บริษัท บิทคอยน์ จำกัด ผู้ดำเนินการคลาดแลกเปลี่ยนเงินคริปโต BX.in.th ประกาศเตรียมปิดบริการในวันที่ 30 กันยายนนี้ โดยจะรับฝากเงินวันสุดท้ายในวันที่ 6 กันยายน และหลังจากนั้นจะเปิดให้ถอนเงินภายในวันที่ 1 พฤศจิกายนเท่านั้น

ล่าสุดทางก.ล.ต. ตั้งศูนย์ช่วยเหลือนักลงทุนให้คำแนะนำนักลงทุนในการถอนโอนเงินคริปโตออกจาก BX.in.th ผ่านทาง Help Center ของก.ล.ต. ทั้งหมายเลข 1207 กด 7 และอีเมล info@sec.or.th

ราคา Bitcoin ล่าสุดช่วงเช้าวันนี้ตามเวลาไทย ได้กลับมาผ่านด่านสำคัญ 10,000 ดอลลาร์ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว กลายเป็นราคาสูงสุดใหม่ของปีนี้ และถือเป็นการกลับมามีราคาเกิน 10,000 ดอลลาร์ นับตั้งแต่มีนาคมปีที่แล้ว

ทั้งนี้ Bitcoin มีราคาปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องนับตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา

นอกจากราคา Bitcoin จะทำสถิติใหม่ในรอบปีอีกครั้ง Bitcoin ยังมีตัวเลขกำลังขุดรวม (hash rate) ที่ทำสถิติใหม่สูงสุดด้วยเช่นกัน

ราคา Bitcoin ล่าสุดได้ผ่านสเต็ปถัดมาเป็นที่เรียบร้อย โดยปรับเพิ่มสูงกว่า 9,000 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นราคาที่สูงสุดในรอบ 13 เดือน ตั้งแต่พฤษภาคม 2018

ทั้งนี้ราคา Bitcoin ได้ปรับเพิ่มสูงกว่า 8,000 ดอลลาร์ ไปเมื่อกลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา

นักวิเคราะห์มองว่าราคา Bitcoin ปรับเพิ่มขึ้น เป็นการตอบรับกับข่าวที่ Facebook มีแผนจะออกเงินคริปโตของตนเอง สะท้อนความเชื่อมั่นในเงินดิจิทัล

ที่มา: CNBC

ราคา Bitcoin กลับมาร้อนแรงได้ระยะหนึ่งแล้ว แต่ล่าสุด Bitcoin ได้ผ่านหลักไมล์ที่น่าสนใจอีกอย่าง โดยข้อมูลจากเว็บ CoinMetrics.io พบว่า Bitcoin มีจำนวน Bitcoin address หรือบัญชีกระเป๋าเงิน Bitcoin ที่เกิดการซื้อและขายในแต่ละวันเกิน 1 ล้านบัญชีอีกครั้ง

ตัวเลข 1 ล้านบัญชีนี้มีความหมายมาก เพราะครั้งสุดท้ายที่จำนวน Bitcoin address สูงเท่านี้ คือช่วงพฤศจิกายนปี 2017 ในตอนนั้น Bitcoin มีมูลค่า 9,352 ดอลลาร์ ค่ากลางค่าธรรมเนียมการโอน 3.23 ดอลลาร์ ขณะที่ตอนนี้ Bitcoin มีราคา 8,230 ดอลลาร์ และค่ากลางค่าธรรมเนียมการโอน 1.33 ดอลลาร์

เมื่อวันก่อนราคา Bitcoin เพิ่งผ่านด่าน 7,000 ดอลลาร์ แต่ใช้เวลาไม่กี่วัน ก็มาถึง 8,000 ดอลลาร์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยราคา 8,000 ดอลลาร์นี้ ครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว ถือเป็นราคาสูงสุดในรอบ 10 เดือน

การปรับขึ้นของ Bitcoin ก็ทำให้เงินคริปโตสกุลอื่นปรับราคาขึ้นเช่นกัน แต่ที่น่าสนใจคือมูลค่ารวมของ Bitcoin นั้น ก็มีอัตราส่วนเพิ่มขึ้นคิดเป็น 59% ของมูลค่าตลาดเงินคริปโตรวมที่มีมูลค่าตอนนี้กว่า 240,000 ล้านดอลลาร์

