Apple, Inc.
ทางเว็บไซต์ AppleInsider ได้มีรายการเกี่ยวกับสิทธิบัตรของแอปเปิลที่มีการจดไว้ตั้งแต่เดือนกันยายนปี 2008 ที่มีชื่อว่า "Display with Dual-Function Capacity Elements" ซึ่งเป็นการรวมเอาตัวเก็บประจุเข้าไปไว้ในส่วนแสดงผลของแต่ละจุดบนหน้าจอ LCD และสามารถทำงานแยกกันได้ตามปกติ
เทคนิคนี้จะสามารถทำให้ผลิตอุปกรณ์ที่มีจอภาพสัมผัสแบบประจุ (capacitive) ได้บางขึ้น เบาขึ้น และสว่างมากขึ้น เพราะเป็นการเปลี่ยนจากการใช้จอ LCD แยกกับแผงเซนเซอร์สัมผัสแบบเดิมที่ใช้กันอยู่ทั่วไป ซึ่งสิทธิบัตรนี้สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับผลิตภัณฑ์หลักๆ ของแอปเปิลได้เกือบทั้งหมด
เมื่อประมาณเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา แอปเปิลได้เปิดเว็บไซต์ iTunes Preview ที่สามารถให้ผู้ใช้ค้นหาเพลงใน iTunes Store ผ่านหน้าเว็บด้วยเบราว์เซอร์ได้โดยไม่ต้องใช้โปรแกรม iTunes ในสัปดาห์ที่ผ่านมา แอปเปิลได้แอบเพิ่มฟีเจอร์ในการทดลองฟังตัวอย่างเพลงความยาว 30 วินาทีผ่านหน้าเว็บไซต์แล้ว อย่างไรก็ตามหากผู้ใช้ต้องการจะซื้อเพลง ก็ยังคงต้องคลิกลิงค์เพื่อไปเปิดโปรแกรมและดำเนินการต่อใน iTunes อยู่ดี
คงเป็นที่ทราบกันดีเกี่ยวกับมาตรการเกี่ยวกับการรักษาความลับของแอปเปิลที่ออกจะเวอร์เมื่อเทียบกับบริษัทอื่นๆ ในอุตสาหกรรมสักหน่อย ก่อนหน้านี้อาจเคยมีข่าวเกี่ยวกับการที่พนักงานถูกควบคุมหรือทำโทษจากบริษัทเพื่อรักษาความลับต่างๆ ถึงกระนั้นเราก็จะเห็นว่ามีข่าวลือหลุดมาจากตามแหล่งต่างๆ เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของแอปเปิลตลอดเวลา อย่างเช่นข่าวเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (ดูข่าวเก่า) ล่าสุดอดีตผู้จัดการฝ่ายการตลาดของแอปเปิล John Martellaro ระบุกับทาง The Mac Observer ว่าแอปเปิลอาจจงใจปล่อยข่าวลือเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา
ก่อนหน้านี้ที่แอปเปิลและกูเกิลเคยแย่งกันซื้อ AdMob (ดูข่าวเก่า) และพลาดท่าให้กับกูเกิลไปแล้ว ในวันนี้แอปเปิลได้ประกาศซื้อ Quattro Wireless ซึ่งเป็นบริษัททำระบบโฆษณาบนแพลตฟอร์มโมบายเช่นเดียวกับ AdMob เรียบร้อยแล้ว
แม้ว่าจะมีการคาดเดาจากหลายสำนักถึงการที่แอปเปิลกำลังจะทำ iPhone ในระบบ CDMA ที่จะสามารถใช้กับ Verizon ที่สหรัฐฯ ได้ จนนำไปสู่ทฤษฎีที่ว่าเราน่าจะได้เห็น Verizon ขาย iPhone ในกลางปี 2010 เมื่อสัญญาระหว่างแอปเปิลกับ AT&T หมดลงนั้น Maynard J. Um จาก UBS Investment Research ระบุว่าแอปเปิลกับ Verizon อาจไม่สามารถหาข้อตกลงในเรื่องของราคากันได้
