นายซั่ง ปิง ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและสารสนเทศจีน ประกาศแผนการปรับปรุงอินเทอร์เน็ตทั่วประเทศครั้งใหญ่ หวังให้พื้นที่ห่างไกลได้ใช้อินเทอร์เน็ตความเร็ว 4 Mbps ภายในปี 2558 โดยใช้เม็ดเงินลงทุนโครงการมากถึง 2 ล้านล้านหยวน หรือประมาณ 10 ล้านล้านบาท

ปัจจุบันจีนมียอดผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตมากถึง 45% ของคนทั้งประเทศ รัฐบาลจึงให้ความสำคัญกับระบบอินเทอร์เน็ตและการสื่อสารไร้สาย ตั้งเป้าให้หัวเมืองใหญ่มีความเร็วอยู่ที่ 20 Mbps ส่วนในพื้นที่ห่างไกลให้มีความเร็วที่ 4 Mbps โดยหวังมีผู้ใช้งานระบบสื่อสารไร้สาย 25 ล้านคน และผู้ใช้งานระบบอินเทอร์เน็ตอีก 35 ล้านคนภายในปี 2556

บริษัท GooPhone จากประเทศจีน ต้นตำรับการลอกแบบ iPhone มาตั้งแต่ตอน iPhone 5 ที่ดูเหมือนหลายคนแถวนี้จะชื่นชอบ เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ Goophone i5C ด้วยหน้าตาที่ใกล้เคียงกับ iOS 7 อย่างมาก ตัวเครื่องก็คล้ายกับ iPhone 5c

สำหรับสเปกนั้น Goophone i5C มีหน้าจอ 4 นิ้ว (แต่ไม่เรติน่า), ซีพียู MediaTek ดูอัลคอร์ 1.2GHz, ระบบปฏิบัติการ Android 4.2, กล้อง 5 ล้านพิกเซล และแรม 512MB มีราคาเพียง 99 ดอลลาร์เท่านั้น

ชมความเหมือนกับ iPhone 5c พร้อมระบบปฏิบัติการ iOS 7 ได้ในคลิปท้ายข่าว

มีผู้ใช้งาน Weibo จากจีนได้โพสต์วิดีโอแกะกล่อง iPhone 5c สีฟ้า ลงใน Youku เผยให้เห็นอุปกรณ์ที่แถมมาในกล่อง แต่เมื่อสังเกตก็จะพบว่า ไม่มี EarPods แถมมาในกล่อง

โดยเมื่อแกะกล่องออกมา จะพบตัวเครื่อง iPhone 5c สีฟ้า และอุปกรณ์ในกล่องที่ให้มาเช่น อแดปเตอร์ชาร์จไฟ, สายเชื่อมต่อพอร์ต Lightning และหัวแปลงอะไรซักอย่างอยู่กลางกล่อง แต่ในวิดีโอกลับไม่พบ EarPods เลย ทั้งๆ ที่ในเว็บไซต์ของแอปเปิลจีนเองก็ระบุว่าจะมี EarPods มาในกล่องของ iPhone 5c ด้วย

อย่างไรก็ตามวิดีโอนี้ก็ยังน่าสงสัยว่าผู้ใช้รายนี้ได้เครื่อง iPhone 5c มาก่อนได้อย่างไร ทั้งๆ ที่เพิ่งเปิดจองไปเมื่อสัปดาห์ก่อนเท่านั้นเอง

ยักษ์ออนไลน์จีน Tencent (เจ้าของเดียวกับ WeChat) เข้าซื้อหุ้น 36.5% ของเว็บค้นหาจีน Sogou คิดเป็นเงินมูลค่า 448 ล้านดอลลาร์ (เจ้าของเว็บแห่งนี้คือบริษัท Sohu.com Inc. ซึ่งยังถือหุ้นใหญ่ของ Sogou อยู่)

Sogou ถือเป็นเว็บค้นหาอันดับสามของจีน มีส่วนแบ่งตลาด 5.5% รองจาก Baidu ที่นำห่าง 82% และอันดับสอง Qihoo 360 ครองตลาด 9%

การที่ Tencent เข้าซื้อหุ้นของ Sogou ทำให้บริษัทเริ่มเข้ามาในตลาดเว็บค้นหาอย่างจริงจัง (โดยเฉพาะบนอุปกรณ์พกพาที่ Tencent ทำได้ดี) และภาวะการแข่งขันระหว่าง Tencent กับ Baidu ร้อนแรงขึ้น

