Bret Taylor อดีตซีอีโอร่วมของ Salesforce และประธานบอร์ด OpenAI (ปัจจุบันกำลังทำบริษัทใหม่ชื่อ Sierra เป็น enterprise AI) โพสต์ลงบล็อกส่วนตัว ชวนคิดว่าวงการโปรแรกมมิ่งกำลังจะเข้าสู่ยุคอัตโนมัติ (Autonomous Era) จึงต้องเปลี่ยนวิธีคิดอย่างมากมาย เพราะพื้นฐานมันแตกต่างจากยุคผู้ช่วยกึ่งอัตโนมัติ (Autopilot Era) ในปัจจุบัน
OpenAI ได้จัดการประชุมพนักงานทั้งบริษัท All-hands ในวันนี้ หลังการลาออกของผู้บริหารระดับสูงหลายคน รวมทั้งซีทีโอ Mira Murati ขณะเดียวกันก็มีรายงานข่าวว่า OpenAI มีแผนปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ ให้ความสำคัญกับฝั่ง For-Profit มากขึ้น เพื่อให้นักลงทุนมีความสนใจที่จะใส่เงินเพิ่มทุน จึงอาจเกิดคำถามต่อเป้าหมายหลักองค์กรในการสร้าง AGI หรือปัญญาประดิษฐ์ที่มีความสามารถรอบด้าน
บอร์ด OpenAI ประกาศจัดตั้งคณะกรรมด้านความปลอดภัย (Safety and Security Committee) นำโดย Bret Taylor (ประธานบอร์ด OpenAI), Adam D’Angelo, Nicole Seligman และ Sam Altman (ซีอีโอ OpenAI) โดยคณะกรรมการนี้มีหน้าที่รับผิดชอบการให้คำแนะนำกับบอร์ดบริษัท ในเรื่องการตัดสินใจเกี่ยวกับความปลอดภัยของโครงการต่าง ๆ ใน OpenAI
OpenAI บอกว่าตอนนี้องค์กรได้เริ่มเทรนโมเดล AI ยุคถัดไป ซึ่งผลลัพธ์เบื้องต้นที่ได้ ทำให้เข้าใกล้การสร้างปัญญาประดิษฐ์ที่ใช้งานได้ทั่วไปหรือ Artificial General Intelligence (AGI) อีกหนึ่งขั้น จึงต้องประเมินด้านความปลอดภัยมากขึ้นไปอีกเช่นกัน
OpenAI ประกาศแต่งตั้งกรรมการบอร์ดบริษัทใหม่เพิ่มเติม 3 คน หลังจากเหตุการณ์โกลาหลในบริษัทเมื่อปลายปีที่แล้ว ที่บอร์ดบริหารเวลานั้นประกาศไล่ Sam Altman ซีอีโอ ออกจากตำแหน่ง ซึ่งจบที่เขากลับมาเป็นซีอีโอ และ OpenAI ประกาศการปรับโครงสร้างบอร์ดใหม่ ที่มีไมโครซอฟท์ได้โควต้าผู้สังเกตการณ์ 1 ที่นั่ง
กรรมการบอร์ด 3 คนใหม่ที่แต่งตั้งเข้ามามีดังนี้
The Verge อ้างแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้อง ถึงแผนการถัดไปหลังจาก Sam Altman ตกลงกลับมาเป็นซีอีโอ OpenAI ซึ่งเบื้องต้น OpenAI บอกว่าได้ตั้งบอร์ดบริษัทชุดใหม่ มีสมาชิก 3 คนคือ Bret Taylor, Larry Summers และ Adam D’Angelo
โดยรายงานบอกว่าภารกิจของบอร์ดชุดใหม่ที่ตอนนี้มี 3 คน คือการหาสมาชิกบอร์ดเพิ่มเติมสูงสุดที่จำนวน 9 คน (จากเดิม 6 คน) เพื่อปรับกระบวนการกำกับดูแลบริษัทใหม่ คาดว่า Sam ก็จะได้ 1 เก้าอี้ในบอร์ดชุดใหม่นี้ (เดิมเขาก็เป็นหนึ่งในบอร์ด) และไมโครซอฟท์ก็จะขอส่งตัวแทนมาเป็นบอร์ดด้วย 1 คน
