Galaxy Note FE ร่างใหม่ของ Galaxy Note 7 ที่วางขายในประเทศไทยด้วย ได้รับอัพเดตเป็น Android Pie แล้ว
ผู้ใช้กลุ่มแรกที่รายงานการอัพเดต Galaxy Note FE อยู่ในซาอุดีอาระเบีย เลขเวอร์ชันของเฟิร์มแวร์คือ N935FXXU4CSC4 โดยเฟิร์มแวร์นี้มีทั้งการอัพเกรดเวอร์ชันของ Android เป็น Pie, อัพเดตหน้าตาเป็น One UI และอัพเดตแพตช์รอบเดือนมีนาคม 2019
ปกติแล้วสมาร์ทโฟนเรือธงในแต่ละปี มักถูกปรับลดราคาลงในปีต่อมา เพื่อใช้ดึงดูดลูกค้าที่อยากได้สินค้าสเปกดีในราคาไม่แพงจนเกินไป แต่ปัญหาของ Galaxy Note 7 เมื่อปีที่แล้ว ทำให้สายผลิตภัณฑ์ของ Galaxy Note เกิดช่องโหว่ขึ้นมา และเมื่อ Galaxy Note 8 เปิดตัวด้วยราคาค่อนข้างแพงที่ 33,900 บาท ทำให้ผู้ที่อยากได้ Note รุ่นรองที่ราคาถูกลงมา ไม่มีตัวเลือกอื่นเลย
ช่องโหว่นี้ถูกปิดด้วย Galaxy Note FE (Fan Edition) หรือ Galaxy Note 7 ในร่างใหม่ และการตั้งราคา 20,900 บาท ถูกกว่า Note 8 ถึงหมื่นกว่าบาท ย่อมทำให้มันน่าสนใจขึ้นมาทันที ในฐานะมือถือมีปากกา ที่สเปกดีพอสมควร และราคาเอื้อมถึงได้มากกว่า
ซัมซุงประเทศไทย ประกาศนำเอา Galaxy Note FE (Fan Edition) หรือ Note 7 เวอร์ชันปรับปรุงใหม่ เข้ามาขายในไทยวันที่ 3 พ.ย. ในราคา 20,900 บาท มี 2 สีคือฟ้า Coral Blue และดำ Black Onyx
Galaxy Note FE เป็นการนำชิ้นส่วนของ Galaxy Note 7 มาใช้งาน สเปกรวมๆ จึงเหมือนกันแทบทั้งหมด ยกเว้นแบตเตอรี่ที่ลดความจุลง และเป็นการผลิตล็อตใหม่
การนำ Galaxy Note FE มาขายในไทยพร้อมตั้งราคาสองหมื่นต้น น่าจะเป็นอีกทางเลือกสำหรับคนอยากได้ Galaxy Note ที่สเปกค่อนข้างใหม่ แต่ราคาไม่แรงเท่ากับ Galaxy Note 8
มือถือใหม่ที่น่าสนใจในช่วงนี้คือ Samsung Galaxy Note FE (Fan Edition) ที่ซัมซุงทำมาเอาใจกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ซึ่งไม่อยากให้ทำลายชิ้นส่วนของ Note 7 ทั้งหมด โดยปัจจุบันยังมีขายในเกาหลีใต้เพียงประเทศเดียว
เว็บไซต์ iFixit มีโอกาสแกะเครื่อง Galaxy Note FE โดยประเด็นที่ทุกคนสนใจคงหนีไม่พ้นเรื่องแบตเตอรี่ ผลคือ iFixit พบว่า Note FE ใช้แบตเตอรี่ล็อตใหม่ที่ผลิตในเดือนมิถุนายน 2017 แทน และลดความจุจาก 13.48 Wh เหลือ 12.32 Wh, น้ำหนักแบตเตอรี่ลดลง 2.3 กรัมและขนาดลดลงเล็กน้อย
วันนี้ผมมีโอกาสได้เข้าร่วมการพบปะสื่อในประเทศไทยของ DJ Koh ซีอีโอฝั่งธุรกิจโทรคมนาคมของซัมซุง ซึ่งเจ้าตัวได้เปิดเผยช่วงหนึ่งว่า Galaxy Note 7 FE ไม่ใช่เรื่อง Refurbished หรือการนำเครื่องเก่ามาทำใหม่ แต่เป็นเครื่องใหม่วัสดุใหม่ทั้งหมด ซึ่งวัสดุส่วนหนึ่งที่นำมาทำเป็นวัสดุรีไซเคิล
