แอปเปิลได้ปิดการทำงานของแอป Walkie Talkie บน Apple Watch เป็นการชั่วคราว โดยแอปเปิลให้เหตุผลว่าพบช่องโหว่ ซึ่งอาจทำให้บุคคลอื่นสามารถดักฟังข้อความเสียงที่ส่งหากันได้ โดยไม่ต้องขออนุญาตก่อน ซึ่งแอปเปิลจะกลับมาเปิด Walkie Talkie ให้ใช้งานได้อีกครั้ง เมื่อแก้ไขปัญหานี้สมบูรณ์

แอป Walkie Talkie มีไว้สำหรับส่งข้อความเสียงสั้น ๆ หากันระหว่างผู้ใช้ Apple Watch เริ่มมีตั้งแต่ watchOS 5 และเป็นแอปพื้นฐานที่อยู่บน watchOS ฉะนั้นตัวแอปจะยังคงอยู่ เพียงแต่ไม่สามารถใช้งานได้

มีประเด็นน่าสนใจหลายอย่างหลังการประกาศลาออกของ Jonathan Ive หัวหน้าฝ่ายออกแบบของแอปเปิล โดยรายงานของ Mark Gurman แห่งสำนักข่าว Bloomberg บอกว่า การลาออกของ Ive นั้น ไม่ได้เกิดขึ้นกะทันหัน แต่มีการวางแผนเพื่อรองรับเรื่องนี้กันนานหลายปีแล้ว

บทบาทของ Ive ในแอปเปิลนั้นเพิ่มสูงมากหลังการเสียชีวิตของสตีฟ จ็อบส์ ผู้ก่อตั้งแอปเปิล เขามีบทบาทชี้นำทิศทาง รูปแบบ ฟังก์ชันของผลิตภัณฑ์แอปเปิลในช่วงเวลานั้น อย่างไรก็ตามผลิตภัณฑ์ตัวสุดท้ายที่ Ive มีส่วนร่วมในการออกแบบพัฒนาเต็มตัวก็คือ Apple Watch ที่เริ่มจำหน่ายในปี 2015 ซึ่งหลังจากนั้นมา Ive ลดบทบาทงานประจำวัน เข้ามาที่สำนักงานใหญ่แอปเปิลสัปดาห์ละ 2 วัน เท่านั้น

iOS เปิดให้ผู้ใช้งานสามารถลบแอปที่ติดมากับเครื่องตั้งแต่ต้นได้ตั้งแต่ iOS 10 ถึงแม้จริง ๆ จะเป็นแค่การซ่อน ไม่ใช่ลบออกไปเลย แต่ได้ความสะอาดตา มีแต่แอปที่สปาร์คจอยจำเป็นต่อการใช้งานเท่านั้น ก็น่าจะทำให้ผู้ใช้งานรู้สึกดีขึ้น

ล่าสุดมีผู้พบว่า watchOS 6 บน Apple Watch ก็จะสามารถลบแอปพื้นฐานที่มีติดมาได้เช่นกัน เนื่องจาก watchOS 6 จะมี App Store ของตนเอง และพบว่ามีแอปพื้นฐานปรากฏใน App Store ด้วย ซึ่งเหมือนกัน iOS เพื่อให้ผู้ใช้กลับมาดาวน์โหลดแอปพื้นฐานเหล่านั้นได้

แอปเปิลออกอุปกรณ์เสริมในชุดสีสันใหม่ตามฤดูกาล ทั้งเคส iPhone, สาย Apple Watch และ Smart Cover ของ iPad ต้อนรับฤดูร้อนในต่างประเทศ

โดยสีสันใหม่ทั้ง 3 สี ได้แก่ สีชมพูแก้วมังกร สีเหลืองคานารี่ และสีน้ำเงินคอร์นฟลาวเวอร์ ซึ่งมีให้เลือกทั้งสาย Apple Watch แบบ Sport Band และสายแบบ Sport Loop เคส iPhone XS และ XS Max มีให้เลือกทั้ง 3 สีใหม่นี้เช่นกัน ส่วน Smart Cover ของ iPad มีเฉพาะสีน้ำเงินคอร์นฟลาวเวอร์ สำหรับ iPad Pro 10.5 นิ้ว และ iPad mini 5

