว่ามีประมาณ 3,122 ตัว (ตัวเลขเมื่อประมาณสองวันก่อน)
ถ้าแบ่งตามประเภท จะได้ว่า 80% ของโปรแกรมทั้งหมดเป็นโปรแกรมแบบเสียเงิน มีเพียง 20% เท่านั้นที่แจกฟรี ราคาขายเฉลี่ยของโปรแกรมอยู่ที่ 4.99 ดอลลาร์ ถ้าต้องการซื้อโปรแกรมทั้งหมดใน App Store จะต้องจ่ายเงินรวม 12,572.78 ดอลลาร์
สัดส่วนของโปรแกรมบน iPhone ก็ไม่ต่างกันมากนัก ประมาณ 75% เป็นโปรแกรมแบบเสียเงิน
ที่มา - TechCrunch
เว็บไซต์ MacStories อ้างว่าได้รับวิดีโอแสดงการใช้งาน App Store ของ iPad (ดูวิดีโอได้หลัง break) โดยวิดีโอนี้ได้แสดงให้เห็นถึงแอปพลิเคชันเฉพาะของ iPad จำนวนมาก
มีข้อสังเกตจาก AllThingsD ว่ามีสื่อเพียงสองเจ้า คือ Reuters กับ Yahoo เท่านั้นที่ถูกคัดเลือกให้อยู่ในพื้นที่แนะนำ
ที่มา - MacStories ผ่าน AllThingsD
เมื่อสักครู่นี้ Opera เพิ่งจะส่ง Opera Mini ไปให้ Apple พิจารณาเข้าสู่ App Store ไปหมาดๆ พร้อมเปิดหน้าจับเวลาให้ได้ดูกัน ว่าตั้งแต่ที่ส่งโปรแกรมเข้าไป (ณ เวลา 13:00 CET หรือ 14:27 GMT) จะใช้เวลานานเท่าไหร่ กว่า Opera Mini จะได้รับการอนุมัติเข้าสู่ App Store
พร้อมกันนี้ Opera ยังเปิดให้สมาชิก My Opera เดาว่าจะใช้เวลาเท่าไหร่ ที่ Opera Mini จะได้รับการอนุมัติผ่านเข้าสู่ App Store ของ Apple โดยมีรางวัลคือ iPhone 3GS ให้กับผู้ที่ตอบถูก หรือตอบเข้าใกล้กับเวลาจริงมากที่สุด (เล่นกันระดับวินาทีเลยทีเดียว)
แอปเปิลได้ส่งอีเมลถึงนักพัฒนาจำนวนหนึ่ง บอกว่าพร้อมรับโปรแกรมสำหรับ iPad เพื่อขายบน App Store แล้ว
iPad จะวางขายจริงวันที่ 3 เมษายน (อีกประมาณ 2 สัปดาห์) แต่ถ้าอยากให้โปรแกรมอยู่บน App Store ในวันเริ่มขาย (ซึ่งจะเป็นช่วงที่คนทดลองซื้อหรือโหลดโปรแกรมเยอะมาก) ก็ต้องส่งโปรแกรมเข้าไปให้แอปเปิลรีวิวก่อนวันที่ 27 มีนาคม
เว็บไซต์ TechCrunch บอกว่าปัญหาคือนักพัฒนาส่วนมากไม่มีใครได้ลองจับ iPad ตัวจริงเช่นกัน ดังนั้นมีโอกาสสูงที่โปรแกรมบน iPad ช่วงแรกจะทำงานได้ไม่ดีนัก แต่เมื่อนักพัฒนาได้รับ iPad (ซึ่งน่าจะสั่งจองกันไปหมดแล้ว) และปรับปรุงโปรแกรมให้เหมาะกับการใช้งานจริงมากขึ้น โปรแกรมย่อมจะดีขึ้นเอง
ตัวแทนของกูเกิลได้แจ้งว่ามีโปรแกรมใน Android Market ทั้งหมดเกิน 30,000 ตัวแล้ว
ตัวเลขนี้ยังถือว่าน้อยเมื่อเทียบกับ iPhone App Store ที่มีโปรแกรมถึง 140,000 ตัว (ข้อมูลเดือนมกราคม 2010) แต่ความน่าสนใจอยู่ที่อัตราการเติบโตของ Android Market ครับ เพราะเมื่อสามเดือนก่อน มันเพิ่งมีโปรแกรมเพียง 16,000 ตัวเท่านั้น
สถิติของเว็บไซต์ AndroLib บอกว่า สัดส่วนของโปรแกรมฟรีกับโปรแกรมจ่ายเงินคือ 2:1
ที่มา - MobileCrunch
Google Apps คือการรวมบริการหลายตัวของกูเกิล เช่น Gmail, Google Calendar, Google Docs สำหรับผู้ใช้ภาคธุรกิจ โดยมีฟีเจอร์เพิ่มเติมเข้ามาจากรุ่นปกติบ้าง (เช่น พื้นที่การใช้งานเพิ่มขึ้น) บริการนี้ค่อนข้างได้รับความนิยมพอสมควร ตามตัวเลขของกูเกิลระบุว่ามีองค์กรกว่า 2 ล้านรายใช้งาน Google Apps
เมื่อมีผู้ใช้มากเข้า สิ่งที่ตามมาก็คือบริการเสริมต่างๆ ที่ขยายความสามารถของ Google Apps ออกไป เช่น โปรแกรมบัญชี โปรแกรมจัดการพนักงาน ฯลฯ ซึ่งในที่สุดกูเกิลได้เปิดร้าน Google Apps Marketplace เพื่อเป็นสื่อกลางซื้อขายโปรแกรมภายนอกเหล่านี้แล้ว