ก่อนหน้านี้เคยมีข่าวว่าเบอร์สอง Qihoo สนใจซื้อเบอร์สาม Sogou แต่สุดท้ายการเจรจาล้มเหลว จนกลายมาเป็น Tencent เข้าซื้อหุ้นบางส่วนในที่สุด

Baidu ยักษ์ใหญ่เสิร์ชเอนจินจากจีนวางขาย B-100 HD Internet TV (แปลจากกูเกิล) ซึ่งเป็น TV dongle ของตัวเอง สำหรับสตรีมข้อมูลสื่อมีเดียต่างๆ มาชมทางทีวี แต่บังเอิญการทำงานมันดันไปคล้ายกับ Chromecast ของกูเกิลซะนี่

Baidu วางขาย B-100 HD Internet TV ในเว็บไซต์ขายของออนไลน์ที่จีน เชื่อมต่อกับทีวีผ่านผ่านพอร์ต HDMI รองรับสื่อมีเดียจาก DLNA, Airplay, Baidu’s BDPlay และ iQiyi (บริการมีเดียของ Baidu) สามารถสตรีมสื่อมีเดียผ่านสมาร์ทโฟน, คอมพิวเตอร์ หรือแท็บแล็ตได้ มีราคาขายที่ 198 หยวนหรือราวๆ $32 (Chromecast ราคา $35)

จากข่าวลือที่บอกว่า HTC กำลังทำระบบปฏิบัติการสำหรับมือถือในจีนดูท่าจะเป็นจริงขึ้นมาแล้ว เพราะว่าล่าสุดใน Sina Weibo ได้ปล่อยภาพหลุดของโฮมสกรีนของระบบปฏิบัติการใหม่ของ HTC ซึ่งหน้าตาของมันค่อนข้างคล้ายกับ HTC Sense UI 5.0 (หรือที่ HTC เรียกมันว่า The New HTC Sense)

ทั้งนี้ยังมีบางที่ระบุว่ามันคือ Sense 5.5 ซึ่งส่วนตัวผมว่าไม่น่าใช่ครับ

ที่มา: Android Community

เมื่อวันที่ 11 กันยายนที่ผ่านมา ที่เมืองจูโจว มณฑลหูหนาน ตอนกลางประเทศจีน ได้เกิดเหตุ iPhone 4 ระเบิดในขณะที่กำลังชาร์จแบตอยู่ ซึ่งเจ้าของ iPhone 4 เครื่องนี้ยืนยันว่าเขาใช้ที่ชาร์จและสายชาร์จของแท้ที่ซื้อมาพร้อมกับตัวเครื่องเมื่อปี 2011

หลังจากที่เขานำ iPhone 4 เครื่องนี้ไปเคลมกับทางแอปเปิลก็ได้คำตอบแค่ว่าอาจจะมีสาเหตุมาจากน้ำรั่วเข้าไปในตัวเครื่องก็เลยทำให้ระเบิดขึ้นและทางร้านสัญญาว่าจะเปลี่ยนเครื่องใหม่ให้

จากข่าวก่อนหน้าที่ แอปเปิลได้ใบอนุญาตขาย iPhone กับ China Mobile แล้ว ทางเว็บไซต์จากประเทศจีนที่ชื่อว่า SinaTech ได้กล่าวว่า เครือข่าย China Mobile นั้นมีผู้ใช้ iPhone อยู่แล้ว 42 ล้านคน ก่อนหน้าที่จะมีดีลกับแอปเปิลเสียอีก!

จำนวน 42 ล้านคนนั้น มากกว่าผู้ให้บริการมือถือรายใหญ่ของสหรัฐฯ 2 ราย คือ AT&T กับ Verizon รวมกันเสียอีก ยิ่งถ้านับว่า iPhone ไม่สามารถใช้เทคโนโลยีพิสดารอย่าง TD-SCDMA ได้นั้น แสดงว่าชาวจีนสนใจ iPhone มาก

Xiaomi เป็นบริษัทมือถือจีนที่ร้อนแรงที่สุดแห่งยุค ได้รับการยกย่องว่าเป็น "แอปเปิลแห่งประเทศจีน" และเพิ่งฉกตัว Hugo Barra ของกูเกิลไปร่วมงานด้วยหมาดๆ

