แอปเปิลประกาศสถิติของบริการค้นหาเพลงด้วยเสียง Shazam ว่ามีการค้นหาเพลงมากกว่า 1 แสนล้านครั้งแล้ว นับตั้ง Shazam ให้บริการ
Shazam เปิดตัวในปี 2002 ในรูปแบบการใช้งานผ่าน SMS เฉพาะในสหราชอาณาจักร โดยต้องโทรศัพท์ไปที่หมายเลข 2580 แล้วถือโทรศัพท์เพื่อให้ระบบฟังและค้นหาเพลง จากนั้นรับข้อมูลเพลงผ่านทาง SMS
Shazam แอปค้นหาเพลงด้วยการฟังเสียง อัพเดตฟีเจอร์ใหม่ในเวอร์ชันล่าสุด 17.3 สำหรับผู้ใช้ iOS โดยสามารถค้นหาเพลงได้แม้ในขณะฟังเพลงนั้นจากแอปต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น TikTok, Instagram หรือ YouTube ผ่านเฮดโฟน
ก่อนหน้านี้ Shazam เพิ่มความสามารถการค้นหาเพลงจากการเปิดแอปอื่นอยู่ จึงไม่แปลกที่ฟีเจอร์นี้จะเพิ่มเติมมาค้นหาเพลงที่กำลังฟังผ่านเฮดโฟนได้ด้วย
เฮดโฟนที่ใช้ฟังนั้น Shazam ระบุว่าได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมต่อด้วยสายหรือบลูทูธ และไม่จำกัดว่าต้องเป็นเฮดโฟนของแอปเปิลด้วย
ที่มา: iMore
แอปเปิลประกาศว่าบริการค้นหาเพลงด้วยเสียง Shazam มีอายุครบ 20 ปีแล้ว โดยเพื่อร่วมฉลองในโอกาสนี้ แอปเปิลจึงเผยแพร่เพลย์ลิสต์ รวมเพลงยอดนิยมที่ถูกค้นหาใน Shazam แต่ละปีตลอดช่วง 20 ปี
เพลงในเพลย์ลิสต์มีทั้งเพลงอย่าง "Hey, Soul Sister" ของ Train และ "Cheap Thrills" ของ Sia
Shazam เปิดตัวในเดือนสิงหาคม 2002 เริ่มด้วยบริการทางโทรศัพท์ในอังกฤษ โดยโทรไปยังหมายเลขที่กำหนดแล้วถือสายขณะเพลงกำลังเล่น โดยจะได้รับชื่อเพลงและศิลปินทาง SMS พัฒนาต่อมาเป็นแอปใน App Store ในปี 2008 และถูกซื้อกิจการโดยแอปเปิลในปี 2018 ซึ่งบริการของ Shazam ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งใน Control Center ของ iOS สำหรับค้นหาเพลง
ที่มา: แอปเปิล
แอปเปิลประกาศว่า Shazam บริการค้นหาเพลงที่แอปเปิลซื้อกิจการเมื่อปี 2018 ถูกใช้งานเพื่อค้นหาเพลงรวมมากกว่า 1 พันล้านเพลงแล้ว โดยนับเฉพาะการค้นหาผ่านส่วน Music Recognition ใน Control Center ของ iOS
ฟีเจอร์ดังกล่าวแอปเปิลเริ่มเพิ่มเข้ามาใน iOS 14.2 เมื่อปลายปีที่แล้ว แต่ไม่ได้เปิดให้เป็น default ผู้ใช้งานต้องเพิ่มปุ่ม Shazam เข้ามาเองใน Control Center สถิติ 1 พันล้านเพลงจึงน่าสนใจมาก
เมื่อเดือนมิถุนายน แอปเปิลเพิ่งประกาศว่า Shazam ถูกค้นหามากถึงกว่า 1 พันล้านเพลงภายในเดือนเดียว โดยเป็นการนับผ่านทุกแพลตฟอร์ม