เว็บไซต์ 9to5mac รายงานว่า App Store ของแอปเปิลได้ปรับโครงการช่วยเหลือนักพัฒนาโปรแกรมบนแมค ซึ่งจากเดิมมีราคาค่อนข้างสูง (แต่แถมฮาร์ดแวร์) มาเป็น Mac developer license ราคา 99 ดอลลาร์ต่อปี
ความคล้ายคลึงกันของ Mac developer license กับ iPhone developer license จึงก่อให้เกิดข่าวว่า แอปเปิลอาจทำ Mac App Store ในลักษณะเดียวกับ iPhone App Store เช่นกัน โดยเน้นไปที่นักพัฒนาโปรแกรมบน iPhone เดิม ให้ทำโปรแกรมเวอร์ชันบนแมคด้วย และแอปเปิลจะสร้างช่องทางการจัดจำหน่ายแบบเดียวกันให้
ทั้งหมดนี่ยังเป็นแค่ "การคาดการณ์" นะครับ
ที่มา - 9to5mac
ผมคิดว่าผู้อ่าน Blognone มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องแอพพลิเคชันบนมือถือเป็นอย่างดี แอพพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนนี่คงไม่ต้องพูดถึง (เพราะเราโหมข่าวกันอยู่ทุกวัน: P) แต่จริงๆ แล้ว แอพพลิเคชันบนมือถือนั้นเกิดขึ้นมาตั้งแต่สมัยของ feature phone โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกเกม Java ME ทั้งหลาย ผมเชื่อว่าสมัยก่อนมีหลายๆ คนซื้อมือถือเพราะมันรัน Java ME ได้แล้วมันรู้สึกดี (ทั้งๆ ที่จริงๆ ก็ไม่ค่อยได้ใช้กันเท่าไร) อย่างน้อยผมก็คนนึงละ
ประกาศสำคัญอันหนึ่งในงาน Mobile World Congress 2010 คือผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือรายใหญ่ของโลก นับได้ทั้งสิ้น 24 เจ้า เช่น Orange, AT&T, China Unicom, China Mobile, Verizon, Vodafone, NTT DoCoMo, Softbank, Telefónica รวมถึง Telenor (เจ้าของ DTAC) และ SingTel (เจ้าของ AIS) ประกาศสร้างระบบการจำหน่ายแอพพลิเคชันบนมือถือที่ใช้งานได้ทั่วโลก
พันธมิตรทั้ง 24 รายรวมตัวกันใช้ชื่อว่า Wholesale Applications Community (ชุมชนแอพพลิเคชันขายส่ง?) มีลูกค้ารวมกัน 3 พันล้านเลขหมาย นอกจากนี้ยังผนึกกำลังกับผู้ผลิตมือถือ 3 เจ้าใหญ่คือ Samsung, LG, Sony Ericsson และสมาคม GSMA อีกด้วย
เมื่อวานนี้ผมได้รับเชิญจาก True ให้ไปร่วมงานแถลงข่าวผลงานของ True App Center หลังจากเปิดมาได้ประมาณครึ่งปี เลยได้คุยถึงทิศทางวงการ mobile app ของไทย และยังได้ถามคำถามที่หลายๆ คนอยากรู้ ไม่ว่าจะเป็น iPad หรือ Android
ผู้บริหารของ True ที่มาแถลงข่าวครั้งนี้คือ คุณพิชิต ธันโยดม หัวหน้าคณะผู้บริหาร ด้านสารสนเทศ คอนเวอร์เจนซ์ บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น และคุณอุทัย คุ้มคง รองผู้อำนวยการ สายงานบริการมัลติมีเดียและการตลาด บริษัท ทรู มูฟ จำกัด หน้าตาดังภาพ
ขอแบ่งเนื้อหาเป็นประเด็นๆ ไปละกันครับ
24/7 Wall St. รายงานว่าแอปเปิลกับนักพัฒนาโปรแกรมลงบน App Store นั้นได้สูญเสียรายได้ที่ควรจะได้รับกว่า 450 ล้านดอลลาร์จากการละเมิดลิขสิทธิโปรแกรมบนไอโฟนและ iPod touch ตั้งแต่ที่ได้ทำการเปิด App Store เมื่อเดือนกรกฎาคม 2008 โดยตัวเลขที่ได้นั้นมาจากการดูอัตราส่วนยอดการดาวน์โหลด App ที่ต้องเสียเงินบน App Store กับอัตราส่วนการละเมิดลิขสิทธิ App ที่ต้องเสียเงิน และอัตราส่วนของจำนวนผู้ใช้ที่ดาวน์โหลด App ละเมิดลิขสิทธิที่จะซื้อ App หากไม่มีวิธีการละเมิดลิขสิทธิในท้องตลาด
โดยรวมทั้งหมดแล้วทั้งแอปเปิลและนักพัฒนาโปรแกรมให้กับ App Store ทั้งหมดสูญเสียรายได้โดยรวมประมาณ 459 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 15,000 ล้านบาท