หากเปรียบเทียบกันแล้ว ปัจจุบันแอปเปิลได้รายได้จากการขาย iPhone กับ AT&T อยู่ที่ประมาณ $700 ต่อเครื่อง ซึ่งหากเปรียบเทียบกับตัวเลข $450 ที่ Motorola ทำได้จาก Droid ที่ขายกับ Verizon แล้ว คงเป็นไปได้ยากที่สองบริษัทจะหาข้อตกลงเรื่องส่วนแบ่งนี้กันได้
ความคืบหน้าล่าสุดของแท็บเล็ตจากแอปเปิลที่ทุกคนรอคอย
เว็บไซต์ AllThingsD ในเครือ Wall Street Journal รายงานว่า แอปเปิลมีนัดแถลงข่าววันที่ 27 มกราคมนี้ โดยสถานที่เป็น Yerba Buena Center for the Arts ในซานฟรานซิสโก ซึ่งเป็นสถานที่ที่แอปเปิลใช้แถลงข่าวเปิดตัวผลิตภัณฑ์อยู่บ่อยๆ - AllThingsD
ด้าน Wall Street Journal รายงานว่าขนาดหน้าจออยู่ที่ 10-11 นิ้ว ราคาน่าจะอยู่ที่ 1,000 ดอลลาร์ และเริ่มส่งมอบผลิตภัณฑ์ให้กับลูกค้าได้ในเดือนมีนาคม - WSJ
ดูเหมือนว่าการต่อสู้เรื่องสิทธิบัตรขอโนเกียและแอปเปิลจะเผ็ดร้อนขึ้นอีกเท่าตัว เมื่อโนเกียได้ทำยื่นคำร้องแก่ International Trade Commission หรือหน่วยงานรับผิดชอบการค้าระหว่างประเทศว่าแอปเปิลได้ละเมิด "สิทธิบัตรเกี่ยวกับการติดตั้งและใช้งาน" โดยสิทธิบัตรนี้ครอบคลุมเกือบทุกอย่างตั้งแต่เซ็นเซอร์ของกล้องไปจนถึงจอสัมผัส
หากนับการฟ้องร้องเกี่ยวกับสิทธิบัตรมาตราฐาน GSM และการยื่นคำร้องถึง ITC ครั้งแรกเกี่ยวกับ UI, กล้อง, เสาอากาศและอื่น ๆ ของสินค้าแอปเปิลทุกชนิดนั้น นี่เป็นก้าวที่สามสำหรับโนเกียในการต่อสู้กับแอปเปิลในครั้งนี้
วันนี้ก็วันที่ 2 มกราคมของปี 2010 ซะแล้ว หากมาดูจากประกาศที่แอปเปิลเคยประกาศไว้ว่า...
Apple will support Microsoft Windows 7 (Home Premium, Professional, and Ultimate) with Boot Camp in Mac OS X Snow Leopard before the end of the year. This support will require a software update to Boot Camp.
หรือว่าง่าย ๆ แอปเปิลจะสนับสนุน Windows 7 ที่รันบน Boot Camp โดยการปล่อยอัพเดทไดรเวอร์สำหรับ Windows 7 โดยเฉพาะก่อนสิ้นปี 2009 นั่นเอง ดูเหมือนจะผู้ใช้ Windows 7 บน Boot Camp คงต้องรอต่อไปเสียแล้ว ดูเหมือนจะทุ่มเทให้กับ iSlate มากไปหน่อยกระมัง
หลายคนคงรู้จัก Tim Cook ในฐานะตัวตายตัวแทนของสตีฟ จ็อบส์ ในช่วงที่ลาป่วยไปครึ่งปี ปัจจุบัน Cook ดำรงตำแหน่ง Chief operating officer หรือ COO และตามสายงานเป็นรองแค่จ็อบส์คนเดียวเท่านั้น ระหว่างที่จ็อบส์ลาป่วยไป Cook ก็สามารถบริหารงานแทนได้อย่างยอดเยี่ยม ไม่มีปัญหาใดๆ
ความสามารถของ Cook เลยไปเข้าตา General Motors อดีตบริษัทผลิตรถยนต์อันดับหนึ่งของโลก (ปัจจุบันโดนโตโยต้าแซงไปแล้ว) ซึ่งเพิ่งล้มละลายหลังวิกฤตเศรษฐกิจสหรัฐ และฟื้นฟูกิจการกลับมาเป็น GM ที่สอง
