จากกรณีเหตุปะทะระหว่างกลุ่มนิยมคนขาวแบบสุดโต่งกับกลุ่มต้านการเหยียดผิวเกิดขึ้นที่ชาร์ล็อตต์วิลล์จนทำให้วงการไอทีออกตัวต่อต้านชัดเจน ทั้ง GoDaddy, Google, Discord, Facebook, Twitter, Apple, Spotify ฯลฯ พร้อมใจกันระงับการใช้งานเว็บนาซีใหม่ (neo-Nazi) หรือ Daily Stormer กันเต็มที่ แม้จะมีทนายความอาวุโสจาก EFF เคยให้สัมภาษณ์กับ The Verge ว่า GoDaddy มีสิทธิที่จะไม่ให้บริการโดเมนแก่เว็บใดๆ ก็ย่อมได้
ล่าสุด EFF (Electronic Frontier Foundation) ผู้สนับสนุนให้มีการบริการคอนเทนต์อย่างเป็นกลาง ชี้แจงผ่านบทความการต่อสู้กับนาซีใหม่และอนาคตของเสรีภาพในการแสดงออก พูดถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่ามีทั้งอารมณ์ ตรรกะ และการบิดการใช้กฎหมายผสมผสานกัน แต่ก็ต้องยอมรับว่าในอินเทอร์เน็ตสามารถใช้แทคติกใดๆ ก็ได้ที่ทำให้เสียงของเหล่า neo-Nazi เงียบลง ขณะเดียวกันฝั่งที่เราเห็นด้วยก็อาจจะได้รับผลกระทบในไม่ช้า
ดีเบตแบนคอนเทนต์ขวาจัดยังไม่จบ หลังจากเว็บ Daily Stormer ที่ถูกเรียกว่าเป็นของกลุ่มนาซีใหม่ (neo-Nazi) ถูกปิดโดย GoDaddy ขณะที่ Discord ก็ปิดเซิร์ฟเวอร์แอคเคาท์ของ alright.com ตามด้วย Crowdfunding ที่ทยอยต้านเว็บขวาจัด
หลังจากเหตุการณ์ปะทะกันที่เมืองชาร์ล็อตต์วิลล์ ที่ทำ CEO 3 รายลาออกจากการเป็นคณะที่ปรึกษาให้ทรัมป์ตามด้วยการเดินหน้าแบนเว็บขวาจัดเต็มที่ขององค์กรไอที ล่าสุด แม้ประธานาธิบดีทรัมป์จะไม่ได้มีท่าทีประณามใดๆ ต่อเหตุการณ์ดังกล่าว แต่อดีตผู้นำสหรัฐฯ บารัค โอบามาออกมาแล้ว
เขาทวีตข้อความถึงกรณีการปะทะกันที่ชาร์ล็อตต์วิลล์ว่า
ไม่มีใครเกิดมาเพื่อเกลียดชังคนใดคนหนึ่งเพียงเพราะเขามีสีผิว ภูมิหลัง หรือความเชื่อทางศาสนาที่ต่างไปจากเรา ผู้คนเรียนรู้ที่จะเกลียดชัง หากพวกเขาเรียนรู้ที่จะเกลียดชังได้ พวกเขาก็เรียนรู้ที่จะรักได้เช่นกัน เพราะความรักเกิดขึ้นตามธรรมชาติของมนุษย์มากกว่าความเกลียดชัง
เหตุปะทะระหว่างฝ่ายนิยมผิวขาวแบบสุดโต่งกับฝ่ายต้านการเหยียดผิวที่เมืองชาร์ล็อตต์วิลล์ รัฐเวอร์จิเนีย ที่ทำให้มีคนเสียชีวิต1 ราย บาดเจ็บ 19 หลังจากองค์กรใหญ่ๆ ในโลกไอทีต่างพร้อมใจกันแบน ล่าสุดแพลตฟอร์มระดมเงินทุนบนโลกออนไลน์ (Crowdfunding) อย่าง GoFundMe, Kickstarter และบริษัทอื่นๆ ต่างก็ชูนโยบายเดียวกัน คือ ห้ามใช้ hate speech หรือล่วงละเมิดกัน
โดย GoFundMe เผยว่า เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาได้เอาตัวเลือกสำหรับการระดมทุนเพื่อแคมเปญที่เกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าวออกเพราะบริษัทไม่สนับสนุนให้มีการสร้าง hate speech และก่อความรุนแรง เนื่องจากมีนักเคลื่อนไหวเริ่มมองหาแหล่งทุนมาสนับสนุน James Fields ผู้ต้องหาขับรถพุ่งชนกลุ่มประท้วงเหยียดผิวที่ชาร์ล็อตต์วิลล์ ขณะที่ Kickstarter และ Indiegogo ก็มีนโยบายเช่นเดียวกัน คือไม่สนับสนุนพฤติกรรมใดๆ ที่เป็นการคุกคามหรือล่วงละเมิดผู้อื่น
หลังจากมีเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างกลุ่มสนับสนุนคนผิวขาวแบบสุดโต่งกับฝ่ายต่อต้านการเหยียดผิวเกิดขึ้น บริษัทไอทีทั้งหลายแสดงท่าทีต่อต้านชัดเจนทั้งในระดับ CEO ที่ลาออกจากคณะที่ปรึกษาให้ทรัมป์
ล่าสุด Discord แพลตฟอร์มเพื่อติดต่อพูดคุยระหว่างเกมเมอร์แบบครบวงจร ได้ปิดแอคเคาท์ที่มีแนวโน้มเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่ชาร์ล็อตต์วิลล์ โดยมีแถลงการณ์ออกมาว่าไม่สนับสนุนให้เกิดความรุนแรงและการสร้างความเกลียดชัง จึงได้ปิดเซิร์ฟเวอร์ account ของ alright.com
CEO อินเทล Brian Krzanich กลายเป็น CEO คนที่ 3 แล้ว ที่ลาออกจากคณะที่ปรึกษาของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ หลังเกิดเหตุรุนแรงโดยกลุ่มคนสนับสนุนผิวขาวที่มีแนวคิดแบบสุดโต่งปะทะกับกลุ่มคนที่ต่อต้านการเหยียดผิวจนทำให้มีทั้งคนบาดเจ็บและเสียชีวิตที่เมืองชาร์ล็อตต์วิลล์ รัฐเวอร์จิเนีย เมื่อวันที่ 12 สิงหาคมที่ผ่านมา
ความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นเพียงชั่วโมงเดียวหลังจาก Kenneth Frazier, CEO จาก Merk & Co. เพิ่งลาออกจากสภาที่ปรึกษานี้ด้วยกรณีเดียวกัน ตามด้วย Kevin Plank, CEO จาก Under Armour