แว่น Apple Vision Pro เตรียมวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในสหรัฐอเมริกาวันที่ 2 กุมภาพันธ์นี้แล้ว ล่าสุดบรรดาสื่อ และอินฟลูเอนเซอร์ของสหรัฐฯ เริ่มปล่อยบทวิจารณ์เบื้องต้นแล้ว หลายสื่อมีความเห็นว่าเป็นอุปกรณ์ที่ดูมีอนาคต และดูดีที่สุดในตลาดตอนนี้ แต่คำว่าอนาคตที่ว่านั้นกลับยังไม่มาถึง บางส่วนยังต้องปรับปรุงแม้ประสบการณ์ที่ได้รับจะดีมากก็ตาม แต่ที่อุปกรณ์ตัวนี้มีราคาแพงเกินไป โดยมีตัวอย่างบทวิจารณ์จากสื่อต่าง ๆ ดังนี้
Zoom เปิดตัวแอปใหม่บน Apple Vision Pro ซึ่งเป็นการนำแพลตฟอร์มการประชุมออนไลน์เข้าสู่โลก Spatial Computing ได้ประสบการณ์ใช้งานที่ใกล้กันมากขึ้น โดยแอปจะออกมาในวันที่ 2 กุมภาพันธ์นี้ พร้อมกับการส่งมอบ Vision Pro ลอตแรกในสหรัฐอเมริกา
Zoom บนระบบปฏิบัติการ visionOS ของ Vision Pro มีฟีเจอร์เด่นที่ดึงความสามารถของเฮดเซตนี้มาใช้งานด้วย ได้แก่ Personas ระบบสแกนใบหน้าผู้สวมใส่เฮดเซต เพื่อให้แสดงผลใบหน้าและการเคลื่อนไหวแบบเรียลไทม์ขณะประชุม นอกจากนี้ยังสามารถเปิดการทำงาน immersive เพื่อสร้างบรรยากาศโดยรอบให้เสมือนอยู่ในห้องประชุมเดียวกับผู้ร่วมประชุมคนอื่นได้ด้วย
ก่อนหน้านี้ Netflix ออกมายืนยันว่าจะไม่มีแอปในสโตร์ของ Apple Vision Pro โดยให้เข้าใช้งานผ่านเบราว์เซอร์ Safari แทน ถึงแม้บริการสตรีมมิ่งหลายรายจะพัฒนาแอปมารองรับ และแอปเปิลเองก็เปิดให้พอร์ตแอปเวอร์ชัน iPad มาลงได้เลย
Mark Gurman แห่ง Bloomberg รายงานข่าวแอปเปิลในจดหมายข่าวประจำสัปดาห์ Power On โดยคราวนี้เขาพูดถึงปัญหาเฮดเซต Apple Vision Pro ที่อาจมีแอปภายนอกจากนักพัฒนาไม่มากพอ ซึ่งมาจากหลายสาเหตุรวมกัน
โดยสัปดาห์ที่ผ่านมาหลังแอปเปิลเปิดให้สั่งจอง Vision Pro ก็มีแอปรายใหญ่เช่น Netflix, YouTube และ Spotify ที่ส่งสัญญาณว่าจะไม่มีแอปเวอร์ชัน Vision Pro ออกมา และบอกให้ใช้งานผ่าน Safari บน Vision Pro แทน ถึงแม้ในฝั่งนักพัฒนาจะสามารถกดส่งแอป iPad มาใช้บนสโตร์ Vision Pro ได้เลย แต่ผู้พัฒนาเหล่านี้ก็เลือก opt-out
YouTube และ Spotify เป็นสองบริการล่าสุด ที่ประกาศว่าจะไม่ทำแอปสำหรับเฮดเซต Apple Vision Pro โดยเฉพาะ หลังจากที่ Netflix ประกาศไปก่อนหน้านี้
โดยทั้ง YouTube และ Spotify บอกว่า จะไม่มีการทำแอปสำหรับ Vision Pro รวมทั้งไม่มีแผนที่จะพอร์ตแอปเวอร์ชัน iPad มาลงสโตร์สำหรับ Vision Pro ในตอนนี้ โดยให้ผู้ที่ต้องการใช้งาน ไปเข้าผ่าน Safari เหมือนกับ Netflix นั่นเอง
เมื่อวานนี้แอปเปิลประกาศรายชื่อแอปสตรีมมิ่งและวิดีโอ ที่รองรับการแสดงผลบนเฮดเซต Vision Pro โดยเฉพาะ แต่กลับไม่มีชื่อสตรีมมิ่งอย่าง Netflix ซึ่งแปลว่าผู้ใช้งานจะยังไม่เห็นแอป Netflix บน Vision Pro ในตอนนี้