หลายคนอาจสงสัยว่าอะไรเป็นปัจจัยหนุนให้ Xiaomi เติบโตมาได้ถึงขนาดนี้

Xiaomi เพิ่งเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ไปเมื่อสองสัปดาห์ก่อน (โทรศัพท์ Mi3 และทีวี MiTV) ตอนนี้คลิปถ่ายทอดงานเปิดตัวมีให้ดูแล้ว พร้อมซับไตเติลภาษาอังกฤษประกอบ ถ้าใครมีเวลาสัก 1 ชั่วโมงแนะนำให้ดูคลิปนี้แล้วจะพอเข้าใจว่าทำไม Xiaomi ถึงยิ่งใหญ่ขนาดนี้ครับ

Hugo Barra อดีตผู้บริหารทีม Android เปิดใจให้สัมภาษณ์ครั้งแรก หลังย้ายไปอยู่กับบริษัทมือถือจีนดาวรุ่ง Xiaomi

เขาไม่ได้ตอบเรื่องผู้หญิงตามที่เคยเป็นข่าว แต่อธิบายว่าเขาคุยกับ Xiaomi มาเป็นปีแล้ว ไม่ใช่เพิ่งมาตัดสินใจช่วงนี้

Barra เล่าว่าสมัยที่เขาย้ายมาทำงานกับกูเกิลใหม่ๆ (เดิมทีอยู่กับ Nuance) เขาอยู่ในทีม mobile ที่ดูแลโดย Vic Gundotra (ยังไม่ใช่ทีม Android) ซึ่งเขาดูแลงานฝั่งยุโรป แต่ทีม mobile จะนัดผู้บริหารจากทุกภูมิภาคมาประชุมแผนงานกันทุกเดือน ซึ่งเขาทำงานเพียงวันที่สองก็ต้องมาประชุมทีมที่ปักกิ่ง และได้เจอกับ Bin Lin หัวหน้าทีม mobile ของกูเกิลในจีนตั้งแต่วันนั้น

The Korea Times ได้เข้าสัมภาษณ์ทีมบริหารของซัมซุงเกี่ยวกับการเปิดตัวไอโฟนใหม่ของแอปเปิล โดย Shin Jong-Kyun หัวหน้าฝ่ายธุรกิจโทรศัพท์มือถือของซัมซุงบอกว่าพวกเขาพร้อมที่จะรุกตลาดจีนเช่นกัน และล่าสุดก็ได้รับการรับรองให้ขายอุปกรณ์ที่รองรับเครือข่าย TDD-LTE ของ China Mobile เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

นอกจากนี้ ซัมซุงยังจะนำชิป 64-bit มาใช้ในมือถือตระกูล Galaxy อีกด้วย เพียงแต่ว่าอาจจะต้องใช้เวลาซักพักหนึ่ง ซึ่งทางแหล่งข่าวเชื่อว่าการเปลี่ยนมาใช้ชิป 64-bit ของซัมซุงน่าจะไม่ทันสิ้นปีนี้

หลายคนอาจจะบอกว่าซัมซุงชอบทำตาม (ลอก) แอปเปิลทุกอย่าง แต่ต้องอย่าลืมว่าซัมซุงเป็นผู้ผลิตชิป A7 64-bit ของแอปเปิลด้วย

รายงานจาก The Next Web บอกว่าในกลุ่มโซเชียลมีเดียของประเทศจีนตอนนี้ มีหลายคนที่ได้ออกมาแสดงความไม่พอใจและผิดหวังกับราคา iPhone 5c ซึ่งก่อนหน้านี้มีข่าวออกมาตลอดว่าจะเป็นไอโฟนรุ่นราคาถูก โดยสมาชิกบางคนได้ออกมาบอกว่า iPhone 5c เป็นมือถือราคาถูกที่แพงที่สุด ในขณะที่สมาชิกบางคนเอาสีของ iPhone 5c ไปเปรียบเทียบกับรองเท้า Crocs (ดูภาพจากที่มา)

วันนี้คงถือเป็นวันดีสำหรับแอปเปิลในการบุกเอเชียตะวันออก เพราะสามารถเจรจากับโอเปอเรเตอร์อันดับหนึ่งของญี่ปุ่น NTT DOCOMO ได้สำเร็จ และฝั่งของจีนเองก็เกือบสิ้นสุดกระบวนการแล้ว

ก่อนหน้านี้แอปเปิลวางขาย iPhone ในจีนกับโอเปอเรเตอร์เบอร์สองและสามคือ China Unicom และ China Telecom มาได้สักระยะแล้ว แต่สำหรับ China Mobile โอเปอเรเตอร์เบอร์หนึ่ง (และถือเป็นรายใหญ่ที่สุดในโลก ลูกค้าเกือบ 750 ล้านคน) การเจรจาก็ยืดเยื้อมานานเพราะต่างฝ่ายก็ถือว่าเป็นเบอร์หนึ่งในวงการของตัวเอง