Bret Taylor อดีตซีอีโอร่วมของ Salesforce ที่เพิ่งลาออกเมื่อเดือนธันวาคม 2022 เตรียมไปเปิดสตาร์ตอัพด้าน AI ร่วมกับ Clay Bavor ผู้บริหารของกูเกิลที่เพิ่งประกาศลาออกเมื่อวานนี้
ปัจจุบัน Clay Bavor มีตำแหน่ง VP, Labs ดูแลโปรเจคใหม่ๆ ของกูเกิล แต่ก่อนหน้านี้รับผิดชอบงานด้าน AR/VR ทั้งหมด ซึ่งร่วมถึง Google Lens ด้วย เขาทำงานกับกูเกิลมานาน 18 ปี ตั้งแต่ปี 2005 และเคยร่วมงานกับ Bret Taylor ที่ทำงานกับกูเกิลช่วงนั้น (2003-2007) ซึ่งทั้งสองยังติดต่อกันอยู่
ตอนนี้ยังไม่มีรายละเอียดว่าบริษัทใหม่ของ Bavor และ Taylor ทำธุรกิจด้านไหนของ AI โดย Bavor บอกว่าเขาจะส่งมอบงานให้เรียบร้อยก่อน แล้วไปเริ่มงานใหม่ในเดือนมีนาคม
Salesforce รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 3 ปี 2022 ตามปีการเงินบริษัท 2023 สิ้นสุดเดือนตุลาคม มีรายได้รวม 7,837 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 14% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิตามบัญชี GAAP 210 ล้านดอลลาร์
รายได้จากกลุ่มธุรกิจ Subscription และ Support ที่เป็นรายได้หลักบริษัท เพิ่มขึ้น 13% เป็น 7,233 ล้านดอลลาร์ ส่วนธุรกิจ Professional services เพิ่มขึ้น 25% เป็น 604 ล้านดอลลาร์
Salesforce ยังประกาศว่า Bret Taylor ที่เป็นซีอีโอร่วม (Salesforce มีซีอีโอ 2 คน) ประกาศลาออกจากตำแหน่ง รวมทั้งตำแหน่งรองประธานบอร์ด มีผลตั้งแต่ 31 มกราคม 2023 โดย Marc Benioff ซีอีโอร่วมอีกคน จะเป็นซีอีโอเพียงคนเดียว รวมทั้งเป็นประธานบอร์ดบริหารต่อไป
รวมข่าว Elon Musk ประจำวัน หลังเขาได้เป็นเจ้าของบริษัท Twitter Inc. อย่างเป็นทางการแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่เขาทำคือยุบคณะกรรมการ (Board of Directors) ทั้งหมด ทำให้ตอนนี้บริษัทมีบอร์ดเหลือเพียงคนเดียวคือตัวเขาเอง
ก่อนหน้านี้ Twitter มีบอร์ดทั้งหมด 9 คน ได้แก่ Bret Taylor (ประธานบอร์ด), Parag Agrawal, Omid Kordestani, David Rosenblatt, Martha Lane Fox, Patrick Pichette, Egon Durban, Fei-Fei Li, Mimi Alemayehou ซึ่งทุกคนลาออกจากตำแหน่ง
นอกจากนี้ Musk ยังขึ้นมาเป็นซีอีโอของ Twitter อย่างเป็นทางการแล้ว ข้อมูลนี้มาจากเอกสารที่ Twitter แจ้งต่อ SEC (ก.ล.ต. สหรัฐ) แม้ว่า Elon ยังเล่นมุขว่าตำแหน่งของเขาคือ Chief Twit และบอกว่าไม่รู้เหมือนกันว่าใครคือซีอีโอก็ตาม