เป็นคำถามสามัญทุกครั้งที่แอปเปิลเปิดตัวระบบปฏิบัติการใหม่ ว่าอุปกรณ์เดิมตัวไหนบ้างจะได้ไปต่อ และอุปกรณ์ไหนจะถูกแพไว้กลางทางเพียงเท่านี้ ซึ่งสำหรับ iOS 13, iPadOS 13 และ watchOS 6 ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อคืนนี้ ก็สรุปรายชื่ออุปกรณ์ที่ได้ไปต่อได้ดังนี้

iOS 13

• iPhone 6s และ iPhone 6s Plus ขึ้นไป
• iPhone X ขึ้นไป
• iPhone SE
• iPod touch 7th Gen (ตัวล่าสุดที่ขาย)

Niantic ประกาศว่าแอป Pokémon GO บน Apple Watch จะหยุดให้บริการมีผลตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม เป็นต้นไป จากที่ก่อนหน้านี้ผู้ใช้งานแอปบน Apple Watch สามารถใช้แอปช่วยฟักไข่ หมุน Poke Stop ตลอดจนค้นหาโปเกมอนที่ปรากฏขึ้นได้ ซึ่งแอปดังกล่าวได้เปิดตัวในงานของแอปเปิลเมื่อปี 2016 ด้วย

คำแนะนำสำหรับผู้ที่ยังใช้งานบน Apple Watch นั้น คือให้เปลี่ยนไปใช้ Adventure Sync แทน ซึ่งสามารถใช้ข้อมูลระยะและพิกัดการเดิน เชื่อมต่อกับ Pokémon GO โดยไม่จำกัดว่าใช้อุปกรณ์ใดในการนับก้าว ทำให้การใช้งานรวมอยู่ที่แอปบนมือถือเพียงที่เดียวซึ่งดีกว่า

แอปเปิลได้ออกอัพเดตซอฟต์แวร์ watchOS 5.2 สำหรับ Apple Watch วันนี้ โดยคุณสมบัติใหม่ที่เพิ่มเข้ามาคือเพิ่มประเทศที่รองรับการตรวจวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG) และการตรวจจับการเต้นของหัวใจที่มีรูปแบบผิดปกติ สำหรับ Apple Watch Series 4

แอปเปิลระบุว่ากลุ่มที่ Apple Watch Series 4 รองรับ ECG เพิ่มเติมได้แก่ ฮ่องกง และประเทศในยุโรปอีก 19 ประเทศ ซึ่งรวมทั้ง ฝรั่งเศส, เยอรมนี, อิตาลี, สเปน และอังกฤษ

นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติอื่นที่เพิ่มมาใน watchOS เวอร์ชัน 5.2 นี้ นั่นคือรองรับ AirPods รุ่นที่ 2 และรองรับ Real-Time Text (RTT) เวลาโทรศัพท์

นอกจากอัพเดต AirPods รุ่นใหม่แล้ว เมื่อวานนี้แอปเปิลก็มีอัพเดตอุปกรณ์เสริมนั่นคือ เคส iPhone และสาย Apple Watch โดยเพิ่มตัวเลือกสีใหม่เข้ามาต้อนรับฤดูใบไม้ผลิในต่างประเทศ

โดยสาย Apple Watch มีการเพิ่มสีใหม่ ได้แก่สีสเปียร์มิ้นต์ สีเดฟต์บลู และสีส้มมะละกอ สำหรับสาย Sport ส่วนสาย Sport Loop มี 4 สีคือ สีสเปียร์มิ้นต์, สีส้มมะละกอ, สีฟ้าเซอรูเลียน และสีไลแลค ส่วนสาย Nike Sport ก็มีอย่างละ 3 สีใหม่ทั้งแบบ Sport และ Sport Loop เช่นกัน

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา Apple และมหาวิทยาลัย Stanford ออกมาแถลงเปิดเผยผลวิจัยร่วมกันที่เรียกว่า Apple Heart Study ที่ศึกษาร่วมกันมาตั้งแต่พฤศจิกายน 2017 โดยยืนยันว่า Apple Watch สามารถช่วยบ่งบอกและแจ้งเตือนผู้สวมใส่ว่ากำลังมีความผิดปกติของหัวใจอยู่

