Meizu ค่ายมือถือแอนดรอย์ดแท้จากจีนได้เปิดตัวมือถือรุ่นใหม่นามว่า Meizu MX (ข่าวเก่า Meizu MX) ที่ดูเหมือนเป็นการปรับปรุงจากรุ่น M9 ที่ออกมาในปีนี้เพียงเท่านั้นเอง ซึ่งอาจจะไม่โดดเด่นเหมือนค่ายอื่นนัก โดยจะทำการวางจำหน่ายที่ประเทศจีนในวันที่ 1/1/12 ซึ่งถือเป็นธรรมเนียมของ Meizu ไปแล้ว(รุ่น M9 วางจำหน่าย 1/1/11)
โดยมีสเป็คคร่าวๆดังนี้
เดิมทีไมโครซอฟท์ประกาศว่าจะนำ Windows Phone บุกตลาดจีนภายในปี 2011 นี้ แต่สุดท้ายแล้วต้องยอมประกาศว่าจะเลื่อนเป็น "ครึ่งแรกของปี 2012" แทนแล้ว
มือถือตัวนี้อาจมีโอกาสน้อยที่จะเข้ามาขายในเมืองไทย แต่ดีไซน์ของมันน่าสนใจ รวมถึงทิศทางที่ซัมซุงกำลังมุ่งไปในเมืองจีน
Samsung SCH-W999 เป็นมือถือแบบฝาพับซึ่งเป็นดีไซน์ที่ห่างหายไปนานในช่วงหลัง แต่ความน่าสนใจของมันคือหน้าจอ Super AMOLED 3.5" 480x800 ทั้งสองด้าน
สเปกอย่างอื่นได้แก่ หน่วยประมวลผล Qualcomm MSM8660 1.2GHz ดูอัลคอร์, กล้อง 5MP, Android 2.3 TouchWiz, Wi-Fi และ WAPI (Wi-Fi ของจีน) นอกจากนี้ยังมีสองซิม และใช้งาน 3G แบบ EV-DO ของเครือข่าย China Telecom ในจีนได้ด้วย
Lenovo ที่เมืองจีนเปิดตัวแท็บเล็ตแบรนด์ LePad และมือถือแบรนด์ LePhone รวมกันหลายรุ่น ทั้งหมดยังทำตลาดเฉพาะในจีนเท่านั้น (เนื่องจากทำเฉพาะตลาดจีนก็ขอลงข่าวคร่าวๆ พอนะครับ ภาพและรายละเอียดอ่านกันเองตามลิงก์)
แท็บเล็ต LePad
บริษัทวิจัย Strategy Analytics ออกรายงานฉบับใหม่ ประเมินว่ายอดขายสมาร์ทโฟนในประเทศจีน เฉพาะไตรมาสที่สามของปี 2011 อยู่ที่ 23.9 ล้านเครื่อง แซงหน้าสหรัฐอเมริกา 23.3 ล้านเครื่องไปเรียบร้อยแล้ว
ปัจจัยสำคัญย่อมมาจากประชากรจีนที่เยอะกว่าสหรัฐมาก และตลาดโทรคมนาคมในประเทศที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ถ้าเรานับมือถือทุกชนิด (ไม่ใช่เฉพาะสมาร์ทโฟน) จีนน่าจะมีคนใช้มือถือแตะ 1 พันล้านคนในเดือนพฤษภาคม 2012
ผู้ขายสมาร์ทโฟนรายใหญ่ในจีนคือโนเกีย (6.8 ล้านเครื่องในไตรมาสที่สาม) และซัมซุง (4.2 ล้านเครื่อง) ซึ่งทั้งสองค่ายมีส่วนแบ่งตลาดสมาร์ทโฟนรวมกัน 46.1%
เมื่อเร็วๆนี้ ศูนย์ซูเปอร์คอมพิวเตอร์แห่งชาติในเมืองจี้หนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน ได้เปิดตัวซูเปอร์คอมพิวเตอร์พลังเพตาฟลอปตัวแรกที่ใช้โปรเซสเซอร์ตระกูล ShenWei อันเป็นโปรเซสเซอร์ที่ออกแบบและผลิตโดยบริษัทจีน
Disrupt เป็นงานสัมมนาทางเทคโนโลยีที่ TechCrunch จัดขึ้นเป็นประจำ แน่นอนว่างานรวมพลคนไอทีอย่างนี้ ไปนั่งฟังอย่างเดียวคงได้เฉาตายแน่ ดังนั้นจึงมีการจัดแข่ง Hackathon ควบคู่ไปด้วยตลอด
