สำนักข่าว CNBC เผย Facebook ทำโครงการวิจัยโดยใช้ข้อมูลบน Facebook กับข้อมูลการแพทย์ เป้าหมายคือเพื่อพัฒนาด้านการรักษาและการดูแลผู้ป่วย อย่างไรก็ตามโครงการวิจัยได้หยุดไปเมื่อเดือนที่แล้ว หรือช่วงที่ปัญหาข้อมูลระหว่าง Facebook และ Cambridge Analytica ปะทุขึ้น
จากที่ Mark Zuckerberg ซีอีโอ Facebook ได้ให้สัมภาษณ์สื่อหลายแห่ง ก็มีประเด็นน่าสนใจจากการให้สัมภาษณ์กับ Vox โดยเขายอมรับว่า Facebook Messenger มีการตรวจสอบข้อความในการสนทนาจริง
แต่ก่อนจะตกใจกันไป Zuckerberg บอกว่าการตรวจสอบข้อความนั้นทำเพื่อป้องกันไม่ให้มีข้อความที่ไม่เหมาะสมและเพื่อความปลอดภัย โดยเฉพาะเนื้อหาที่ผิดกฎการใช้งานของ Facebook ตัวอย่างเช่น ภาพอนาจารเด็ก หรือลิงก์ที่มีไวรัส และการตรวจสอบข้อความนั้นไม่ได้ทำเพื่อการโฆษณาแต่อย่างใด
จาก Facebook เริ่มปิด API ไม่ให้แอพเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวผู้ใช้ ส่งผลให้แอพที่ต้องการข้อมูลมากเป็นพิเศษต้องได้รับอนุญาตจาก Facebook ก่อนเสมอ เริ่มส่งผลกระทบต่อผู้ใช้งานแอพพลิเคชั่นอื่นแล้ว Tinder ออกมาประกาศว่า จากการปรับ API ของ Facebook ทำให้มีผู้ใช้จำนวนมากไม่สามารถล็อกอินเข้าแอพได้
ผู้ใช้ Tinder จำนวนมากติดอยู่กับขั้นตอนล็อกอินเข้าแอพ ในขณะที่ผู้ใช้บางคนที่เข้าแอพได้ แต่ข้อมูลแชท ข้อมูล match กับคนที่ถูกใจหายหมด สร้างความเจ็บปวดให้ผู้ใช้จำนวนมาก
การล็อกอินเข้าแอพพลิเคชั่นต่างๆ ผ่าน Facebook เป็นทางเลือกที่สะดวก และจากการปรับนโยบายเพียงนิดเดียวก็ทำให้ไม่สามารถเข้าใช้งานได้เลยทีเดียว โดย Tinder ระบุว่ากำลังเร่งแก้ปัญหา และยังไม่พบว่ามีแอพอื่นที่เจอปัญหาเหมือน Tinder
Facebook ได้ประกาศรอบล่าสุดว่า Cambridge Analytica บริษัทผู้ทำแคมเปญให้ Donald Trump ได้ข้อมูลผู้ใช้ไปทั้งหมด 87 ล้านคน โดยผู้ใช้เกือบทั้งหมดอยู่ในสหรัฐฯ จากก่อนหน้านี้ที่บอกไว้ว่า 50 ล้านบัญชี
Mike Schoepfer ได้ให้ข้อมูลกับ TechCrunch เพิ่มเติมว่าตอนนี้ทาง Facebook ได้เริ่มแจ้งเตือนผู้ใช้ที่ได้รับผลระทบโดยมีข้อความวางไว้บน News Feed พร้อมข้อมูลเกี่ยวกับการรั่วไหล และสิ่งที่ผู้ใช้ควรจะทำในตอนนี้ พร้อมกับเครื่องมือถอนสิทธิการเข้าถึงของแอพเป็นทีละหลายแอพไว้ด้วย ซึ่งจำนวนผู้ใช้ 87 ล้านคนนี้คือจำนวนผู้ใช้สูงสุดที่ได้รับผลกระทบ แต่ตัว Facebook เองตอบไม่ได้ว่าผู้ใช้ที่ถูกนำข้อมูลไปใช้ผิดวัตถุประสงค์จริง ๆ นั้นมีเท่าไร
