จากเหตุการณ์กราดยิงครั้งใหญ่ที่ San Bernardino ในปี 2015 มีครอบครัวเหยื่อผู้เสียชีวิตส่วนหนึ่งรวมตัวกันฟ้องโซเชียลมีเดีย Facebook, Google และ Twitter ในข้อหาปล่อยให้โฆษณาชวนเชื่อของกลุ่ม ISIS แพร่หลายในโซเชียล นำไปสู่เหตุโศกนาฎกรรม

เอกสารสำนวนส่งฟ้องมี 32 หน้า Sierra Clayborn ผู้เกี่ยวข้องกับเหยื่อหนึ่งในผู้ฟ้องระบุว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จำเลย (Facebook, Google และ Twitter) ได้หยิบยื่นเครื่องมือแพร่กระจายข้อมูลให้กลุ่ม ISIS เปิดโอกกาสให้ ISIS ระดมทุน และดึงดูดคนให้เข้าร่วมกลุ่มด้วยโฆษณาชวนเชื่อ และหากไม่ใช่เพราะ Facebook, Google และ Twitter การเติบโตของกลุ่ม ISIS คงไม่มากขนาดนี้

หน่วยงานตำรวจของยุโรป หรือ Europol เผยว่ากลุ่ม ISIS กำลังสร้างโซเชียลมีเดียของตัวเองเพื่อหลีกเลี่ยงการปราบปราม เป็นการสร้างขึ้นระหว่างกำหนดเวลา 48 ชั่วโมงที่ Europol กำหนดมาตรการเข้มข้นช่วงสัปดาห์ที่แล้ว

จากสถิติที่ผ่านมา Europol ได้ปิดบัญชีโซเชียลมีเดียของกลุ่ม ISIS ไปแล้วกว่า 2,000 ราย (ทุกแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย) และแอพพลิเคชั่นที่กลุ่ม ISIS นิยมใช้ยังคงเป็น Telegram

Europol ไม่ได้ระบุข้อมูลโซเชียลมีเดียที่กลุ่ม ISIS กำลังพัฒนาขึ้นมาว่าเป็นรูปแบบใด และยากต่อการเข้าแทรกแซง ปิดระบบหรือไม่

สำนักข่าวกลุ่มเคิร์ดชื่อว่า Rudaw ได้เผยแพร่ภาพข่าวที่แสดงให้เห็นว่าในขณะนี้กองกำลัง ISIS ได้เริ่มใช้อาวุธใหม่ในการโจมตีฝ่ายตรงข้ามด้วยการดัดแปลงโดรนเชิงพาณิชย์มาทำภารกิจบินทิ้งระเบิด

จากความพยายามอย่างหนักของทางการอิรักที่จะต่อสู้ขับไล่ ISIS ออกจากเมือง Mosul หลังองค์กรก่อการร้ายได้เข้ายึดเมืองนี้มาตั้งแต่ปี 2014 กองกำลังความมั่นคงของอิรักต้องเผชิญกับการโจมตีรูปแบบใหม่ หลังพบว่า ISIS มีการใช้โดรนแบบสี่ใบพัดอย่างที่เห็นกันแพร่หลายทั่วไปมาดัดแปลงติดตั้งกระบอกบรรทุกระเบิดมือเข้าโจมตีฝ่ายกองกำลังความมั่นคงของอิรัก

เว็บไซต์ WIRED สัมภาษณ์นักข่าวสาว Rukmini Callimachi ของหนังสือพิมพ์ The New York Times ที่มีผลงานบทความเกี่ยวกับสถานการณ์ก่อการร้ายมาตลอด โดย WIRED สัมภาษณ์เธอถึงประสบการณ์การทำข่าวเรื่องก่อการร้าย Rukmini ทำข่าวด้านนี้มาตั้งแต่สมัยกลุ่มอัลเคด้ายังรุ่งเรือง ซึ่งก็ผ่านมา 10 กว่าปีแล้ว