Kai Fu Lee อดีตผู้จัดการใหญ่ของกูเกิลประเทศจีน (เคยทำงานกับไมโครซอฟท์และแอปเปิลด้วยเช่นกัน ดูข่าวเก่า Kai Fu Lee ลาออกจากกูเกิลไปตั้งบริษัทใหม่, Kai Fu Lee เผยแผนบริษัท Innovation Works ให้ทุนคนรุ่นใหม่ ประกอบ) ได้เขียนลงในบล็อกของตัวเอง เปิดเผยสิ่งที่เขารู้เกี่ยวกับแท็บเล็ตของแอปเปิล
เขาบอกว่าแท็บเล็ตตัวนี้จะมีหน้าจอ 10.1 นิ้ว คล้ายกับ iPhone ขนาดใหญ่ รองรับกราฟฟิกสามมิติ และตั้งราคาขายต่ำกว่า 1,000 ดอลลาร์ แอปเปิลตั้งเป้าว่าจะขายอุปกรณ์ตัวนี้ได้ถึง 10 ล้านเครื่องในปี 2010 ซึ่งเป็นตัวเลขที่นักวิเคราะห์บอกว่าทะเยอทะยานมาก
ดูเหมือนว่างานนี้ศาลซานฟรานซิสโกจะเข้าข้างแอปเปิลในคดีฟ้องเป็นกลุ่ม (Class Action Lawsuit) ระหว่างกลุ่มผู้ใช้ไอพ็อดและแอปเปิล เกี่ยวกับกรณีที่ผู้ใช้ไอพ็อดแล้วมีปัญหาหูหนวก หูตึง และหูไม่ดี โดยศาลได้ทำการปฏิเสธการยื่นฟ้องของกลุ่มที่ต้องการให้แอปเปิลรับผิดชอบ
โดยศาลนั้นได้กล่าวว่าผู้ฟ้องไม่ได้ต้องการฟ้องเพราะว่าไอพ็อดนั้นไม่สามารถทำในสิ่งที่มันถูกดีไซน์ขึ้นมาได้ และผู้ฟ้องเองก็ไม่สามารถแสดงให้เห็นว่าปัญหาหูไม่ดีทั้งหลายจากการใช้ไอพ็อดเป็นปัญหาที่ไม่สามารถที่จะหลีกเลี่ยงได้ ทำให้การฟ้องร้องในครั้งนี้ไม่สามารถนำเข้าชั้นศาลได้
ที่มา - Engadget
ไม่ว่ามันจะชื่อ iPad, MacTablet, iSlate, Magic Slate ก็คิดซะว่าหมายถึงแท็บเล็ตของแอปเปิลละกันนะครับ
นิตยสาร BusinessWeek ได้พยากรณ์ว่าหลังแท็บเล็ตตัวนี้วางขาย จะมีอุตสาหกรรมอะไรที่ถูกเปลี่ยนโฉมไปบ้าง
แหล่งข่าวรายงานว่ามีผู้สั่งซื้อ iPhone 3G 8GB แต่แทนที่จะได้รับ iPhone 3G ตามที่สั่งซื้อ กลับได้เป็น iPhone 3GS แทน
ซึ่ง ณ ตอนนี้ iPhone 3G มีวางจำหน่าย 1 รุ่นคือรุ่น 8GB ส่วน iPhone 3GS มีวางจำหน่าย 2 รุ่นคือรุ่น 16GB และ 32GB
คาดว่า iPhone 3GS 8GB จะเข้ามาแทนที่ iPhone 3G รุ่นเดิม และมีแนวโน้มว่า Apple จะปรับราคา iPhone ลง เพื่อแข่งขันกับ Naxus One โทรศัพท์มือถือจาก Google ที่จะเปิดตัวในวันที่ 5 มกราคม 2553 นี้
ที่มา: Gizmodo
ดูเหมือนว่าปัญหาระหว่างโนเกียกับแอปเปิลจะระอุขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่โนเกียได้ประกาศว่าบริษัทได้ส่งคำร้องไปหา U.S. International Trade Commission หรือหน่วยงานที่ดูแลเรื่องการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐว่าสินค้าของแอปเปิลทุกชนิดได้ทำการละเมิดสิทธิบัตรของโนเกีย โดยรวมไปถึง ไอโฟน ไอพ็อด และคอมพิวเตอร์แมคอินทอชทั้งหมด
