Facebook เริ่มใช้มาตรการบังคับให้ผู้ใช้ติดตั้งแอพถัดไปนอกจาก Messenger แล้ว แอพนั้นก็คือแอพแชร์ภาพแบบส่วนตัวหรือ Moments โดยตอนนี้ Facebook เริ่มเตือนผู้ใช้ว่า ภาพบางภาพจะถูกลบถ้าไม่ติดตั้งแอพนี้ และกำหนดวันสุดท้ายไว้เป็นวันที่ 7 กรกฎาคม

ภาพที่จะได้รับผลกระทบจากการลบของ Facebook นั้นคือภาพที่เกิดจากการใช้ฟีเจอร์ Synced Photos ที่มีใน Facebook มาตั้งแต่ 4 ปีที่แล้ว โดยถ้าไม่ติดตั้งแอพ Moments เพื่อย้ายภาพจาก Synced Photos ไป ผู้ใช้ก็จะต้องดาวน์โหลดภาพเอง และหลังจากวันที่กำหนด Facebook จะลบภาพจากการใช้ฟีเจอร์ Synced Photos

นอกจากโพสต์ภาพแบบ 360 องศาแล้ว เฟซบุ๊กยังประกาศฟีเจอร์ใหม่ ให้โพสต์วิดีโอลงในช่องคอมเมนท์และตอบกลับ (reply) ได้แล้ว ซึ่งฟีเจอร์นี้ถูกพัฒนาขึ้นจากการ Hackathon ครั้งที่ 50 ของเฟซบุ๊ก

การโพสต์วิดีโอในคอมเมนท์ สามารถโพสต์ได้ทั้งในฐานะตัวผู้ใช้เองหรือในนามของเพจ โดยหัวหน้าทีมที่พัฒนาฟีเจอร์นี้ เป็นคนเดียวกับที่นำทีมพัฒนาฟีเจอร์โพสต์รูปภาพและสติ๊กเกอร์ในช่องคอมเมนท์ครับ

ที่มา - TechCrunch

หลังจากที่มีข่าวออกมาก่อนหน้านี้ว่า Facebook เตรียมแสดงภาพ VR 360 องศาบน News Feed วันนี้ Mark Zuckerberg ได้ประกาศเปิดการใช้งานการดูภาพในรูปแบบ 360 องศา ผ่านทางเพจเฟซบุ๊กของตัวเองอย่างเป็นทางการ

โดยการดูภาพในรูปแบบ 360 องศานี้จะเหมือนการดูวิดีโอ 360 องศาทุกประการ เพียงใช้เมาส์ลากหรือเอียงโทรศัพท์ไปมา ทั้งนี้ผู้ใช้งานสามารถใช้โทรศัพท์ในการถ่ายภาพได้โดยเลือกเป็นโหมดพาโนราม่าหรือใช้แอป 360 camera

ที่มา- Mark Zuckerberg

เฟซบุ๊กได้รองรับวิดีโอแบบ 360 องศามาซักพักแล้ว ล่าสุดก็ประกาศรองรับความสามารถเดียวกันนี้ในรูปภาพแล้ว โดยผู้ใช้สามารถใช้นิ้วเลื่อนเพื่อดูมุมอื่นๆ ของรูปภาพ หรือขยับสมาร์ทโฟนเพื่อเลื่อนภาพก็ได้เช่นกัน

ผู้ใช้สามารถสังเกตว่าเป็นภาพนิ่งแบบ 360 องศาได้จากไอคอนเข็มทิศเล็กๆ บริเวณขวามือของรูปภาพ โดยภาพลักษณะนี้สามารถถ่ายได้จากแอพพลิเคชันหรือกล้องที่ถ่ายภาพได้ 360 องศา และสำหรับผู้ใช้สมาร์ทโฟนของซัมซุง และมี Gear VR อยู่ในมือ สามารถดูภาพ 360 องศาผ่านแว่น VR ได้ด้วยการเลือก "View in VR" ซึ่งรองรับทั้งรูปภาพและวิดีโอ

ความสามารถใหม่นี้รองรับแล้วทั้งบนหน้าเว็บและบนสมาร์ทโฟนทั้ง iOS และแอนดรอยด์ แต่ต้องอัพเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุดก่อนครับ

