หลังจากปล่อยให้กูเกิลนำหน้าไประยะหนึ่ง ตอนนี้ไมโครซอฟท์ก็ออกมาแถลงการณ์ การติดต่อช่วยเหลือหอสมุดอังกฤษ ที่จะแสกนหนังสือจำนวนกว่าแสนเล่ม หรือ 25 ล้านหน้า โดยไมโครซอฟท์จะออกเงินก้อนแรกให้กับหอสมุดอังกฤษเป็นเงิน 2.5 ล้านดอลลาร์เป็นการเริ่มต้น
ถึงชั่วโมงนี้สงครามการแย่งชิงข้อมูลหนังสือก็แตกออกเป็นสามฝ่ายแล้ว คือ กูเกิล ยาฮูที่มาในรูปของ Open Content Alliance และรายล่าสุด ไมโครซอฟท์
ข่าวเก่า: ไมโครซอฟท์ขู่จะหยุดขายวินโดวส์ในเกาหลี หลังจากรัฐบาลเกาหลีมีคำสั่งให้เลิกรวม Windows Media และ Messenger ในวินโดวส์
Linspire (Lindows เดิม)ใช้โอกาสนี้ให้เป็นประโยชน์ ยื่นข้อเสนอให้ประธานาธิบดี Roh Moo-hyun จ่ายเงิน 5 ล้านเหรียญสหรัฐ (200 ล้านบาทไทยโดยประมาณ) แลกกับสิทธิ์ในการใช้งานระบบปฏิบัติการ Linspire ของคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องในประเทศ
ข่าวมีรายละเอียดแค่นี้ ไม่ได้บอกเงื่อนไขในการใช้งาน ระยะเวลา การสนับสนุนหลังการขายแต่อย่างใด เพียงแต่มันก็กดดันไมโครซอฟท์ได้ดีไม่น้อยครับ เชื่อเหอะที่บอกว่าถอนน่ะ แค่ขู่
หลังจากได้โลโก้ใหม่ไม่นาน FreeBSD 6.0 ก็ออกตัวจริงเสียที มีให้ดาวน์โหลดทั้ง FTP และ BitTorrent รายละเอียดอื่นๆ อ่านได้จาก Announcement เลย
มาสารภาพบาปครับ ช่วงนี้ยังหาโอกาสมาจัดการกับ Blognone Award ที่แปะค้างมานานแล้วไม่ได้ เป็นความผิดผมแต่ผู้เดียว ตอนนี้ก็แปะโปรโมทต่อไป
เรื่องถัดมาคือความสม่ำเสมอในการอัพเดต
ผมจำได้ว่าเคยมีคอมเมนต์อันนึง (ขี้เกียจหา) ต่อว่า Blognone ว่าไม่ค่อยอัพเดต รออ่านจนเบื่อแล้ว (ซึ่งช่วงนั้นก็ไม่ค่อยอัพเดตจริงๆ) คำตอบที่สามารถตอบได้ก็คือ ด้วยกำลังพลในตอนนี้ มีความเป็นไปได้สูงมากที่จะเกิดอาการหยุดอัพเดตเป็นเวลานาน ดูตัวอย่างได้จากช่วงวันปิยมหาราช ที่เราหยุดกิจการไปถึง 3 วัน คิดว่าคนที่คอมเมนต์อันนั้นคงหงุดหงิดน่าดู
ฟังดูแล้วอาจคุ้นๆคล้ายๆ Google Print แต่งานนี้คาดว่าคงไม่มีปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์อย่างที่กูเกิลกำลังเผชิญอยู่ เพราะงานนี้ขายครับไม่ได้เปิดให้เข้าไปดูได้ฟรีๆ
โดยทางอเมซอนก็เตรียมบริการไว้สองอย่างอันแรกคือ Amazon Pages ที่ให้ลูกค้าสามารถเลือกซื้อหนังสือเป็นส่วนๆได้ ซึ่งก็น่าจะเหมาะกับพวกรายงานของนักศึกษา งานวิจัยต่างๆ ที่อาจจะไม่ได้ต้องการทุกส่วนของเล่ม แต่ถ้าเป็นพวกนิยายต่างๆแบบนี้คงไม่เหมาะแน่
หลังจากลุ้นกันตัวโก่ง ตอนนี้เว็บวิเคราะห์อินเทอร์เน็ต OneStat.com ก็ออกมาประกาศแล้วว่าบราวเซอร์โอเพนซอร์สจากค่าย Mozilla กินส่วนแบ่งขึ้นสองหลักไปแล้วในวันนี้ อย่างเช่นการวิเคราะห์จากเจ้าอื่นๆ รายงานนี้ระบุุว่าอัตราการใช้ไฟร์ฟ็อกซ์นั้นต่างกันออกไปในแต่ละส่วนของโลก เช่น อเมริกากินส่วนแบ่งไปถึงร้อยละ 14.1 แต่ที่อังกฤษนั้นได้ส่วนแบ่งมาเพียงร้อยละ 4.9
