Allison Husain นักวิจัยความปลอดภัยรายงานถึงช่องโหว่ระบบตรวจสอบที่มาอีเมล SPF และ DMARC และการส่งต่ออีเมลของบริการ G Suite ที่ทำให้คนร้ายสามารถปลอมอีเมลเป็นอีเมลจากเหยื่อที่เป็นลูกค้า G Suite ได้อย่างแนบเนียน Allison ระบุว่าได้รายงานช่องโหว่นี้ให้กูเกิลรับรู้ตั้งแต่ 3 เมษายนที่ผ่านมา แต่กูเกิลกลับทิ้งช่องโหว่นี้ไว้นานกว่าสี่เดือน ทำให้ Allison ตัดสินใจเขียนบล็อกเปิดเผยช่องโหว่และกูเกิลก็แพตช์ช่องโหว่นี้ในไม่กี่ชั่วโมง

ผู้ใช้งาน Gmail และ Google Drive เจอปัญหาการใช้งาน อัพโหลดไฟล์ไม่ได้ เว็บไซต์ downdetector.com และบนทวิตเตอร์มีการร้องเรียนจากผู้ใช้งานเป็นพันๆ ราย ล่าสุดกูเกิลรับรู้ปัญหาแล้ว และกำลังเร่งแก้ไข ติดตามสถานะการแก้ไขได้ ที่นี่

ปกติแล้วอีเมลใน Gmail จะแสดงภาพโพรไฟล์ของผู้ส่ง ซึ่งเป็นภาพที่เราตั้งเองในสมุดที่อยู่เท่านั้น (แปลว่าถ้าไม่ตั้งค่าภาพเอาไว้ ก็จะแสดงเป็นรูปหัวคนสีเทาๆ)

ล่าสุดกูเกิลประกาศฟีเจอร์แสดงภาพโพรไฟล์ของแบรนด์ใน Gmail แล้ว โดยจะแก้ปัญหาเรื่องความปลอดภัย-การปลอมแปลงตัวตน ด้วยมาตรฐานใหม่ที่เรียกว่า Brand Indicators for Message Identification (BIMI) ที่กูเกิลร่วมกับพาร์ทเนอร์หลายราย เช่น LinkedIn, Fastmail, Twilio Sendgrid, Yahoo (ปัจจุบันอยู่ในเครือ Verizon) พัฒนาขึ้นมา

เมื่อเดือนที่แล้ว เราเห็นข่าว แอพ Gmail บนมือถือเพิ่มแท็บ Meet เข้ามาด้านล่าง ซึ่งอาจดูแปลกๆ เพราะการเพิ่มแท็บเข้ามาถือว่าเปลืองพื้นที่แสดงผลในแนวตั้ง แต่กลับมีแค่ 2 แท็บคือ Mail กับ Meet เท่านั้น

วันนี้ปริศนาทั้งหมดไขกระจ่างแล้ว เพราะกูเกิลเผยโฉม Gmail (เวอร์ชัน G Suite) ร่างสมบูรณ์ที่มีทั้งหมด 4 แท็บ คือ Mail, Meet ของเดิม เพิ่มเข้ามาอีก 2 แท็บคือ Chat และ Rooms

Gmail บน iPad สามารถใช้งานโหมด Split View แบ่ง 2 หน้าจอได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว มาตามคำเรียกร้องตั้งแต่ปี 2015 หลังจาก Apple เปิดตัวฟีเจอร์ Split View บน iOS 9

หากต้องการใช้งานในโหมดดังกล่าว ให้เปิดแอปพลิเคชัน Gmail จากนั้นก็ลากขอบล่างของหน้าจอเพื่อเปิด Dock แล้วลากแอปอื่นๆที่ต้องการจะเปิดมาไว้ด้านซ้ายหรือขวา เพียงเท่านี้ก็สามารถใช้งาน Gmail ในโหมด Split View ได้แล้ว (อย่าลืมไปที่ Settings > Home Screen & Dock > Multitasking หากยังไม่ได้เปิดระบบ Split View)

ที่มา - 9to5Google

ผู้ใช้ Gmail เวอร์ชันเว็บ เริ่มเห็นปุ่มเรียกประชุมผ่าน Google Meet กันมาได้สักระยะ ล่าสุดกูเกิลประกาศขยายปุ่ม Google Meet มายัง Gmail เวอร์ชันมือถือทั้ง Android และ iOS