แหล่งข่าวไม่เปิดเผยตัวหลายรายให้ข้อมูลว่าตอนนี้ Facebook กำลังเริ่มทดสอบระบบจ่ายเงินบนแพลตฟอร์มของตนเอง ทำให้ผู้ใช้สามารถจ่ายเงินเพื่อชำระค่าสินค้าและบริการให้แก่เพจต่างๆ ได้โดยไม่ต้องสลับหน้าเว็บหรือแอพไปใช้งานแพลตฟอร์มอื่น

ระบบการจ่ายเงินที่ว่านี้ Facebook ไม่ได้พัฒนาทำขึ้นเองทั้งหมด แต่เป็นระบบที่ชื่อ Qwik ซึ่งพัฒนาโดย 2C2P บริษัท fintech จากสิงคโปร์ที่ทำธุรกิจในย่านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยระบบการจ่ายเงินที่ Facebook กำลังทดสอบนี้จะรองรับทั้งการหักเงินผ่านบัตรเครดิต, บัตรเดบิต หรือจะใช้วิธีโอนเงินออนไลน์ด้วยการระบุหมายเลขบัญชีธนาคารก็ได้

Mark Zuckerberg โพสต์วิดีโอบนหน้าเพจเฟซบุ๊กของตัวเองว่าจะจัดเซสชัน Q&A ผ่านทาง Facebook Live ในวันที่ 14 มิถุนายนนี้ เวลา 11.30 ตามเวลามาตรฐานแปซิฟิก (Pacific Time) ซึ่งตรงกับวันที่ 15 มิถุนายน เวลา 01.30 ในประเทศไทย (เราเร็วกว่า 14 ชั่วโมง)

โดยซีอีโอของเฟซบุ๊ก เปิดให้ผู้ที่มีคำถามโพสต์คำถามลงในคอมเมนท์ของวิดีโอดังกล่าว โดย Mark ระบุว่าจะพยายามตอบคำถามที่มีคนไลค์เยอะๆ ให้ได้มากที่สุด

ที่มา - Mark Zuckerberg

แม้จะดูไม่มีน้ำหนักมากนัก แตกรณีนี้อาจเป็นอีก 1 กรณีที่สะท้อนถึงอิทธิพลของเฟซบุ๊กต่อการเลือกตั้งหรือแม้แต่ผลของการเลือกตั้งที่มีการพูดกันมากขึ้นเรื่อยๆ ในระยะหลัง

ในสหราชอาณาจักร กำลังจะมีการลงประชามติเพื่อถามความเห็นประชาชนว่า สหราชอาณาจักรยังคงเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปต่อไปหรือไม่ โดยเมื่อวันอังคารที่่ผ่านมาเป็นวันสุดท้าย สำหรับการเปิดให้ประชาลงทะเบียน เพื่อสิทธิที่จะลงประชามติครั้งนี้ และเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เฟซบุ๊กได้แจ้งเตือนบริเวณด้านบนของนิวส์ฟิตผู้ใช้ในสหราชอาณาจักร ว่าอย่าลืมไปลงทะเบียน ปรากฎว่ามีผู้ลงทะเบียนออนไลน์ในวันนั้นพุ่งสูงขึ้นมาอย่างผิดปกติ (spike)

วันที่ 7 มิ.ย. เป็นวันสุดท้ายของชาวอังกฤษในการลงทะเบียนยืนยันสิทธิ์การออกเสียงประชามติว่าอังกฤษจะอยู่ในสหภาพยุโรปต่อไปหรือไม่ และเมื่อวันศุกร์ที่ 3 มิ.ย.ที่ผ่านมา Facebook ได้เตือนความจำชาวอังกฤษถึงเรื่องนี้บนสุดของ News Feed ของพวกเขา ในวันเดียวกันนั้นเอง รัฐบาลอังกฤษเผยว่า มีประชาชนกว่า 186,000 คน ลงทะเบียนผ่านทางออนไลน์ยืนยันสิทธิ์ของตน สูงกว่าวันพฤหัสบดีเป็นสองเท่า ส่วนใหญ่มีอายุ 34 ปี หรือน้อยกว่า

พูดยากว่าการเตือนความจำของ Facebook ช่วยกระตุ้นให้มีคนมาลงทะเบียนยืนยันสิทธิ์ เพราะปัจจัยหนุนอาจไม่ได้เกิดจาก Facebook เพียงอย่างเดียว แต่การเพิ่มจำนวนของคนอายุน้อยช่วยตอกย้ำสมมติฐานดังกล่าวได้

