รวมข่าว Twitter (X) มีอะไรอัปเดตใหม่บ้าง
เช้านี้ตื่นมาหลายๆ คนอาจรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงบางอย่างของทวิตเตอร์เวอร์ชันเว็บ ที่แอบยกเครื่องเปลี่ยนฟอนต์ใหม่แทบทั้งหมด ทำให้หน้าตาเว็บดูโฉบเฉี่ยวน่าใช้ยิ่งขึ้น
จากการตรวจสอบ พบว่าทวิตเตอร์ได้เปลี่ยนมาใช้ฟอนต์ใหม่ที่ชื่อ "Gotham Narrow SSm" ในส่วนติดต่อผู้ใช้ต่างๆ เรียกได้ว่าเกือบทั้งระบบแล้ว เหลือเพียงส่วนที่เป็นรายการทวีต (ไทม์ไลน์) ในหน้า Home, Notification และผลการค้นหาเท่านั้นที่ยังคงเป็นฟอนต์ sans-serif ที่กำหนดโดยเบราว์เซอร์ ทั้งนี้ Gotham Narrow SSm ยังไม่รองรับภาษาไทย ข้อความส่วนที่เป็นภาษาไทยจึงยังคงแสดงเป็นฟอนต์ sans-serif เช่นกัน
eMarketer บริษัททำวิจัยตลาดในโลกดิจิทัล คาดการณ์ว่าภายในปี 2018 ภูมิภาคที่จะสัดส่วนผู้ใช้ Twitter มากที่สุดในโลกคือ เอเชียแปซิฟิกที่ 40.1% และประเทศที่มีสัดส่วนจำนวนผู้ใช้เติบโตมากที่สุดจะเป็นอินเดียและอินโดนีเซีย
ทาง eMarketer คาดว่าในปีนี้ สัดส่วนของผู้ใช้งาน Twitter ในเอเชียแปซิฟิกจะอยู่ที่ 32.8% (ไม่นับรวมจีน) ซึ่งมากกว่ายุโรปตะวันตกที่ 16.8% และอเมริกาเหนือที่ 23.7% ขณะที่ในปี 2018 คาดว่าสัดส่วนผู้ใช้งานในเอเชียแปซิฟิกจะเพิ่มขึ้นถึง 40.1% ซึ่งจะมากกว่าอเมริกาเหนือเป็นสองเท่าที่ 19%
หลังจากที่เกิดการรัฐประหารโดย คสช. ตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคมที่ผ่านมา และได้มีการออกประกาศคำสั่งมาหลายฉบับ (ซึ่งได้รวมถึงหัวข้อการใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์และการนำเสนอข่าวสารผ่านสื่อทุกแขนง) พร้อมกันนั้นก็ได้ระงับการออกอากาศของทีวีช่องต่างๆ (ก่อนจะเริ่มทยอยอนุญาตให้ช่องฟรีทีวีกลับมาออกอากาศได้เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 23 พฤษภาคม) หนึ่งในช่องทีวีที่โดนระงับการออกอากาศคือช่องของสำนักข่าว CNN ซึ่งจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้รับอนุญาตให้กลับมาออกอากาศตามปกติ
หลังจากที่การเลือกตั้งในประเทศอินเดีย ทีมงานสำนักนายกรัฐมนตรีชุดใหม่ก็ได้พบว่าทีมที่ดูแลบัญชีทวิตเตอร์ของนายกรัฐมนตรีคนก่อนหน้า ได้ทำการเปลี่ยนชื่อยูสเซอร์ทวิตเตอร์จาก @PMOIndia มาเป็น @PMOIndiaArchive โดยบัญชีดังกล่าวมีผู้ติดตามอยู่แล้วมากถึง 1.24 ล้านคน
ทีมงานชุดใหม่จึงได้ออกประณามการกระทำดังกล่าว พร้อมกับระบุว่ายูสเซอร์ @PMOIndia ถือว่าเป็นทรัพย์สินดิจิทัลของชาติ ไม่ใช่ของพรรคการเมืองใดพรรคหนึ่ง และการไม่ยอมให้ทีมชุดใหม่เข้าใช้ยูสเซอร์สำนักนายกรัฐมนตรีเดิม จะส่งผลต่อการส่งต่อการบริหารงานของประเทศ โดยตอนนี้ทีมงานชุดใหม่จะต้องเริ่มสร้างจำนวนผู้ติดตามใหม่ด้วยตัวเองทั้งหมด