หน้าตาของแอพ Gmail จะเปลี่ยนไปเล็กน้อย โดยมีแท็บ Mail / Meet โผล่ขึ้นมาด้านล่าง (สามารถปิดแท็บได้ใน Settings) ผู้ใช้สามารถสร้างห้องประชุมไว้ล่วงหน้าตามตารางเวลาที่กำหนด หรือจะเข้าร่วมห้องประชุมของคนอื่นผ่านการกรอกโค้ดห้องประชุมก็ได้ และหากผู้ใช้กดลิงก์ที่เป็น meet.google.com ในอีเมล ก็สามารถเข้าร่วมประชุมจากแอพ Gmail ได้โดยตรงเลย

ฟีเจอร์ Meet in Gmail จะเริ่มทยอยเปิดใช้ทั้งกลุ่มผู้ใช้ Gmail ทั่วไป และผู้ใช้ G Suite

Google Meet อัพเดตใหม่ มีปุ่มเปิดการประชุมบนหน้า Gmail อยู่ตรงด้านซ้ายของหน้าจอ ผู้ใช้สามารถกด Start a meeting เพื่อเข้าแอป Google Meet ได้ทันที โดย ปุ่ม Start a meeting จะเริ่มเปิดใช้งานบน Gmail เวอร์ชั่นเว็บไซต์ก่อนจะขยายไปยังแอปมือถือต่อไป

Google Meet ยังระบุด้วยว่า จะอัพเดตให้แสดงหน้าจอคนประชุมพร้อมกันสูงสุด 16 คน และจะเพิ่มคุณภาพวิดีโอในที่แสงน้อย พร้อมทั้งฟีเจอร์ตัดเสียงรบกวนไม่ว่าจะเป็นเสียงจากแป้นพิมพ์ หรือเสียงอื่นๆ เช่น เสียงเปิด-ปิดประตู

น่าจะเป็นฟีเจอร์ที่รอกันมานาน สำหรับชาว Gmail กับการตั้ง Signature หลายแบบเพื่อไว้เลือกใช้ในกรณีต่างกันได้ ไม่ว่าจะส่งเมลให้ต่างบริษัท ส่งให้ลูกค้าเฉพาะเจ้า หรือให้ข้อมูลติดต่อกลับต่างกันไปในแต่ละเมล

Google ได้เริ่มออกอัปเดตให้ลูกค้า G Suite แล้ว โดยหากแอดมินเลือกแทรกรับฟีเจอร์ใหม่เป็น Rapid Release ก็จะได้ทยอยใช้กันแล้วตั้งแต่เมื่อวาน แต่หากเลือกเป็นแทรก Scheduled ก็จะทยอยได้ฟีเจอร์นี้ ตั้งแต่ 24 มีนาคมเป็นต้นไป

วิธีใช้ก็เพียงแค่เข้าไปใน หน้า Gmail แล้วไปที่ Settings (รูปฟันเฟือง) > Settings > General แล้วเลื่อนลงไปที่ ส่วน Signature เพื่อตั้ง จากนั้นในขั้นตอนส่ง ก็จะสามารถเลือกใช้ Signature ที่ตั้งไว้ในหน้าเขียนอีเมลได้เลย

Adobe เพิ่มปุ่ม Add-on บน Gmail โดยตรง เมื่อผู้ใช้งาน Gmail ต้องการส่งไฟล์จาก Adobe Creative Cloud ก็สามารถกดปุ่ม Creative Cloud ได้เลย ช่วยให้แชร์ไฟล์ได้เร็วขึ้น แต่แชร์ได้เฉพาะลิงค์ Creative Cloud ที่เป็น public และจำกัดขนาดไฟล์แค่ 100MB

ผู้ใช้งานจำเป็นต้องติดตั้งปลั๊กอิน ผ่าน G Suite ก่อน ถึงจะใช้งานฟีเจอร์นี้ได้

Google ปล่อยอัพเดต Gmail ใหม่ โดยรอบนี้มาพร้อมฟีเจอร์ใหม่ที่เรียกว่า search chips เป็นฟิลเตอร์แบบกดได้ที่จะช่วยจำกัดสิ่งที่ต้องการค้นหาให้เฉพาะเจาะจงมากขึ้น