โดยสิทธิบัตรที่ถูกละเมิดนั้น รวมไปถึงสิทธิบัตรเกี่ยวกับหน้าตา User Interface, กล้องถ่ายภาพ, เสาอากาศและระบบ Power Management ของอุปกรณ์ต่าง ๆ
บริษัทวิจัย Flurry เปิดเผยตัวเลขและสถิติต่างๆ ของ iPhone และ iPod touch
ตัวเลขที่น่าสนใจคือช่วงวันคริสต์มาสที่เพิ่งผ่านมาสดๆ ร้อนๆ ยอดดาวน์โหลดโปรแกรมของ iPod touch ซึ่งเดิมตามหลัง iPhone มาตลอด พุ่งกระฉูดมากกว่า 1000% ถ้าเทียบกับ iPhone ในวันคริสต์มาสเหมือนกัน มีตัวเลขเหนือกว่าถึง 172%
เหตุผลก็เป็นเพราะคนนิยมให้ iPod touch เป็นของขวัญวันคริสต์มาสน่ะเอง ประมาณว่าแกะกล่องของขวัญแล้วก็ดาวน์โหลดโปรแกรมกันทันที
ถ้าเทียบยอดทั้งหมดของ App Store แต่ละค่ายในเดือนธันวาคม ยอดรวมของแอปเปิลเพิ่มขึ้น 51% ส่วน Android Market เพิ่ม 22% เมื่อเทียบกับเดือนพฤศจิกายน
หลาย ๆ คนอาจจะทราบถึงเรื่องที่แอปเปิลได้ชนะคดีระหว่างแอปเปิลกับ Psystar เกี่ยวกับเรื่องละเมิด DMCA ของ Mac OS X มาแล้ว ล่าสุด Psystar ได้ทำการอัพเดทเว็บของตัวเองว่าทางบริษัทได้เลิกทำการขาย Rebel EFI ที่มีความสามารถในการทำให้คอมพิวเตอร์ PC สามารถบูท Mac OS X ได้ แม้ว่าทางบริษัทเองยังไม่ได้รับการยืนยันอย่างแน่นอนจากศาลว่าสามารถทำได้หรือไม่
ในขณะเดียวกัน Psystar ได้ขอรับบริจาคเงิน และยังทำการขายเสื้อที่ด้านหน้าเขียนไว้ว่า "I sued Psystar" ส่วนด้านหลังนั้นเขียนว่า ".. and all I got was a lousy injunction." หรือแปลเป็นไทยได้ว่า "ฉันฟ้อง Psystar … และทั้งหมดที่ฉัันได้ก็แค่คำสั่งห้าม [Psystar ขาย] แหยง ๆ อันนึง"
เมื่อวานนี้ทางเว็บ MacRumors ได้รายงานว่าแอปเปิลได้แอบทำการจดโดเมนเนม iSlate.com ไว้ แต่ได้ใส่ชื่อ Registrant เป็นบริษัทอื่น แต่เมื่อข่าวเกี่ยวกับ iSlate กระจายไปแล้วดูเหมือนเรื่องราวนี้จะเริ่มสมบูรณ์ขึ้น เมื่อ TechCrunch ได้พบว่า iSlate นั้นถูกจดเป็นเครื่องหมายทางการค้าโดยบริษัทเล็ก ๆ ในรัฐเดลาแวร์ชื่อ Slate Computing ในช่วงปี 2006 ส่วนในยุโรปนั้นเครื่องหมายทางการค้าเดียวกันนี้ได้ลงทะเบียนไว้โดยบริษัทกฏหมายที่แอปเปิลได้ทำการว่าจ้างไว้ ดูเหมือนว่าบริษัท Slate Computing นั้น จะเป็นเพียงบริษัทหุ่นเชิดสำหรับแอปเปิล ที่มีหน้าที่ทำการจดเครื่องหมายทางการค้า iSlate ไว้โดยเฉพาะ ตัวอย่างที่ชัดเจนคือก่อนหน้านี้แอปเปิลได้ใช้วิธีเดียวกันในการ "ขอ" จดชื่อ iPhone ไว้ในรัฐเดลาแวร์เช่นกัน
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ มีข่าวลือเกี่ยวกับ Tablet จากแอปเปิลเพิ่มขึ้นมามากอย่างน่าตกใจ โดยหลาย ๆ สำนักได้อ้างว่าแอปเปิลอาจจะเปิดตัวอุปกรณ์ตัวนี้อย่างเร็วก็ภายในเดือนมกราคมปีหน้านี้