ส่วนที่ blognone.com นั้นตกลงมาจากร้อยละ 51 มาอยู่ที่ ร้อยละ 40 ไปเรียบร้อยแล้ว
ผมเองหลังๆแทบไม่ได้ซื้อซีดีเพลงมากซักเท่าไหร่ ยิ่งถ้าจากค่ายโซนี่นี่จำไม่ได้แล้วว่าอะไร แต่บางค่ายที่จำได้ก็อย่าง EMI เค้าก็จะมีโปรแกรมป้องกัน โดยเมื่อเอาซีดีเพลงใส่ลงคอมก็จะเปิดฟังได้จาก โปรแกรมฟังเพลงเฉพาะที่ให้มาในแผ่น (แต่บางเครื่องก็ไม่เป็นนะเปิดได้ปกติ เท่าที่เคยค้นดูรู้สึกมันจะทำงานเฉพาะไดรว์บางยี่ห้อ) ทำให้เราไม่สามารถแปลงเพลงเป็นฟอร์แมทอื่นเพื่อเอาไปฟังกับเครื่องเล่น MP3 ได้ หลังๆผมเลยประท้วงไม่ยอมซื้อแผ่น EMI (จริงๆคือไม่มีเงิน)
ข่าวน่าเศร้าของอดีตยักษ์ SGI ที่เคยบุกเบิกวงการคอมพิวเตอร์กราฟฟิก หนังอย่าง Jurassic Park เป็นต้น ต้องเลิกขายหุ่นในตลาดวอลล์สตรีท (NYSE) เสียแล้ว เนื่องจากราคาหุ้นของ SGI ต่ำกว่า 1 เหรียญเป็นเวลาเกิน 30 วัน ซึ่งไม่ถึงมาตรฐานวอลล์สตรีท จึงต้องออกจากตลาดไปขายหุ้นเองต่างหาก (ถ้าผมเข้าใจถูกนะครับ)
ชื่อ SGI จะถูกลบออกจากกระดานในวันจันทร์ที่ 7 หน้านี้ ตอนนี้หุ้น SGI อยู่ที่ $0.45
มีคนตั้งข้อสังเกตว่าเวลาเปลี่ยน อะไรก็เปลี่ยน ไม่ว่าจะเป็น Sun ขาย Opteron, IBM ขาย Solaris, Apple ใช้ intel, Microsoft ใช้ PowerPC (XBox 360), Palm ใช้ Windows Mobile ก็คงจะจริงดังเค้าว่านะ
ท่ามกลางข่าว Google จะทำ Web-based OpenOffice.org หรือ Microsoft Office Live ผมไปเจอ word processor แบบออนไลน์อีกตัวมาให้ลองเล่นกันพลางๆ ก่อน เผื่อจะได้ไอเดียว่าสองตัวข้างต้นมันจะออกมาหน้าตาแบบไหน
ในนี้มีแฟน Debian กันค่อนข้างเยอะ จุดอ่อนอันยาวนานตลอดมาของ Debian คือ installer แบบ text จริงๆ ผมคิดว่าคนใช้ไม่ได้ซีเรียสอะไรมากนะครับ เพราะ Windows XP ตอนแรกมันก็เป็น text ก็ยังเห็นลงกันได้ไม่มีปัญหา แต่ในเมื่อดิสโทรคู่แข่งอื่นๆ ล้ำหน้าไปไกลในเรื่อง Installer ทาง Debian เลยต้องพัฒนา Graphic mode installer ขึ้น ซึ่งตอนนี้ก็ออกมาเป็นรูปเป็นร่างแล้ว ดูเรียบๆ ไม่หวือหวาตามสไตล์ Debian
Ubuntu ตัวหน้าอาจจะนำตัวนี้มาใช้ครับ
Jon "Hannibal" Stokes เจ้าพ่อฮาร์ดแวร์แห่ง Ars Technica ได้วิเคราะห์ถึงสเปกของ Revolution ที่ยังเป็นความลับอยู่หลายอย่าง แถมยังเปรียบเทียบกับคอนโซลอีก 2 ตัวที่เหลือ น่าสนใจมาก เพียงแต่ต้องมีความรู้ด้าน Computer Architecture มากถึงมากที่สุด ถึงจะอ่านเข้าใจทั้งหมดครับ
Ars: Waiting on a Revolution: a look ahead at the next-generation console wars
เราคุ้นกับโลโก้ปีศาจน้อยถือสามง่ามกันมานาน ตอนนี้ FreeBSD เค้าโหวตโลโก้ใหม่กันแล้ว เป็นหัวปีศาจกลมๆ สีแดงเหมือนเดิม ดูผลการประกวดได้ที่นี่ ส่วนเว็บไซต์ของ FreeBSD คงอัพเดตตามมาในไม่ช้า