จากปัญหากรณี Cambridge Analytica ล่าสุด Facebook เดินหน้าออกมาตรการ "ล้อมคอก" ตามที่เคยประกาศไว้
ภาพรวมคือ Facebook เริ่มจำกัดการเข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้ผ่าน API ชนิดต่างๆ ของบริษัท ให้อ่านข้อมูลได้น้อยลงจากเดิม โดยเฉพาะ "รายชื่อเพื่อน" ที่เป็นช่องโหว่ให้เกิดปัญหาข้อมูลรั่วไหลแบบ Cambridge Analytica ได้มาก
TechCrunch รายงานว่า Facebook กำลังวางแผนสร้างเครื่องมือให้นักการตลาดยืนยันรับรองอีกขั้น ก่อนจะใช้ข้อมูลลูกค้าทำการตลาดโฆษณาแบบเจาะกลุ่มเป้าหมายบน Facebook หรือที่เรียกว่า Custom Audiences เพื่อเป็นการรับประกันว่าจะใช้ข้อมูลทำการตลาดอย่างถูกต้อง และได้รับการยินยอมจากเจ้าของข้อมูลแล้ว นอกจากนี้ ยังป้องกันการแชร์ข้อมูลข้ามกันไปมาระหว่างบัญชีธุรกิจแต่ละบัญชีด้วย
Facebook รายงานการปิดบัญชีที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงาน Internet Research Agency หรือ IRA ของรัสเซีย เพิ่มเติม โดยรอบนี้ Facebook ปิดไปอีก 70 บัญชี, Instagram ปิดไป 65 บัญชี และ Facebook Page อีก 138 เพจ โดย 95% ของทั้งหมดนี้มีการรันโฆษณาโดยใช้กลุ่มเป้าหมายเป็นคนที่อยู่ในรัสเซียหรือคนพูดภาษารัสเซียทั่วโลก รวมถึงประเทศรอบข้างอย่างยูเครน, อุซเบกิสถาน, อาร์เซอร์ไบจานด้วย
Facebook เผยในรายงานว่า IRA นั้นยังคงมีการใช้เครือข่ายบัญชีปลอมเพื่อหลอกลวงและหวังผลจากคนใช้ Facebook ตั้งแต่ก่อนไปจนถึงระหว่างการเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2016 โดย Facebook ปิดบัญชีและเพจในรอบล่าสุดนี้เนื่องจากพบว่ามีการควบคุมโดย IRA ไม่ใช่ดูตามคอนเทนต์
ปีที่แล้ว Facebook ทดสอบฟีเจอร์ตรวจสอบความน่าเชื่อถือของข่าวได้จากหน้า News Feed โดยไม่ต้องออกจากหน้า Facebook เป็นฟีเจอร์ที่คาดกันว่าจะเป็นไม้ตายสู้ข่าวปลอมที่เป็นปัญหาคาราคาซังอยู่ในขณะนี้ ล่าสุด Facebook เปิดให้ใช้ฟีเจอร์นี้ในสหรัฐฯแล้ว
ฟีเจอร์ใหม่นี้ผู้ใช้จะเห็นปุ่มตัว i หรือ information หรือ about this article ปรากฏใต้ลิงก์ข่าว เมื่อกดเข้าไปผู้ใช้จะพบรายละเอียดเกี่ยวกับเว็บไซต์ผู้เผยแพร่เนื้อหา ทั้งจากเว็บไซต์เองและวิกิพีเดียด้วยว่าเป็นสำนักข่าวใด ก่อตั้งเมื่อไร รวมทั้งเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับข่าวนั้นๆ จากเว็บไซต์อื่นว่าเขารายงานข่าวไปในทิศทางใดบ้าง เลื่อนลงมาด้านล้างจะเห็นอีกว่าข่าวนี้ได้รับการแชร์ในพื้นที่ใดบนโลก มีเพื่อนคนไหนแชร์บ้าง
Facebook ประกาศเพิ่มฟีเจอร์ให้ Messenger รองรับการส่งภาพถ่าย 360 องศาและวิดีโอ HD 720p บนแพลตฟอร์ม