งานรอบนี้ค่อนข้างพิเศษหน่อย ตรงที่เป็นงานนอกสหรัฐครั้งแรกครับ โดยสถานที่จัดงานคือกรุงปักกิ่ง เมืองหลวงของประเทศจีนนั่นเอง
และจากการพัฒนาโปรแกรมกันอย่างมาราธอนต่อเนื่องกัน 24 ชั่วโมง โดยโปรแกรมเมอร์กว่า 300 ชีวิต ผ่านสายตากรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ 7 ท่าน ตอนนี้ก็ได้ผลงานสุดเจ๋ง 6 อันดับสูงสุดแล้วครับ
Canonical ประกาศจับมือ Dell วางขายคอมพิวเตอร์หลายรุ่นที่ลง Ubuntu มาให้ ในร้านพันธมิตรของ Dell กว่า 220 แห่งทั่วประเทศจีน
ตามข่าวไม่ได้บอกว่าคอมพิวเตอร์ที่ขายมีรุ่นใดบ้าง และติดตั้ง Ubuntu รุ่นใดมาให้ แต่บอกว่าเป็นความร่วมมือของ Dell China และทีมของ Canonical ในปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้ (ภาพคอมพิวเตอร์ในร้านดูได้ตามลิงก์)
ศึกระหว่างรัฐบาลจีนกับกูเกิลยังไม่จบง่ายๆ ถึงแม้ว่าจีนจะบล็อคบริการออนไลน์ของกูเกิลไปแล้วหลายอย่าง แต่เมื่อกูเกิลเองเริ่มมีบริการเวอร์ชันสมาร์ทโฟน ก็ยังเป็นช่องทางให้ผู้ใช้ในจีนเข้าถึงบริการของกูเกิลได้
ล่าสุดมีรายงานว่าระบบ Great Firewall ของจีนได้บล็อคทราฟฟิกของ Gmail Android และ Android Market แล้ว (อย่างไรก็ตามผู้ใช้มือถือยังสามารถใช้งาน Gmail ผ่าน IMAP ได้อยู่) นอกจากนี้ยังมีรายงานว่าเว็บ Android Market ถูกบล็อคในจีนเช่นกัน
Meizu ผู้ผลิตเครื่องเล่นเพลงพกพา-โทรศัพท์มือถือจากจีนที่สร้างผลิตภัณฑ์น่าสนใจออกมาเป็นระยะ (ข่าวเก่าหมวด Meizu) ประกาศเปิดราคาสมาร์ทโฟนรุ่นถัดไปที่ชื่อ Meizu MX
Meizu MX จะใช้จอ 4.3" qHD 960x640 พิกเซล ความละเอียด 292 PPI, ซีพียู Cortex-A9 (ยังไม่มีรายละเอียดมากกว่านี้) ตัว MX เองแบ่งออกเป็นสองรุ่นย่อย
บริษัทด้านความปลอดภัยในประเทศจีน ค้นพบมัลแวร์ชนิดใหม่ชื่อ Mebromi ซึ่งกำลังระบาดในประเทศจีน ที่น่าสนใจคือมันเล่นงานคอมพิวเตอร์ตั้งแต่ระดับ BIOS ขึ้นมาเลยทีเดียว
กระบวนการทำงานของมันจะซับซ้อนหน่อย เริ่มจากมันจะหาทางติดตั้งไดรเวอร์ปลอมๆ ที่ทำงานในระดับเคอร์เนล (kernel mode driver) เพื่อเข้าถึง physical memory ในเครื่อง เมื่อติดตั้งไดรเวอร์และเข้าถึง physical memory ได้แล้ว มันจะตรวจสอบที่ตำแหน่ง 0xF0000 ว่ามี BIOS อยู่หรือไม่ (ซึ่งส่วนมากมักจะใช่) และเรียกโปรแกรมเขียน BIOS (ซึ่งเป็นของแท้จากบริษัทผลิต BIOS เสียด้วย) มาเขียนโค้ด rootkit ลงไปที่ BIOS
