YouTube เจอปัญหาอีกครั้งเมื่อพบว่า YouTube รันโฆษณาคู่กับคลิปเด็กผู้หญิงที่อาจมีท่าทางล่อแหลม ล่าสุดผู้ลงโฆษณารายใหญ่อย่าง Nestle, ดิสนีย์, Epic Games หยุดการโฆษณาบน YouTube แล้ว
เรื่องราวเริ่มต้นจาก Mark Watson ยูทูเบอร์รายหนึ่งโพสต์คลิปตีแผ่ปรากฏการณ์ทั้งหมด เริ่มจากมีคลิปที่เด็กๆ โพสต์ซึ่งเป็นเรื่องรวธรรมดาที่เกิดขึ้น เช่น เล่นของเล่น ฝึกโยคะ แต่มีผู้ใช้บางรายไปทำ time stamp หรือระบุช่วงเวลาคลิปที่เด็กๆ แสดงอาการบางอย่างออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ ล่อแหลมเป็นที่ชื่นชอบของของคนที่ชอบร่วมเพศกับเด็ก และเมื่อคลิกเข้าไป อัลกอริทึม YouTube ก็จะแนะนำคลิปลักษณะเดียวกันมาให้ และมันมีโฆษณาด้วย นอกจากนี้ Watson ยังให้ดูผู้ใช้ที่มีพฤติกรรมคอมเม้นท์หยาบคาย ละลาบละล้วงต่อเด็ก เขาเรียกร้องให้มีใครทำอะไรสักอย่างกับเรื่องนี้
เกิดเหตุระทึกที่ออฟฟิศ Netflix ในลอสแองเจลิส เมื่อมีมือปืนโทรมาข่มขู่ว่าจะก่อเหตุร้าย ส่งผลให้ต้องปิดอาคารด่วน ซึ่งในตึกนั้นมีออฟฟิศบริษัทอื่นอยู่ด้วยคือ Sunset Bronson Studios CBS และช่องข่าวท้องถิ่น
โฆษกกรมตำรวจลอสแอนเจลิส ออกมาเผยว่ามือปืนไม่มีตัวตนอยู่จริง ทางตำรวจได้ตรวจค้นทุกคนที่อยู่ในตึกแล้ว ไม่มีใครมีปืน
ยังไม่มีรายละเอียดว่าคนโทรขู่มีความเกี่ยวข้องอย่างไรกับ Netflix แต่ Forbes และ Los Angeles Times รายงานว่าคนขู่เป็นอดีตพนักงาน Netflix และมีข่าวลือว่ามือปืนแอบบนดาดฟ้า แต่ตำรวจออกมาบอกล่าสุดแล้วว่าไม่เจอมือปืนในตึก
สำนักข่าว Sunday Times เปิดเผยว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจในสหราชอาณาจักรได้สอบสวนการข่มขืนเหยื่อที่เป็นผู้เยาว์กว่า 30 คดี ซึ่งเป็นเหยื่อที่หลบเลี่ยงไม่ใส่อายุจริงบนแอพหาคู่ โดยเป็นการสอบสวนมาตั้งแต่ปี 2015 ส่งผลให้รัฐบาลอังกฤษตั้งคำถามถึงความรัดกุมของบริษัททำแอพหาคู่ทั้ง Tinder และ Grindr
Jeremy Wright รัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรม สื่อ และการกีฬา ระบุว่า มีหลักฐานและเหตุการณ์น่าตกใจปรากฏขึ้นมาเรื่อยๆ ซึ่งบริษัทเทคโนโลยีต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อปกป้องผู้เยาว์ ซึ่ง Wright บอกว่าจะเขียนอีเมลไปยังบริษัทผู้สร้างแอพ ตั้งคำถามว่าบริษัทจะมีมาตรการอย่างไร ถ้ายังไม่ได้รับคำตอบที่พึงพอใจ ก็จำเป็นต้องดำเนินการมาตรการในขั้นต่อๆ ไป
นอกจาก คดี Huawei และ Wanzhou Meng เรื่องขายสินค้าให้อิหร่าน กระทรวงยุติธรรมสหรัฐยังยื่นฟ้อง Huawei เป็นคดีที่สองควบคู่กันไป นั่นคือ ขโมยความลับทางการค้าของ T-Mobile