ที่มา - The Atlantic

เฟซบุ๊กกำลังซุ่มทดสอบปุ่ม "Notify a few friends about the post" หรือส่งการแจ้งเตือนของโพสต์นี้ไปให้เพื่อน โดยทาง Adweek ระบุว่าสามารถส่งการแจ้งเตือนไปให้เพื่อนพร้อมกัน 10 คนต่อ 1 ครั้ง โดยปุ่มนี้ปรากฎอยู่ด้านล่างแถบปุ่มไลค์ คอมเมนท์และแชร์

โฆษกของเฟซบุ๊กยืนยันว่ากำลังทดสอบระบบนี้อยู่ โดยระบุว่าต้องการให้ใช้แทนการแท็กเพื่อนในคอมเมนท์ พร้อมระบุด้วยว่ากำลังทดสอบตัวเลือกอื่นๆ ในการแจ้งเตือนเพื่อนลักษณะนี้อยู่ด้วย

ที่มา - Adweek

ล่าสุดทาง Blizzard ประกาศว่าจะร่วมมือกับ Facebook เพื่อนำระบบต่าง ๆ มาใช้ร่วมกับเกมของค่าย Blizzard เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ผู้เล่น รายชื่อเกมที่รองรับคือ Overwatch, Hearthstone, World of Warcraft, Heroes of the Storm, Diablo 3 และ StarCraft 2

ฟังก์ชันที่ทาง Blizzard ให้ความสนใจเป็นหลักคือระบบล็อกอินและระบบสตรีมมิ่ง ฝั่งของระบบล็อกอินจะเชื่อมเกมของ Blizzard กับบัญชี Facebook Login ซึ่ง Blizzard ยังมีแผนที่จะนำฟังก์ชันด้านโซเชียลอื่น ๆ เพิ่มเติมเข้ามาในเกมด้วย

ส่วนของการสตรีม Blizzard จะเพิ่มระบบ Go Live เข้าไปในเกม กดปุ่มเดียวก็จะขึ้นสตรีมบน timeline ของ Facebook Live ทันที ทำให้เพื่อน ๆ ของผู้เล่นสามารถมารับชมการเล่นเกมและแสดงความคิดเห็นได้แบบสดๆ

ปัจจุบัน แอพ Facebook แม้ว่าจะบังคับให้ไปใช้แอพ Messenger แต่ก็ยังมีวิธีหลบเลี่ยงได้ และตอนนี้มีรายงานจาก The Next Web ว่า Facebook จะถอดความสามารถส่งข้อความออกจากแอพ Facebook และจะบังคับให้ไปใช้ Messenger แทนภายในช่วงฤดูร้อนปีนี้ (มิถุนายน-สิงหาคม)

นอกจากนี้ Facebook ก็เริ่มบังคับกลายๆ ให้ใช้ Messenger โดยไม่เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ๆ เช่นสติ๊กเกอร์, วิดีโอ, แชทบอท และฟีเจอร์อื่นๆ ลงในแอพหลักของ Facebook

ที่มา - The Next Web

ปกติแล้ว เว็บ Facebook บนมือถือนั้นจะสามารถเปิดแชทได้จากปุ่มข้อความ ซึ่งตอนนี้ Facebook เริ่มที่จะผลักดันให้ผู้ใช้ไปดาวน์โหลด Facebook Messenger แทน โดยผู้ใช้หลายคนเมื่อเข้าหน้าแชทของ Facebook จะถูก redirect เข้าไปให้ดาวน์โหลดแอพ Messenger ซึ่งถ้าจะไม่ดาวน์โหลดจะต้องย้อนกลับมา และเมื่อกลับมาแล้วจะมีข้อความแสดงว่า "Your conversation are moving to Messenger."

Facebook ยังอนุญาตให้ผู้ใช้กดปุ่มกากบาทมุมบนขวาเพื่อดูรายการข้อความได้ แต่เมื่อแตะรายการสนทนาแล้วก็จะเจอการ redirect อีกรอบ และเมื่อกดกลับมาก็จะเจอหน้าเชิญชวนและต้องกดกากบาทเพื่อปิดอีกรอบก่อนจะใช้งานส่งข้อความได้

Facebook เปิดตัว Notify แอพแจ้งเตือนข่าวไปเมื่อปลายปีที่แล้วและหลังจากเปิดให้บริการไปประมาณ 7 เดือนล่าสุดทาง Facebook ประกาศปิดให้บริการแอพนี้แล้วและเตรียมนำออกจาก App Store