สมรภูมิสมาร์ทโฟนในประเทศจีนกลายเป็นเรื่องน่าสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะผู้ให้บริการเว็บรายใหญ่ของจีนลงมาเล่นตลาดนี้กันหมดแล้ว แถมทุกรายก็สร้างระบบปฏิบัติการของตัวเองโดยอิงจาก Android กันถ้วนหน้า
ระบบปฏิบัติการ Baidu Yi เปิดตัวมาได้ไม่ทันไร ก็มีข่าวว่าได้ผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ใหญ่อย่าง Dell มาเป็นพาร์ทเนอร์แล้ว
เมื่อปีที่แล้วเคยมีข่าว Baidu เล็งจะทำระบบปฏิบัติการบนมือถือบ้าง หนึ่งปีผ่านไป มันมาแล้วครับ
ผลประกอบการไตรมาสล่าสุดของแอปเปิลในประเทศจีน เติบโตจากปีก่อน 6 เท่าตัว มียอดขายคิดเป็นจำนวนเงิน 3.8 พันล้านดอลลาร์
ตัวเลขนี้ทำให้แอปเปิลมียอดขายแซง Lenovo เจ้าพ่อไอทีจีนเป็นครั้งแรก ถึงแม้ว่า Lenovo จะเติบโตจากปีก่อน 23.4% มียอดขาย 2.8 พันล้านดอลลาร์ แต่เจอ 6 เท่าเข้าไปก็คงสู้ยาก
แต่ Yang Yuanquing ซีอีโอของ Lenovo ก็ยังมั่นใจในความเข้มแข็งของตัวเอง เขาให้สัมภาษณ์กับ FT ว่า Lenovo มีผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมมากกว่า ซึ่งอาวุธหลักคือแท็บเล็ตราคาถูกที่เหมาะกับผู้บริโภคในจีน และช่องทางการจัดจำหน่ายที่เข้าถึงคนทุกระดับ ไม่ใช่เฉพาะคนรวยเท่านั้น
รอม MIUI (อ่านว่า มี-ยู-ไอ) ได้รับความนิยมในหมู่ผู้ใช้แอนดรอยด์กลุ่มหนึ่งมาพักใหญ่ๆ แล้วจากการปรัับรอมจนต่างจากแอนดรอยด์รุ่นอื่นๆ ไปมาก แต่หลังจากนี้ MIUI จะไม่ใช่แค่รอมสำหรับโทรศัพท์รุ่นอื่นๆ เท่านั้นเมื่อ Xiaomi Phone MI-ONE จะเป็นโทรศัพท์รุ่นแรกที่มากับ MIUI เป็นมาตรฐาน
ความโดดเด่นของ MI-ONE ไม่ใช่แค่ MIUI เท่านั้นแต่มันยังมาพร้อมกับฮาร์ดแวร์ที่แรงกว่าโทรศัพท์จากค่ายตะวันตกอื่นๆ อย่างชัดเจนเช่น
เว็บ Giz-China รายงานว่าแอปเปิลได้บรรลุข้อตกลงกับ China Mobile ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วยจำนวนผู้ใช้งานบนเครือข่ายกว่า 600 ล้านคน โดยจากรายงานแอปเปิลจะผลิตไอโฟนเวอร์ชั่น 4G TD-LTE (เครือข่าย 4G ที่พัฒนาโดย China Mobile และ Nokia Siemens) ให้กับ China Mobile
ก่อนหน้านี้ Tim Cook ซีโอโอของแอปเปิลได้ถูกพบเห็นที่บริษัทแม่ของ China Mobile ทำให้มีความเป็นไปได้สูงว่าแอปเปิลพร้อมที่จะนำไอโฟนมาสู่ประเทศจีนอย่างเป็นทางการแล้ว สำหรับแอปเปิล ประเทศจีนเป็นตลาดที่สำคัญมาก ในไตรมาสที่สองของปีที่แล้ว แอปเปิลสามารถทำรายได้ในประเทศจีน 630 ล้านดอลลาร์ แต่ในไตรมาสเดียวกันของปีนี้แอปเปิลสามารถเพิ่มรายได้ในประเทศจีนขึ้นอีก 6 เท่ามาอยู่ที่ 3.8 พันล้านดอลลาร์
จากข่าวลือเมื่อเดือนเมษายน ข้อมูลหลุดแท็บเล็ต 10" จาก Dell: Streak Pro และ Latitude ST ในที่สุด Dell Streak 10 Pro (ชื่ออย่างเป็นทางการ) ก็เปิดตัว