ยกตัวอย่างเช่น ในรูปเสิร์ชคำว่า Mike ก็จะมี search chips ปรากฏขึ้นมาเพื่อให้ฟิลเตอร์ได้ เช่น จาก Mike Chang, ไม่รวมแชท, กำหนดเวลา, มีไฟล์แนบ หรืออื่น ๆ ซึ่งแม้ว่าแต่เดิมเราสามารถฟิลเตอร์จากช่องค้นหาได้ด้วยวิธีการพิมพ์ เช่น has:attachment หรือ from:[อีเมลแอดเดรส] ได้อยู่แล้ว แต่ฟีเจอร์นี้จะช่วยให้การใช้ฟิลเตอร์ง่ายขึ้นไปอีก

ตอนนี้ฟีเจอร์ดังกล่าวเริ่มปล่อยให้ใช้เฉพาะ Gmail สำหรับกลุ่มผู้ใช้ G Suite ก่อน และจะปล่อยให้ Gmail ทั้งหมดในลำดับถัดไป

Gmail ออกอัพเดตแอปบน iOS โดยมีฟีเจอร์หนึ่งที่สำคัญมากเพิ่มเข้ามาคือการส่งไฟล์แนบโดยเลือกจากแอป Files

แต่เดิม ผู้ใช้ Gmail จะต้องแนบไฟล์เป็นภาพจากแอป Photos หรือไฟล์ใน Google Drive เท่านั้น แต่ตอนนี้ Google เปิดความสามารถใหม่ให้ผู้ใช้ Gmail แนบไฟล์จากแอป Files บน iOS ได้ทันที

การแนบไฟล์จากแอป Files ทำให้ผู้ใช้สามารถแนบไฟล์ได้ทุกรูปแบบ ตั้งแต่ไฟล์ที่บันทึกไว้บนเครื่อง, iCloud Drive หรือแม้แต่บริการอื่น ๆ ที่รองรับ Files เช่น Dropbox, OneDrive

วิธีใช้งาน เพียงคลิกไอคอนแนบไฟล์ เลื่อนลงมาที่ส่วนแนบไฟล์ กดไอคอนโฟลเดอร์ ก็สามารถแนบไฟล์จากแอป Files ได้ทันที

Google ประกาศเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ให้ Gmail สามารถแนบอีเมลเข้าไปในอีเมลได้โดยไม่ต้องดาวน์โหลดก่อน

วิธีใช้งาน คือเปิดหน้าเขียนอีเมลใหม่ จากนั้นลากอีเมลที่ต้องการแนบเป็นไฟล์เข้าไปในหน้าต่างนั้น หรือจะเลือกอีเมลก่อนแล้วกดปุ่มสามจุดด้านบนและเลือก Forwards as attachment ก็ได้ โดยผู้ใช้สามารถแนบได้หลายอีเมลในครั้งเดียว และไม่ต้องดาวน์โหลดอีเมลก่อนที่จะแนบไฟล์

ฟีเจอร์นี้จะมีประโยชน์เมื่อต้องการเริ่มอีเมลใหม่ที่รวมอีเมลอื่น ๆ เข้ามาด้วยกันเป็นหัวข้อใหม่ เพราะสามารถรวมอีเมลเข้าเป็นอีเมลเดียวได้สะดวกขึ้น ไม่ต้องส่งต่อ (forward) อีเมล โดยไฟล์อีเมลที่แนบไปในอีเมลจะเป็นไฟล์ .eml ซึ่งเมื่อคลิกแล้วจะเปิดบนหน้าใหม่

Google ระบุว่า Gmail จะทยอยปล่อยฟีเจอร์นี้ให้ผู้ใช้งานทีละกลุ่ม

ในยุคที่ไมโครซอฟท์เปิดกว้างเช่นทุกวันนี้ก็ไม่น่าใช่เรื่องแปลกใจ เมื่อมีผู้ใช้ Outlook คนหนึ่งโพสต์บนทวิตเตอร์ว่า Outlook ของตัวเองแสดงหน้าต่างให้เชื่อมต่อ Gmail, Google Drive และ Google Calendar เข้ากับแอคเคาท์และเมลไคลเอนท์ของ Outlook ตัวเอง