ด้วยสาเหตุที่เป็นเครื่องใหม่ทั้งหมด ทำให้จำนวนของ Galaxy Note 7 FE มีจำกัดมากๆ และวางจำหน่ายเพียงในเกาหลีใต้เท่านั้น ส่วนประเทศอื่นๆ ก็อาจจะวางขายเพิ่มอีก 2-3 ประเทศ แต่ก็อยู่ระหว่างการพิจารณาและดูองค์ประกอบต่างๆ
คุณ DJ Koh ย้ำด้วยว่าการทำ Galaxy Note 7 FE ออกมาไม่ได้ต้องการทำกำไร แต่เพื่อแฟนๆ Note เสียมากกว่า ส่วนการรีไซเคิลก็เพื่อตอบโจทย์ด้านสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก
ฝันร้ายเรื่องการระเบิดของโทรศัพท์ Samsung Galaxy Note 7 ผ่านพ้นไปแล้ว และโทรศัพท์รุ่นใหม่อย่าง Galaxy S8 ก็กำลังประสบความสำเร็จ ล่าสุดซัมซุงทำโทรศัพท์รุ่นจำนวนจำกัดออกมา เป็นเหมือนภาคต่อของ Galaxy Note 7 ตัวเครื่องผลิตด้วยชิ้นส่วนจาก Galaxy Note 7 มีแบตเตอรี่ขนาดเล็กกว่า
โทรศัพท์รุ่นใหม่ใช้ชื่อว่า Galaxy Note Fan Edition ใช้แบตเตอรี่ 3,200 มิลลิแอมป์ วางขายในเกาหลีใต้วันที่ 7 กรกฎาคม ทำออกมา 4 แสนเครื่อง ราคาถูกกว่า Galaxy Note 7 ประมาณ 30%
อย่างไรก็ตาม ซัมซุงโดนกดดันโดยนักสิ่งแวดล้อมว่าควรจะรีไซเคิลหรือใช้ชิ้นส่วนจาก Galaxy Note 7 ที่เรียกคืนมา เพื่อลดปริมาณขยะอิเล็กทรอนิกส์
หลังจากที่มีข้อมูลออกมาว่า Galaxy Note 7 Refurbished จะถูกเรียกว่า Galaxy Note 7R นั้น ล่าสุดตัวแทนจากผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ในเกาหลีใต้หลายเจ้ายืนยันตรงกันว่า ซัมซุงจะเรียก Note 7 รุ่นที่กลับมาขายใหม่ว่า Galaxy Note FE
ตัวแทนผู้ให้บริการระบุว่า FE ย่อมาจาก Fandom Edition เหตุเพราะมองว่าผู้ใช้ Galaxy Note ยังคงมีความ loyalty ในแบรนด์นี้อยู่ (เรียกว่าเอากลับมาขายให้แฟนๆ โดยเฉพาะ) และจะวางจำหน่ายในเกาหลีใต้ปลายเดือนมิถุนายนนี้ ราคาคาดว่าน่าจะอยู่ที่ราว 7 แสนวอน (ราว 21,500 บาท)
ทั้งนี้คาดว่าซัมซุงจะวางขาย Galaxy Note FE ในเกาหลีใต้ราวๆ 3 แสนเครื่องครับ
จากข่าว ซัมซุงจะนำ Galaxy Note 7 มาขายแบบ Refurbished ในบางประเทศ ซึ่งเรารู้แล้วว่าจะมีขายในเกาหลีใต้อย่างน้อยหนึ่งประเทศแน่นอนแล้ว
ล่าสุดในทะเบียนอุปกรณ์โทรศัพท์ของ FCC หรือ กสทช. สหรัฐ มีชื่อของ _Galaxy Note 7R__ โผล่ขึ้นมาแล้ว โดยแยกเป็น 3 รุ่นย่อยคือ SM-N935S, SM-N935K, SM-N935L ซึ่งรหัสตัวท้ายน่าจะหมายถึงรุ่นย่อยของโอเปอเรเตอร์แต่ละรายในเกาหลีใต้ (SK, KT, LG Uplus) นั่นเอง
ก่อนหน้านี้มีการคาดกันว่า Galaxy Note 7R จะวางขายในราคาประมาณ 700,000 วอน (ประมาณ 21,500 บาท) โดยลดสเปกความจุแบตเตอรี่จาก 3,500 mAh เหลือ 3,200 mAh
ปัญหากรณี Galaxy Note 7 ก่อให้เกิดคำถามว่าเราจะได้เห็นซีรีส์ Galaxy Note ทำตลาดต่อไปอีกหรือไม่ ในงานแถลงผลประกอบการของซัมซุงไตรมาสล่าสุด 1/2017 บริษัทยืนยันว่าจะมีสมาร์ทโฟน "เรือธง" วางขายในช่วงครึ่งหลังของปี