Streak 10 Pro เป็นแท็บเล็ตขนาด 10" ความละเอียดหน้าจอ 1280x800 ใช้กระจก Gorilla Glass, ขุมพลังภายในเป็น Tegra 2 พร้อมแรม 1GB เหมือนแท็บเล็ตคู่แข่งอื่นๆ, กล้องหน้า 2MP กล้องหลัง 5MP, ที่น่าสนใจคือช่องเสียบ SDHC ขนาดปกติ, พอร์ตที่มีให้คือ Micro USB ส่วนพอร์ตอื่นๆ ต้องต่อขยายผ่าน dock เฉพาะกิจ
ขนาดของตัวแท็บเล็ตหนา 13 มม. และหนัก 727 กรัม (คงไปเทียบกับ iPad 2/Galaxy Tab 10.1 ได้ยาก) ระบบปฏิบัติการเป็น Android 3.1 ที่ถูกปรับแต่งเล็กน้อย
ในที่สุดข่าวลือที่ว่า Alibaba กำลังซุ่มทำ OS ของตัวเองก็เป็นจริง
Alibaba เปิดตัว Aliyun OS พร้อมกับสมาร์ทโฟนตัวแรก Tian Hua K-Touch W700 ซึ่งมีแผนจะวางขายเดือนกันยายนที่จะถึงนี้ในราคา 2,680 หยวน หรือประมาณ 12,416 บาท
Aliyun OS เปิดตัวพร้อมบริการเนื้อที่บนกลุ่มเมฆเพื่อเก็บข้อมูล เช่น Contact information, บันทึกการโทรเข้า/ออก, SMS, โน๊ต หรือ รูปถ่าย เป็นต้น ซึ่งบริการดังกล่าวสามารถใช้ได้จากทั้ง PC และอุปกรณ์ที่ใช้ Aliyun OS เอง
ยังไม่หมดเท่านี้! เพราะ Aliyun OS จะสามารถใช้ App จาก Android ได้ และทาง Alibaba ก็เตรียมแผนที่จะนำ Aliyun OS ไปใช้กับอุปกรณ์พกพาตัวอื่นๆ นอกจากสมาร์ทโฟนอีกด้วย
หลังจากมีผู้พบเห็นร้าน Apple Store ปลอมในประเทศจีนที่ลอกแบบกันมาแทบทุกประการ จนเกิดเป็นกระแสส่งต่อกันในสังคมออนไลน์กว้างขวาง ทางการเมืองคุนหมิงในประเทศจีน ซึ่งเป็นเมืองที่แหล่งข่าวอ้างว่าพบร้าน Apple Store ปลอมดังกล่าวก็เริ่มทำการตรวจสอบร้านค้าทั่วเมืองและพบร้าน Apple Store ปลอมถึง 5 ร้าน โดยในเบื้องต้นได้สั่งปิดไปแล้ว 2 ร้านด้วยข้อหาไม่มีใบอนุญาตในการดำเนินธุรกิจ ส่วนร้านที่เป็นต้นเรื่องของข่าวนี้ยังไม่ถูกสั่งปิดแต่อย่างใด
BirdAbroad รายงานว่าพวกเขาได้พบกับร้าน Apple Store ปลอมในเมืองคุนหมิง ประเทศจีน โดยร้าน Apple Store แห่งนี้พยายามทำทุกอย่างให้เหมือนกับร้านแอปเปิลจริง ๆ แม้กระทั่งโลโก้หน้าร้าน การแต่งร้าน ไปจนถึงมุมนั่งเล่นของเด็ก และ Genius Bar
พนักงานในร้านแต่ละคนก็แต่งตัวเหมือนกับพนักงาน Apple Store ของจริง แต่ที่เด็ดไปกว่านั้นคือจากการพูดคุยกับพนักงานในร้านแล้ว พบว่าพนักงานหลาย ๆ คนคิดว่าพวกเขาทำงานให้กับแอปเปิลจริง ๆ ในขณะที่เจ้าของร้านเองก็รู้ว่าตัวเองทำอะไรอยู่ โดยได้สั่งให้พนักงานรักษาความปลอดภัยนอกเครื่องแบบของร้านแบนการถ่ายภาพภายในร้าน