อย่างไรก็ตาม The Verge ระบุว่ายังไม่ได้รับตัวเลือกการเชื่อมแอคเคาท์ เลยคาดว่าไมโครซอฟท์น่าจะเริ่มทดสอบในวงจำกัดเท่านั้น รวมถึงตอนนี้ยังเพิ่มได้แค่แอคเคาท์ของ Google แค่แอคเคาท์เดียวเท่านั้น ขณะที่การสลับหน้าแอคเคาท์จะเป็นการรีเฟรชทั้งหน้า

เบื้องต้นยังไม่มีข้อมูลจากไมโครซอฟท์ถึงการทดสอบและวันปล่อยฟีเจอร์นี้ให้ใช้งานจริงครับ

กูเกิลประกาศออก Gmail Dark Theme สำหรับแอพมือถือเวอร์ชัน Android และ iOS แล้ว โดยเริ่มทยอยเปิดให้ผู้ใช้บางส่วนวันนี้

Dark Theme ของ Gmail รองรับทั้ง Android 10 และ iOS 11 ขึ้นไป

• กรณีของ Android สามารถตั้งค่า Dark Theme ในแอพ Gmail เอาเอง หรือจะใช้ฟีเจอร์เปลี่ยนธีมอัตโนมัติตามธีมของระบบก็ได้
• กรณีของ iOS 11/12 ต้องเปลี่ยนธีมในตัว Gmail เอง แต่ถ้าใช้ iOS 13 ก็เปลี่ยนธีมอัตโนมัติตามธีมของระบบได้เช่นกัน

Google เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ให้ผู้ใช้ Gmail และ Hangouts Chat ใน G Suite เพื่อลดการติดต่อขณะที่เพื่อนร่วมงานลาพักร้อน หรือไม่อยู่ที่ออฟฟิศ โดยใช้ข้อมูล Out of office ในปฏิทินมาแสดง

สำหรับ Gmail นั้น Google จะแสดงแบนเนอร์ว่าผู้รับอีเมลไม่อยู่ที่ออฟฟิศ พร้อมบอกว่าเมื่อไรที่จะกลับมา ส่วนใน Hangouts Chat จะแสดงเป็นการแจ้งเตือนเล็ก ๆ ในหน้าแชท

ฟีเจอร์นี้จะมีประโยชน์ทั้งฝ่ายผู้ส่งและผู้รับข้อความ คือผู้ส่งจะได้ทราบว่าผู้รับไม่สะดวกที่จะรับอีเมลหรือแชท เพื่อจะได้ไม่เสียมารยาทและเสียเวลาในการส่งข้อความในกรณีผู้รับไม่ว่าง ส่วนผู้รับก็จะไม่มีงานมารบกวนเวลาวันหยุด โดยฟีเจอร์นี้ G Suite จะเปิดใช้งานอัตโนมัติ ผู้ดูแลระบบและผู้ใช้งานไม่ต้องตั้งค่าเพิ่มแต่อย่างใด

กูเกิลประกาศเพิ่มคุณสมบัติใหม่ใน Gmail สำหรับผู้ใช้ G Suite โดยจะแก้ไขคำสะกดและไวยากรณ์ให้โดยอัตโนมัติ ขณะที่เรากำลังร่างจดหมายอยู่ ซึ่งกูเกิลบอกว่าระบบตรวจสอบแก้ไขนี้ใช้ AI เพื่อประเมินคำที่คนมักสะกดผิด และรูปไวยากรณ์ที่ไม่ถูกต้อง

การทำงานมี 3 ส่วน คือ Autocorrect แก้ไขคำที่คนมักสะกดผิดแล้วเราพิมพ์ผิดเช่นกันให้เป็นคำที่สะกดถูกต้องทันที, ส่วน Grammar และ Spelling จะขีดเส้นใต้คำที่ระบบมองว่าไม่ถูกต้อง พร้อมเสนอคำที่สะกดถูก หรือทำให้ไวยากรณ์ถูกต้อง โดยให้เราเลือกแก้ไขตามหรือไม่แก้ก็ได้

ฟีเจอร์นี้มีเฉพาะผู้ใช้ G Suite ก่อน รองรับเฉพาะบางภาษา (ไม่ได้ระบุว่ามีภาษาใดบ้าง) โดยจะเปิดการทำงานเป็นค่าเริ่มต้น แต่สามารถเลือกปิดการทำงานแยกส่วนได้ใน Settings > General