Shazam แอปค้นหาเพลงที่แอปเปิลซื้อกิจการไปเมื่อปี 2018 ประกาศตัวเลขว่ามีผู้ใช้งาสนแอปเพื่อค้นหาเพลงถึง 1 พัน้ลานเพลงในเดือนเดียว มีการระบุเพลงไปแล้วนับตั้งแต่ก่อตั้งแอปในปี 2002 จำนวน 5 หมื่นล้านเพลง
Shazam แอปค้นหาเพลงที่แอปเปิลซื้อกิจการไปเมื่อปี 2018 ประกาศตัวเลขผู้ใช้งานว่ามีจำนวนทะลุ 200 ล้านบัญชีแล้ว
ปัจจุบัน Shazam ยังเป็นแอปที่มีให้ดาวน์โหลดทั้งบน App Store และ Play Store รวมทั้งผู้ใช้ iOS ยังสามารถเรียกใช้งานได้ผ่าน Siri และ Control Center ใน iOS เวอร์ชันล่าสุด 14.2
แอปเปิลได้นำเทคโนโลยีของ Shazam มาเสริมกับบริการ Apple Music อย่างในปีที่แล้วมีเพลย์ลิสต์ Shazam Discovery ที่รวมเพลงใหม่มาแรงประจำสัปดาห์
เว็บไซต์ Android Police รายงานว่า แอปสำหรับหาชื่อเพลง Shazam ที่ Apple ซื้อมาตั้งแต่ปี 2018 ได้เพิ่มฟีเจอร์เชื่อมต่อกับ Apple Music แล้ว จากเดิมที่เชื่อมต่อได้เฉพาะ Spotify
วิธีเชื่อมต่อ Shazam กับ Apple Music คือให้กดปุ่ม Library กดฟันเฟืองเพื่อเข้าสู่ Settings จะพบกับหน้าเชื่อมต่อบริการสตรีมมิ่ง Apple Music สามารถกด Connect เพื่อเชื่อมต่อได้ทันที โดยผู้ใช้จะต้องเป็นสมาชิก Apple Music ด้วย หากไม่มีจะแสดงข้อผิดพลาดขึ้นมา
การเชื่อมต่อ Shazam กับบริการสตรีมมิ่งต่าง ๆ จะช่วยให้ Shazam เข้าถึงเพลย์ลิสต์ที่ผู้ใช้บันทึกไว้ในบริการสตรีมมิ่งได้ง่ายขึ้น ซึ่งตอนนี้ระบบเชื่อมต่อกับ Apple Music สำหรับ Shazam บน Android ยังอยู่ในช่วงการทดสอบเบต้า
Apple Music ทำเพลย์ลิสต์ใหม่ Shazam Discovery รวมเพลงใหม่จากศิลปินมาแรง ในเพลย์ลิสต์มี 50 และจะอัพเดตใหม่ทุกสัปดาห์
ปกติเวลาใช้งาน Shazam แอพบอกชื่อเพลงที่ Apple เข้าซื้อไป จะต้องเปิดเพลงนั้นออกลำโพง และให้แอพหาชื่อเพลงให้ ล่าสุดตัวแอพเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ Pop Up Shazam บนแอนดรอยด์ สามารถระบุชื่อเพลงได้แม้จะฟังผ่านหูฟัง
เมื่อผู้ใช้งานฟังเพลงจากวิทยุหรือเพลงประกอบใน YouTube ที่บางทีในคลิปก็ไม่ได้บอกว่าเป็นเพลงอะไร ก็สามารถใช้ฟีเจอร์ใหม่ให้เป็นประโยชน์ได้ เมื่อแอพได้ยินเพลง แม้จะฟังผ่านหูฟังก็จะขึ้น notification ชื่อเพลงขึ้นมาให้ทันที โดยแอพสามารถจับเพลงได้จากทุกแอพไม่ว่าจะเป็น YouTube, TikTok และแม้จะใช้หูฟังบลูทูธก็ได้ผลเช่นกัน
หลังจาก Apple เข้าซื้อ Shazam สำเร็จเพียงไม่นานนัก ก็ได้ออกอัพเดตถอดโฆษณาออก และในอัพเดตล่าสุด Apple ก็ได้ถอด third-party SDK ที่ Shazam บน iOS กำลังใช้งานอยู่ออกเกือบหมด