ถึงนาทีนี้คงต้องบอกว่าวินโดว์กับกูเกิลกำลังจะเป็นคู่อาฆาตกันเต็มตัวจริงๆ แล้ว เมื่อไมโครซอฟท์ประกาศบริการชุดใหม่คือ Windows Live และ Office Live
Windows Live คือ ชุดของบริการที่รวมเอาบริการออนไลน์เข้าไว้ด้วยกัน ตั้งแต่ อีเมล Bookmark สแกนไวรัส ไปจนถึงบริการเซิร์ช
ส่วน Office Live คือ บริการที่เราๆ ท่านๆ ถามถึงกันมานาน คือ ออฟฟิศแบบออนไลน์ ที่กูเกิลถูกคาดหวังให้สร้างขึ้นมา ในตอนนี้ไมโครซอฟท์ก็เตรียมออกบริการนี้ในต้นปีหน้าแล้ว
เมื่อวานที่ผ่านมา Jimmy Wales ผู้ก่อตั้งสารานุกรมออนไลน์ระดับโลกในนามวิกิพีเดีย ได้ให้สัมภาษย์ถึงแผนการที่จะมีการตีพิมพ์สารานุกรมนี้ออกเป็นรูปเล่้ม โดยได้ระบุว่าขณะนี้กำลังตกลงกับทางสำนักพิมพ์ถึงหัวข้อที่จะถูกนำมาตีพิมพ์ คาดว่าจะได้ข้อสรุปที่แน่ชัดในกลางปีหน้า
บทความแนะนำ OpenOffice.org 2.0 เขียนโดยคุณสัมพันธ์ คนทำ Firefox/Thunderbird Thai Community Edition และทำ Chantra เขียนได้ละเอียดดี แนะนำให้อ่านครับ (โฆษณากันสุดๆ :D)ทำไมถึงควรเปลี่ยนมาใช้ OpenOffice.org 2.0
หลังจากข่าวเรื่อง OpenDocument กลบข่าวอื่นๆ ไปหมด ตอนนี้มีความอัพเดตล่าสุดของ Office 12 คือ สนับสนุนฟอร์แมต XPS (XML Paper Specification) หรือชื่อเดิมว่า Metro ซึ่งอธิบายง่ายๆ ว่ามันเป็นฟอร์แมตที่ไมโครซอฟท์ออกมาแข่งกับ PDF ตรงๆ
XPS เป็นฟอร์แมตที่สำคัญใน Vista ยังไงย่อมต้องมีใน Office 12 อยู่แล้ว เพียงแต่นี่เป็นการประกาศอย่างเป็นทางการเท่านั้นเองครับ
สรุปว่าตอนนี้ Office 12 สนับสนุนฟอร์แมตดังนี้
10.4.3 รุ่นอัพเดตใหญ่ของ Tiger ออกมาแล้ว โดยมีขนาดถึงร้อยกว่าเม็ก รายการอัพเดตอ่านได้จากเอกสารของแอปเปิลเอง การอัพเดตที่สำคัญคือ Safari ที่ผ่านการทดสอบมาตรฐาน Acid2 แล้ว (Mozilla ยังไม่ผ่านนะครับ) กับความเร็วของ Spotlight ที่อ้างว่าเพิ่มขึ้นเยอะ ผมอ่านใน forum คร่าวๆ แล้ว มีคนทำการ benchmark พบว่ามีความเร็วในภาพรวมเพิ่มจาก 10.4.2 ประมาณ 5-10%
แม้ว่าจะมีการบ่นไปเรื่อยว่าดูวีดีโอผ่านจอเล็กๆบน iPod มันจะสนุกเร้อ, อะไรกันทำไมเล่น DivX ไม่ได้.. แ่ต่ตอนนี้ Apple ก็ขายวีดีโอผ่าน iTunes ไปเกินล้านครั้งแล้วครับ แถมถายในไม่ถึง 20 วันซะด้วย
คงจำกันได้ว่าสมัยวินโดว์ 95 ออกใหม่ๆ ความสามารถที่ไมโครซอฟท์ทำมาอวดอย่างหนึ่งคือ ชอร์ตคัต (Short Cut) ที่ทำให้ผู้ใช้เรียกไฟล์ที่อยู่ที่อื่นๆ ได้โดยไม่ต้องก็อปมาวาง โดยคนเล่นยูนิกซ์มีใช้กันมานานนม
แต่ชอร์ตคัตก็ยังต่างจากลิงก์ในยูนิกซ์ เพราะมันใช้ได้เพียงการคลิกผ่านทางวินโดว์เพื่อความสะดวกของผู้ใช้เท่านั้น ขณะที่ลิงก์นั้นโปรแกรมต่างๆ จะมองเหมือนว่าไฟล์นั้นมาอยู่ตรงนั้นจริงๆ เลย
ล่าสุดไมโครซอฟท์ก็ประกาศออกมาแล้วว่าจะมีการเพิ่มความสามารถนี้ลงไปใน NTFS รุ่นต่อไปที่จะมากับวิสต้าด้วย
ก่อนหน้านี้ก็มีเชลล์ ตอนนี้มีลิงก์ ใครจะรู้ ต่อไปอาจจะเป็น VFS......