หลัง Google ทดสอบฟีเจอร์ Confidential Mode มาตั้งแต่ปีที่แล้ว ล่าสุด Google ประกาศว่าฟีเจอร์นี้เตรียมเข้าสู่สถานะ GA วันที่ 25 มิถุนายนนี้แล้วสำหรับผู้ใช้ G Suite โดยจะเปิดให้เป็นค่าดีฟอลต์ด้วย

โหมดนี้เปิดโอกาสให้ผู้ส่งอีเมลตั้งวันหมดอายุของเมล, รหัสรวมถึงยกเลิกสิทธิคนส่งไม่ให้เข้าถึงอีเมลที่ส่งไปแล้วด้วย ขณะที่ผู้รับอีเมลจะไม่สามารถฟอร์เวิร์ด, ก๊อปปี้, พิมพ์หรือดาวน์โหลดอีเมลนั้นๆ ได้ โดยรายละเอียดทั้งหมดในการส่งและเปิดอีเมลใน Confidential Mode ดูได้จากหน้าซัพพอร์ท

กูเกิลประกาศว่า Gmail ได้เป็นผู้ให้บริการอีเมลรายใหญ่รายแรก ที่สนับสนุนมาตรฐานความปลอดภัยใหม่ 2 รายการ คือ SMTP MTA Strict Transport Security (MTA-STS) RFC 8461 และ SMTP TLS Reporting RFC 8460 ซึ่งกูเกิลร่วมกับผู้ให้บริการอีเมลรายใหญ่ ผลักดันมาตรฐานนี้ผ่านองค์กร IETF ตั้งแต่ 3 ปีที่แล้ว

อย่างไรก็ตามแม้ Gmail จะประกาศรองรับมาตรฐานใหม่นี้ก่อน แต่หากโดเมนอีเมลของผู้ให้บริการรายอื่นยังไม่รองรับ อีเมลที่ส่งออกไปก็ไม่มีการเข้ารหัสบนมาตรฐานใหม่นี้อยู่ดี กูเกิลจึงหวังว่าผู้ให้บริการอื่นจะรองรับมาตรฐานความปลอดภัยนี้เช่นกัน

ทั้งนี้การร่วมผลักดันมาตรฐานดังกล่าวตั้งแต่ 3 ปีก่อน นอกจากกูเกิล ก็มี ไมโครซอฟท์ และยาฮู ร่วมด้วย

วันที่ 1 เมษายนปี 2004 หรือเมื่อ 15 ปีที่แล้ว เป็นวันที่ Google เปิดตัว Gmail บริการอีเมลแบบใหม่ที่มาพร้อมสตอเรจเก็บข้อมูล 1GB และระบบค้นหาอีเมลในกล่องของ Google แม้ Gmail จะเปิดตัวในวัน April Fools' Day แต่ผลิตภัณฑ์นี้ก็ไม่ใช่ของล้อเล่น และถือเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงของ Google

วันนี้ ในโอกาสครบรอบ 15 ปีของ Gmail นั้น Google ก็ได้ประกาศเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ให้ Gmail อีกดังนี้

หนึ่งในคุณสมบัติที่คนใช้แอพ Gmail หลายคนน่าจะชื่นชอบ คือ Swipe Actions ทำให้สามารถปัดข้อความและทำคำสั่งต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว และเมื่อปีที่แล้ว Gmail บน Android ก็ได้รับความสามารถเพิ่มเติมด้วยการอนุญาตให้ผู้ใช้ สามารถตั้งค่า swipe actions เป็นค่าที่ตัวเองต้องการได้ แต่ก็ยังเดินทางมาไม่ถึง iOS เสียที

กาลเวลาผ่านไปเกือบปี (ประมาณ 9 เดือนเศษ) Google จึงประกาศปล่อยความสามารถเดียวกันนี้ให้กับแอพ Gmail บน iOS แล้ว

Google เปิดตัว Gmail เวอร์ชั่นใหม่ซึ่ง Google ระบุว่าเป็น dynamic email ที่ให้ผู้ใช้ทำกิจกรรมต่างๆ บนหน้าเมลได้เลยไม่ต้องออกแอพ เช่น เลื่อนดูรูปภาพในแคตตาล็อกจาก Pinterest, ตอบข้อความใน Google Docs เป็นต้น