จากรายงานระบุว่า SDK ที่ถูกถอดออกจาก Shazam บน iOS นั้น มีทั้ง AdMob, Bolts, DoubleClick, Facebook Ads, Facebook Analytics, Facebook Login, Inmobi, IAS, Moat และ Mopub ทำให้ตอนนี้ Shazam บน iOS เหลือเพียงแค่ HockeyApp SDK ของ Microsoft เท่านั้น
ส่วนฝั่ง Shazam บน Android นั้นยังคงมี third-party SDK ใช้งานอยู่เหมือนเดิม แต่ก็ไม่แน่ว่า Apple อาจถอดออกด้วยในอนาคต
ที่มา - 9to5Mac
Apple เคยประกาศไว้ตอนปิดดีลซื้อ Shazam แอพค้นหาเพลงด้วยเสียงเมื่อราว 3 เดือนที่ผ่านมาว่าในอนาคต Shazam จะเลิกแสดงโฆษณากับผู้ใช้
ตอนนี้แอพ Shazam ได้ออกอัพเดตใหม่แล้วทั้ง iOS และ Android โดยการอัพเดตครั้งนี้ระบุว่า Shazam จะไม่มีโฆษณาอีกต่อไปแล้ว เพื่อให้ผู้ใช้ได้ใช้งานแอพอย่างราบรื่นยิ่งขึ้นโดยไม่มีโฆษณาขึ้นมากวนผู้ใช้
ตัวแอพ Shazam ยังคงลักษณะเดิมทุกอย่างนอกเหนือจากการนำโฆษณาออกไป ไม่ว่าจะเป็นหน้าค้นหาเพลงด้วยการฟังที่ปรากฏขึ้นมาทันทีทีเปิดแอพ หรือหน้า My Shazam ที่แสดงประวัติเพลงที่เคยค้นหามาแล้ว โดยคาดว่า Apple น่าจะนำฟีเจอร์จาก Shazam เข้าไปรวมกับผลิตภัณฑ์อื่น ๆ อีกในอนาคต
Shazam คือที่พึ่งยามยากสำหรับคนที่ได้ยินเพลงเพราะแต่ไม่รู้ชื่อเพลงมานาน (มีอีกแอพคือ SoundHound) เมื่อผู้ใช้หาเพลงใน Shazam เจอแล้วก็็สามารถเชื่อมต่อเพลงบนแพลตฟร์ม Spotify ได้อัตโนมัติเพื่อเก็บเพลงเข้าเพลย์ลิสต์ตัวเอง ล่าสุดสามารถโพสต์ไปยัง Instagram Stories ได้แล้ว
ฟีเจอร์ใหม่จะเริ่มใช้งานได้บน iOS ก่อน แล้วแอนดรอยด์จะตามมาภายหลัง โดยผุ้ใช้ต้องดาวน์โหลดและอัพเดทแอพ Shazam และ Instagram ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดทั้งคู่ก่อนจึงจะใช้งานได้
Apple เคยประกาศเข้าซื้อ Shazam บริการค้นหาเพลงด้วยเสียงตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว และตอนนี้ Apple ก็ปิดดีลเข้าซื้อ Shazam ได้เรียบร้อยแล้ว
Apple และ Shazam นั้นมีความสัมพันธ์กันมาอย่างยาวนาน โดย Oliver Schusser รองประธานฝ่าย Apple Music กล่าวว่า Shazam นั้นเป็นหนึ่งในแอพแรกที่มาพร้อมกับการเปิดตัว App Store ซึ่ง Apple จะร่วมทีมกับ Shazam เพื่อให้ผู้ใช้ได้ค้นพบ รับประสบการณ์ และเพลิดเพลินกับเสียงเพลง
นอกจากนี้ Apple ยังให้คำมั่นสัญญาในการประกาศปิดดีลครั้งนี้ด้วยว่า ในอนาคต แอพ Shazam จะให้บริการแบบไม่มีโฆษณาสำหรับลูกค้าทุกคน เพื่อให้ผู้ใช้สามารถใช้งาน Shazam ได้อย่างราบรื่นไม่ต้องมีอะไรมารบกวน