เว็บข่าว Re/code รายงานข่าวลือว่า Twitter สนใจซื้อเว็บไซต์แชร์ไฟล์เสียง-ไฟล์เพลง SoundCloud
SoundCloud เป็นบริการฝากไฟล์เสียงที่นิยมตัวเองว่าเป็น "YouTube for audio" โดยมีผู้ใช้งานมากถึง 250 ล้านคน ปัจจุบันมีมูลค่าตามราคาหุ้นประมาณ 700 ล้านดอลลาร์
คาดว่า Twitter สนใจซื้อ SoundCloud เพื่อมาต่อยอดธุรกิจด้านดนตรี หลังจากล้มเหลวกับ Twitter #music จนต้องปิดบริการไปเมื่อต้นปีนี้
ที่มา - Re/code
Twitter ประกาศจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้เทคโนโลยีด้านคอมพิวเตอร์ชื่อ Twitter Neighborhood Nest ในเขต San Francisco โดยมีเป้าหมายเพื่อช่วยเหลือกลุ่มคนไร้บ้านให้มีความรู้พื้นฐานในการใช้งานคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ต
ก่อนหน้านี้มีข่าวว่า Twitter ได้ทดสอบฟีเจอร์ mute ไม่แสดงข้อความโดยไม่ต้อง unfollow ตอนนี้ Twitter ก็ได้อธิบายฟีเจอร์ mute และเปิดให้ใช้อย่างเป็นทางการแล้ว
สำหรับฟีเจอร์ mute นั้น Twitter อธิบายไว้ว่า ทวีตหรือรีทวีตของผู้ที่คุณ mute เขา จะไม่แสดงบน timeline และไม่ได้รับการแจ้งเตือนผ่านทาง push และ SMS ซึ่งผู้ที่ถูกคุณ mute จะไม่รู้ว่าถูกคุณ mute อยู่ และสามารถ unmute เมื่อไรก็ได้ เขายังสามารถที่จะรีทวิต, ตอบกลับ หรือกด fave ทวีตของคุณได้
สำหรับการ mute นั้น สามารถทำได้ ดังนี้
และแล้ว Twitter ก็เปิดตัวฟีเจอร์ที่หลายๆ คนรอคอยอย่าง "Mute" หรือการปิดการแสดงผลข้อความของผู้ใช้ที่เราติดตามอยู่ โดยไม่ต้อง unfollow ผู้ใช้คนนั้น
วิธีการใช้งานจะอยู่ในปุ่ม More ของข้อความทวีตแต่ละอัน แล้วเลือก mute @username หรือจะสั่งจากหน้าโพรไฟล์ของผู้ใช้คนนั้นก็ได้ โดยกดไอคอนรูปเฟืองแล้ว mute @username
Twitter บอกว่าจะค่อยๆ เปิดใช้งานฟีเจอร์นี้กับผู้ใช้ทีละกลุ่ม (ทั้งบนเว็บ, iOS, Android) และจะเปิดให้ใช้งานได้ทั้งหมดในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า
ที่มา - Twitter Blog
Twitter ประกาศเพิ่มมาตรการด้านความปลอดภัยของผู้ใช้ 2 อย่างดังนี้
ที่มา - Twiter Blog
Amazon เจ้าพ่อบริการร้านค้าออนไลน์ประกาศเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ นั่นคือ #AmazonCart บริการสั่งสินค้าจากการทวีตในทวิตเตอร์ โดยวิธีการสั่งสินค้านั้นง่ายนิดเดียวคือ เมื่อเห็นทวีตที่มีลิงก์เข้าหน้าสินค้าบนเว็บ Amazon แล้ว เราเพียงแค่ตอบกลับทวีตพร้อมกับ hashtag #AmazonCart (หรือ #AmazonBasket ในสหราชอาณาจักร) เพียงแค่นี้ สินค้าดังกล่าวก็อยู่ในตะกร้าสินค้าบนเว็บ Amazon แล้ว
ทั้งนี้บริการนี้ยังคงเปิดเฉพาะในสหรัฐอเมริกา และสหราชอาณาจักรเท่านั้นครับ