การศึกษานี้เก็บตัวอย่างจากกลุ่มตัวอย่างมากกว่า 4 แสนคน โดยเข้าร่วมผ่านทาง iPhone และใช้ Apple Watch เป็นอุปกรณ์ (มีเฉพาะรุ่น Series 1, 2 และ 3 ไม่รวมรุ่น 4) ตัวนาฬิกาจะทำการตรวจจับการเต้นของหัวใจเป็นระยะ และจะมีการแจ้งเตือนเจ้าของหากตรวจเจอการเต้นของหัวใจที่ผิดปกติ จากนั้นจะถูกแนะนำให้ติดต่อแพทย์ในโครงการ และจะถูกตรวจอีกรอบด้วย ECG แบบพกพานานสูงสุด 1 สัปดาห์

ผลการศึกษาที่ออกมาระบุว่า

เมื่อวันที่ 16 มีนาคมที่ผ่านมาในงานประชุมวิทยาลัยแพทย์โรคหัวใจแห่งสหรัฐอเมริกาประจำปีนี้ (American College of Cardiology 2019) มีการแถลงผลการวิจัยเกี่ยวกับความแม่นยำในการตรวจหาภาวะหัวใจเต้นผิดปกติชนิด AF (Atrial Fibrillation) ซึ่งพบว่ามีความแม่นยำสูง¹ เมื่อเทียบกับ เครื่องวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจแบบพกพาที่เรียกว่า ECG patch ในคนจำนวน 2,161 คน

งานวิจัยดังกล่าวเรียกกันว่า The Apple Heart Study เป็นความร่วมมือในการวิจัยระหว่างมหาวิทยาลัย Stanford บริษัท American Well และ บริษัท Apple ดำเนินงานวิจัยผ่านระบบ Telemedicine

บริษัทวิจัยตลาด Strategy Analytics ออกรายงานยอดส่งมอบสมาร์ทวอทช์เมื่อปี 2018 ซึ่งชี้ว่าตลาดสมาร์ทวอทช์กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น ทำยอดส่งมอบทั้งสูงสุดที่เคยมีมาที่ 45 ล้านชิ้น สวนทางกับสมาร์ทโฟนที่ยอดส่งมอบติดลบมา 2 ปีติด

ยอดส่งมอบสมาร์ทวอทช์ทั้งปี 2018 อยู่ที่ 45 ล้านชิ้น เพิ่มขึ้น 54% จากปี 2017 ที่ส่งมอบไป 29.3 ล้านชิ้น โดยมีแอปเปิลครองส่งแบ่งมากที่สุดถึง 50% ส่งมอบไป 22.5 ล้านชิ้น เพิ่มจากปี 2017 ที่ 17.7 ล้านชิ้น อย่างไรก็ตามส่วนแบ่งตลาดของแอปเปิลลดลงจากปี 2017 จากยอดขาย Fitbit และซัมซุงที่เพิ่มขึ้น และมีส่วนแบ่งตามมาห่างๆ ที่ 12.2% และ 11.8% อันดับ 5 เป็น Garmin ที่ส่วนแบ่งลดลงเล็กน้อยอยู่ที่ 7.1%

Mark Gurman แห่ง Bloomberg รายงานว่าแอปเปิลกำลังเริ่มทดสอบฟีเจอร์ใหม่ที่เตรียมนำมาใส่ใน Apple Watch รุ่นถัดไป คาดว่าจะเป็นปี 2020 คือการตรวจจับการนอนหลับ (Sleep Tracking) โดยเขาระบุว่าแอปเปิลสร้างศูนย์ทดสอบลับเพื่อการนี้โดยเฉพาะใกล้กับสำนักงานใหญ่ในเมือง Cupertino

ฟีเจอร์ตรวจจับการนอนหลับ ถือเป็นคุณสมบัติยอดนิยมในบรรดาสายรัดข้อมือเพื่อสุขภาพ แต่ Apple Watch นั้นมีประเด็นเรื่องแบตเตอรี่ที่ใช้งานอยู่ได้ในระดับ 1-2 วัน จึงทำให้ไม่มีคุณสมบัตินี้ใส่มาเป็นพื้นฐานในอุปกรณ์ แต่ก็มีแอปภายนอกเป็นตัวเลือกให้ใช้งานอยู่ ข่าวนี้จึงอาจบอกใบ้กลาย ๆ ว่า Apple Watch รุ่นถัดไป จะมีอายุแบตเตอรี่ที่ยาวนานขึ้น