หลังจากปล่อยตลาดล่างให้กับไมโครซอฟท์และ MySQL มานาน ออราเคิลก็ขอขยายฐานผู้ใช้กับเค้าบ้างด้วยการออก Oracle 10g Express Edition ที่เปิดให้ดาวน์โหลดไปใช้ักันฟรีๆ
ออราเคิลระบุว่ากลุ่มเป้าหมายของฐานข้อมูลฟรีนี้จะอยู่ในกลุ่มของนักเรียนนักศึกษา กลุ่มผู้พัฒนาซอฟท์แวร์โอเพนต์ซอร์สเป็นหลัก หลังจากลองหาทั่วๆ เว็บแล้วยังไม่เจอว่าสามารถนำไปใช้เพื่อการค้าได้หรือไม่ แต่ฐานข้อมูลตัวนี้ก็มีข้อจำกัดอยู่บ้าง เช่น
หลังจากประกาศจับมือกับซันไปก่อนหน้านี้ กูเกิลก็แสดงท่าที่ชัดเจนแล้วว่า การจับมือกับซันในครั้งนี้หมายถึงการร่วมพัฒนาโอเพนออฟฟิศอย่างเป็นทางการ
ท่าทีของกูเกิลชัดเจนเมื่อมีการประกาศรับสมัครโปรแกรมเมอร์ เพื่อทำหน้าที่พัฒนาโอเพนออฟฟิศอย่างเป็นทางการ โดยคาดว่าโปรแกรมเมอร์ของทางกูเกิลจะเข้ามาปรับปรุงเรื่องขนาด และความเร็วของโอเพนออฟฟิศซึ่งเป็นจุดอ่อนอยู่ในตอนนี้
ที่มา - ZDNet
รัฐแมทซาชูเซ็ทส์ถูกตั้งคำถามครั้งใหม่ในประเด็นการย้ายเอกสารทั้งหมดไปเป็น OpenDocument ว่าพนักงานของรัฐที่เป็นผู้พิการทางสายตาจะทำงานต่อไปอย่างไร
คำถามนี้ถูกตั้งขึ้นมาด้วยว่าไมโครซอฟท์ออฟฟิศนั้น มีความสามารถในการติดต่อกับพรินเตอร์อักษรเบรล ตลอดจนวินโดว์เองก็มีโปรแกรมช่วยเหลือผู้พิการอยู่หลายอย่าง
ในตอนนี้ยังไม่มีคำตอบจากทางรัฐแมทซาชูเซ็ทส์แต่อย่างใด แต่เรื่องอื่นๆ นั้นคงนึกกันออกว่าตอบได้ไม่ยาก เพราะการไม่ใช่ไมโครซอฟท์ออฟฟิศก็ไม่ได้หมายถึุงการไม่ใช้วินโดว์
แต่เรื่องพรินเตอร์อักษรเบรลนี่ไม่รู้เลยแฮะ
รัฐบาลสหรัฐอเมริกาเพิ่งประกาศแผนการนำ RFID มาใช้งานในพาสปอร์ตของสหรัฐในหนึ่งปีข้างหน้า ซึ่งการตัดสินใจนี้จะทำให้พาสปอร์ตทั้งหมดของสหรัฐอเมริกาสามารถถูกอ่านได้โดยไม่ต้องการการสัมผัส
หลังจากถูกต่อต้านกันมาพักใหญ่ ตอนนี้สหรัฐอเมริกาก็ฟันธงออกมาแล้วว่าพาสปอร์ตทั้งหมดของสหรัฐอเมริกาจะถูกฝังชิิป RFID เพื่อเพิ่มความสะดวกและความปลอดภัยให้กับพาสปอร์ตทั้งหมดของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นที่กลัวกันมากว่าการใส่ข้อมูลลงไปนี้จะทำให้เกิดการขโมยข้อมูลส่วนตัวกันได้โดยง่าย โดยมีการสาธิตกันถึงการอ่าน RFID นี้ด้วยเสาอากาศแบบพิเศษทำให้อ่านข้อมูลในชิปได้ด้วยระยะกว่า 50 เมตร