ทาง Facebook ไม่ได้ให้รายละเอียดหรือเหตุผลถึงการปิดบริการครั้งนี้ ระบุแต่เพียงว่านำฟังก์ชันของ Notify ทั้งหมดไรวมกับผลิตภัณฑ์อื่นๆ ของ Facebook อย่างตัว Messenger แทน

ที่มา - TechCrunch

Facebook เตรียมดำเนินการให้ระบบ Safety Check เสถียรขึ้นและใช้งานง่ายกว่าเดิม รวมทั้งเพิ่มฟีเจอร์ให้ครอบคลุม 80 ภาษา และฟีเจอร์กลุ่มผู้ประสบภัยที่ช่วยให้ได้รับความช่วยเหลือด้านน้ำอาหารได้ง่ายขึ้น

ระบบ Safety Check คือฟีเจอร์ที่ช่วยให้ผู้ใช้รู้ว่าเพื่อนของคุณปลอดภัยในเหตุการณ์วิกฤตเช่นแผ่นดินไหว ซึนามิ เป็นต้น และในเหตุการณ์โจมตีปารีสเมื่อเดือน พ.ย. 2015 เป็นครั้งแรกที่ระบบ Safety Check ทำงานนอกเหนือจากเหตุการณ์ทางธรรมชาติ แต่ก็ถูกตั้งคำถามเมื่อระบบนี้กลับไม่ทำงานเมื่อเกิดเหตุระเบิดในกรุง Beirut ทั้งที่เกิดก่อน Paris Attack แค่วันเดียว

วันนี้ Blog ของ Facebook เปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ชื่อ Deep Text ที่ช่วยให้ Facebook เข้าใจข้อความที่ผู้ใช้โพสต์ และการสนทนาโต้ตอบมากขึ้น Deep Text คือระบบ deep learning ที่เข้าใจข้อความหรือเนื้อหาได้ถูกต้องและใกล้เคียงกับมนุษย์ ใช้เวลาในการทำความเข้าใจกว่า 1,000 โพสต์ต่อวินาที ใช้งานได้มากกว่า 20 ภาษา

Facebook ได้ปรับการแสดง emoji ใหม่บนแอพ Messenger โดยต่อไปนี้ emoji ทุกรูปแบบของ Facebook จะเห็นเหมือนกันทุกแพลตฟอร์มแล้ว ทั้งบนเว็บ หรือบนอุปกรณ์พกพา เพื่อแก้ปัญหาของ emoji ที่แต่ละแพลตฟอร์มจะแสดงไม่เหมือนกัน บ่งบอกความรู้สึกที่แตกต่างกันออกไป หรือถ้า emoji ที่แพลตฟอร์มหนึ่งมีแต่อีกแพลตฟอร์มไม่มีก็จะเห็นเป็นเพียงกล่องสีดำๆ

นอกจากนี้ Facebook ยังเตรียมจะเพิ่ม emoji อีกกว่า 100 ตัว โดยหลักๆ ก็เพื่อเพิ่มความหลากหลายในเพศและสีผิวของตัว emoji โดยจะเริ่มบน Android และเว็บก่อน

นอกจากนี้ Facebook ยังมี emoji picker สำหรับการค้นหา emoji ตามเหตุการณ์ โดยเป็นเพียงทางลัดที่สามารถเลือก emoji ได้อย่างรวดเร็วเท่านั้น (ไม่ได้ใช้ machine learning)

บริษัทไอทีอย่าง Facebook, Twitter, Microsoft และ YouTube เห็นพ้องกับคณะกรรมการสหภาพยุโรป ในการใช้ระเบียบปฏิบัติ ลบข้อความที่แสดงความเกลียดชัง (Hate Speech) ในโซเชียลมีเดีย

ปัญหานี้เกิดจากกลุ่มก่อการร้าย ISIS ใช้โซเชียลมีเดีย เผยแพร่โฆษณาชวนเชื่อและรับสมัครนักรบเข้าร่วมกลุ่ม ISIS

แม้โซเชียลมีเดียเป็นพื้นที่เปิดกว้างทางความคิดเห็น แต่ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา Twitter ระงับบัญชีที่เกี่ยวข้องกับ ISIS ไปแล้วกว่า 125,000 บัญชี Facebook เองก็ให้ความร่วมมือกับรัฐบาลเยอรมันตั้งแต่ปี 2015 ดูแลเรื่อง Hate Speech หลังจากนั้น Google และ Twitter ก็เข้าร่วมด้วย