จำเลยในคดีนี้ต่างจากคดีแรกเล็กน้อย นั่นคือ Huawei Device Co., Ltd. และ Huawei Device Co. USA (บริษัทแม่ในจีนและ Wanzhou Meng ไม่เกี่ยวข้องกับคดีนี้) มีความผิดรวม 10 ข้อหา
จากกรณี Wanzhou Meng รองประธานและซีเอฟโอของ Huawei โดนจับในแคนาดา จากคำขอของรัฐบาลสหรัฐ ตอนแรกเราไม่รู้รายละเอียดว่าโดนจับเพราะอะไร แต่ภายหลังเมื่อคดีเข้าสู่ชั้นศาลในแคนาดา ก็มีรายละเอียดจากการไต่สวนออกมา
ล่าสุดกระทรวงยุติธรรมสหรัฐในฐานะต้นเรื่อง ก็เปิดเผยรายละเอียดของคำฟ้องออกมาแล้ว จำเลยมี 4 รายได้แก่ บริษัทแม่ Huawei Technologies Co. Ltd. ในจีน, Huawei Device USA Inc. บริษัทลูกในสหรัฐ, Skycom Tech Co. Ltd. บริษัทลูกที่เป็นปัญหา และตัวของ Wanzhou Meng โดยมีความผิดรวมกัน 13 ข้อหา
จำเลยแต่ละรายมีความผิดแตกต่างกันไป
ศาลเขตแคลิฟอร์เนีย ตัดสินโทษจำคุก Renato Libric ซีอีโอของสตาร์ตอัพ Bouxtie (อ่านว่า "โบไท) เป็นเวลา 3 ปี เนื่องจากฉ้อโกงนักลงทุน
บริษัท Bouxtie ทำธุรกิจบัตรของขวัญเสมือน (virtual gift card) ที่สามารถซื้อได้ผ่านแอพ บริษัทนี้ได้เงินลงทุนตั้งต้นมาจำนวนหนึ่งเหมือนกับสตาร์ตอัพทั่วไป ซึ่งธุรกิจก็ไปได้ไม่ดีนักจนเงินหมด ไม่สามารถหานักลงทุนรายใหม่ได้ ทำให้ Libric ตัดสินใจปลอมประวัติของตัวเองขึ้นมา
จากเหตุการณ์จับกุม Meng Wanzhou รองประธานและซีเอฟโอของ Huawei ในประเทศแคนาดา ที่ยังขาดรายละเอียดของคดีในช่วงแรกๆ วันนี้เริ่มมีรายละเอียดออกมาเพราะเธอถูกส่งขึ้นศาลแคนาดาแล้ว
John Gibb-Carsley อัยการของรัฐบาลแคนาดา (ซึ่งเป็นผู้ยื่นฟ้อง Meng ต่อศาล) ให้ข้อมูลว่า Meng มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกรรมในอิหร่าน โดยใช้บริษัทลูก Skycom Tech ในฮ่องกงของ Huawei หลอกให้สถาบันการเงินบางแห่งในสหรัฐทำธุรกิจกับประเทศอิหร่าน (ซึ่งถูกสหรัฐคว่ำบาตรและห้ามทำธุรกิจด้วย)
เป็นเรื่องสะเทือนวงการเทคโนโลยีไม่น้อย เมื่อรัฐบาลออสเตรเลียผ่านกฎหมายต้านการเข้ารหัส ผลของกฎหมายคือ บริษัทเทคโนโลยี หรือแม้กระทั่งเว็บไซต์ที่ปฏิบัติการในออสเตรเลียต้องให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่หากต้องแฮ็กเข้าอุปกรณ์ไอที ผังมัลแวร์เพื่อทำลายการเข้ารหัส เพื่อประโยชน์ต่อการสืบสวนคดี เท่านั้นยังไม่พอ กฎหมายระบุให้บริษัทห้ามเปิดเผยการทำลายการเข้ารหัสออกสู่สังคมด้วย
หากบริษัทปฏิเสธไม่ยอมทำตามจะเจอโทษปรับ 10 ล้านดอลลาร์ และ 5 หมื่นดอลลาร์สำหรับบุคคลที่ไม่ทำตาม ผู้ร่างกฎหมายบอกว่า กฎหมายฉบับนี้จะเจาะจงเฉพาะคดีร้ายแรงเช่น ก่อการร้าย ความผิดทางเพศ ยาเสพติด
National Crime Agency (NCA) หน่วยงานปราบปรามอาชญากรรมร้ายแรงสูงของสหราชอาณาจักร (คล้าย DSI ของไทย) ระบุว่าพบตลาดมืดออนไลน์ (dark web) หลายแห่งเริ่มถอดประกาศขายยา Fentanyl พร้อมๆ กับอาวุธที่ฆ่าคนได้จำนวนมากและระเบิด
Fentanyl แรงกว่าเฮโรอีนถึง 100 เท่า และผู้เสพได้รับยาเกินขนาดได้โดยง่าย เฉพาะในสหราชอาณาจักร มีผู้ใช้ Fentanyl เสียชีวิตในช่วง 18 เดือนที่ผ่านมาถึง 160 คน
เรื่องนี้น่าจะเป็นกรณีศึกษาสำหรับคนที่ทำแคมเปญการตลาดซึ่งเล่นกับข้อมูลพิกัด โดยที่ญี่ปุ่นมีข่าวว่าตำรวจได้จับกุมชายวัย 29 ปี คนหนึ่ง เนื่องจากทำการโกงเครือห้างสรรพสินค้า Aeon คิดเป็นมูลค่าความเสียหายถึง 5.38 ล้านเยน
โดยห้างสรรพสินค้า Aeon มีกิจกรรมที่ให้เล่นผ่านแอปของทางห้าง หากลูกค้าเดินเข้ามาภายในห้างสรรพสินค้าสาขาใดก็ได้ จะได้รับแต้มสะสมมูลค่า 2 เยน ในทุกครั้งที่เข้ามา ซึ่งชายคนดังกล่าวได้โกงข้อมูลพิกัด จนสามารถเดินเข้าห้าง Aeon แต่ละสาขาทั่วญี่ปุ่นไปมา และได้เงินโบนัสนี้รวมแล้วกว่า 2.7 ล้านครั้ง
ปกติแล้ว ฟีเจอร์ล้างข้อมูลของ iOS มักถูกใช้ในกรณีที่เครื่องหายหรือถูกขโมย แต่ในคราวนี้มันกลับถูกนำมาใช้ในทางที่ไม่ถูกต้องเท่าไหร่นัก
ตำรวจนิวยอร์กจับกุมหญิงสาวผู้หนึ่งในคดีใช้อาวุธปืนยิงคนได้รับบาดเจ็บ และยึด iPhone X มาเป็นหลักฐานในคดีดังกล่าว แต่จู่ๆ ไอโฟนเครื่องนี้ก็ถูกล้างข้อมูลทั้งหมด (คาดว่าผ่านทาง iCloud) โดยทางตำรวจเชื่อว่าหญิงสาวคนดังกล่าวเป็นผู้กระทำเหตุการณ์ดังกล่าว เพื่อทำลายหลักฐานในคดี
หญิงสาวคนนี้ชื่อว่า Juelle L. Grant ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ขับรถให้กับมือปืนในขณะก่อเหตุ รวมไปถึงช่วยเหลือมือปืนในการหลบหนีอีกด้วย
คดีมัลแวร์ Mirai ที่ติดไปตามอุปกรณ์ IoT จำนวนมาก จนสามารถยิง DDoS ให้เว็บใดๆ ล่มได้ และสามารถล่มบริการ DynDNS ได้ในปี 2016 ตอนนี้คดีสิ้นสุดลงแล้ว เมื่อศาลนิวเจอร์ซีย์กำหนดโทษให้ Paras Jha ให้ถูกกุมขังในบ้านนาน 6 เดือน ปรับ 8.6 ล้านดอลลาร์หรือ 280 ล้านบาท คุมความประพฤติ 5 ปี และทำงานบริการสังคมอีก 2,500 ชั่วโมง
Jha สารภาพเมื่อปลายปี 2017 ว่าร่วมกับ Dalton Norman สร้างมัลแวร์ Mirai และเผยแพร่มัลแวร์ติดเราท์เตอร์และอุปกรณ์ IoT ได้กว่า 100,000 เครื่อง นอกจากจะใช้ยิง DDoS แล้ว ยังใช้คลิกลิงก์หาค่าโฆษณา
บทความล่าสุดจากสำนักข่าวรอยเตอร์แสดงให้เห็นปัญหาอีกด้านของเงินคริปโต ที่มีการก่ออาชญากรรมในระบบมากขึ้นเรื่อยๆ แต่กลับมีอัตราการดำเนินคดีน้อย โดยตัวเลขล่าสุดคาดว่าครึ่งปีแรกของปี 2018 นี้มีการขโมยเงินคริปโตรวม 800 ล้านดอลลาร์หรือ 26,000 ล้านบาท และคาดว่าผู้เสียหายถึง 85% ไม่ได้แจ้งความ
บริษัทวิจัย Autonomous Next and Crypto Aware สัมภาษณ์เหยื่อขโมยเงินคริปโต 6 คน และพบว่ามีเพียง 2 รายเท่านั้นที่แจ้งความ
Didi Chuxing ปิดบริการเรียกรถแบบคาร์พูล Hitch ไปชั่วคราวหลังเกิดเหตุคนขับฆาตกรรมผู้โดยสารไปแล้วสองครั้ง สังคมกดดันให้บริษัทไปหามาตรการความปลอดภัยมา ล่าสุด ทางบริษัทกำลังทดลองระบบใหม่คืออัดเสียงเวลาใช้บริการ ลูกค้าต้องกดยินยอมให้อัดเสียงถึงจะใช้บริการได้
บริษัทระบุว่าข้อมูลเสียงจะอยู่ในเซิร์ฟเวอร์ ทำการเข้ารหัสไว้ด้วย แต่มาตรการดังกล่าวนำมาซึ่งความกังวลเรื่องการละเมิดความเป็นส่วนตัวด้วย มีผู้ใช้หลายรายท้วงติงเชิงว่า ระหว่างที่อยู่บนรถ จะไม่สามารถพูดคุยเรื่องส่วนตัวกับเพื่อน หรือคุยผ่านโทรศัพท์ได้เลย รู้สึกเหมือนถูกดักฟังตลอดเวลาทั้งคนขับและผู้โดยสาร
ถือเป็นปัญหาที่ท้าทาย Didi Chuxing ผู้ให้บริการเรียกรถรายใหญ่ของจีน ที่เมื่อเร็วๆ นี้เกิดเหตุการณ์คนขับฆาตกรรมและข่มขืนผู้โดยสาร ที่สำคัญคือเกิดขึ้นถึงสองครั้งในรอบสามเดือน ล่าสุดทางบริษัทออกมาขอโทษและหยุดให้บริการแบบ Hitch ชั่วคราวเพื่อยกเครื่องความปลอดภัย และโทษความ "ไม่รู้" ของบริษัทที่ทำให้เกิดเหตุสลดนี้
Didi Chuxing เจอคำวิจารณ์อย่าล้นหลามจากชาวเน็ต มีการทำแคมเปญจะลบแอพออกด้วย แม้บริษัทจะหยุดให้บริการ Hitch ไปแล้วชั่วคราว แต่คำถามที่สังคมสนใจคือ จากนี้ไป Didi Chuxing จะดำเนินการเรื่องความปลอดภัยอย่างไรต่อจากนี้
ตำรวจเกาหลีจับคนร้ายสร้างเว็บโป๊รวมภาพและคลิปแอบถ่าย โดยคนร้ายอัพโหลดคลิปแอบถ่ายผิดกว่าแสนคลิปใน 7 เว็บไซต์ โฆษณาค้าประเวณีอีก 15,000 รายการ สร้างรายได้ถึง 200 ล้านวอน (180,000 ดอลลาร์)
ทางตำรวจยังบอกด้วยว่า คนร้ายได้สร้างโดเมนเว็บไซต์รองรับไว้ 40 โดเมนเพื่อให้เปลี่ยนที่อยู่โดเมนได้ถ้าเว็บหายไปเกาหลีใต้ยังมีปัญหาเรื่องกล้องแอบถ่ายระบาดในที่สาธารณะ จนผู้หญิงต้องคอยระวังตลอดเวลาเข้าห้องน้ำ ลองเสื้อผ้า
เกิดเหตุการณ์กราดยิงในงานแข่งขันเกม NFL Madden 19 ในรัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 3 คนและผู้บาดเจ็บอีกจำนวนหนึ่ง ส่วนมือปืนที่ฆ่าตัวตายก็เป็นหนึ่งในผู้เข้าร่วมงานด้วย
สถานที่เกิดเหตุการณ์คือ GLHF Game Bar ในเมือง Jacksonville ซึ่งเป็นย่านร้านอาหารและร้านค้าริมน้ำ อีเวนต์ที่จัดขึ้นเป็นรอบคัดเลือกของทัวร์นาเมนต์ NFL Madden 19 ของ EA ผู้ได้คะแนนสูงสุด 2 อันดับแรกจะเข้าไปแข่งรอบ 16 ทีมสุดท้ายในอีเวนต์หลักช่วงเดือนพฤศจิกายน
อาการติดเกมนั้นเรียกได้ว่าไม่เข้าใครออกใครจริงๆ ใช่ว่าจะมีแต่เด็กหรือวัยหนุ่มสาวเท่านั้นที่ชอบเล่นเกม ผู้ใหญ่บางคนก็ติดเกมงอมแงม หลายคนยอมควักเงินมากมายเพื่อเติมเต็มความสุขให้ตนเองผ่านการจับจ่ายซื้อของในเกม
เช่นเดียวกับรองผู้อำนวยการของมหาวิทยาลัยในญี่ปุ่นรายหนึ่งที่แม้จะอายุมากกว่า 40 ปีแล้ว แต่ก็ชอบเล่นเกมมือถือเสียเหลือเกิน ยอมเสียเงินมากมายเพื่อซื้อของในเกม ทว่าปัญหาก็คือผู้ชายคนนี้ไม่ได้ใช้เงินตัวเองมาซื้อ แต่ขโมยเงินมาจากกองทุนเพื่อการศึกษาที่ตัวเองดูแลอยู่
ผู้หญิงและนักท่องเที่ยวที่ไปเที่ยวเกาหลีใต้ในช่วงนี้ต้องระวังมากเป็นพิเศษ เพราะมีการระบาดของกล้องแอบถ่ายที่แอบไปติดตามสถานที่สาธารณะ เช่น ห้องน้ำ ห้องลองเสื้อผ้า สระว่ายน้ำ เป็นต้น
พฤติกรรมนี้ระบาดจนถึงขนาดที่นักเคลื่อนไหวในเกาหลีต้องออกมาเตือน เพราะยากที่จะหยุดการระบาดของพฤติกรรมนี้ ในแต่ละปีมีการรายงานไปยังตำรวจถึงคดีแอบถ่ายถึงปีละ 6,000 คดี เหยื่อ 80% เป็นผู้หญิง มีการดำเนินคดีเกิดขึ้นก็จริง แต่คดีแบบนี้ก็เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
จากเหตุการณ์ศาลเตี้ยทำการฆาตกรรมในอินเดีย เพราะคนเชื่อข่าวปลอมเรื่องลักพาตัวเด็กที่แชร์ใน WhatsApp และเหตุการณ์ทำนองนี้ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้นในอินเดีย แต่ในระยะ 2-3 ปีให้หลังมานี้ เกิดเหตุแบบนี้อยู่เรื่อยๆ
ล่าสุด Facebook ได้ซื้อหน้าสื่อหนังสือพิมพ์ในอินเดีย 1 หน้าเต็มๆ เผยแพร่วิธีการเช็คข่าวปลอมที่แชร์กันใน WhatsApp พร้อมระบุด้วยว่า ภายในสัปดาห์นี้ WhatsApp จะมีฟีเจอร์ตรวจสอบข้อมูลว่าเป็นข้อมูลที่ได้รับการแชร์ต่อๆ กันมาหรือไม่ ในกรณีที่ผู้ใช้อยากหาต้นตอว่าแชร์มาจากใคร
เกิดเหตุการขโมยน้ำมันกันแบบแปลกประหลาดในสหรัฐอเมริกา เมื่อหัวจ่ายน้ำมันในปั๊มถูกแฮค ทำให้มีน้ำมันโดนขโมยไป 600 แกลลอน (ประมาณ 2,300 ลิตร) คิดเป็นมูลค่าราว 1,800 ดอลลาร์
การขโมยน้ำมันที่ว่านี้ไม่ใช่เป็นการมาแฮคระบบคอมพิวเตอร์แล้วเอาถังมาขโมยน้ำมันจากหัวจ่ายไปดื้อๆ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ ในช่วงประมาณบ่ายโมงวันที่ 23 มิถุนายน หัวจ่ายน้ำมันของปั๊มน้ำมัน Marathon เกิดอาการผิดปกติ โดยมันสามารถจ่ายน้ำมันออกได้แม้จะไม่ได้รับการชำระเงินจากลูกค้า ทำให้มีรถยนต์อย่างน้อย 10 คัน ขับเข้ามาเติมน้ำมันฟรีจากปั๊ม รวมปริมาณน้ำมันมากถึง 600 แกลลอน
Roger Thomas Clark ที่ถูกระบุว่าใช้นามแฝง "Variety Jones" (VJ) ผู้เป็นมือขวาของ Dread Pirate Roberts (DPR) ผู้ดูแลเว็บใต้ดิน Silk Road ที่เป็นตลาดมืดสำหรับการค้าสินค้าผิดกฎหมาย ได้ถูกส่งตัวจากประเทศไทยไปยังสหรัฐฯ แล้ว
Clark ชาวแคนาดา อายุ 56 ปี ถูกจับในไทยตั้งแต่วันที่ 3 ธันวาคม 2015 และกระบวนการส่งตัวข้ามแดนเพิ่งเสร็จสิ้น ถูกตั้งข้อหาหลายกระทง ตั้งแต่การฟอกเงินไปจนถึงการค้ายาเสพติด หากผิดจริงโทษรวมขั้นต่ำจะถึง 10 ปี และสูงสุดถึงตลอดชีวิต
อัยการสหรัฐ สั่งฟ้อง Elizabeth Holmes ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง Theranos กับ Ramesh Balwani ซีโอโอในข้อหาฉ้อโกงนักลงทุนและลูกค้าแล้ว
ก่อนหน้านี้ SEC หรือ ก.ล.ต. สหรัฐ สั่งปรับบริษัท Theranos และตัวของ Holmes ในฐานะฉ้อโกง มาแล้ว ส่วนคดีนี้เป็นคดีอาญา โดยอัยการของเขตแคลิฟอร์เนียเหนือ ให้ความเห็นไว้ว่าทั้งสองคนไม่เพียงแต่หลอกนักลงทุน แต่ยังหลอกแพทย์และผู้ป่วยอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพและชีวิตคนได้
หลังการสั่งฟ้องนี้ Theranos ประกาศว่า Holmes ลงจากตำแหน่งซีอีโอทันที แต่ยังมีสถานะเป็นประธานบอร์ดของบริษัทอยู่ (บริษัทเหลือพนักงาน 24 คน)
ข่าวฉาวกลับมาเยือน Uber อีกครั้ง เมื่อมีข่าวว่าคนขับ Uber รายหนึ่งยิงปืนใส่ผู้โดยสายเสียชีวิต บนไฮเวย์ในเมืองเดนเวอร์ สหรัฐอเมริกา
สถานีทีวีท้องถิ่น รายงานข่าวว่าคนขับกับผู้โดยสารทะเลาะกันในรถ ก่อนที่คนขับจะหยิบปืนมายิงผู้โดยสารบาดเจ็บ และเสียชีวิตหลังจากไปถึงโรงพยาบาล
ตามข่าวบอกว่าคนขับรายนี้ขับ Uber มานานหลายปีแล้ว โฆษกของ Uber บอกว่าเสียใจกับเหตุการณ์นี้ และถอดบัญชีของคนขับรายนี้ออกจากระบบแล้ว บริษัทจะให้ความร่วมมือกับตำรวจในการสืบสวนต่อไป
ที่มา - Business Insider, ภาพจาก Uber
NTT ร่วมมือกับ Earth Eyes บริษัทด้านเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ของญี่ปุ่น เปิดตัว AI Guardman กล้องวงจรปิดที่มาพร้อมปัญญาประดิษฐ์ประมวลผลกับฐานข้อมูลบนคลาวด์สำหรับใช้งานในร้านค้าต่างๆ เพื่อช่วยตรวจตราระวังคนขโมยสินค้าภายในร้าน
AI Guardman เป็นกล้องวงจรปิดที่มีปัญญาประดิษฐ์วิเคราะห์ภาพภายในร้านค้า ตัวกล้องสามารถกวาดเก็บภาพได้เป็นมุม 144 องศา และวิเคราะห์ภาพคนรวมทั้งวัตถุต่างๆ ในระยะ 13 เมตรที่มันมองเห็นรอบตัวมัน ระบบปัญญาประดิษฐ์สามารถวิเคราะห์ท่าทางการเคลื่อนไหวร่างกายของคนได้ ทำให้มันสามารถจำแนกได้ว่าบุคคลใดในร้านค้าที่มีพฤติกรรมน่าสงสัยว่าจะขโมยสินค้า ซึ่งมักจะมีท่าทางที่สอดส่ายสายตามองหาว่ามีคนจับตาดูตนเองหรือไม่ หรือมักจะวนเวียนและใช้เวลาอยู่ในบริเวณจุดอับสายตาของพนักงานประจำร้านอยู่เป็นเวลานาน