ที่มา: Engadget
Dick Costolo ซีอีโอของ Twitter ไปให้สัมภาษณ์กับทีวี Bloomberg และให้ข้อมูลว่าบริษัทกำลังทดสอบฟีเจอร์การสนทนาแบบส่วนตัวที่แตกต่างจากระบบ Direct Message (DM) ในปัจจุบัน
การสนทนาลับแบบใหม่นี้สามารถคุยได้พร้อมกันมากกว่า 1 คน (ในขณะที่ DM เป็นแบบ 1:1) เราสามารถนำข้อความทวีตที่เป็นสาธารณะมาเป็นจุดตั้งต้นของการสนทนาแบบลับๆ ได้ Costolo บอกว่าบริษัทจะพยายามให้การสลับไปมาระหว่างการสนทนาในที่ลับและที่แจ้งทำได้ง่ายขึ้น
เขายังบอกว่าปัจจุบัน Twitter for iOS และ Android มีการทดลองฟีเจอร์ใหม่แบบเงียบๆ กว่า 100 อย่าง การทดสอบแบบนี้จะช่วยให้ Twitter ออกฟีเจอร์ใหม่ได้รวดเร็วขึ้น เพราะมีข้อมูลจากการใช้งานจริงมาช่วยปรับปรุงฟีเจอร์ใหม่ๆ ให้ดีขึ้นนั่นเอง
Twitter client หลายๆ ตัว (เช่น Tweetdeck) มีฟีเจอร์ "mute" หรือปิดการแสดงข้อความของผู้ใช้บางคนชั่วคราว โดยไม่ต้องกด unfollow
ที่ผ่านมา official client ไม่เคยมีความสามารถลักษณะเดียวกันนี้มาก่อน แต่เมื่อวานนี้เริ่มมีผู้ใช้ Twitter บน iOS บางคนพบฟีเจอร์ "mute" โผล่เข้ามาให้ใช้งานแล้ว คาดว่าตอนนี้ Twitter กำลังทดสอบฟีเจอร์นี้ในวงปิด ก่อนจะเปิดให้ผู้ใช้ทั่วไปในอนาคตอันใกล้นี้
ที่มา - The Verge
เป็นเรื่องที่ถูกพูดถึงใน Twitter เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา หลังจากสำนักงานตำรวจนิวยอร์ก (the New York City Police Demartment: NYPD) ได้ทวีตรูปที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ และใช้แฮชแท็ก #MyNYPD
และมีคำถามว่า "คุณมีรูปกับเจ้าหน้าที่ของเราบ้างรึเปล่า ถ้ามีทวีตและแท็กมาสิ"
แน่นอนว่ากระแสการตอบรับก็มีอย่างล้นหลาม มีผู้ที่ทวีตตอบ NYPD ไปว่า แน่นอนสิว่ามีรูป แล้วก็ทวีตรูปที่ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมในสภาพที่..ก็คงไม่ใช่รูปหรือการโต้ตอบที่ NYPD หวังไว้สักเท่าไหร่ รวมถึงทวีตอื่นๆ ที่มีคนตอบมา ก็เป็นไปในเชิงลบมากกว่าเชิงบวก
Twitter รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 1 ของปี 2014 มีรายได้รวม 250.5 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 119% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน กำไรสุทธิ 0.183 ล้านดอลลาร์
แม้ Twitter ยังมีรายได้เพิ่มขึ้นแต่สิ่งที่นักวิเคราะห์สนใจมากกว่าคือจำนวนผู้ใช้งาน โดยตัวเลขล่าสุดมีผู้ใช้งานเป็นประจำทุกเดือน 255 ล้านคน เพิ่มขึ้น 25% จากปีก่อน ส่วนผู้ใช้งานผ่านมือถือมี 198 ล้านคน เพิ่มขึ้น 31% และคิดเป็น 78% ของผู้ใช้งานรวม
Twitter เพิ่งเปิดตัวหน้าโพรไฟล์แบบใหม่ไปเมื่อต้นเดือนนี้ วันนี้บริษัทออกมาประกาศว่าผู้ใช้งานทุกคนสามารถอัพเกรดไปใช้หน้าโพรไฟล์แบบใหม่ได้แล้ว