วันนี้ บริษัทยักษ์ใหญ่ไอทีทั้งสี่ ตกลงทำสัญญาอย่างเป็นทางการกับ EU เพื่อให้นโยบายนี้ไม่เพียงบังคับใช้ในบางประเทศ แต่เป็นทุกประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป ระเบียบนี้ยังรวมถึงถ้อยคำเหยียดผิว เหยียดชาติพันธุ์ด้วย

Facebook เตรียมเปิดใช้งานระบบเข้ารหัสแบบ end-to-end สำหรับ Messenger แล้ว เพื่อป้องกันการอ่านข้อความจากบุคคลที่สาม

สำนักข่าว The Guardian ได้รายงานข่าว โดยอ้างข้อมูลจากแหล่งข่าวว่า Facebook กำลังพัฒนาระบบเข้ารหัสแบบ end-to-end ของระบบ Messenger และเตรียมจะเปิดให้ใช้งานในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

จากรายงานกล่าวว่า แม้ Facebook จะเปิดให้ใช้งานการเข้ารหัสแบบ end-to-end ใน Messenger แต่ฟีเจอร์นี้จะไม่ถูกเปิดเป็นค่าเริ่มต้น หากผู้ใช้ต้องการใช้งานจะต้องไปเปิดเอง ซึ่งคาดว่าเหตุผลที่ Facebook ไม่ได้เปิดให้ใช้งานเป็นค่าเริ่มต้นเพราะ Messenger มีฟีเจอร์ machine learning ที่ยังต้องการข้อมูลจากผู้ใช้อยู่

Facebook เริ่มเปิดใช้งานระบบการติดตามผู้ที่ไม่ใช่ผู้ใช้ Facebook ผ่านปุ่ม Like หรือปลั๊กอินอื่นๆ ที่ติดบนเว็บไซต์แล้ว ซึ่งจะทำให้ Facebook ใช้งานคุกกี้ติดตามทั้งผู้ใช้ Facebook และผู้ที่ไม่ได้ใช้งาน Facebook ได้ โดยเป้าหมายของการติดตามผู้ที่ไม่ใช่ผู้ใช้ Facebook ก็คือเพื่อแสดงโฆษณาให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้

Andrew Bosworth ผู้บริหาร Facebook ด้านแพลตฟอร์มโฆษณาและธุรกิจให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว The Wall Street Journal ว่า ผู้เขียนบทความและนักพัฒนาแอพต่างๆ มักจะมีผู้ใช้ที่ไม่ได้เป็นผู้ใช้ Facebook อยู่จำนวนหนึ่ง ซึ่ง Facebook คิดว่าจะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพโฆษณาได้

กลุ่มนักเคลื่อนไหวในเวียดนามให้ข้อมูลกับสำนักข่าว Reuters ว่าในช่วงที่ประธานาธิบดีบารัก โอบามามาเดินทางเยือนเวียดนามอย่างเป็นทางการเมื่อวันจันทร์ถึงวันพุธที่ผ่านมานั้น รัฐบาลได้ปิดกั้นการเข้าถึงเฟซบุ๊กตั้งแต่วันอาทิตย์จนถึงวันพุธ เพื่อป้องกันการนัดรวมตัวเคลื่อนไหวหรือประท้วง

ส่วนหนึ่งคาดว่าน่าจะมาจากคาดการของรัฐบาลเวียดนามที่มองว่า ประธานาธิบดีของสหรัฐน่าจะแสดงความกังวลถึงเรื่องเสรีภาพและสิทธิมนุษยชน ซึ่งอาจเปิดช่องให้กลุ่มนักเคลื่อนไหวนัดรวมตัวประท้วงรัฐบาลผ่านเฟซบุ๊ก และในท้ายที่สุดแล้วโอบามาก็กล่าวสุนทรพจน์เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนและตำหนิรัฐบาลเวียดนาม ที่ปิดกั้นเสรีภาพในการแสดงออกทางการเมืองจริงๆ

ฟีเจอร์ Facebook Live จำกัดให้ใช้ได้เฉพาะมือถือเท่านั้น แต่ตอนนี้ Facebook ได้เปิดฟีเจอร์นี้ให้ใช้สำหรับ PC หรือแท็บเล็ตแล้ว ผ่านแอพบน Windows 10 ซึ่งเป็นแอพแบบ universal