หนึ่งในบล็อกของ New York Times โดย Nick Bilton ก็ได้มีรายละเอียดที่น่าสนใจเกี่ยวกับอุปกรณ์ตัวนี้ โดยเขาได้รายงานว่าแอปเปิลได้ค้นคว้าเกี่ยวกับ Tablet มานานมากแล้วแต่ดูเหมือนไม่ได้ตั้งใจทำมากนัก โดยเหตุผลอาจจะเป็นเพราะว่าตลาดนั้นไม่พร้อมกับอุปกรณ์ในลักษณะนี้ แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้แอปเปิลเห็นว่าตลาดพร้อมแล้ว จึงได้เดินหน้าการผลิตและค้นคว้าอย่างเต็มที่ในช่วงหลัง ๆ โดยจากคำพูดของพนักงานระดับสูงของแอปเปิลนั้น "สตีฟ จ็อบส์นั้นแฮปปี้สุด ๆ กับ Tablet ตัวนี้"
ลือกันมานานเกี่ยวกับอุปกรณ์ Tablet ของแอปเปิลที่ไม่ออกมาเสียที ล่าสุดมีรายงานจากสิทธิบัตรใหม่ล่าสุดของแอปเปิลที่แสดงถึงความสามารถในการเปลี่ยนพื้นผิวของจอแบบสัมผัสบางจุดให้นูนขึ้นมาได้ โดยมีชื่อว่า "Keystroke Tactility Arrangement on a Smooth Touch Surface"
เทคนิกดังกล่าวเป็นการใช้อุปกรณ์บางอย่างซ้อนไปใต้จอสัมผัส เพื่อที่จะสามารถสร้างรูปแบบของการนูนขึ้นมาเป็นเส้นหรือเป็นจุดได้ ซึ่งสามารถนำมาประยุกต์ใช้เพื่อให้เกิดสัมผัสที่สะดวกกับการใช้งานเป็นคีย์บอร์ด ในขณะเดียวกันจอก็สามารถปรับสภาพกลับเป็นจอเรียบๆ ได้หากอินเตอร์เฟซตอนนั้นไม่ได้ใช้คีย์บอร์ดอยู่
เว็บ 9 to 5 Mac ให้ข้อมูลจากแหล่งข่าวในไต้หวันว่า แอปเปิลได้สั่งซื้อ CMOS สำหรับกล้องดิจิทัลจากบริษัท OmniVision เพิ่มอีกเท่าตัวในปี 2010 และแหล่งข่าวจาก Digitimes บอกว่ามันเป็น CMOS สำหรับกล้องความละเอียด 5 ล้านพิกเซล และจะใช้ใน iPhone ที่เปิดตัวช่วงครึ่งหลังของปี 2010
กล้องใน iPhone 3GS ใช้ CMOS แบบ 3.2 ล้านพิกเซลจาก OmniVision เช่นกัน ส่วน iPhone 3G ใช้ของบริษัท Aptina
ข่าวเรื่องกล้องผมว่าไม่น่าแปลกใจ แต่เรื่องกำหนดเปิดตัว ถ้าเป็นจริงก็น่าจะประกาศในงาน WWDC เดือนมิถุนายน และเป็นครั้งแรกที่ iPhone ไม่ได้เปิดตัวช่วงต้นปี
The Financial Times รายงานว่าแอปเปิลได้ทำการเช่าสถานที่เดียวกับที่เปิดตัว iPod Nano รุ่นใหม่ไปเมื่อกลางปี ในวันที่ 26 มกราคม 2010 โดยคาดกันว่าแอปเปิลจะทำการเปิดตัวสินค้าใหม่ภายในงาน ซึ่งน่าจะเป็น Tablet ตามที่ข่าวลือออกมาอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ทาง Silicon Alley Insider ได้รับรายงานว่ามีนักพัฒนาโปรแกรมบนไอโฟนหลายคนได้รับแจ้งจากทางแอปเปิลให้ตรวจสอบว่าโปรแกรมสามารถทำงานได้ในขนาดหน้าจอแบบ Full Screen แทนที่จะเป็น 320x480 ตามขนาดหน้าจอไอโฟน