the company will strive to maintain profitability through robust sales of the Galaxy S8 and S8+ and the launch of a new flagship smartphone in the second half
ตอนนี้บริษัทยังไม่ยืนยันว่ามันจะใช้ชื่อ Galaxy Note 8 หรือไม่ (หรืออาจไม่ใช่ซีรีส์ Note เลยก็ได้) แต่ก็มีความเป็นไปได้สูงว่ามันจะเป็น Note 8 ตามรอบการออกปกติ
หลังมีข่าวว่า ซัมซุงจะนำ Galaxy Note 7 มาวางขายใหม่แบบ refurbished วันนี้ข่าวอย่างเป็นทางการมาแล้ว โดยซัมซุงประกาศแนวทาง 3 ข้อสำหรับ Galaxy Note 7 ที่ผลิตมาแล้ว ดังนี้
ตามที่มีข่าวว่าซัมซุงเตรียมนำ Galaxy Note 7 กลับมาขายใหม่ ในประเทศอินเดียและเวียดนาม เพื่อเหตุผลลดขาดทุน และลดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม ล่าสุดซัมซุงอินเดียได้ออกมาปฏิเสธข่าวดังกล่าวแล้ว
โดยซัมซุงอินเดียได้ชี้แจงไปทางเว็บ Gadgets 360 ว่า "ตามที่มีรายงานข่าวว่าซัมซุงวางแผนจะขาย Note 7 แบบ refurbished ในประเทศอินเดียนั้นไม่จริงแต่อย่างใด"
ที่มา: Gadget 360
หลังซัมซุงแถลงผลการสอบสวนสาเหตุที่ Galaxy Note 7 ไฟไหม้ คำถามต่อไปคือโทรศัพท์ที่รับคืนไปถึงนับล้านเครื่องจะทำอย่างไร ตอนนี้ก็มีรายงานออกมาว่าทางซัมซุงจะนำโทรศัพท์กลับมาขายใหม่ หลังจากเปลี่ยนแบตเตอรี่ให้มีความจุลดลงแล้ว
คาดว่าโทรศัพท์จะนำกลับมาขายภายในเดือนมิถุนายนนี้ โดยกรอบภายนอกจะเป็นกรอบผลิตใหม่ และแบตเตอรี่จะลดลงเหลือ 3000-3200 mAh จากเดิม 3,500 mAh และจะขายในตลาดเกิดใหม่ เช่น อินเดียและเวียดนาม
เกิดเหตุเพลิงไหม้โรงงาน Samsung SDI ที่เป็นโรงงานผลิตแบตเตอรีสำหรับมือถือ Samsung Galaxy Note 7 และยังมีหน้าที่รีไซเคิลแบตเตอรีที่เรียกคืนกลับมาด้วย เหตุการณ์นี้ต้องใช้พนักงานดับเพลิงกว่า 110 นายและรถดับเพลิงอีก 19 คันในการควบคุมเพลิง
ต้นเหตุเพลิงไหม้เกิดจากกองแบตเตอรีที่รอการรีไซเคิลที่เก็บอยู่ในโรงขยะเกิดลุกไหม้ขึ้นมา ไฟได้เผาแบตเตอรีลิเธียมที่อยู่ในสายการผลิตและผลิตภัณฑ์ที่ยังผลิตไม่เสร็จบางส่วน แต่สายการผลิตหลักไม่ได้รับความเสียหายมากนักและจะสามารถกลับมาดำเนินการได้ตามปกติในไม่ช้า
ซัมซุงแถลงว่าเหตุเพลิงไหม้ดังกล่าวถือเป็นเหตุการณ์ไม่ร้ายแรงและไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต และทางบริษัทก็ได้ติดต่อให้หน่วยงานที่ดูแลด้านสิ่งแวดล้อมเข้าไปตรวจสอบคุณภาพอากาศแล้ว
คณะกรรมาธิการกำกับดูแลความปลอดภัยของผู้บริโภคสหรัฐฯ (Consumer Product Safety Commission - CSPC) ซึ่งเคยมีส่วนร่วมในกระบวนการเรียกคือ Galaxy Note 7 ของซัมซุง ออกมาเรียกร้องให้อุตสาหกรรมไอทียกระดับมาตรฐานความปลอดภัยของแบตเตอรีลิเทียม-ไอออน