Apple เพิ่งประกาศเข้าซื้อ Shazam บริการค้นหาเพลงด้วยมูลค่าราว 400 ล้านดอลลาร์ไปเมื่อปลายปีที่แล้ว ล่าสุดทางคณะกรรมการ European Commission จะเริ่มพิจารณาดีลดังกล่าวว่าจะอนุญาตให้ทั้งสองบริษัทควบรวมกันได้หรือไม่ เนื่องจากมีคำขอจากประเทศสมาชิก
หลายประเทศในสหภาพยุโรปอย่างออสเตรีย, ฝรั่งเศส, ไอซ์แลนด์, สวีเดน, นอร์เวย์ และสเปนได้ขอให้ทางคณะกรรมการยุโรปทำการพิจารณาการเข้าซื้อ Shazam ของ Apple ภายใต้กฎการควบรวมบริษัทของสหภาพยุโรป โดยทางคณะกรรมการจะพิจารณาว่าการเข้าซื้อ Shazam ของ Apple จะมีผลต่อการแข่งขันในท้องถิ่นมากขนาดไหน
หลังจากมีข่าวไม่กี่วันก่อนหน้านี้ แอปเปิลได้ออกจดหมายยืนยันการเข้าซื้อกิจการ บริการค้นหาเพลงด้วยเสียง Shazam แล้ว โดยไม่มีการเปิดเผยมูลค่า แต่คาดอยู่ราว 400 ล้านดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่ามูลค่าล่าสุดจากการเพิ่มทุนที่ 1 พันล้านดอลลาร์
แอปเปิลกล่าวว่า พวกเขารู้สึกยินดีที่ Shazam และทีมงานจะเข้ามาร่วมทีมกับแอปเปิล ซึ่งทั้ง Apple Music และ Shazam นั้นเป็นสิ่งที่เข้ากันได้ดี ร่วมกันค้นหาเพลง และส่งมอบประสบการณ์เพลงกับผู้ใช้งาน ด้าน Shazam กล่าวว่า แอพนี้เป็นหนึ่งในแอพที่คะแนนสูง มีผู้ใช้งานกว่าร้อยล้านคนทั่วโลก และพร้อมจะย้ายไปอยู่บ้านใหม่เพื่อส่งมอบนวัตกรรมแก่ผู้ใช้งาน
TechCrunch รายงานว่าแอปเปิลเตรียมเข้าซื้อกิจการ Shazam บริการค้นหาเพลงด้วยการป้อนข้อมูลเสียงเข้าไป ซึ่งคาดว่าจะประกาศอย่างเป็นทางการในวันจันทร์นี้ ด้วยมูลค่าราว 401 ล้านดอลลาร์ แต่ตัวเลขนี้ยังไม่สรุปชัดเจน
Shazam เคยเพิ่มทุนเมื่อปี 2015 ที่มูลค่ากิจการราว 1,020 ล้านดอลลาร์ ฉะนั้นหากดีลขายกิจการให้แอปเปิลนี้จริง เท่ากับมูลค่าของ Shazam จะลดลงมากกว่าครึ่ง
บริการค้นหาเพลงของ Shazam ถูกเชื่อมต่อเป็นส่วนหลักของ Siri นับตั้งแต่ iOS 8 ทำให้ทั้งสองบริษัทมีความสัมพันธ์ที่ดีอยู่แล้ว อีกทั้งทิศทางของ Shazam ก็กำลังมุ่งไปทางพัฒนา AR สำหรับการค้นหาเพลง ซึ่งตรงกับสิ่งที่แอปเปิลต้องการเช่นกัน
Samsung ได้อัพเดตสมาร์ททีวีรุ่นปี 2017 โดยมาพร้อมกับฟีเจอร์ Shazam ที่สามารถระบุเพลงที่ได้ยินจากรายการทีวีหรือภาพยนตร์เพียงกดปุ่มเท่านั้น