Salesforce รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 3 ตามปีการเงินบริษัท 2022 สิ้นสุดเดือนตุลาคม 2021 รายได้รวมเพิ่มขึ้น 27% เทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อนเป็น 6,863 ล้านดอลลาร์ มีกำไรสุทธิตามบัญชี GAAP 468 ล้านดอลลาร์
รายได้หลักของ Salesforce มาจากส่วนของ Subscription และ support ซึ่งเพิ่มขึ้น 25% เป็น 6,379 ล้านดอลลาร์ ส่วนรายได้จาก Professional services และอื่น ๆ เพิ่มขึ้น 45% เป็น 484 ล้านดอลลาร์
Marc Benioff ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง Salesforce กล่าวว่า ไม่มีบริษัทซอฟต์แวร์ไหนในขนาดหรือสเกลเท่ากับเราที่สร้างผลงานได้ในระดับนี้ และเหตุผลที่เขารู้เพราะเขาได้พูดคุยกับซีอีโอบริษัทคลาวด์อื่นอยู่เป็นประจำ
Salesforce ประกาศซื้อกิจการ Quip แอพ word processor แนวใหม่ของ Bret Taylor อดีตซีทีโอของ Facebook
Quip เป็นแอพลูกผสมระหว่าง word processor กับอีเมล โดยผนวกเอาเรื่องการแก้ไขเอกสารร่วมกันระหว่างคนในทีม เข้ากับระบบแจ้งเตือน ระบบคอมเมนต์ และระบบแชทภายในแอพ เพื่อพูดคุยกันว่าเอกสารไหนถูกแก้ไขไปแล้วบ้าง ช่วยลดปัญหาของการแก้เอกสารแล้วอีเมลกันไปมาลงได้
Salesforce ซื้อ Quip ด้วยมูลค่า 750 ล้านดอลลาร์ โดย Mac Benioff ซีอีโอของ Salesforce ระบุชัดเจนว่าซื้อกิจการบริษัทสตาร์ตอัพในราคาค่อนข้างแพง เพราะต้องการตัว Bret Taylor ดาวรุ่งของวงการไอทีมาร่วมงานด้วย
Bret Taylor ผู้ก่อตั้ง Friendfeed และอดีตซีทีโอของเฟซบุ๊ก (ลาออกเมื่อปีที่แล้ว) เปิดตัวบริษัทใหม่ของเขาในชื่อ Quip
Quip เป็นแอพ word processor แนวใหม่ที่ผนวกแนวคิดของโปรแกรมอีเมลเข้ามา แทนที่จะแก้เอกสารร่วมกัน (ผ่านฟีเจอร์ collaboration) แล้วอีเมลบอกกันว่าแก้ไขอะไรไปบ้าง Quip กลับฝังฟีเจอร์เรื่อง changelog/notification ลงมาในตัวโปรแกรมเลย
เมื่อผู้ใช้เปิดแอพ Quip ขึ้นมาจะพบกับรายการเอกสารพร้อมสัญลักษณ์ว่าไฟล์ไหนถูกแก้ไข พร้อมกับการสนทนาของเพื่อนๆ ว่าแก้ไขเอกสารไปอย่างไร
Bret Taylor ผู้บริหารคนสำคัญของ Facebook (ตำแหน่งเป็น CTO หรือ Chief Technical Officer) ประกาศลาออกจากบริษัทแล้ว โดยเขาให้เหตุผลว่าต้องการเปิดบริษัทใหม่ที่ยังไม่บอกว่าจะทำอะไร เขายังบอกว่าเป็นความฝันของเขามานานที่จะเปิดบริษัทอีกแห่ง และช่วงเวลานี้ที่ Facebook เข้าตลาดหุ้นเรียบร้อย ก็ถือเป็นเวลาเหมาะสมแล้ว