Elliot Kaye ประธานคณะกรรมาธิการฯ เปิดเผยว่าได้ร่วมมือกับซัมซุง เพื่อปรับปรุงมาตรฐานความปลอดภัยของแบตเตอรี่ทั้งอุตสาหกรรมไอที โดยแบตเตอรี่จะมีเครื่องป้องกันการลัดวงจรตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบไปจนถึงกระบวนการผลิต เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้ผู้บริโภคว่าจะไม่เกิดเหตุซ้ำรอย Galaxy Note 7 อีก
ซัมซุงแถลงสาเหตุของ Galaxy Note 7 ระเบิดอย่างเป็นทางการ เกิดจากปัญหาแบตเตอรี่อย่างที่คาดกันตั้งแต่แรก แต่ที่น่าสนใจคือแบตเตอรี่ล็อตแรกสุด กับแบตเตอรี่ล็อตที่สองจากอีกบริษัทที่ใช้แทนล็อตแรก กลับระเบิดทั้งคู่ แต่มาจากคนละสาเหตุกัน (จะเรียกว่าซัมซุงซวยซ้ำซ้อนก็คงได้)
กระบวนการตรวจสอบของซัมซุงมีทั้งการตรวจสอบโดยคนในเอง และใช้ผู้เชี่ยวชาญภายนอก 3 บริษัท ได้แก่ UL, Exponent, TÜV Rheinland โดยสองรายแรกตรวจสอบตัวแบตเตอรี่ในทางวิศวกรรม ส่วน TÜV Rheinland ตรวจสอบกระบวนการผลิตและการขนส่งแบตเตอรี่ จากโรงงานในเกาหลีใต้และในเวียดนาม
Verizon ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ในสหรัฐฯ ได้เผยกับสำนักข่าว Fortune ว่า ตอนนี้ในเครือข่ายยังมีผู้ใช้ Samsung Galaxy Note 7 นับพันเครื่อง แม้ว่าจะเรียกคืนไปแล้ว ก็ยังมีผู้ใช้จำนวนหนึ่งไม่ยอมนำอุปกรณ์ที่มีปัญหามาเปลี่ยน
Verizon จะใช้มาตรการขั้นถัดไปเพื่อบีบให้ผู้ใช้ Note 7 มาเปลี่ยนเครื่องให้ได้ ขั้นแรกคือจะทำการเปลี่ยนเส้นทางการโทรศัพท์ของผู้ใช้ Note 7 ไม่ว่าจะโทรไปที่ใดก็ตาม ให้มาที่หน่วยงานบริการลูกค้าของ Verizon (แต่ก็ไม่สามารถเปลี่ยนเส้นทาง 911 ได้อยู่ดี) และทาง Verizon จะแจ้งให้ลูกค้าเปลี่ยนเครื่องทันที แต่หากยังไม่ได้ผล Verizon จะใช้มาตรการขั้นที่สอง คือเก็บเงินผู้ใช้ที่ไม่ยอมคืน Note 7 เป็นเงินค่าตัวของโทรศัพท์อีกครั้ง แม้ว่าผู้ใช้จะได้เงินคืนแล้วก็ตาม
หลังจากก่อนหน้านี้มีรายงานว่าซัมซุงได้ข้อสรุปเบื้องต้นถึงสาเหตุปัญหา Galaxy Note 7 แต่ยังรอการตรวจสอบรายละเอียดให้แน่ชัดอยู่นั้น ล่าสุดสำนักข่าว Reuters รายงานข้อมูลจากแหล่งข้อมูลวงในที่ระบุว่า ซัมซุงสามารถชี้ชัดได้แล้วว่าต้นเหตุของปัญหาดังกล่าวเกิดจากแบตเตอรี
แหล่งข่าวระบุด้วยว่าซัมซุงจะแถลงผลการตรวจสอบปัญหา Galaxy Note 7 อย่างเป็นทางการในวันที่ 23 มกราคมนี้ ก่อนหน้าวันแถลงผลประกอบการไตรมาส 4 หนึ่งวัน ซึ่งนักวิเคราะห์จาก IDC ระบุด้วยว่า ซัมซุงต้องชี้แจงประเด็นนี้ให้กระจ่าง พร้อมยืนยันให้ลูกค้ามั่นใจด้วยว่าปัญหาเช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก และจะเซอร์ไพร์สมาก หากซัมซุงชี้แจงว่าเป็นปัญหาที่ซัพพลายเออร์