Kumiko Hidaka ตัวแทนของ Netflix ชี้แจงว่า ผู้ใช้ Vision Pro ยังสามารถชม Netflix ได้ผ่านการล็อกอินในเว็บเบราว์เซอร์ ซึ่งเป็นวิธีเดียวกับการชม Netflix บน Mac
แอปเปิลเคยบอกว่า visionOS รองรับการพอร์ตแอปจาก iPhone และ iPad มารันบน Vision Pro ได้เลย แต่นักพัฒนาสามารถเลือกให้แอปไม่รองรับได้ ซึ่งกรณีของ Netflix นั้นก็ชัดเจนว่าบริษัทเลือกไม่รองรับก่อนในตอนนี้นั่นเอง
นอกจากที่แอปเปิลประกาศวันวางขายเฮดเซต Apple Vision Pro ในอเมริกาอย่างเป็นทางการ, อัพเดต Xcode สำหรับนักพัฒนาเพื่อรองรับการส่งแอป visionOS ขึ้น App Store แอปเปิลยังอัพเดตคำแนะนำในการส่งแอปเพิ่มเติมสำหรับ visionOS โดยเฉพาะด้วย
โดยคำแนะนำที่แอปเปิลระบุเพิ่มเติม สำหรับการส่งแอปขึ้น visionOS App Store นั้น มีทั้ง การทดสอบแอป, การทำสกรีนชอต, การทำไอคอนที่เป็น 3D ตลอดจนคำสะกดชื่อ visionOS หรือ Apple Vision Pro ซึ่งทั้งหมดนี้ก็ดูเป็นเรื่องปกติดี แต่มีประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจ
แอปเปิลออกอัพเดต Xcode 15.2 และ TestFlight 3.5 ซึ่งเป็นอัพเดตเพื่อรองรับเฮดเซต Vision Pro ที่แอปเปิลเพิ่งประกาศวันจำหน่ายวันแรกในอเมริกา คือวันที่ 2 กุมภาพันธ์นี้
Xcode 15.2 เปิดให้นักพัฒนาสามารถสร้างแอปบน visionOS ระบบปฏิบัติการของ Vision Pro ได้ รวมทั้ง SDK ของ iOS 17.2, iPadOS 17.2, tvOS 17.2, watchOS 10.2 และ macOS Sonoma 14.2 ส่วน TestFlight 3.5 เปิดให้นักพัฒนาสามารถทำแอปเวอร์ชันทดสอบเบต้าได้ รองทั้งรองรับการใช้แอป iOS และ iPadOS บน Vision Pro
Ming-Chi Kuo นักวิเคราะห์สายซัพพลายเชนที่ให้ข้อมูลสินค้าใหม่แอปเปิลเป็นประจำ ให้ข้อมูลล่าสุดของเฮดเซต Vision Pro บอกว่าตอนนี้สินค้าเข้าสู่สายการผลิตหลักแล้ว (mass production) จะเริ่มส่งสินค้าในสัปดาห์แรกของเดือนมกราคม 2024 คาดว่าจะเริ่มขายปลายเดือนมกราคม หรือต้นกุมภาพันธ์ ขึ้นอยู่กับแผนการจัดส่ง
ช่วงเวลาที่ Vision Pro เริ่มขายที่ Kuo ระบุนั้น ใกล้เคียงกับที่ Mark Gurman แห่ง Bloomberg ออกมาบอกก่อนหน้านี้ว่า แอปเปิลต้องการให้มีเฮดเซตในมือมากพอในเดือนมกราคม ซึ่งน่าจะต้องการเริ่มขายในเดือนกุมภาพันธ์
ข้อมูลนี้มาจาก Mark Gurman แห่ง Bloomberg คนเดิม เขาอ้างแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องว่าแอปเปิลจะเริ่มขายเฮดเซต Vision Pro ในเดือนกุมภาพันธ์นี้ ซึ่งตอนนี้แอปเปิลได้สั่งเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อรองรับความต้องการแล้ว เป้าหมายคือให้มีสินค้าเพียงพอภายในสิ้นเดือนมกราคม