Baidu เว็บยักษ์ใหญ่ซึ่งมีส่วนแบ่งตลาดค้นหาประมาณ 75% ของประเทศจีน ออกเว็บเบราว์เซอร์ของตัวเองชื่อ Baidu Browser
Baidu Browser ยังมีสถานะเบต้าอยู่ ผมหาข้อมูลไม่เจอว่าใช้เอนจินแสดงผลอะไร แต่มันยังไม่รองรับ HTML5 เหมือนเบราว์เซอร์รายใหญ่อื่นๆ แต่สิ่งที่ Baidu กลับเน้นคือ "เว็บแอพ" ของบริการออนไลน์ต่างๆ ในประเทศจีน ซึ่งตอนนี้มีเว็บแอพกว่า 30,000 ตัวแล้ว (ภาพของ Baidu Browser)
แนวทางของ Baidu Browser ค่อนข้างชัดเจนว่าจะเดินตาม Chrome ของกูเกิล และเราอาจเห็นระบบปฏิบัติการแบบเดียวกับ Chrome OS ตามมา
หนังสือพิมพ์ Wall Street Journal รายงานข่าววงในว่า Alibaba ยักษ์ใหญ่ด้านอีคอมเมิร์ซของประเทศจีน กำลังซุ่มพัฒนาระบบปฏิบัติการสำหรับอุปกรณ์พกพาของตัวเองอยู่
ตามข่าวบอกว่าระบบปฏิบัติการของ Alibaba จะเชื่อมต่อโดยตรงกับกลุ่มเมฆ และรันแอพจากกลุ่มเมฆเลย ต่างจาก iOS หรือ Android ที่ยังต้องติดตั้งแอพก่อนใช้ (ในข่าวไม่ได้บอกละเอียด แต่เข้าใจว่าหมายถึงเว็บแอพนะครับ) มีกำหนดเปิดตัวภายในไตรมาสที่สามของปีนี้ ช่วงแรกจะยังทำตลาดเฉพาะในจีนเท่านั้น
ถ้าข่าวนี้เป็นจริง ก็ถือว่าเป็นทิศทางที่น่าสนใจของบริษัทไอทีจากจีน เพราะปีที่แล้วเราก็มีข่าวลือว่า Baidu จะทำระบบปฏิบัติการเองเช่นกัน
Baidu ผู้นำแห่งเว็บค้นหาภาษาจีน ประกาศจับมือเป็นพันธมิตรกับ Bing (ตามข่าวลือก่อนหน้านี้) โดย Baidu จะนำผลการค้นหาในภาษาอังกฤษจาก Bing มาใส่ในเว็บของตัวเอง
ผลจากข้อตกลงนี้ทำให้ Baidu ได้ผลการค้นหาข้อมูลภาษาอังกฤษที่ดีขึ้น ส่วน Bing จะได้ส่วนแบ่งตลาดค้นหาโลกเพิ่มขึ้น (จีนมีผู้ใช้อินเทอร์เน็ต 450 ล้านคน) แถมทั้งสองรายยังเป็นคู่แข่งร่วมของกูเกิล ที่มีปัญหาในการเจาะตลาดประเทศจีนเนื่องจากกฎระเบียบของรัฐบาลจีน
ที่มา - Reuters
สำหรับผู้ทำธุรกิจไอที เมื่อโตไปถึงจุด ๆ หนึ่งแล้วก็คงหนีไม่พ้นกับการลงทุนในประเทศจีน หนึ่งในปัญหาที่พบบ่อยสุดก็คือการที่ประเทศจีนได้ทำการบล็อคการเข้าถึงเว็บสาระข่าวสารต่าง ๆ มากมาย ตั้งแต่ Wikipedia จนถึงไปถึงเว็บประเภทเครือข่ายสังคมออนไลน์ ได้แก่ Facebook และ Twitter
ล่าสุด ประเทศจีนได้มีแผนที่จะสร้างศูนย์ออฟฟิศพาร์คขนาดหกตารางไมล์ ในเมือง Chongqing โดยจุดเด่นของออฟฟิศพาร์คแห่งนี้คือจะเป็นที่แห่งเดียวในประเทศ ที่บริษัทไอทีต่าง ๆ จะสามารถเชื่อมต่อเข้าถึงเว็บและบริการต่าง ๆ ที่ถูกบล็อคภายในประเทศจีนได้
มันคงเป็นเรื่องยากสำหรับธุรกิจรายย่อยของประเทศจีน ที่จะเข้าถึงตลาดโลกได้ หากไม่สามารถเข้าถึง Twitter หรือ Facebook แต่พวกเขาคงไม่จำเป็นต้องกังวลอีกต่อไปแล้ว