แม้ว่า Galaxy Note 7 จะหยุดขายไปหลายเดือนแล้วก็ตามแต่สิ่งที่ยังคงอยู่คือประกาศห้ามนำ Note 7 ขึ้นเครื่องบิน จากข้อกำหนดของ FAA (Federal Aviation Administration) ของสหรัฐฯ ส่งผลให้สายการบินทั่วโลก และสนามบินนานาชาติล้วนมีประกาศห้ามนำ Note 7 ขึ้นเครื่อง ตอนนี้ FAA ก็ยกเลิกข้อกำหนดให้ประกาศนี้แล้ว
ประกาศห้ามนำ Note 7 ขึ้นเครื่องบินยังคงมีผลอยู่ แต่สายการบินไม่จำเป็นต้องแจ้งประกาศนี้แก่ผู้โดยสารอีกต่อไป ถ้าชาติอื่นทำตาม เราก็จะเริ่มไม่เห็นป้ายเตือน Note 7 ตามสนามบินและไม่มีการประกาศก่อนขึ้นบินบนเครื่องอีกแล้ว
FAA ให้เหตุผลประกาศนี้ว่าทางซัมซุงประสบความสำเร็จในการเรียกคืนสินค้า โดยเรียกคืนได้แล้วถึง 96% และยังออกอัพเดตเพื่อจำกัดการชาร์จไฟไปแล้ว
ภายหลังเหตุการณ์สมาร์ทโฟน Galaxy Note 7 ระเบิด จนต้องเรียกคืนและเลิกขายทั่วโลก สายการบินจำนวนมากต่างก็ออกกฎห้ามนำสมาร์ทโฟนรุ่นดังกล่าวขึ้นเครื่องบินเด็ดขาด
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา บนไฟลท์ของสายการบิน Virgin America เที่ยวบินที่ 358 เวลาราวห้าทุ่ม บินจากซานฟรานซิสโกไปบอสตัน กลับมีผู้โดยสารคนหนึ่งแกล้งเปลี่ยนชื่อ Wi-Fi hotspot ของตนเป็น "Samsung Galaxy Note7_1097" แล้วปล่อยสัญญาณออกมา
หนึ่งในผู้โดยสาร ชื่อนาย Lucas Wojciechowski กำลังใช้คอมพิวเตอร์อยู่บนเครื่องเห็นชื่อดังกล่าวโผล่ขึ้นมา จึงแจ้งกับพนักงานต้อนรับ พนักงานจึงแจ้งกัปตัน พร้อมประกาศให้เจ้าของสมาร์ทโฟนแสดงตัวทันที
จากกรณีการระเบิดของ Galaxy Note 7 ในรอบหลายเดือนที่ผ่านมา ในขณะนี้มีรายงานจากสำนักข่าว The Investor ของเกาหลีใต้ว่า ซัมซุงสามารถหาข้อสรุปของปัญหาที่เกิดขึ้นได้ครบถ้วน แต่ยังไม่เปิดเผยต่อสาธารณะ นอกจากส่งรายงานให้หน่วยงานภายนอกอย่าง Korea Testing Laboratory และองค์กรด้านความปลอดภัย UL รับทราบ
อย่างไรก็ตามซัมซุงยังขอเวลาตรวจสอบรายละเอียดต่างๆ ให้แน่ชัดอีกครั้ง และคาดว่าจะแถลงผลการสืบหาสาเหตุอย่างเป็นทางการให้ได้รับทราบภายในเดือนธันวาคมนี้
อนึ่ง สื่อออนไลน์หลายเจ้าได้ลงความเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่า ปัญหาของ Galaxy Note 7 ที่ซัมซุงเจอน่าจะเป็นปัญหาเดียวกับที่ Instrumental พบเจอก่อนหน้าครับ
หลังจากก่อนหน้านี้ ซัมซุงสหรัฐปล่อยอัพเดตให้ Galaxy Note 7 ชาร์จไฟได้เพียง 60% เพื่อกดดันให้ผู้ที่ใช้อยู่นำเครื่องมาเปลี่ยน ซึ่งดูเหมือนจะไม่ได้ผลมากนัก (?) ล่าสุด The Verge รายงานว่าซัมซุงได้แจ้งเตือนไปยังผู้ใช้ว่า วันที่ 15 ธันวาคมนี้ จะส่งคำสั่งให้ซอฟต์แวร์ภายในเครื่อง ไม่สามารถชาร์จแบตเตอรีได้