วิธีใช้งาน Shazam คือเมื่อผู้ใช้เจอเพลงที่ต้องการสามารถใช้รีโมทเพื่อกดปุ่ม Select to Shazam ได้ หรือหากใช้รีโมท Samsung One ก็สามารถใช้คำสั่งเสียงสั่ง Shazam ได้เช่นกัน จากนั้นข้อมูลเพลงก็จะขึ้นมาพร้อมกับเนื้อเพลงและข้อมูลอื่น ๆ เกี่ยวกับศิลปิน และสามารถเชื่อมต่อกับบริการสตรีมมิ่งอื่น ๆ เช่น Spotify, Deezer, Napster ได้ด้วยเช่นกัน
ตอนนี้ Shazam บนสมาร์ททีวี Samsung สามารถใช้งานได้แล้วทั้งในสหรัฐฯ, สหราชอาณาจักร, ฝรั่งเศส, เยอรมนี และเกาหลี
Shazam ได้จับมือกับ Snapchat เพื่อให้ผู้ใช้ Snapchat สามารถแท็กเพลงได้จากตัวแอพของ Snapchat ไม่ต้องเข้าแอพ Shazam จากนั้นก็ส่งเพลงที่แท็กแล้วให้เพื่อนทาง Snapchat ได้ทันที
วิธีแท็กเพลง คือเมื่อเจอเพลงที่ต้องการหาชื่อและศิลปิน ให้เปิดกล้องของแอพ Snapchat จากนั้นเอานิ้วแตะค้างบนหน้าจอสักพักเพื่อ Snapchat ก็จะฟังเพลงและไปค้นจากฐานข้อมูลของ Shazam และนำมารายงานให้ผู้ใช้ทราบ จากนั้นก็สามารถส่งต่อเพลงที่แท็กนี้ให้เพื่อนบน Snapchat ได้ทันที
ที่มา - Shazam
Shazam ผู้บริการระบุชื่อเพลงโดยใช้การวิเคราะห์เสียงเพลง เตรียมจะออกอัพเดตแอพบน Mac เวอร์ชันใหม่ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า หลังจากมีผู้ค้นพบว่าตัวแอพนั้นได้เปิดไมโครโฟนไว้เพื่อฟังเสียงตลอดเวลา แม้ว่าจะสั่งปิดไปแล้วก็ตาม
ปัญหานี้ Patrick Wardle ซึ่งเป็น R&D Director จาก Synack ที่สร้างแอพ OverSight สำหรับตรวจสอบว่าแอพไหนกำลังเข้าถึงเว็บแคมและไมโครโฟนในตัวเครื่อง เขาใช้แอพนี้ตรวจเจอว่า Shazam มีปัญหาดังกล่าว คือถ้าผู้ใช้ยังเปิดแอพอยู่แต่สั่งปิดไมโครโฟนไปแล้ว ตัวแอพก็จะยังใช้งานไมโครโฟนอยู่ ต้องปิดตัวแอพไปเลยจึงจะเลิกใช้จริง ๆ
Shazam แอพสำหรับการระบุชื่อเพลงโดยใช้การวิเคราะห์เสียงเพลง ได้ออกอัพเดตเวอร์ชันล่าสุดสำหรับ iOS โดยรอบนี้มาพร้อมกับแอพบน iMessage
สำหรับฟีเจอร์นี้ จะเปิดให้ผู้ใช้ iOS 10 สามารถเปิด iMessage แล้วให้แอพ Shazam บน iMessage ฟังและระบุชื่อเพลง จากนั้นเมื่อ Shazam หาเพลงพบ ก็สามารถใส่คอมเม้นท์และส่งข้อความผ่านทาง iMessage ได้ทันที ส่วนฝ่ายผู้รับก็สามารถเปิดเพลงที่ส่งมาให้ได้ทันที ผ่านทาง Apple Music หรือ iTunes Store
ที่มา - VentureBeat
วันนี้ Shazam บริการแท็กเพลงได้ออกอัพเดตใหญ่ ตั้งแต่อัพเดตแอพบนมือถือ และเปิดตัวเว็บ Shazam.com โดยรายละเอียดของการอัพเดตมีดังนี้