ถึงแม้ว่าแอปเปิลจะหยุดจำหน่าย iPhone 4 และ iPhone 5 ในทุกตลาดแล้ว แต่ที่ประเทศจีนซึ่งเป็นตลาดพิเศษที่ประชากรจำนวนมากยังไม่สามารถเข้าถึงโทรศัพท์รุ่นใหม่ล่าสุดได้ ด้วยราคาที่ยังคงแพงอยู่

อีกทั้ง iPhone 5c ก็ไม่ได้ราคาถูกตามข่าวลือหรือการคาดการณ์แต่อย่างใด (หักปากกาเซียน) จนทำให้ชาวจีนจำนวนมากที่รอคอย iPhone 5c ราคาถูกต้องจ๋อยกันไป แอปเปิลจึงตัดสินใจจำหน่าย iPhone 4 ความจุ 8 GB ต่อไป

สำหรับตลาดในจีนนั้น iPhone 4 จะมีราคาถูกสุดคือ 2,588 หยวน ($423), iPhone 4s เริ่มที่ 3,288 หยวน ($537), iPhone 5c เริ่มที่ 4,488 ($733) และ iPhone 5s จะเริ่มต้นที่ 5,288 หยวน ($864)

เมื่อวันพุธที่ผ่านมา โรงงานหน่วยความจำของบริษัท SK Hynix ที่เมืองอู๋ซี ในประเทศจีน เกิดไฟไหม้เสียหายหนักจนต้องหยุดสายการผลิต ถึงแม้จะไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตก็ตาม

อย่างไรก็ตามไฟไหม้ครั้งนี้กลับสร้างผลสะเทือนต่อวงการหน่วยความจำของโลก เพราะ SK Hynix ถือเป็นผู้ผลิตหน่วยความจำรายใหญ่เป็นอันดับสองของโลก มีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 30% และโรงงานแห่งนี้มีกำลังการผลิตประมาณครึ่งหนึ่งของ SK Hynix ทั้งบริษัท

คาดว่าไฟไหม้รอบนี้จะส่งผลต่อปริมาณซัพพลายของชิป DRAM ทั่วโลกประมาณ 10% และ SK Hynix เองก็เป็นผู้ผลิตหน่วยความจำรายใหญ่ให้สินค้าของแอปเปิลด้วย

iPhone 5C ยังไม่ทันเปิดตัวก็มีประเด็นปัญหาเรื่องละเมิดสิทธิแรงงานเสียแล้ว โดยกลุ่มจับตาปัญหาแรงงานจีน China Labor Watch (CLW) ออกแถลงการณ์ว่าโรงงานของบริษัท Jabil Circuit ในเมืองอู๋ซี (Wuxi) ประเทศจีน ที่ใช้เป็นฐานผลิต iPhone ราคาถูกของแอปเปิล มีปัญหาด้านแรงงานมากมาย

ปัญหาที่ CLW ค้นพบก็มีหลากหลาย ทั้งสภาพการทำงานที่แย่, พนักงานไม่ได้สำเนาสัญญามาเก็บไว้, บังคับทำงานล่วงเวลา, ทำงานล่วงเวลาแต่ไม่ได้เงินในบางครั้ง, มีระยะเวลาทำงานล่วงเวลาเกินกำหนด, ให้ยืนทำงานวันละ 11.5 ชั่วโมง, ให้พักเที่ยงแค่ 30 นาทีและไม่มีเวลาพักอื่น, สภาพห้องพักแออัด

ทั้งแอปเปิลและ Jabil Circuit (เป็นบริษัทอเมริกัน) ออกแถลงการณ์ว่ารับทราบปัญหาที่ CLW แจ้งมาแล้ว และจะส่งทีมไปตรวจสอบที่โรงงานจริงต่อไป

เมื่อวานนี้เพิ่งมีข่าว แอปเปิลออกบัตรเชิญสื่อร่วมงานแถลงข่าว 10 กันยายน ซึ่งน่าจะเปิดตัว iPhone รุ่นใหม่

วันนี้มีข่าวมาจากสื่อฝั่งประเทศจีนว่า แอปเปิลเตรียมจัดงานแถลงข่าวที่ปักกิ่งในวันที่ 11 กันยายน ช่วงเวลา 11.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งจะต่อจากงานแถลงข่าวที่อเมริกาไม่นาน