ก่อนหน้านี้แอปเปิลบอกวันที่เริ่มขาย Vision Pro กว้าง ๆ ว่าเป็นต้นปี 2024 และไม่ได้ระบุเดือน แต่คาดกันว่าน่าจะเป็นในไตรมาสที่ 1
Vision Pro จะเริ่มขายจำกัดเฉพาะในสหรัฐอเมริกาก่อน มีข้อมูลเพิ่มเติมว่าแอปเปิลจะส่งมอบสินค้าเฉพาะที่ร้าน Apple Store เท่านั้น ไม่ว่าจะสั่งออนไลน์หรือวอล์กอิน เพื่อทำการปรับแต่งสายรัดศีรษะ และเลนส์ให้เข้ากับผู้ใช้งานก่อน จึงอาจไม่มีการให้บริการใน Apple Store ทุกสาขาในอเมริกาด้วย
เมื่อวันคารที่ผ่านมา Apple ได้ปล่อย VisionOS Beta 6 (21N5300a) ให้เฉพาะนักพัฒนาที่ได้รับ Apple Vision Pro Developer Kit จาก Apple อย่างไรก็ตาม 9to5Mac ได้พบไฟล์วิดีโอที่ระบุถึงขั้นตอนการตั้งค่าเริ่มต้น และการควบคุมคร่าว ๆ ของ Apple Vision Pro
แอปเปิลแจ้งนักพัฒนาแอปว่า App Store ใหม่ที่จะรองรับเฮดเซต Vision Pro จะนำแอปจาก iPhone และ iPad ที่รองรับขึ้นสโตร์ใหม่นี้เป็นค่าเริ่มต้น (default) โดย App Store ใหม่นี้จะเริ่มเปิดให้ใช้งานพร้อมกับอัพเดตของ visionOS เบต้า ในช่วงปลายปี
แอปเปิลบอกว่าเฟรมเวิร์กส่วนใหญ่ที่มีใน iPadOS และ iOS มีรวมใน visionOS อยู่แล้ว ทำให้แอปแทบทั้งหมดของ iPad และ iPhone สามารถรันบน visionOS ได้ นักพัฒนาจึงไม่ต้องทำอะไรเพิ่มเติม แต่หากแอปมีปัญหาไม่รองรับ จะมีการแจ้งผ่าน App Store Connect ให้แก้ไขเพื่อให้รองรับการใช้งานกับ visionOS นักพัฒนาสามารถทดสอบความเข้ากันได้ใน simulator ของ visionOS บน Xcode 15 beta
ในงาน WWDC23 เมื่อคืน แอปเปิลให้รายละเอียดของแว่นตาผสมผสานโลกเสมือน Apple Vision Pro โดยบอกว่าทำงานด้วยระบบปฏิบัติการใหม่ visionOS ที่มีพื้นฐานมาจาก iOS มีส่วนติดต่อผู้ใช้งานเป็นแบบ 3D
อย่างไรก็ตามสิ่งท้าทายของแอปเปิลคือทำอย่างไรให้มีแอปมารันในแพลตฟอร์มใหม่มากพอ แบบที่เกิดขึ้นแล้วใน iOS, iPadOS แอปเปิลจึงประกาศความร่วมมือกับ Unity เพื่อนำเทคโนโลยีอย่าง PolySpatial มาช่วย เพื่อให้แอป 3D ที่พัฒนาบนพื้นฐานของ Unity อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นแอปใช้งานหรือเกม สามารถพอร์ตมารองรับให้ทำงานบน visionOS ได้ รวมถึงให้แอปอื่นมาปรับรูปแบบเป็น 3D ได้ง่ายขึ้นด้วย
แอปเปิลเปิดตัวแว่น mixed reality (MR) ของตัวเองตามข่าวลือก่อนหน้านี้ในชื่อ Apple Vision Pro ตัวแว่นทำงานแบบแว่น VR ความละเอียดสูง พร้อมกล้องด้านหน้าทำให้สามารถถ่ายภาพสภาพแวดล้อมเข้าไปแสดง ผสมกันระหว่างโลกความเป็นจริงกับโลกเสมือน
ภายในแว่นเป็นจอแสดงผลความละเอียดสูงถึง 23 ล้านพิกเซลเพื่อให้แสดงภาพได้เหมือนจริง สามารถแสดงภาพเหมือนมีหน้าจอขนาด 30 เมตรอยู่ตรงหน้า โดยมีปุ่มปรับได้ว่าจะผสมโลกความเป็นจริงเข้ามาในภาพที่แสดงผลมากน้อยแค่ไหน