หลังจากที่อยู่ในตลาดของสมาร์ทโฟนมานาน ล่าสุด Shazam แอพวิเคราะห์เสียงเพื่อค้นหาเพลงก็ได้เปิดตัว Shazam for Mac แล้ว โดยตัวโปรแกรมจะทำงานอยู่ในเบื้องหลังตลอดเวลาเพื่อวิเคราะห์เสียงเพลงที่เปิดจากเครื่อง เช่น เพลงที่เปิดประกอบในคลิปยูทูบ หรือจะวิเคราะห์เสียงเพลงที่อยู่รอบๆ คอมพิวเตอร์ก็สามารถทำได้เช่นกัน โดยเมื่อโปรแกรมพบเพลงที่ใช่แล้วจะแสดงผลการค้นหาบน notification ครับ
Bloomberg รายงานข่าวลือฟีเจอร์ใหม่ของ iOS 8 ว่าจะสามารถฟังเพลงแล้วแยกแยะว่าเป็นเพลงอะไร ร้องโดยใครได้ โดยฟีเจอร์นี้เป็นความร่วมมือระหว่างแอปเปิลกับแอพแยกแยะเพลงชื่อดัง Shazam
ฟีเจอร์แยกแยะเพลงของ Shazam จะถูกผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของ iOS แบบเดียวกับฟีเจอร์การโพสต์ Twitter ในอดีต ผู้ใช้ไม่ต้องดาวน์โหลดแอพแยกเอง แต่ตอนนี้ยังไม่ชัดเจนว่ามันจะถูกรวมเข้ามาใน Siri หรือไม่ (คู่แข่งอย่าง Cortana มีฟีเจอร์นี้ในตัว)
นอกจากนี้เรายังอาจเห็น iTunes Radio ที่ปัจจุบันเป็นแอพแยกต่างหาก ถูกผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของ iTunes Store ด้วยเช่นกัน
สำหรับเพื่อนๆ ที่เคยใช้แอพวิเคราะห์เสียงเพื่อหาชื่อเพลงแล้ว คงจะมีอยู่หลายครั้งที่หยิบมือถือออกมาไม่ทันเพลงก็จบไปซะแล้ว
วันนี้ Shazam แอพวิเคราะห์เสียงเพื่อหาชื่อเพลงชื่อดังได้ออกรุ่นใหม่ 7.3.0 สำหรับ iOS โดยมีฟีเจอร์ "Auto Shazam" ที่สามารถแก้ไขปัญหาที่กล่าวมาข้างต้น โดยการทำงานของมันคือเราสามารถเปิดฟีเจอร์นี้ในหน้าโฮมสกรีนของ Shazam ไว้แล้วสามารถปิดหน้าจอหรือไปใช้งานแอพอื่นได้เลย โดยการแสดงผลการค้นหาชื่อเพลงจะแสดงใน Notification Center และบันทึกเป็นรายการไว้ในหน้า Tags Auto สามารถดาวน์โหลดได้แล้วที่ลิงก์ท้ายข่าวครับ
คนแถวนี้คงรู้จัก Shazam บริการ "แท็ก" เพลงจากเสียงที่ได้ยิน (ใช้เทคนิค sound fingerprint สำหรับการเทียบว่าเป็นเพลงอะไร) โดยบริษัทหารายได้จากการขายเพลงอีกต่อหนึ่ง ปัจจุบันบริษัทมีลูกค้า 300 ล้านราย และมีผู้ใช้ต่อเดือนอยู่ในหลักหลายสิบล้านราย
ช่วง 1-2 ปีมานี้ Shazam พยายามขยายตลาดเป็นการแท็กรายการทีวีมากขึ้น โดย Shazam เก็บข้อมูลของรายการทีวีทุกรายการในบางประเทศ (เช่น สหรัฐหรือสหราชอาณาจักร) เมื่อผู้ใช้เปิด Shazam ฟังเสียงของรายการทีวีที่ฉายอยู่ ก็จะได้ข้อมูลต่างๆ ของรายการทีวีนั้นอย่างครบถ้วน เช่น ชื่อตอน คำอธิบาย เพลงประกอบในเรื่อง ทวิตเตอร์ของผู้ประกาศข่าว ข้อมูลเสริมของสินค้า (ในกรณีแท็กโฆษณา) ฯลฯ