จุดเด่นของหน้าโพรไฟล์แบบใหม่ที่ต่างจากของเดิม ได้แก่
ที่มา - Twitter Blog
คนที่ใช้แอพ Facebook บนมือถือคงคุ้นเคยกับโฆษณาบนหน้า News Feed ที่เป็นโฆษณาแอพ มีปุ่มให้กด Install อยู่ในโฆษณาโดยตรงเลย วันนี้ Twitter เริ่มทำแบบเดียวกันแล้วครับ
โฆษณาแบบใหม่ของ Twitter จะแสดงใน Timeline แบบเดียวกับ Promoted Tweets ของเดิม เพียงแต่จะมีปุ่ม Download เพิ่มเข้ามาซึ่งกดแล้วจะไปโผล่ที่ Store ของแพลตฟอร์มนั้นๆ ให้เราติดตั้งได้โดยตรง
Twitter บอกว่าได้ทดสอบโฆษณาแบบใหม่กับแอพดังๆ หลายราย เช่น Spotify, Deezer, Kabam, HotelTonight, GetTaxi, GREE ผลก็ออกมาน่าพอใจ
ที่มา - Twitter Blog
บริษัท Twopcharts ที่ทำธุรกิจด้านสถิติของบัญชี Twitter ต่างๆ ออกมาให้ข้อมูลว่าปัจจุบัน Twitter มีบัญชีทั้งหมด 974 ล้านบัญชี แต่ 44% ของบัญชีเหล่านี้ไม่เคยโพสต์ข้อความทวีตแม้แต่ครั้งเดียว
อย่างไรก็ตาม Twopcharts ไม่สามารถเก็บข้อมูลได้ว่ามีผู้ใช้จำนวนเท่าไรที่ล็อกอินเข้ามาในระบบเพื่อ "อ่านเงียบๆ" ส่วนสถิติของ Twitter เองระบุว่ามีผู้ใช้งานจริงต่อเดือน (monthly active users) ที่ 241 ล้านคน (นับจากผู้ใช้ที่ล็อกอินอย่างน้อยหนึ่งครั้งต่อเดือน)
สถิติอื่นๆ ที่ Twopcharts เปิดเผยคือ 30% ของบัญชีทั้งหมดเคยโพสต์ข้อความ 1-10 ข้อความ และถ้านับเฉพาะบัญชีที่เคยโพสต์เกิน 100 ข้อความ มีเพียง 13% เท่านั้น
คนที่ใช้แอพ Twitter บนแพลตฟอร์มต่างๆ คงคุ้นเคยกับระบบแจ้งเตือนหรือ notification เวลาที่มีคนตอบ/rt/fav/dm กับเรา โดยการแจ้งเตือนเหล่านี้จะส่งถึงเราแบบเรียลไทม์ผ่านระบบ notification ของแพลตฟอร์มนั้นๆ
อย่างไรก็ตาม Twitter.com เวอร์ชันเว็บกลับไม่มีระบบแจ้งเตือนแบบเรียลไทม์ (มีแสดงตัวเลขข้อความใน notification หรือ dm บ้างแต่ไม่เรียลไทม์) ซึ่ง Twitter ก็ประกาศเพิ่มระบบแจ้งเตือนแบบใหม่สำหรับผู้ใช้งานเว็บแล้ว
ระบบแจ้งเตือนแบบใหม่จะทำงานคล้ายกับแอพ Twitter คือผู้ใช้สามารถกำหนดได้ว่าจะให้ Twitter.com แจ้งเตือนเมื่อถูก mention/rt/fav/dm ส่วนรูปแบบข้อความเตือนจะขึ้นมาเป็นกรอบเล็กๆ ลอยขึ้นมาที่มุมขวาล่างของหน้าจอดังภาพ
ถึงแม้ในช่วงปีที่ผ่านมาทวิตเตอร์จะมีรายได้มากขึ้นจากการโฆษณา โดยเฉพาะโฆษณาในช่วงเหตุการณ์สำคัญๆ อย่างช่วงซูเปอร์โบวล์หรือช่วงงานประกาศรางวัลออสการ์ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ทวิตเตอร์สามารถทำกำไรได้ในองค์รวมอยู่ดี ดังนั้น ทวิตเตอร์จึงหาทางเพิ่มรายได้จากการโฆษณาด้วยการเพิ่มรูปแบบของการโฆษณาในหน้าฟีด