ที่มา: Crypto News

ช่วงนี้อาจมีหลายคนพูดว่ารู้อะไรไม่สู้รู้งี้ โดยราคา Bitcoin ล่าสุด ได้ซื้อขายกันสูงกว่า 7,000 ดอลลาร์ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่เมื่อวานนี้ (11 พฤษภาคม) ซึ่งเป็นราคาสูงสุดในรอบ 8 เดือน และราคาปรับขึ้นกว่า 22% ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาล่าสุดตอนนี้อยู่ราว 7,300 ดอลลาร์

เงินคริปโตสกุลอื่นก็มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดย Ethereum ราคาล่าสุดอยู่ที่ 194 ดอลลาร์ ส่วน XRP อยู่ที่ 0.318 ดอลลาร์

ที่มา: Coindesk

ราคา Bitcoin ในช่วงเช้าวันนี้มีการปรับตัวขึ้นแรงอีกครั้ง โดยราคาได้สูงกว่า 6,000 ดอลลาร์ และถือเป็นราคาสูงที่สุดในปีนี้ และสูงสุดในรอบ 6 เดือน

ข่าวสำคัญของ Bitcoin ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาซึ่งอาจส่งผลต่อราคา ก็มีทั้ง Fidelity สถาบันการเงินรายใหญ่ เตรียมให้บริการซื้อขายเงินดิจิทัลสำหรับลูกค้าระดับสถาบันการเงิน นอกจากนี้ก็มีข่าวว่า Binance ตลาดซื้อขายเงินดิจิทัลรายใหญ่ แถลงว่าถูกแฮกและมีการขโมย Bitcoin ออกไปได้ 7,000 BTC

เงินดิจิทัลสกุลอื่นขนาดใหญ่ก็ต่างมีราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกันทั้ง Ethereum, XRP และ Bitcoin Cash

ที่มา: Ars Technica

หลังจากตัวตนของ Satoshi Nakamoto ผู้สร้าง Bitcoin จะเป็นปริศนามากว่า 10 ปีและถูกนำมากล่าวอ้างอยู่นาน ล่าสุด John McAfee ผู้ก่อตั้ง McAfee ออกมาบอกว่าเขารู้ตัวตนของ Satoshi และเตรียมจะเปิดเผยตัวจริงของผู้สร้าง Bitcoin ภายในหนึ่งอาทิตย์

McAFee บอกว่าเขามีโอกาสได้พูดคุยกับ Satoshi แล้วและแน่นอนว่า Satoshi ไม่พอใจแน่ๆ ที่เขาจะถูกเปิดเผยตัวตน McAfee บอกด้วยว่าเขาติดตามและค้นหาผู้คนมาทั้งชีวิต การค้นหาตัวจริงของ Satoshi นั้นเป็นเรื่องกล้วยๆ สำหรับเขามาก

ที่ผ่านมามีทฤษฎีและการกล่าวอ้างมากมายถึงตัวตนที่แท้จริงของ Satoshi Nakamoto แต่จนทุกวันนี้ก็ยังไม่มีใครรู้หรือมีหลักฐานยืนยันเรื่องดังกล่าว ก็ต้องรอดูว่า McAfee จะพูดจริงทำจริง รวมถึงมีหลักฐานยืนยันหรือไม่

The Wall Street Journal อ้างแหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับ Masayoshi Son ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง SoftBank เผยว่า Son ได้ใช้เงินส่วนตัวซื้อ Bitcoin เป็นจำนวนมากในช่วงที่ผ่านมา แต่เขาก็ได้ตัดสินใจขายขาดทุนโดยคิดเป็นมูลค่าที่ขาดทุนถึง 130 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 4,100 ล้านบาท

ปัญหาคือราคาและจังหวะที่ Son ซื้อนั้น คือตอนที่ Bitcoin มีราคาแถว 20,000 ดอลลาร์ ซึ่งเกิดขึ้นช่วงเดือนธันวาคม ปี 2017 และถือเป็นราคาสูงสุดของ Bitcoin ที่จากนั้นก็มีราคาปรับลดลงมาเรื่อย ๆ และเพิ่งมีแนวโน้มกลับมาเพิ่มขึ้น โดยราคาล่าสุดอยู่ราว 5,500 ดอลลาร์ แหล่งข่าวบอกว่า Son ตัดสินใจขายขาดทุนหลังจากเข้าซื้อได้ไม่นานนัก