Google Keep แอปช่วยจดบันทึกข้อมูลของกูเกิล ได้ออกอัพเดตแอปเวอร์ชันใหม่บน iOS โดยมีคุณสมบัติใหม่ที่น่าสนใจคือการประกาศรองรับการทำงานบน Apple Watch เป็นครั้งแรก

ที่น่าสนใจเพราะช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ผู้พัฒนาแอปรายใหญ่ต่างพากันหยุดทำแอปบน Apple Watch รวมทั้งกูเกิลเองก็หยุดพัฒนา Google Maps ด้วยเช่นกัน การกลับมาสู่ Apple Watch อีกครั้ง จึงน่าสนใจว่าอนาคตกูเกิลจะนำแอปมาลงเพิ่มอีกหรือไม่

การทำงานของ Google Keep บน Apple Watch นั้น สามารถเรียกดูลิสท์รายการที่ต้องทำขึ้นมา รวมทั้งส่งคำสั่งเสียงเพื่อจดบันทึกได้ด้วย

ที่มา: CNET

แอปเปิลออกอัพเดตซอฟต์แวร์ watchOS 5.1.2 สำหรับ Apple Watch แล้ว โดยผู้ใช้งานสามารถอัพเดตได้ผ่านแอปเปิล Apple Watch ใน iPhone และต้องมีแบตเตอรี่อย่างน้อย 50% รวมทั้งวางอยู่บนแท่นชาร์จ ขณะทำการอัพเดต

คุณสมบัติใหม่เพิ่มเติมที่สำคัญของ watchOS 5.1.2 คือเพิ่มแอปรองรับการตรวจวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG) ที่ถือเป็นหนึ่งในจุดขายสำคัญของ Apple Watch Series 4 นอกจากนี้ยังเพิ่มความสามารถแจ้งเตือน การมีการตรวจจับการเต้นของหัวใจแล้วพบรูปแบบผิดปกติ

แอปเปิลออกอุปกรณ์เสริม เคสซิลิโคนสำหรับ iPhone XS และ XS Max รวมทั้งสาย Apple Watch Sport Band สามสีใหม่ ได้แก่สี ชมพูฮิบิสคัส, เหลืองเมลโลว์ และเขียวแปซิฟิก นอกจากนี้ยังเริ่มขายสายแบบ Nike Sport Loop และเพิ่มเติมสีใหม่ ๆ สำหรับสาย Nike Sport Band ด้วย

ราคาขายสำหรับเคสซิลิโคน อยู่ที่ 1,590 บาท สำหรับ iPhone XS และ 2,290 บาท สำหรับ iPhone XS Max ส่วนสาย Apple Watch ราคา 1,900 บาท ทุกแบบที่ออกมาใหม่

Spotify ประกาศเพิ่มแอปใหม่สำหรับ Apple Watch ทำให้ผู้ใช้งานสามารถฟังเพลง ควบคุมเพลง กดบันทึกเพลงที่ชอบ แบบติดตามตัวได้ คล้ายกับในแอป Apple Music

นอกจากใช้ฟังเพลงผ่าน Apple Watch แล้ว ผู้ใช้ยังสามารถนำ Apple Watch เชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นเพื่อฟังเพลงได้ผ่าน Spotify Connect

Spotify บอกว่าแอปสำหรับ Apple Watch นี้ จะเพิ่มเติมคุณสมบัติที่จำเป็นอีกในอนาคต รวมทั้งการฟังเพลงออฟไลน์ และอีกหลายรายการซึ่งยังไม่เปิดเผยในตอนนี้

ผู้ใช้ Spotify ต้องอัพเดตแอปเป็นเวอร์ชันล่าสุด 8.4.79 ก่อน ส่วนตัวแอปบน Apple Watch จะเริ่มปรากฏภายในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า

แอปเปิลได้ออกอัพเดต watchOS เวอร์ชัน 5.1.1 สำหรับ Apple Watch ตั้งแต่เมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นตัวแก้ไข หลังเวอร์ชัน 5.1 มีรายงานก่อนหน้านี้ว่าผู้ใช้บางส่วนพบปัญหาเครื่องค้างจนใช้งานไม่ได้