อย่างไรก็ตาม The Verge สอบถามไปทั้งซัมซุงและโอเปอเรเตอร์ในสหรัฐแต่ก็ไม่มีการตอบกลับมา ซึ่งก็คาดว่าซัมซุงน่าจะร่วมมือกับโอเปอเรเตอร์ในการปล่อยอัพเดตให้ครอบคลุมผู้ใช้ทั้งหมด จากที่ซัมซุงเคยทำมาแล้วก่อนหน้า
เหตุการณ์อื้อฉาวในวงการสมาร์ทโฟนปีนี้คงจะเป็นเรื่องอะไรไปไม่ได้นอกจาก Galaxy Note 7 ที่แบตเตอรี่ไฟไหม้และระเบิดถึงแม้จะออกล็อตใหม่แล้วก็ตาม จนทางซัมซุงต้องเรียกเก็บคืนทั่วโลก ซึ่งถึงแม้จะยังไม่มีการแถลงอย่างเป็นทางการจากซัมซุงว่าต้นเหตุเกิดจากอะไร แต่ล่าสุดผู้เชี่ยวชาญได้ออกมาชี้แล้วว่า เกิดจากการออกแบบภายใน
หลังซัมซุงเรียกคืน Galaxy Note 7 ทั่วโลก แต่ก็ยังมีผู้ใช้หลายรายไม่ยอมคืนและดื้อใช้งานต่อ ทำให้ซัมซุงต่อหาโปรโมชันต่างๆ เพื่อล่อใจ ไปจนถึงมาตรการกดดันต่างๆ อาทิ ปล่อยอัพเดตซอฟต์แวร์ไม่ให้แบตเตอรี่ชาร์จเกิน 60% ไปจนถึงการตัดการเชื่อมต่อสัญญาณโทรศัพท์ ซึ่งดำเนินการในนิวซีแลนด์ไปแล้ว และล่าสุดในออสเตรเลีย
ซัมซุงออสเตรเลียระบุมีเพียงผู้ใช้ส่วนน้อยเท่านั้นที่ยังไม่นำ Galaxy Note 7 มาเปลี่ยนคืน และกำลังร่วมมือกับผู้ให้บริการในประเทศ ตัดสัญญาณการเชื่อมต่อโทรศัพท์กับเครื่อง Note 7 ที่เหลือในวันที่ 15 ธันวาคมนี้ โดยผู้ใช้จะได้รับการแจ้งเตือนภายในระยะเวลาราว 2 สัปดาห์ที่เหลือ อย่างไรก็ตามซัมซุงไม่ได้ให้รายละเอียดว่าจะใช้มาตรการนี้ในประเทศอื่นๆ ทั่วโลกด้วยหรือไม่
ไม่รู้ว่ากลายเป็นกระแสการซื้อโฆษณาเต็มหน้าหนังสือพิมพ์หรืออย่างไร หลัง Slack เคยซื้อเพื่อส่งสารไปยังไมโครซอฟท์ คราวนี้เป็นซัมซุง ที่ซื้อโฆษณาเต็มหน้าของหนังสือพิมพ์ The New York Times ฉบับวันจันทร์ เพื่อส่งสารและขอโทษไปยังผู้ใช้ จากกรณี Galaxy Note 7
เนื้อหาของโฆษณา เป็นจดหมายขอโทษจาก Gregory Lee ซีอีโอของซัมซุงในอเมริกาเหนือ พร้อมระบุด้วยว่าขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการสืบสวนหาสาเหตุของการระเบิดโดยผู้เชี่ยวชาญตั้งแต่ตัวฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ กระบวนการผลิตเครื่องและแบตเตอรี่ โดยซัมซุงจะแจ้งให้ผู้ใช้ทราบต่อไป เมื่อการสืบสวนเสร็จสิ้น
สำหรับโฆษณาดูได้จากที่มาในทวิตเตอร์
Samsung ได้ออกจดหมายเพื่อขอโทษผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ Samsung ที่ได้รับผลกระทบจากการเรียกคืน คือ Samsung Galaxy Note 7 และเครื่องซักผ้าฝาบน เป็นจดหมายเปิดผนึกโดยการโฆษณาแบบเต็มหน้ากระดาษในหนังสือพิมพ์ใหญ่ของสหรัฐ 3 ฉบับ ได้แก่ The Wall Street Journal, The New York Times และ The Washington Post