บัตรเชิญที่สื่อจีนได้รับนั้นมีหน้าตาเหมือนกับบัตรเชิญของสื่ออเมริกา เพียงแต่เปลี่ยนข้อความเป็นภาษาจีนเท่านั้น

นี่เป็นครั้งแรกที่แอปเปิลจัดงานแยกต่างหากสำหรับประเทศจีน ต้องรอดูว่ามันจะเป็นงานเปิดตัวเฉพาะ iPhone 5C รุ่นขายในจีน ตามที่เคยมีข่าวลือออกมาก่อนหน้านี้หรือไม่ครับ

ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายใหญ่ของจีน Meizu เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นเรือธงตัวใหม่ Meizu MX3 ตามที่ร่อนหมายเอาไว้ก่อนหน้า โดยรุ่นนี้ขยับไปใช้หน้าจอขนาด 5.1" ตามที่ใบ้มาก่อนเปิดตัวเพียงไม่กี่วัน

ด้านการออกแบบ MX3 ยังหน้าตาใกล้เคียงกับรุ่นก่อนๆ จุดต่างชัดเจนคือรุ่นนี้มีขอบระหว่างหน้าจอเพียง 2.9 มม. และใช้ชิปเสียงตัวดังอย่าง Wolfson มาช่วยขับเสียง

สเปคอื่นๆ ของ MX3 จัดว่าอยู่ในระดับท็อปเทียบเคียงกับ Galaxy S4 ดังนี้ครับ

ข่าวเก่าไปนิดแต่ก็ยังน่าสนใจครับ เว็บไซต์ Sina Tech ของจีนสำรวจความคิดเห็นของนักท่องเน็ตชาวจีนว่านิยมหรือประทับใจโทรศัพท์มือถือแบรนด์จีนรายไหนมากที่สุด

งานนี้มีผู้ตอบแบบสอบถามมากถึง 250,000 ราย ส่วนผลก็ตามนี้

1. Huawei 23.8%
2. Lenovo 21.8%
3. Coolpad 16.8%
4. Xiaomi 13.7%
5. Meizu 8.8%
6. ZTE 6%
7. Oppo 4.6%

ที่มา - Sina Tech via Tech in Asia

สงครามพื้นที่กลุ่มเมฆร้อนระอุขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งเมื่อบริษัทจีนเข้าร่วมศึกก็เกทับด้วยพื้นที่ขนาดใหญ่กว่าทันที

บริการ Tencent Cloud (หรือ Weiyun ในภาษาจีน) ประกาศให้พื้นที่เก็บข้อมูลฟรีมากถึง 10TB โดยจะเพิ่มเป็นสเต็ปตามปริมาณข้อมูลที่เราใช้งานจริง (เริ่มที่ 2TB แต่ถ้าเก็บข้อมูลถึง 1.5TB ก็จะขยับโควต้าเป็น 3TB แล้วเพิ่มไปเรื่อยๆ)

ใครอยากได้ต้องมีบัญชี Tencent QQ แล้วเข้าไปสมัครที่เพจของ Weiyun (แคมเปญนี้มีโปรโมชันจำกัดเวลา)

ก่อนหน้านี้บริษัทจีนรายอื่นอย่าง Baidu กับ Qihoo 360 ก็ประกาศให้พื้นที่ฟรี 1TB มาก่อนแล้ว แต่ก็มาเจอ Tencent เกทับด้วยพื้นที่ 10TB อีกรอบ

หนังสือพิมพ์ Wall Street Journal อ้างแหล่งข่าววงในของ HTC ที่ระบุว่าบริษัทกำลังพัฒนาระบบปฏิบัติการสำหรับมือถือ โดยเป็นโครงการที่ประธานบริษัท Cher Wang ลงมาดูแลเอง เป้าหมายคือเน้นการเจาะตลาดลูกค้าชาวจีนเพื่อพลิกสถานการณ์ของ HTC กลับคืนมา

ตอนนี้ยังไม่แน่ชัดว่าระบบปฏิบัติการตัวนี้เป็น Android fork หรือเป็นระบบปฏิบัติการตัวใหม่ทั้งหมด เท่าที่มีข้อมูลคือมันจะเชื่อมโยงกับบริการออนไลน์จีนอย่าง Weibo ด้วย

ข่าวนี้อาจมองได้ว่า HTC กำลังตอบสนองนโยบายของประเทศจีนที่ให้ลดการพึ่งพิงเทคโนโลยีจากโลกตะวันตก (ซึ่งบริษัทออนไลน์จีนหลายรายก็พัฒนาระบบปฏิบัติการของตัวเอง)