อาการที่รายงานกันคือ เมื่อลง watchOS 5.1 แล้ว Apple Watch จะค้างอยู่ที่โลโก้แอปเปิลและไม่สามารถทำอะไรได้ ซึ่งแอปเปิลแนะนำให้ติดต่อศูนย์บริการเพื่อแก้ไขปัญหา เพราะก็ไม่สามารถลง watchOS 5.1.1 นี้ได้

watchOS 5.1 มีอัพเดตหลายรายการ รวมทั้ง FaceTime แบบกลุ่ม (เฉพาะเสียง), อีโมจิใหม่ และตัวเลือกหน้าปัดแบบใหม่ ๆ

มีรายงานจากผู้ใช้ Apple Watch จำนวนหนึ่งที่อัพเดต watchOS เป็นเวอร์ชันล่าสุด 5.1 ซึ่งออกมาพร้อมกับ iOS 12.1 ในวันนี้ ว่าพบปัญหาเครื่องค้างที่โลโก้แอปเปิล ไม่ตอบสนองหรือใช้งานใด ๆ ต่อได้ ถึงแม้รีสตาร์ทหรือจับคู่กับ iPhone ใหม่ก็ไม่หาย

ทั้งนี้ปัญหาดังกล่าวเท่าที่มีรายงานออกมา พบในเฉพาะ Apple Watch Series 4 รุ่นล่าสุดเท่านั้น

ล่าสุดแอปเปิลยังไม่ออกมาชี้แจงรายละเอียดใด ๆ แต่ได้หยุดปล่อยอัพเดต watchOS 5.1 ไปเรียบร้อยแล้ว คำแนะนำสำหรับผู้ประสบปัญหาเครื่องค้างก็คือให้ติดต่อศูนย์บริการแอปเปิล ส่วนใครที่ดาวน์โหลดสำเร็จแต่ยังไม่ได้ลง ก็ให้ลบและรออัพเดตตัวใหม่ออกมาไปก่อน

นอกจากวันนี้แอปเปิลและ 3 ค่ายโทรศัพท์มือถือ จะเริ่มเปิดให้สั่งจอง iPhone XS, XS Max และ XR เป็นวันแรกในประเทศไทย (ดูราคาเครื่องเปล่าที่นี่) โดยมีกำหนดส่งมอบสินค้าในวันศุกร์หน้า 26 ตุลาคม 2018 เป็นต้นไป รายการสินค้าอุปกรณ์เสริมใหม่ของแอปเปิลก็มีตัวใหม่เพิ่มมาด้วย

มีรายงานจากผู้ใช้ Apple Watch Series 4 ในออสเตรเลียบางคน พบปัญหานาฬิการีบูทวนติดลูปไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งแบตเตอรี่หมด ซึ่งเมื่อพิจารณาสาเหตุแล้ว พบว่าทุกรายล้วนตั้งค่าหน้าปัดนาฬิกา (Watchface) เป็นรูปแบบที่มีการแสดงผล Infograph หรือคะแนนการทำกิจกรรมในแต่ละวัน (Activity)

ปัญหาก็คือในคืนที่ผ่านมา ออสเตรเลียมีการปรับเวลาออมแสง (Daylight Saving Time) ให้เร็วขึ้น 1 ชั่วโมง จึงน่าจะเป็นเหตุให้กราฟ Infograph เกิดการขาดช่วงไปและเกิดปัญหานาฬิกาค้างจนรีบูทวนนั่นเอง ซึ่งเมื่อผู้ใช้บางรายได้ลองเปลี่ยนรูปแบบหน้าปัดเป็นตัวที่ไม่แสดง Infograph ผ่านแอป Apple Watch ใน iPhone ปัญหานี้ก็หายไป

หลังออกอัพเดตใหญ่เวอร์ชัน 5.0 มาได้เพียง 10 วัน watchOS ระบบปฏิบัติการสำหรับ Apple Watch ก็ได้ออกอัพเดตย่อยเวอร์ชัน 5.0.1 ในวันนี้ โดยผู้ใช้งานสามารถอัพเดตได้ผ่านแอป Apple Watch ใน iPhone แล้วไปที่ General > Software Update

แอปเปิลระบุว่าเวอร์ชัน 5.0.1 นี้เป็นการแก้ปัญหาที่เกิดกับผู้ใช้เพียงจำนวนหนึ่ง อาทิ ระยะเวลาออกกำลังเพิ่มสูงกว่าปกติทำให้ไม่แม่นยำ, บั๊กไม่นับเวลายืนในช่วงบ่าย และแก้ปัญหาชาร์จ Apple Watch ไม่ได้