ราคา Bitcoin ยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยใช้เช้าวันนี้ราคาได้ปรับขึ้นสูงกว่า 5,500 ดอลลาร์ และมีราคาสูงสุดราว 5,650 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นราคาที่สูงสุดในรอบ 5 เดือน

ข้อมูลจากเว็บรวบรวมราคาเงินดิจิทัล CoinMarketCap ยังพบว่ามูลค่าสินทรัพย์รวมของ Bitcoin ตอนนี้อยู่ราว 96,900 ล้านดอลลาร์ ซึ่งมีขนาดถึง 53.2% หรือมากกว่าครึ่งหนึ่งของมูลค่าสินทรัพย์เงินดิจิทัลรวมทั้งตลาด ที่ตอนนี้อยู่ที่ 184,300 ล้านดอลลาร์

การปรับตัวของราคา Bitcoin ยังส่งผลให้เงินดิจิทัลที่สำคัญตัวอื่นมีราคาปรับเพิ่มสูงตามด้วยเช่นกัน

ที่มา: CoinDesk

วันนี้ราคา Bitcoin กลับมาร้อนแรงอีกครั้ง หลังจากราคาปรับลดลงต่อเนื่องในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา โดยในวันนี้ราคา Bitcoin ได้ปรับเพิ่มสูงทะลุ 5,000 ดอลลาร์ในบางตลาดซื้อขาย ขณะที่ตัวเลขของ CoinMarketCap ปรับขึ้นไปสูงสุดที่กว่า 4,800 ดอลลาร์ และราคาล่าสุดอยู่ที่ 4,760 ดอลลาร์

ราคา Bitcoin สูงกว่า 5,000 ดอลลาร์ ครั้งล่าสุดคือในเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว จึงถือว่าราคา Bitcoin วันนี้ ปรับตัวเพิ่มสูงสุดในรอบ 4 เดือน

ถ้าถามว่าสาเหตุใดทำให้ Bitcoin ราคาเพิ่มขึ้น Changpeng Zhao ซีอีโอของ Binance ตลาดซื้อขายเงินคริปโตรายใหญ่ ก็ทวีตในช่วงแรกว่าเขาเองก็ไม่ทราบ

ตลาดฟิวเจอร์ Cboe เลิกออกฟิวเจอร์บิตคอยน์เทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ XBT หลังจากออกฟิวเจอร์นี้ครั้งแรกเมื่อเดือนธันวาคม 2017 หรือเพียง 15 เดือนเท่านั้น

อย่างไรก็ดี การที่ Cboe เลิกออกฟิวเจอร์บิตคอยน์ไม่ได้แปลว่าไม่มีคนซื้อขายฟิวเจอร์บิตคอยน์แต่อย่างใด แต่เป็นเพราะการแข่งขันกับตลาด CME ที่ออกฟิวเจอร์บิตคอยน์มาช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน และช่วงหลังเริ่มชัดเจนว่าตลาด CME เป็นผู้ชนะ โดยยอดการทำสัญญาฟิวเจอร์ทาง CME นั้นปริมาณสูงกว่า Cboe ชัดเจน ยอดการทำสัญญาในช่วง 30 วันที่ผ่านมา CME มียอดสูงกว่า 4 เท่าตัว

Jack Dorsey ซีอีโอ Twitter และ Square ประกาศรับสมัครงานผ่าน Twitter ของเขาเอง โดยเป็นตำแหน่งงานด้านการพัฒนาออกแบบระบบเงินคริปโตแบบโอเพ่นซอร์สขึ้นมา

โดยรายละเอียดนั้น Dorsey บอกว่า Square ต้องการจ้างวิศวกรเงินคริปโต 3-4 อัตรา และผู้ออกแบบระบบ 1 อัตรา โดยจะทำงานเต็มเวลาเพื่อสร้างระบบนิเวศโอเพ่นซอร์สของ Bitcoin/Crypto ตำแหน่งทั้งหมดจะขึ้นตรงกับเขาเอง สามารถทำงานที่ใดก็ได้ และสามารถเลือกรับเงินเดือนเป็น Bitcoin ได้ด้วย

ที่ผ่านมา Dorsey มีมุมมองต่อ Bitcoin ในเชิงบวกมาตลอด เขาลงทุนในสตาร์ทอัพที่พัฒนา Lightning Network และยังมีบริการซื้อขาย Bitcoin ใน Cash App แอปจ่ายเงิน Square การประกาศหาวิศวกรเงินคริปโตมาทำงานตรงให้กับเขา จึงถือเป็นอีกก้าวในเรื่องนี้

อดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร พูดถึงประเด็น Cryptocurrency (เขาใช้คำว่า CryptoMoney) ในรายการ Good Monday ตอนที่ 10 ที่ออกมาในสัปดาห์นี้ โดยแสดงความเห็นว่า CryptoMoney เกิดแน่ แต่ต้องเป็นเงินที่มีทรัพย์สินค้ำประกัน

ทักษิณ อธิบายในรายการว่า Bitcoin เป็นเงินคริปโตที่ "ลอย" เกินไป และยกตัวอย่างกรณีของจีน ที่จะทำ CryptoMoney ที่ค้ำด้วยเงินหยวน กับกรณีของรัสเซียที่ใช้ทองคำเป็นตัวค้ำประกัน

เมื่อเดือนที่แล้วมีรายงานถึงตลาดซื้อขายเงินคริปโต QuadrigaCX ที่ปิดกิจการลงเพราะเงินจำนวนมากถูกโอนไปยังบัญชีนอกระบบ หรือ cold storage จนทำให้เงินลูกค้าหายไปมูลค่าหลายพันล้านบาท ตอนนี้ผู้ตรวจสอบกลับพบว่าที่จริงแล้วเงินคริปโตในบัญชีเหล่านั้นก็ถูกถอนออกไปก่อนหน้านี้แล้ว

JPMorgan ออกบทวิเคราะห์สถานะของตลาดเงินคริปโต ระบุว่าค่าเฉลี่ยต้นทุนการขุดบิตคอยน์ (BTC) นั้นอยู่ที่ 4,060 ดอลลาร์ต่อ BTC ทำให้ตอนนี้โดยเฉลี่ยแล้วเหมืองที่ยังทำการอยู่ล้วนขุดแล้วขาดทุน

อย่างไรก็ดี เหมืองในจีนนั้นมีต้นทุนต่ำเป็นพิเศษ โดยรายงานระบุว่าเหมืองในจีนสามารถซื้อไฟฟ้าจากโรงหลอมอลูมิเนียมที่มีไฟฟ้าเหลือได้ในราคาถูก ทำให้เหลือต้นทุนเพียง 2,400 ดอลลาร์ต่อ BTC เท่านั้น

ราคาบิตคอยน์ตกลงต่ำกว่า 4,000 ดอลลาร์ต่อ BTC มาตั้งแต่ช่วงเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ทำให้เหมืองนอกจีนแทบไม่มีโอกาสทำกำไร และ JPMorgan คาดว่าจะมีเหมืองที่ต้นทุนสูงปิดทำการไปเรื่อยๆ

กระแสความตื่นตัวของ Bitcoin และเงินคริปโตตั้งแต่ช่วงปลายปี 2017 มาจนถึงต้นปี 2018 และมีสถาบันการเงินหลายแห่งทั่วโลกที่ "ทดลอง" นำเงินคริปโตไปใช้งานในแง่มุมต่างๆ

แต่เมื่อปี 2018 ใกล้สิ้นสุดลง กระแสเงินคริปโตซบเซาลงไปมาก การทดลองเหล่าก็ไม่บังเกิดผลสักเท่าไร และมีธนาคารหลายแห่งเริ่มชะลอหรือยกเลิกโครงการด้านคริปโตแล้ว

ตัวอย่างที่โดดเด่นคือ Goldman Sachs วาณิชธนกิจรายใหญ่ของโลก และเป็นรายแรกๆ ที่หันมาจับด้านการลงทุนในเงินคริปโต ก็พับแผนบริการด้านเทรดเงินคริปโตลงไป และการนำ Bitcoin มาทำเป็นผลิตภัณฑ์ Non-Deliverable Forward (NDF) ก็มีลูกค้าเพียง 20 รายเท่านั้น

ช่วงเที่ยงคืนตามเวลาในไทยที่ผ่านมา ราคา Bitcoin ได้ปรับลดลงต่ำกว่า 4,000 ดอลลาร์ ซึ่งครั้งสุดท้ายที่ Bitcoin อยู่ในช่วงราคานี้คือเดือนกันยายนปี 2017 ราคาล่าสุด ณ ขณะนี้อยู่ที่ 3,780.82 ดอลลาร์ และถือเป็นการปรับลดลงมาเกือบ 80% จากจุดสูงสุด

เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา Bitcoin ก็เพิ่งราคาต่ำกว่า 5,000 ดอลลาร์ และการปรับตัวลงของ Bitcoin ครั้งนี้ยังส่งผลต่อเงินคริปโตสกุลอื่นมีราคาปรับลดลงสูงด้วย ทั้ง XRP, ETH และ BCH

เมื่อคืนที่ผ่านมาราคาบิตคอยน์ตกลงต่ำกว่า 5,000 ดอลลาร์ นับว่าต่ำสุดในรอบ 13 เดือน และตกลงมาเหลือมูลค่าเพียง 1 ใน 4 ของจุดสูงสุดเมื่อปลายปี 2017 โดยบทวิเคราะห์จาก Bloomberg Intelligence ระบุว่านี่เป็นแค่จุดเริ่มต้น และราคาจะลงไปได้อีกจนถึง 1,500 ดอลลาร์เท่านั้น

ในบรรดาเงินคริปโต Bitcoin Cash (BCH) ดูจะมีปัญหาหนักที่สุดจากความพยายามเสนอให้ปรับปรุงโปรโตคอลที่แบ่งออกเป็นถึงสามกลุ่ม กลุ่มหนึ่งคือ Bitcoin SV เสนอให้ขยายขนาดบล็อคเป็น 128MB ขณะที่กลุ่ม Bitcoin ABC ไม่เห็นด้วย จนสองกลุ่มกลายเป็นแตกสาย BCHSV และ BCHABC ขณะที่ตัว BCH นั้นราคาตกอย่างหนัก เหลือเพียง 228 ดอลลาร์เท่านั้น

แม้ราคาของ cryptocurrency อย่าง Bitcoin จะร่วงลงไปกว่า 68% ในปีนี้ เมื่อนับจากจุดสูงสุดตอนเดือนธันวาคมปี 2017 (นับจนถึงเวลาที่เขียนข่าวเก่า) แต่บริษัทอย่าง LVMH ผู้ผลิตและเจ้าของแบรนด์สินค้าหรูหรารายสำคัญของโลก ยังคงแสดงความเชื่อมั่นผ่านการออกสินค้าตัวล่าสุดผ่านบริษัทลูก Hublot คือนาฬิกา Big Bang MECA-10 P2P นั่นเอง

CME (Chicago Mercantile Exchange) ตลาดซื้อขายสัญญาอนุพันธ์รายใหญ่ของโลก ซึ่งมีสินค้าสัญญาล่วงหน้า (Future) ที่มีสินทรัพย์อ้างอิงเป็น Bitcoin รวมอยู่ด้วย เปิดเผยข้อมูลว่าปริมาณการซื้อขายสัญญาล่วงหน้า Bitcoin มีปริมาณเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกไตรมาสอย่างมีนัยสำคัญ

โดยไตรมาส 3/2018 ที่ผ่านมา จำนวนสัญญาเพิ่มขึ้น 41% ไตรมาส 2/2018 เป็น 5,053 สัญญา และเพิ่มขึ้นถึง 170% ถ้าเทียบกับไตรมาส 1/2018 นอกจากนี้สถานะคงค้าง (Open Interest) ก็เพิ่มขึ้นมาเป็น 2,873 สัญญาเช่นกัน

ข้อมูลที่น่าสนใจจาก CME คือคำสั่งซื้อสัญญาล่วงหน้าถึง 40% มาจากนอกอเมริกา และมาจากเอเชียถึง 21%

บริษัทวิจัย Juniper Research ออกรายงานถึงสภาพตลาดเงินคริปโตที่อนาคตเริ่มไม่สดใส

ในแง่ของราคาเงินคริปโตเป็นที่รู้กันดีว่า มูลค่าพุ่งสูงสุดในช่วงปลายปี 2017 และตกลงมาโดยตลอดในปี 2018 แต่หลายคนอาจมองว่าเป็นการลดลงตามธรรมชาติหลังภาวะเก็งกำไร/ฟองสบู่อยู่แล้ว

อย่างไรก็ตาม ในแง่ของปริมาณธุรกรรมที่เกิดขึ้นจริง สถิติที่ Juniper เก็บความเคลื่อนไหวของสกุลเงินหลักทั้ง Bitcoin และ Ethereum ก็พบว่าลดลงอย่างมากเช่นกัน

นี่คงเป็นโอกาสทองสำหรับนักลงทุนทั่วโลก ที่จะได้ซื้อเงินคริปโตในราคาถูกกว่าเดิมมาก เพราะราคาเงินคริปโตร่วงหนักมากในช่วงหลัง ถือเป็นจังหวะช้อนซื้อในช่วงที่ต้นทุนต่ำเพื่ออัตรากำไรที่ดีกว่าในอนาคต

ถ้าคิดมูลค่ารวมของตลาดคริปโตในสัปดาห์ที่ผ่านมา เหลือเพียง 2 แสนล้านดอลลาร์ หดหายไปจากมูลค่าสูงสุดในช่วงเดือนมกราคม 2018 ที่ราว 8.32 แสนล้านดอลลาร์ถึง 76% (ถ้าคิดจากดัชนี 10 สกุลเงินยอดนิยม มูลค่าหายไป 80%)

เงินที่มูลค่าตกลงมากที่สุดคือ Ethereum ที่ตกลงไปอยู่ที่ 171 ดอลลาร์ (ขณะเขียนข่าวดีดตัวขึ้นมาอยู่ที่ 187 ดอลลาร์) ส่วนราคา Bitcoin ตกลง 68% นับจากจุดพีคในเดือนธันวาคม 2017

Cash App บริการจ่ายเงินผ่านมือถือของ Square (ที่มีซีอีโอคนเดียวกับ Twitter คือ Jack Dorsey) ประกาศว่าตอนนี้รองรับการให้บริการ ซื้อและขาย Bitcoin ครบทั้ง 50 รัฐในอเมริกาสำหรับผู้ใช้งานทุกคนแล้ว หลังจากที่เคยเริ่มทดสอบการให้บริการเมื่อปลายปีที่ผ่านมา

ก่อนหน้าซีอีโอ Jack Dorsey เคยให้สัมภาษณ์มองว่าบล็อกเชนจะเป็นเทคโนโลยีที่สำคัญมาก และเขาก็สนใจที่เพิ่มฟีเจอร์ซื้อขาย Bitcoin มานานแล้ว เนื่องจากมีผู้สอบถามเขาจำนวนมาก

Intercontinental Exchange หรือ ICE บริษัทเจ้าของ NYSE ประกาศเปิดตัวบริษัทใหม่ Bakkt เพื่อพัฒนาแพลตฟอร์มสำหรับการซื้อขาย, เก็บ และใช้จ่ายสินทรัพย์ดิจิทัล อย่างเช่นบิตคอยน์ ตามข่าวลือก่อนหน้า

แพลตฟอร์มของ Bakkt จะใช้งานเทคโนโลยีคลาวด์ของ Microsoft ซึ่งเป้าหมายของการพัฒนาแพลตฟอร์ม Bakkt การให้บริการเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลแก่สถาบัน, ผู้ค้า และผู้บริโภค โดยจะเน้นโปรโมตที่ความมีประสิทธิภาพ, ความปลอดภัย และประโยชน์ใช้สอยของแพลตฟอร์ม ซึ่งตัวอย่างหนึ่งของแพลตฟอร์มนี้คือใช้เพื่อเทรดหรือแปลงบิตคอยน์เป็นสกุลเงินทั่วไป