Google ระบุว่า ในบางอีเมลที่ส่งมาหาผู้ใช้จะเป็นเวอร์ชั่น dynamic แล้วคือ Booking.com, Despegar, Doodle, Ecwid, Freshworks, Nexxt, OYO Rooms, Pinterest และ redBus ยกตัวอย่างเมลจาก Pinterest เมื่อส่งสิ่งที่กำลังเป็นเทรนด์มาให้ ผู้ใช้ก็สามารถกดดูรูปภาพและบันทึกเข้าคอลเลกชั่นของตัวเองได้จากในอีเมล ไม่ต้องออกอีเมลเพื่อไปเข้า Pinterest

IFTTT ประกาศแจ้งว่า Google กำลังจะปรับ API ในวันที่ 31 มีนาคมนี้ ซึ่งจะส่งผลทำให้ IFTTT ไม่สามารถใช้งานเซอร์วิสของ Gmail ได้บางส่วน

สำหรับบริการที่ IFTTT จะใช้กับ Gmail ไม่ได้นั้น คือทริกเกอร์ของ Gmail ทุกอย่าง และแอคชั่น Create a draft ซึ่งทั้งหมดนี้จะถูกลบออกจาก IFTTT ส่วนแอคชั่นอื่น ๆ ของ Gmail คือ Send an email และ Send yourself an email จะยังคงใช้งานได้ตามปกติ ดังนั้น Applet ที่มีเซอร์วิสของ Gmail อาจเกิดปัญหาใช้งานไม่ได้หลังจากวันที่ Google ปรับ API

เช้านี้หลายๆ คนพบว่าไม่สามารถส่งอีเมลบน Gmail หรืออัพโหลดไฟล์ได้ โดยกูเกิลแจ้งบนหน้า G Suite Status Dashboard ว่าขณะนี้ Gmail และ Google Drive เกิดปัญหาบริการขัดข้อง (Service Disruption)

มีรายงานการล่มครั้งแรกประมาณ 9 โมงเช้าตามเวลาประเทศไทย

บริการบางตัวของกูเกิล เช่น Google Drive หรือ Google Docs หากเราใช้งานผ่านเว็บเบราว์เซอร์ และคลิกขวาจะมีเมนูคำสั่งต่างๆ แทนเมนูคลิกขวาแบบปกติของเบราว์เซอร์ เพื่อให้สะดวกต่อการใช้งาน

ที่ผ่านมา Gmail ก็มีเมนูคลิกขวาหากเรากดที่รายการอีเมลแต่ละฉบับ แต่ความสามารถยังจำกัดแค่ Move, Archive, Mark as Read, Delete เท่านั้น

ล่าสุดกูเกิลประกาศเพิ่มความสามารถให้เมนูคลิกขวาอันนี้ โดยเพิ่มคำสั่งอื่นๆ อย่าง Reply, Forward, Snooze, Label, Mute เพิ่มเข้ามา ช่วยให้เราสามารถทำงานได้แทบทุกอย่างจากการคลิกขวานั่นเอง

ฟีเจอร์นี้จะเริ่มปล่อยให้ผู้ใช้ G Suite ในวันที่ 22 กุมภาพันธ์เป็นต้นไป ส่วน Gmail รุ่นสำหรับผู้ใช้ทั่วไปยังไม่มีข้อมูลว่าจะได้เมื่อไร

Gmail มีระบบกรองสแปมมานานแล้ว กูเกิลบอกว่าสามารถกรองได้ 99.9% แต่ระบบกรองใหม่ล่าสุดที่ใช้พลังของ TensorFlow ก็ช่วยกรองสแปมได้แม่นยำกว่าเดิม กูเกิลไม่ได้บอกว่าเพิ่มเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ แต่บอกว่ากรองได้เพิ่มอีกวันละ 100 ล้านฉบับ

กูเกิลอธิบายว่าการใช้ TensorFlow ช่วยป้องกันสแปมในกรณีที่ตรวจจับได้ยาก เช่น เป็นอีเมลที่แนบไฟล์รูป ฝังเนื้อหาที่มองไม่เห็นมาด้วย หรือเป็นอีเมลที่ส่งจากโดเมนใหม่ที่ยังไม่เคยมีประวัติการส่งสแปมมาก่อน ดังนั้นการใช้เทคนิค machine learning ให้เรียนรู้แพทเทิร์นของอีเมลแบบนี้ จะช่วยป้องกันสแปมในกรณีเหล่านี้ได้แม่นยำขึ้น

ที่มา - Google