ถ้าใครพบปัญหาดังกล่าวก็ควรอัพเดตโดยพลัน

ที่มา: MacRumors

เมื่อกลางเดือนที่ผ่านมา แอปเปิลอัพเดตผลิตภัณฑ์ฮาร์ดแวร์ Apple Watch Series 4 ที่มีไฮไลท์คือการตรวจวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (Electrocardiogram - ECG/EKG) สามารถตรวจหาความผิดปกติของการเต้นของหัวใจได้สร้างความฮือฮาและความตื่นตัวในแง่ของการมี ECG บนอุปกรณ์สวมใส่

แต่การมาถึงของ ECG บน Apple Watch ยังมีคำถามตามมามากมาย ทั้งความสามารถว่าอุปกรณ์เหล่านี้ให้ผลเทียบเท่าอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ใช้ในสถานพยาบาลหรือไม่ ความน่าเชื่อถือว่าแม่นยำแค่ไหน ไปจนถึงประเด็นว่าเราควรจะเชื่อผลการตรวจ ECG บนอุปกรณ์สวมใส่มากน้อยแค่ไหน

คุณสมบัติหนึ่งที่น่าสนใจของ Apple Watch Series 4 ตัวล่าสุด ก็คือการตรวจจับการล้ม โดยอาศัยตัวตรวจจับการเคลื่อนไหวและเซ็นเซอร์ไจโรสโคป เหมาะไว้ใช้ติดตัวกับผู้สูงอายุ อย่างไรก็ตามผู้ใช้งานจะต้องกำหนดเปิดการใช้งานคุณสมบัตินี้เอง

โดยหน้าสนับสนุนของแอปเปิล ระบุไว้ว่าคุณสมบัติตรวจจับการล้ม จะถูกปิดการใช้งานเป็นค่าเริ่มต้น ยกเว้นว่าผู้ใช้กำหนดเปิดการตั้งค่าด้วยตนเอง หรือกำหนดอายุผู้ใช้งานว่ามากกว่า 65 ปีขึ้นไป กรณีนี้คุณสมบัติตรวจจับการล้มจึงจะเปิดใช้งานอัตโนมัติ

Ming-Chi Kuo นักวิเคราะห์และคาดการณ์สินค้าแอปเปิลขาประจำที่มีประวัติแม่นยำมากที่สุด (ผลงาน-ปีนี้) ออกรายงานฉบับล่าสุดพูดถึงยอดสั่งจองสินค้าล่วงหน้า หลังแอปเปิลเปิดให้จอง iPhone XS, iPhone XS Max และ Apple Watch Series 4 ในกลุ่มประเทศเทียร์ 1 มีรายละเอียดดังนี้

เขาบอกว่าเมื่อดูจากระยะเวลาจัดส่งสินค้า พบว่า iPhone XS Max ที่ราคาแพงที่สุดนั้น ขายดีมาก โดยเฉพาะในประเทศจีน ซึ่งแอปเปิลปรับเข้าหาตลาดจีน ทั้งการออกเครื่องสีทอง และปรับให้เครื่องรองรับการใส่ 2 ซิม เพียงประเทศเดียว คาดว่า iPhone XS Max จะทำยอดขายได้ 25-30% ของยอดขาย iPhone ทั้งหมด

เปิดตัวเป็นตัวแรกในงานแอปเปิลคืนนี้กับ Apple Watch Series 4 ตามข่าวลือทั้งหมด โดยยังคงดีไซน์คล้ายเดิม แต่ขนาดใหญ่ขึ้น 30% เป็นขนาด 40mm และ 44mm มาพร้อมดีไซน์หน้าปัดใหม่ สามารถปรับแต่ง widget ต่างๆ ในหน้าจอได้อิสระและตามต้องการมากขึ้น

เม็ดมะยมในรุ่นนี้มาพร้อม Haptic Feedback แล้ว ลำโพงดังขึ้นกว่าเดิม 50% มีการย้ายตำแหน่งของไมโครโฟนที่แอปเปิลบอกว่าให้ไกลจากลำโพงมากที่สุด เพื่อความชัดเจนในการสั่งงานและพูดคุย ชิปเซ็ตเป็น S4 ดูอัลคอร์ เร็วกว่าเดิม 2 เท่า พร้อม Accelerometer และ Gyroscope ใหม่