เธอเล่าประสบการณ์ว่า ตอนนั้นเธออ่านใบปลิวภาษาอาหรับของกลุ่มอัลเคด้าในพื้นที่เสี่ยง ทำให้รู้เรื่องราวของคนเหล่านี้อย่างลึกซึ้ง มากกว่าที่คอยอ่านตามหนังสือพิมพ์หรือฟังเจ้าหน้าที่รัฐบาล

อีกวิธีที่เธอใช้ในการขุดคุ้ยข้อมูลคือโซเชียลมีเดีย เธอสามารถพูดคุยตัวต่อตัวกับคนระดับอาวุโสในกลุ่ม Isis ผ่านโซเชียลมีเดีย โดยไม่ต้องเผชิญหน้า และ Telegram คือช่องทางที่เธอเลือกใช้ในปัจจุบัน

กลุ่มไอซิสเรียกได้ว่าประสบผลสำเร็จในการสร้างแอพพลิเคชั่นเพื่อประชาสัมพันธ์โฆษณาชวนเชื่อ และชักชวนคนอื่นๆให้เข้าร่วมกลุ่มไอซิส มีอย่างน้อย 6 แอพพลิเคชั่น จนกระทั่งเมื่อวันที่ 1 มิ.ย. ที่ผ่านมา Amaq โซเชียลมีเดียของไอซิส ประกาศเตือนอย่างเป็นทางการ สรุปความได้ว่า มีการทำแอพพลิเคชั่นปลอมเลียนแบบ Amaq Agency เป้าหมายคือแทรกแซงภายใน

ผู้ช่วยเลขาธิการองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ ฝ่ายความมั่นคง เปิดเผยในงานนิทรรศการด้านความมั่นคงและการต่อต้านการก่อการร้ายที่จัดขึ้นในกรุงลอนดอนว่า ฝ่าย R&D ของกลุ่มรัฐอิสลาม กำลังใช้โรงงานผลิตระเบิดในเขตประเทศซิเรีย เป็นฐานวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีรถไร้คนขับอยู่ในขณะนี้ และระบุว่าหากทำได้สำเร็จ อาจช่วยลดการสูญเสียกำลังคนในการก่อเหตุของกลุ่มก่อการร้ายได้ค่อนข้างมาก ซึ่งทางนาโต้จะคอยจับตาและสืบหาข่าวกรองมากยิ่งขึ้น

การเปิดเผยขององค์การนาโต้ครั้งนี้ สอดรับกับความกังวลที่เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาว่า รถไร้คนขับจะกลายเป็นเครื่องมือของการก่อการร้าย และจะสร้างความยากลำบากให้แก่ทางการในการป้องกันและติดตามหาตัวผู้ก่อเหตุมากยิ่งขึ้น

เมื่อเรื่องสื่อสารในโลกออนไลน์เป็นส่วนสำคัญในการดำเนินภารกิจต่างๆ ล่าสุดทางผู้ให้บริการอย่าง Telegram ออกมาประกาศว่าได้ทำการปิดกั้นการสื่อสารทั้งหมด 78 รายการที่เกี่ยวกับกลุ่มของ ISIS (Islamic State of Iraq and Syria) และยังบอกอีกว่าในการกระจายข้อมูลของกลุ่ม ISIS นั้น ใช้ภาษาทั้งหมด 12 ภาษาด้วยกัน

การปิดกั้นนั้นมาจากการรายการจากผู้ใช้งานที่แจ้งเบาะแสผ่านทาง abuse@telegram.org เพราะการกระจายข้อมูลแบบ Channel (Telegram’s public channels) นั้น ขอแค่มี URL ทุกคนก็สามารถเข้าถึงการกระจายข้อมูลได้แล้ว ตัวอย่างของ Channel สามารถกดเข้าไปดูได้ที่ Telegram Channel