ผู้ที่ใช้แอพ Facebook บน Windows 10 ทั้งบน PC และแท็บเล็ต สามารถอัพเดตแอพได้เลย จากนั้นจะพบกับปุ่ม Facebook Live ขึ้นมา เมื่อกดแล้วก็สามารถเริ่มใช้งานได้ทันที โดยฟีเจอร์ Facebook Live นี้เป็นการพอร์ตฟีเจอร์มาจากแอพบน iOS

ที่มา - WinBeta, VentureBeat

ไมโครซอฟท์ประกาศจับมือเฟซบุ๊ก ลากเคเบิลใต้น้ำเชื่อมทวีปอเมริกาเหนือ-ยุโรปเข้าด้วยกัน โครงการนี้ชื่อว่า MAREA จะวางเคเบิลข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก ระหว่างรัฐเวอร์จิเนียในสหรัฐอเมริกา กับเมืองบิลเบาของประเทศสเปน ระยะทาง 6,600 กิโลเมตร

เป้าหมายของโครงการก็เพื่อตอบสนองความต้องการใช้งานของผู้ใช้ที่เพิ่มขึ้นของทั้งสองบริษัท โครงการนี้จะวางสายไฟเบอร์ออปติกส์ 8 คู่ ส่งข้อมูลได้ 160Tbps การก่อสร้างจะเริ่มในเดือนสิงหาคม 2016 และเสร็จในเดือนตุลาคม 2017 ผู้ดูแลสายเคเบิลจะเป็นบริษัท Telxius บริษัทลูกของ Telefonica ที่มีประสบการณ์เรื่องนี้อยู่แล้ว

หลังจาก Facebook เปิดตัวโฆษณาแบบใหม่ที่ขยายเต็มจอในชื่อ Canvas Ads ไปตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ตอนนี้มีสถิติที่น่าสนใจออกมาแล้วครับ สรุปได้ดังนี้

• จำนวนเวลาที่ผู้ใช้ Facebook เข้าชมโฆษณาชนิดนี้รวมอยู่ที่ 100 ปี ใช้เวลาเฉลี่ยคนละ 31 วินาที
• สองเดือนล่าสุด มีผู้ใช้ 186 ประเทศเข้าถึงโฆษณาชนิดนี้ และท็อป 10 มีประเทศไทยติดอันดับด้วย
• โฆษณาชนิดนี้มากกว่าร้อยละ 50 ใช้เวลาทำไม่เกิน 10 นาที และผู้สร้างโฆษณาสามารถทำและพรีวิวบนมือถือได้ในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาที

ที่มา - SocialTimes

หลังตกเป็นข่าวอื้อฉาวไปเมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว จากกรณีที่อดีตพนักงานออกมาแฉว่าเฟซบุ๊ก มีพนักงานคอยควบคุมเนื้อหาบนหน้า Trending ก่อนที่เฟซบุ๊กจะออกมาปฏิเสธว่าเป็นเพียงฝ่ายรีวิวเท่านั้น (ข่าวเก่า) ล่าสุดทางเฟซบุ๊กได้ประกาศปรับปรุงแหล่งข้อมูลบนหน้า Trending แล้ว

เว็บไซต์ TechCrunch รายงานว่า Facebook ได้เพิ่มความสามารถให้กับ Facebook Live สามารถถ่ายทอดสดได้ 24 ชั่วโมง จากเดิมที่จำกัดไว้เพียง 90 นาที โดยผ่าน API ที่มีชื่อว่า Continuous Live Video

API เหล่านี้จะอนุญาตให้ผู้ผลิตเนื้อหาและออกอากาศมืออาชีพ สามารถถ่ายทอดสดรายงานหรือรายการต่างๆ ผ่านอุปกรณ์มืออาชีพได้ทันที โดยมีบางเว็บเช่น explorer.org เริ่มเอาไปใช้งานถ่ายทอดสดชีวิตของเหยี่ยว Bald Eagle แล้ว

อย่างไรก็ตาม Continuous Live Video API ตัวนี้มีข้อจำกัดคือไม่สามารถกลับมาเล่นซ้ำได้หลังจากจบการถ่ายทอดสด (non-replayable) ดังนั้นจึงอาจไม่เหมาะกับบางสถานการณ์ที่ต้องการการถ่ายทอดสดนานๆ และสามารถนำกลับมาเล่นซ้ำได้ใหม่อยู่ดี (เช่น งานเสวนา เป็นต้น)