Mark Rein รองประธานของบริษัท Epic Games ผู้เป็นเจ้าของ Unreal Engine เอนจินเกมชื่อดังตัวหนึ่งที่ถูกใช้ในเกมดังๆ หลายเกม ได้นำเสนอตัวอย่างเกมที่ใช้ Unreal Engine 3 (UE3) พอร์ทมาทำงานบน iPhone OS โดยประยุกต์ใช้จอมัลติทัชในการควบคุม โดยใช้นิ้วหัวแม่มือข้างซ้ายในการควบคุมการเดินและหมุนตัว ในขณะที่นิ้วหัวแม่มือข้างขวาในการเล็งและยิง
ตัวอย่างนี้ได้ใช้ OpenGL ES 2.0 ซึ่งมีอยู่ใน iPhone 3GS และ iPod touch รุ่นใหม่เท่านั้น โดยในรายงานได้กล่าวว่าเกมตัวอย่างนี้สามารถทำงานได้อย่างราบรื่น มีอัตราเฟรมที่ลื่นไหล และการควบคุมก็ทำได้ดี อย่างไรก็ตามตัวอย่างนี้ก็มีหลายจุดที่ยังต้องการการแก้ไขในการใช้งานจริง
AppleInsider รายงานว่า Moscone West ได้ถูกจองช่วงวันที่ 28 มิถุนายนถึงวันที่ 2 กรกฎาคมปีหน้านี้แล้วสำหรับ Event ของบริษัทที่ไม่ได้ถูกเปิดเผยชื่อ ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นงาน WWDC ที่แอปเปิลได้จัดขึ้นให้กับนักพัฒนาโปรแกรมทุก ๆ ปี
แต่ดูเหมือนว่าความสำคัญของวันนี้ได้เปลี่ยนไปเป็นวันเปิดตัวไอโฟนรุ่นใหม่เสียแล้ว หากดูจากเทรนด์ของปีที่ผ่าน ๆ มา ที่แอปเปิลได้ทำการเปิดตัว iPhone 3G ที่งาน WWDC 2008 และ iPhone 3GS ที่งาน WWDC 2009 โดยงาน WWDC ดังกล่าวถูกจัดขึ้นในเวลาประมาณกลางปีทั้งสิ้น
รายงานจาก BusinessWeek กล่าวว่า Verizon ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือระบบ CDMA ของสหรัฐได้ออกมากล่าวว่าทางบริษัทได้ทำการอัพเกรดเครือข่ายทั้งหมดเพื่อรอไอโฟนไว้แล้ว
Verizon Wireless ได้ทำการอัพเกรดเครือข่ายทั้งหมดให้สามารถรองรับการรับส่งข้อมูลที่มากที่จะเกิดขึ้นจากไอโฟนได้ … โดยทุกอย่างนั้นพร้อมหมดแล้ว เราพร้อมที่จะสนับสนุนการใช้งานมากขนาดนั้นแล้ว
Verizon เห็นว่าผู้ใช้ไอโฟนหลายคนได้ออกมาบ่นว่าความสามารถของเครือข่ายของ AT&T นั้นเป็นปัญหามาก และทางบริษัทเองก็ "น่าจะ" เป็นผู้ร่วมธุรกิจที่ดีกับแอปเปิลหลังจากที่สัญญาผู้ให้บริการไอโฟนแต่เพียงผู้เดียวระหว่าง AT&T กับแอปเปิลหมดลง
ข้อมูลจาก comScore รายงานว่าตอนนี้ส่วนแบ่งตลาดของไอโฟนนั้นมากกว่า Windows Mobile แล้วในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยข้อมูลนั้นได้มาจากการสำรวจเป็นรายเดือน โดยจากข้อมูลนั้นสหรัฐอเมริกามีผู้ใช้ Smartphone ถึง 36 ล้านคนจากผู้ใช้โทรศัพท์มือถือทั้งหมด 196 ล้านคน โดยกว่า 40% ของกลุ่มผู้ใช้ Smartphone นั้นกำลังใช้อุปกรณ์ที่รัน BlackBerry OS จาก Research in Motion ส่วนไอโฟนนั้นอยู่เป็นอันดับที่สอง มีส่วนแบ่งตลาด Smartphone ที่ 25%