มีรายงานว่าตั้งแต่ช่วงเวลาประมาณ 2.00 น. ของวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (25 ส.ค.) ระบบอินเทอร์เน็ตจีนมีปัญหาครั้งใหญ่ (อาจใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์เว็บจีน) โดยผู้ใช้งานจำนวนมากไม่สามารถเข้าเว็บโดเมน .cn ของจีนได้

เหตุผลมาจาก registry ที่เก็บข้อมูลโดเมนเนม .cn ของจีน (ชื่อหน่วยงานคือ China Internet Network Information Center) ถูกถล่มด้วย DDos ขนาดใหญ่ถึงสองรอบคือช่วง 2.00 น. และ 4.00 น. ของวันเดียวกัน จนระบบล่มไปนาน 2-4 ชั่วโมง

ผลคือผู้ใช้เน็ตจีนจำนวนมากเข้าเว็บ .cn ไม่ได้ แต่ก็ยังมี ISP บางแห่งเก็บข้อมูลโดเมนไว้ในแคชของตัวเองอีกช่วงเวลาหนึ่ง ทำให้ผู้ใช้บางส่วนยังพอใช้งานเว็บจีนได้

มีรายงานจาก Bloomberg ว่า iPad ที่ขายในประเทศจีนนั้นส่วนแบ่งการตลาดลดลงจาก 49% ลดลงเหลือเพียง 28% ในช่วงปีที่ผ่านมา ในขณะที่ซัมซุงได้กำไรมากถึง 11%

ทำให้ iPad ได้สูญเสียตำแหน่งส่วนแบ่งการตลาดที่ดีที่สุดในประเทศจีนภายในหกเดือนที่ผ่านมา โดย Shaun Rein กรรมการผู้จัดการของกลุ่มประเทศจีนวิจัยตลาดในเซี่ยงไฮ้กล่าวว่า "ผู้บริโภคส่วนมากมีความอ่อนไหวต่อราคาของ iPad ทำให้ผู้บริโภคหลายคนคิดอยากจะซื้ออาหารกลางวันมากกว่าที่จะซื้อ iPad เสียอีก

นักวิเคราะห์ของ IDC เผยส่วนแบ่งตลาดแท็บเล็ตของประเทศจีน ประจำไตรมาสสองของปี 2013

iPad ที่เคยครองตลาด 49% ในจีนเมื่อปีที่แล้ว ส่วนแบ่งตลาดลดลงมาอยู่ที่ 28% (แต่ยังเป็นอันดับหนึ่ง) ส่วนซัมซุงขึ้นมาเป็นอันดับสองที่ 11% อันดับสามคือเลอโนโว 8% ลดลงเล็กน้อย

อันดับที่เหลือๆ เป็นแท็บเล็ตจีนสารพัดยี่ห้อ ซึ่งผู้ผลิตจำนวนมากมีส่วนแบ่งตลาดน้อยกว่า 1% (แต่รวมกันแล้วเกินครึ่งหนึ่งของตลาดเลยทีเดียว) ตัวอย่างแบรนด์เหล่านี้ได้แก่ Onda, Aigo, Ramos, Teclast

กลุ่มที่มีส่วนแบ่งตลาดเกิน 1% และติดอยู่ใน 10 อันดับแรก ได้แก่ไมโครซอฟท์ (จาก Surface), Huawei, ZTE, Acer, ASUS

Jimmy Wales ยืนกรานว่าจะไม่ยอมให้ Wikipedia ถูกเซ็นเซอร์เนื้อหาตามคำขอของรัฐบาลจีน เพราะตั้งมั่นในปณิธานว่า สิทธิในการเข้าถึงแหล่งความรู้และการศึกษาที่ถูกต้องคือสิทธิขั้นพื้นฐานของมนุษย์

ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา Wales หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง Wikipedia ได้ให้สัมภาษณ์แก่ Wall Street Journal ในฮ่องกง และมีใจความตอนหนึ่งที่บทสนทนากล่าวถึงคำขอจากรัฐบาลจีนให้เซ็นเซอร์เนื้อหาบางส่วนของเว็บไซต์สารานุกรมชื่อดัง ดังเช่นที่มีการปิดกั้นการเข้าถึงเว็บไซต์ตลอดจนเครือข่ายสังคมออนไลน์อย่าง Facebook และ Twitter ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลจีน