มีรายงานจากผู้ใช้ Facebook จำนวนหนึ่งว่า Facebook กำลังทดสอบระบบคอมเมนต์แบบใหม่ ที่เพิ่มความสามารถในการโหวต และรองรับการตอบกลับแบบ thread ได้
ทั้งนี้มีภาพหลุด (ไม่ทราบที่มา) ของระบบคอมเมนต์ใหม่ คาด Facebook แจกคุณสมบัตินี้ให้ผู้ใช้งานกลุ่มเล็กๆ เพื่อร่วมทดสอบระบบก่อนที่จะเปิดใช้งานอย่างเป็นทางการ
ที่มา - Mashable
เมื่อ Facebook ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เราก็พบปัญหาจำพวก "รหัสผ่านโดนขโมย" "ใครก็ไม่รู้มาแอบใช้" ฯลฯ มากขึ้นเช่นกัน ล่าสุด Facebook เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยเพิ่มอีก 3 อย่าง
วันนี้ Michael Arrington ผู้ก่อตั้งเว็บข่าวไอทีชื่อดังอย่าง TechCrunch ได้ออกมาเขียนข่าวที่เป็นการเฉลยอย่างอ้อมๆ ว่าเขาเองนั่นแหละที่เป็นเจ้าของ account ที่ใช้ชื่อว่า Eric Schmidt (ซึ่งเป็น CEO ของ Google) บน Facebook
ที่น่าทึ่งที่สุดคือเขาได้สมัคร account ของ Eric Schmidt ด้วยอีเมลจริงของ Eric Schmidt เองนั่นแหละ เพียงแต่ด้วยจุดอ่อนของ Facebook ที่แม้ว่าจะส่งอีเมลมาขอการยืนยัน แต่ก็ไม่ได้เป็นขั้นตอนที่จำเป็นต้องทำ ทำให้เขาไม่ต้องยืนยันผ่านอีเมล์ว่าตัวเองเป็นเจ้าของอีเมลจริงๆ ซึ่งนั่นก็ทำให้เขาสามารถใช้อีเมล์จริงสมัคร account ปลอม ของ Schmidt บน Facebook ได้อย่างสบายๆ
Facebook ถูกวิจารณ์อย่างมากว่า "ล็อค" ข้อมูลของผู้ใช้เอาไว้ เพื่อไม่ให้ผู้ใช้หนีไปใช้บริการของคู่แข่งอื่น หลังจากจ้าง David Recordon ซึ่งเป็นผู้ผลักดันนโยบาย Data Portability ไปทำงานด้วย ตอนนี้ผลลัพธ์ออกมาแล้ว
ถ้าลองเข้าไปในหน้า Account Settings ของ Facebook จะพบลิงก์ Download Your Information (ของผมยังไม่มีเลยทดสอบไม่ได้) สำหรับดาวน์โหลดทุกสิ่งทุกอย่างที่เราเคยโพสต์ลงใน Facebook ในรูปของไฟล์ .zip ก้อนเดียว ดูวิดีโอประกอบจะเข้าใจง่ายกว่า
Facebook เปิดบริการ Groups มานานแล้ว (Blognone Group แบบทิ้งร้าง) ตอนแรกมันถูกออกแบบให้เป็น "สมาคม" ระหว่างผู้ใช้ Facebook ที่อาจไม่เคยรู้จักกันมาก่อนแต่อาจมีความสนใจร่วมกัน ภายหลังเมื่อมีระบบ Facebook Page ที่เหมาะกับงานมากกว่า ทำให้ Groups เงียบเหงาไปมาก
ล่าสุด Facebook ปรับปรุง Groups ใหม่ โดยเปลี่ยนมันเป็นเครื่องมือสื่อสารสำหรับกลุ่มขนาดเล็กลง และเน้นกลุ่มคนที่รู้จักกันอยู่แล้วแทน มันจะคล้ายคลึงกับการจัดกลุ่มใน Contact ของมือถือหรือ IM มากกว่าของเดิมที่เหมือนกับ Newsgroup สาธารณะ
ออกมาแล้วครับ Facebook SDK ตัวใหม่ล่าสุดสำหรับเหล่าสาวกสายนักพัฒนาแอพพลิเคชันของ Adobe (ซึ่งตอนแรกผมนึกว่ามันจะถูกทิ้งไว้เงียบๆ ซะแล้ว) โดยส่วนที่ปรับปรุงขึ้นมาจากเดิมมีดังนี้ครับ
ดาวน์โหลดได้ที่ SDK ได้ที่ Google Code ครับ
ภาพยนตร์ The Social Network ที่สร้างจากตำนานการเกิด Facebook เข้าฉายเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว ผลคือเปิดตัวเป็นอันดับหนึ่งของ Box Office ในสหรัฐ ทำเงินสุดสัปดาห์ได้ 23 ล้านดอลลาร์
ทาง Sony Picture คาดว่าเรื่องนี้จะทำรายได้ในสหรัฐประมาณ 100 ล้านดอลลาร์ และเสียงตอบรับจากนักวิจารณ์ออกมาดี มีโอกาสที่จะได้เข้าชิงรางวัลออสการ์ด้วย
เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว Facebook ได้จัดให้พนักงานชมภาพยนตร์เรื่องนี้เช่นกัน โดยโฆษกของบริษัทให้ข้อมูลว่าเป็นการผ่อนคลายหลังงานหนัก แต่ไม่มีรายงานว่า Mark Zuckerberg ไปชมด้วยหรือไม่
Facebook เพิ่มฟีเจอร์ด้านรูปภาพของ Facebook Photos อีกสามอย่าง ดังนี้
Facebook จะค่อยๆ เปิดฟีเจอร์เหล่านี้ให้ผู้ใช้จนครบ ภายในเดือนหน้า
ที่มา - Facebook Blog
Facebook และ Skype ได้จับมือกันเพื่อเชื่อมต่อกับบัญชี Facebook และ Skype แล้ว
ATD ได้ทำการจัดการเพื่อเปิดฟีเจอร์ใหม่ของ Skype โดยเมื่อคุณเชื่อต่อกับ Skype Facebook ก็จะสามารถ ส่ง SMS, แชทกับเพื่อน Facebook หรือโทรโดยตรงจาก Skype นอกจากนี้ยังสมามารถใช้บัญชีของ Facebook ได้อีกด้วย ฟีเจอร์ใหม่นี้คงจะไปอยู่ใน Skype 5.0 ในรุ่นเบต้าอีก 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า
เมื่อเปรียบเทียบกับ Google Talk ที่รวมเข้ากับ Gmail แล้วด้วยฟีเจอร์ของ Skype เอง มีเสียงและวิดีโอแชท วิธีนี้อาจเป็นทางเลือกใหม่ในการสื่อสารกับเพื่อนๆ ใน Facebook ในอนาคต แน่นอนว่าเป้าหมายในครั้งนี้ก็เพื่อความสะดวกสบายและขยายฐานผู้ใช้ของ Facebook ออกไปให้ได้ 500 ล้านคน
ชีวประวัติของ Mark Zuckerberg ถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ The Social Network ไปแล้ว ตอนนี้เรื่องราวของเขากำลังจะกลายเป็นการ์ตูนคอมมิค
บริษัท Bluewater Production ซึ่งเชี่ยวชาญด้านการ์ตูนชีวิตคนดัง เช่น Lady Gaga, Taylor Swift, Arnold Schwarzenegger ได้ประกาศว่าการ์ตูนเรื่อง "Mark Zuckerberg: Creator of Facebook" จะออกวางขายปลายปีนี้ ราคาเล่มละ 6.99 ดอลลาร์
Jerome Maida ผู้เขียนบทให้สัมภาษณ์ว่า จะพยายามสร้างสมดุลให้กับ Zuckerberg เวอร์ชันการ์ตูน ระหว่างภาพเศรษฐีใจบุญที่ทุ่มเงินเพื่อการศึกษา และอัจฉริยะวัยเยาว์ที่หักหลังเพื่อนฝูงจำนวนไม่น้อยก่อนจะขึ้นมาถึงจุดนี้
Eric Schmidt ซีอีโอของกูเกิลให้สัมภาษณ์กับ Wall Street Journal และมีส่วนที่พูดถึงคู่แข่งของบริษัททั้งสามราย
Schmidt ยังบอกว่าเขาทำงานกับกูเกิลมา เหลือเวลาทำงานกับกูเกิลอีก 14 ปี ตอนนี้มีความสุขดี และจะดีกว่านี้ถ้ากูเกิลรุกเข้าไปในตลาด social network ได้มากขึ้น
ที่มา - Business Insider
Facebook มียุทธศาสตร์ที่ต้องการส่งเสริมให้คนติดตาม Page มากๆ (เพราะจะได้กินเงินค่าโฆษณาสำหรับ Page อีกต่อหนึ่ง) หนึ่งในมาตรการอันล่าสุดคือ Page Browser ซึ่งเป็นหน้ารวม Page ยอดนิยมให้เราเลือกกด Like
Page Browser จะคำนวณจากสถิติของเพื่อนๆ ของเราว่ากด Like หน้าไหนบ้าง ดังนั้นแต่ละคนคงเห็นไม่เหมือนกันเท่าไร นอกจากนี้ยังมีข้อมูลบอกด้วยว่าเพื่อนเราคนไหน Like เหมือนกับเราเยอะที่สุด
ที่มา - Facebook
GigaOm มีข้อมูลเพิ่มเติมของ Facebook Phone นอกเหนือจากที่เรารู้แล้วว่าจะร่วมมือกับ INQ
ผู้บริหารของ INQ เคยพูดไว้เมื่อปีที่แล้วว่า INQ กำลังพัฒนามือถือ Android
นอกจากข้อมูลข้างต้นแล้ว GigaOm ยังคาดการณ์ว่ามือถือ Facebook จะ
อันนี้เป็น "มุมมองอีกด้าน" ที่แย้งกับคำสัมภาษณ์ของ Mark Zuckerberg โดยสำนักข่าว Bloomberg รายงานข่าวลือวงในว่า Facebook กำลังร่วมมือกับ INQ ผู้ผลิตมือถือจากอังกฤษ สร้างสมาร์ทโฟน 2 รุ่น
มือถือ Facebook Phone ตามข่าวจะออกขายที่ยุโรปก่อนในครึ่งแรกของปี 2011 และจะตามไปขายที่สหรัฐในครึ่งหลังของปี คาดว่าจะขายกับเครือข่าย AT&T
INQ เป็นบริษัทลูกของ Hutchison Whampoa (บริษัทแม่ของ Hutch ที่ฮ่องกง) มีฐานสำคัญที่อังกฤษ เน้นทำมือถือสำหรับ social network โดยเฉพาะ ปัจจุบันมีมือถือวางขายแล้ว 3 รุ่น ทั้งหมดพัฒนาจากระบบปฏิบัติการ BREW อีกต่อหนึ่ง (รายละเอียดดูบนเว็บของ INQ)
หนึ่งในข่าวที่ร้อนแรงที่สุดในขณะนี้ (ของต่างประเทศ) ย่อมหนีไม่พ้นข่าว Facebook Phone (ข่าวเก่า 1, ข่าวเก่า 2, ข่าวเก่า 3) ทางเว็บไซต์ TechCrunch เลยจับ Mark Zuckerberg มาสัมภาษณ์แบบเจาะลึก
จากบทสัมภาษณ์พอจับความได้ว่า Facebook กำลังทำอะไรบางอย่างกับ Android อยู่ มันอาจไม่ใช่มือถือเต็มรูปแบบ แต่ก็เป็นมากกว่า mobile app แน่นอน
บทสัมภาษณ์ค่อนข้างยาว แต่แนะนำให้อ่านฉบับเต็ม ผมคัดมาเฉพาะประเด็นสำคัญ
แม้สตีฟ จ็อบส์จะรวยเพิ่มขึ้นจนกลายเป็นเศรษฐีอันดับ 42 ของสหรัฐ แต่ก็มีคนที่แรงกว่า ไม่ใช่ใครที่ไหนไกล เขาคือ Mark Zuckerberg ผู้ก่อตั้ง Facebook บริษัทที่ร้อนแรงที่สุดในขณะนี้
ในการจัดอันดับของ Forbes รอบนี้ Zuckerberg มี "มูลค่า" ทรัพย์สิน 6.9 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 4.9 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งทำให้เขากลายเป็นเศรษฐีอันดับ 35 ของสหรัฐทันที
หนังเรื่อง The Social Network ซึ่งสร้างจากเรื่องราวชีวิตจริงของ Mark Zuckerberg หลังจากที่เฟซบุ๊กได้ดูล่วงหน้าและแสดงอาการไม่พอใจสักเท่าใดนัก ตามรายละเอียดข่าวเก่า
ถึงแม้ Facebook จะออกมาปฏิเสธข่าวลือที่ TechCrunch เปิดเผยว่าบริษัทกำลังพัฒนาโทรศัพท์มือถือของตนเอง แต่ล่าสุด CNET ก็ได้ออกมายืนยันข่าวลือดังกล่าว ซึ่งจากแหล่งข่าวของ CNET ระบุว่าในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา Facebook ได้มองหาผู้ผลิตฮาร์ดแวร์และผู้ให้บริการเครือข่ายเพื่อที่จะหยั่งเสียงว่าโทรศัพท์มือถือแบรนด์ของตนนั้นเป็นความเป็นไปได้เพียงใด โดยโทรศัพท์มือถือนั้นก็ไม่ได้ใช้ระบบปฏิบัติการใหม่ แต่มันจะใช้ระบบปฏิบัติการ Android ที่รวมฟีเจอร์ต่างๆ ของ Facebook "อย่างลึกซึ้ง" เข้าไป (คือไม่ได้เป็นเพียงแอพฯ ตัวหนึ่งบนแพลตฟอร์มนั้นแบบในปัจจุบัน)
Facebook ได้ออกมาปฏิเสธข่าวลือที่ TechCrunch เปิดเผยว่าบริษัทกำลังพัฒนาโทรศัพท์มือถือของตนเอง โดยโฆษกกล่าวว่า สิ่งที่บริษัทดำเนินต่อเนื่องเสมอมาคือทำให้โทรศัพท์มือถือและแอพพลิเคชันเข้าถึงสังคมออนไลน์มากขึ้น (อาทิ การพอร์ตฟีเจอร์ทำงานบนเว็บไซต์เวอร์ชัน HTML5 ลงแอพฯ บนแพลตฟอร์มโทรศัพท์มือถือต่างๆ) ซึ่งในมุมมองของบริษัทแล้วประสบการณ์ของผู้ใช้เกือบทั้งหมดจะดียิ่งกว่าหากพวกเขาเข้าถึงสังคมได้ ดังนั้นการรวมเข้ากับแพลตฟอร์มต่างๆ และระบบปฏิบัติการที่มีอยู่แล้วเป็นหนทางที่ดีที่จะทำให้เกิดสิ่งนั้นขึ้นได้ แต่กระนั้นการสร้างโทรศัพท์ของตนเองก็ไม่ใช่สิ่งที่บริษัทจะทำ
มีแหล่งข่าวให้ข้อมูลกับ TechCrunch ว่า Facebook กำลังทำโทรศัพท์มือถือของตนเอง หรือไม่ก็กำลังพัฒนาซอฟต์แวร์อย่างเดียวแล้วให้บริษัทอื่นพัฒนาฮาร์ดแวร์ให้
แหล่งข่าวยังให้ข้อมูลอีกว่า Facebook เริ่มสนใจพัฒนาโทรศัพท์มือถือของตนเอง หลังจากที่เริ่มตระหนักถึงความเข้มแข็งของแพลตฟอร์ม iPhone และ Android และแอพพลิเคชัน Facebook บนแพลตฟอร์มเหล่านั้นอาจไม่มีกำลังเพียงพอที่จะต่อกรกับการแข่งขันในระยะยาว อีกประการหนึ่ง Facebook ก็มีเป้าหมายที่ต้องการรวมตัวเองเข้ากับรายชื่อผู้ติดต่อหรือฟังก์ชั่นหลักอื่นๆ ของโทรศัพท์มือถือ ซึ่งสิ่งนั้นจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมันสามารถควบคุมระบบปฏิบัติการได้เท่านั้น
ตำรวจในรัฐนิวแฮมป์เชียร์ของสหรัฐอเมริกาจับขโมยได้ 3 ราย ซึ่งขโมยระบุว่าใช้ social network (ในที่นี้คือ Facebook) ช่วยดูว่าบ้านใดบ้างที่เจ้าของบ้านไม่อยู่ โดยดูจากข้อความสถานะของคนที่อยู่ในละแวก
ทาง Facebook ได้ยืนยันว่าฟีเจอร์ Facebook Place ไม่เกี่ยวข้องกับการโจรกรรมคดีนี้ อย่างไรก็ตามนี่เป็นตัวอย่างว่า แค่ข้อความสถานะก็พอเพียงสำหรับการโจรกรรม (อ่านวิธีตั้งค่าความเป็นส่วนตัวของ Facebook)
คราวก่อนมีโจรใช้ ภาพถ่ายผ่านดาวเทียมบน Google Maps เพื่อขโมยหลังคา คราวนี้โจรใช้ Facebook เพื่องัดบ้าน
ตำรวจเมืองแนชัว นิวแฮมเชียร์ ได้เข้าจับกุมกลุ่มหัวขโมยที่ใช้ Facebook ช่วยในการลักขโมย โดยพวกเขาจะเข้าไปหาข้อมูลใน Facebook ว่ามีใครที่ออกไปเที่ยวในช่วงสุดสัปดาห์ ซึ่งมักจะอัพเดทสถานะของตนลงไปใน Facebook แล้วเข้าไปงัดบ้านในช่วงเวลาดังกล่าว
ทางตำรวจบอกว่า จากบ้านที่ถูกขโมย 50 หลังในเดือนสิงหาคม มี 18 หลังที่มีกลุ่มหัวขโมยอยู่ในรายชื่อเพื่อน โดยมีมูลค่าความเสียหายอยู่ที่ประมาณ 1 - 2 แสนเหรียญสหรัฐ
ลองคิดถึงสถานการณ์ว่า เราเดินขึ้นรถ พูดว่า "กำลังจะออกเดินทางไปยัง..." แล้วข้อความสถานะไปปรากฎใน Facebook ดูสิครับ อาจฟังดูโอเวอร์แต่มันกำลังจะเป็นความจริง
เครือรถยนต์ขนาดใหญ่ของโลก GM กำลังจะรวมฟีเจอร์ Facebook เข้ากับระบบนำทางอัจฉริยะและสั่งงานด้วยเสียงภายในรถยนต์ที่ชื่อ OnStar การทำงานกับ Facebook จะใช้เสียงพูดเป็นหลัก ซึ่งผู้ขับขี่สามารถสั่งให้ OnStar "อ่าน" สถานะของเพื่อนๆ ให้ฟังได้ หรือจะ "พูด" สถานะของตัวเองเพื่อส่งไปยัง Facebook ได้เช่นกัน นอกจาก Facebook แล้ว OnStar ยังสามารถอ่านและตอบ SMS ได้ด้วย
คู่แข่งของ GM อย่าง Ford ก็มีระบบแบบเดียวกันชื่อ Ford Sync ซึ่งพัฒนาร่วมกับไมโครซอฟท์ อนาคตก็น่าจะทำได้แบบเดียวกัน
แม้ว่าจะมีการค้นพบหลักฐานต่างๆ มากมายบน iTunes ว่าอาจมีการทำงานบางอย่างร่วมกับ Facebook แต่หลังจากที่ iTunes Ping ได้เปิดตัวเมื่อคืนวาน สิ่งหนึ่งที่น่าแปลกใจคือมันไม่สามารถทำงานร่วมกับ Facebook ได้อย่างที่หลายๆ คนคาดไว้
หลายปีก่อนกูเกิลเคยเป็นแหล่งดึงดูดวิศวกรระดับหัวกะทิจากบริษัทคู่แข่งอย่างไมโครซอฟท์ และยาฮู ตลอดจนบริษัทไอทีอื่นๆ จำนวนมาก แต่วันนี้ที่หุ้นของกูเกิลเริ่มอยู่นิ่ง ค่าตอบแทนและโบนัสที่กูเกิลเสนอให้กับวิศวกรเหล่านี้ก็เริ่มน่าดึงดูดใจน้อยลงเรื่อยๆ แต่โลกไอทีก็มีเฟชบุ๊กเข้ามาแทนที่ ล่าสุดมีข่าวว่ากูเกิลทุ่มจ่ายเงินสดและหุ้นให้กับพนักงานที่กำลังจะลาออกหลายแสนดอลลาร์ต่อคนเพื่อให้อยู่ทำงานต่ออีกสักปี
ทาง TechCrunch รายงานข่าวนี้โดยระบุว่าพนักงานที่ได้รับข้อเสนอนี้ประมาณร้อยละ 80 จะตัดสินใจอยู่ทำงานกับกูเกิลต่อไป โดยพนักงานที่ไม่เปิดเผยชื่อคนหนึ่งระบุว่าเขาได้รับข้อเสนอมูลค่าถึง 500,000 ดอลลาร์เพื่อเซ็นสัญญาทำงานกับกูเกิลต่อไปอีกหนึ่งปี อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้ตอบรับข้อเสนอนี้