ก่อนหน้านี้ บรรณาธิการเว็บไซต์ Mashable ค้นพบโดยบังเอิญว่า Twitter กำลังทดสอบหน้าโปรไฟล์ที่ออกแบบใหม่ และคุณ pe3z สมาชิกของ Blognone ได้หน้าโปรไฟล์ใหม่จึงทำรีวิวมาให้ดู วันนี้ทวิตเตอร์ได้เปิดตัวหน้าโปรไฟล์ใหม่อย่างเป็นทางการแล้ว โดยมาพร้อมฟีเจอร์ใหม่ ดังนี้
Cover เป็นล็อกสกรีนบนแอนดรอยด์ที่หน้าตาดีตัวหนึ่ง เกิดขึ้นในเดือนตุลาคมปีที่แล้ว และตอนนี้ก็ได้ออกมาประกาศผ่านบล็อกว่าถูกทวิตเตอร์ซื้อไปแล้วโดยไม่เปิดเผยมูลค่า
Cover กล่าวว่าตัวแอพจะยังให้บริการใน Google Play "ในเวลานี้" นั่นหมายความว่าในอนาคตตัวแอพอาจถูกปิดการให้บริการ เพราะทีมงานต้องไปทำงานและพัฒนาผลิตภัณฑ์ร่วมกับทวิตเตอร์ต่อไปนั่นเอง
ไม่แน่เราอาจจะได้เห็น Twitter Home ก็ได้ ใครจะไปรู้
ที่มา - Cover Blog
หลังจากที่ทางการตุรกีได้เริ่มแบน Twitter มาตั้งแต่ 2 สัปดาห์ที่แล้ว ก่อนจะมีคำสั่งศาลให้ยกเลิกการแบนออกมาในอีก 6 วันให้หลัง ล่าสุดศาลสูงได้พิจารณาเรื่องนี้อีกครั้งและวินิจฉัยว่ามาตรการดังกล่าวขัดต่อรัฐธรรมนูญ จึงทำให้ทางการตุรกีต้องปฏิบัติตามคำสั่งดังศาลโดยปล่อยให้ผู้คนในประเทศใช้งาน Twitter ได้ตามปกติแล้ว
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือน Recep Tayyip Erdoğan นายกรัฐมนตรีของตุรกีผู้ออกคำสั่งให้แบน Twitter มาแต่ต้น คงไม่ยินดียินร้ายกับผลตัดสินนี้สักเท่าใดแล้วในขณะนี้ เนื่องจากพรรคของเขาเพิ่งชนะการเลือกตั้งเมื่อสัปดาห์ก่อน
เชื่อว่าหลายๆ คนที่เล่นทวิตเตอร์ผ่านแอพมือถือ จะชอบส่งอีโมจิกันไม่มากก็น้อย แต่จะเป็นปัญหาในการแสดงผลบนเว็บไซต์หรือโปรแกรมอ่านทวีตอื่นๆ ที่ไม่รองรับมาก แต่ในวันนี้จะไม่ประสบปัญหาเหล่านี้อีกต่อไป เพราะทวิตเตอร์ออกมาประกาศว่าผู้ใช้ที่เล่นทวิตเตอร์ผ่านเว็บไซต์ จะสามารถดูอีโมจิในรูปของภาพได้อย่างสวยงาม ไม่ต้องกลัวว่าจะอ่านไม่รู้เรื่องแล้ว
ที่มา - Twitter Support
Twitter ประกาศผ่านบล็อกของตนเอง เผยข้อมูลเตรียมเปิดตัวอุปกรณ์คอมพิวเตอร์แบบสวมใส่ศีรษะ ใช้ชื่อว่า Twitter Helmet™
Twitter Helmet™ เป็นหมวกที่มีหน้าจอแสดงผลแบบ 3 มิติด้วยมุมมองรอบแนวสายตาของผู้ใช้ด้วยภาพความละเอียดสูง ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้างปฏิสัมพันธ์กับทุกสิ่งรอบตัวผ่านส่วนติดต่อผู้ใช้งานที่ผู้ใช้เลือกปรับแต่งได้ตามใจตนเอง และสามารถทวีตข้อความได้ง่ายๆ โดยการผงกศีรษะ
ในงานวิจัยของ Nate Elliott ได้ทำผลสำรวจการมีส่วนร่วมของโพสต์จากแบรนด์ในรูปของเปอร์เซ็นต์ พบว่า Facebook นั้นมาเป็นอันดับหนึ่งคือ .073% ตามติดมาด้วย Google+ .069% และ Twitter .035%
น่าแปลกใจตรงที่ Google+ นั้นเกิดหลัง Twitter แต่กลับมีอัตราการเติบโตของผู้ใช้ รวมถึงการมีส่วนร่วมในโพสต์ของแบรนด์นั้นสูงมากกว่า Twitter ถึงเกือบๆ สองเท่าเลยทีเดียว
ที่มา - Mashable