ปัจจุบัน คอนเทนต์ทั้งรูปภาพ 360 องศา (รวมถึงภาพพาโนรามา) และวิดีโอ HD 720p นั้นเป็นที่นิยมมากขึ้น และมือถือหลายรุ่นก็รองรับการถ่ายภาพและวิดีโอในลักษณะนี้แล้ว Facebook Messenger จึงเพิ่มฟีเจอร์เพื่อให้ผู้ใช้สามารถส่งภาพและวิดีโอผ่าน Messenger ได้เลย (จากเดิมอาจต้องโพสต์บน Facebook แล้วแชร์ลิงก์มา) โดยสำหรับภาพ 360 องศาจะใช้แอพหรือกล้องอะไรถ่ายมาก็ได้และกดส่งเหมือนภาพปกติ Facebook จะแปลงภาพให้เอง
ก่อนหน้านี้มีผู้ใช้รายงานว่า Facebook ได้เก็บคลิปเอาไว้แม้ว่าจะไม่เคยถูกโพสต์เลยก็ตาม ล่าสุด Facebook ก็ออกมาขอโทษแล้ว และกล่าวว่าเป็นบั๊กของระบบที่ทำให้วิดีโอที่ดราฟท์ไว้ไม่ได้ถูกลบออกไปจากระบบแม้ว่าจะไม่ได้โพสต์ลง Facebook ก็ตาม และตอนนี้กำลังไล่ลบคอนเทนต์เหล่านี้อยู่
โฆษกของ Facebook กล่าวว่า ตอนนี้ทางบริษัทได้ทำการสอบสวนรายงานที่มีผู้ใช้บางคนพบวิดีโอที่เคยดราฟท์ไว้เมื่อเข้าไปดาวน์โหลดข้อมูลในเครื่องมือของ Facebook ซึ่งทางบริษัทได้ค้นพบบั๊กที่ทำให้วิดีโอที่ดราฟท์ไว้นี้ไม่ถูกลบ ซึ่งตอนนี้ Facebook กำลังไล่ลบข้อมูลเหล่านี้และขออภัยสำหรับความไม่สะดวกที่เกิดขึ้น
หลายคนคงเคยเห็นตัวการ์ตูนอวตารในโลก VR ของ Facebook หรือแอปพลิเคชั่น Facebook Spaces และคิดว่าเป็นตัวการ์ตูนอวตารที่ดูเป็นการ์ตูนมากไปหน่อย ล่าสุด Facebook ปรับใหม่ ให้ดูคล้ายคนจริงมากขึ้น
ในตัวละครอวตารเวอร์ชั่นเก่า ผู้ใช้มีตัวเลือกจำกัดในการสร้างคาแรกเตอร์ของตัวเองบนโลก VR เลือกสีตา ทรงผม สีผมได้ แต่รูปตา จมูก ปากของแต่ละคนยังเหมือนกัน ในเวอร์ชั่นใหม่มีตัวเลือกสร้างคาแรกเตอร์อีกประมาณร้อยอย่าง หนึ่งในนั้นมี รูปร่างศีรษะ, รูปร่าง, และยังเพิ่มการเคลื่อนไหวร่างกายให้ดูธรรมชาติเหมือนจริงมากขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถแสดงสีหน้ายิ้มแย้มหรือบึ้งตึงได้
ก่อนหน้านี้เคยมีประเด็น Mark Zuckerberg ใช้ตัวละครอวตารของตนอธิบายสถานการณ์ภัยพิบัติที่เปอร์โตริโก มีคนวิจารณ์ว่าสีหน้าของตัวละครดูร่าเริงยิ้มแย้มมากไปหน่อย เมื่อภาพเบื้องหลังเป็นความเสียหายจากภัยธรรมชาติ
ท่ามกลางปัญหาของ Facebook กับ Cambridge Analytica หลังจากที่ทางบริษัทได้คุมแอพบนแพลตฟอร์มหลักและยกเลิกโครงการพาร์ทเนอร์กับ Data Broker เพื่อป้องกันปัญหาข้อมูลส่วนตัวไปแล้ว รอบนี้ก็มาถึง Instagram บ้าง
Facebook ได้จำกัด API ของ Instagram แบบฉับพลัน โดยจากเดิมอนุญาตให้เรียกใช้งานได้ถึง 5,000 ครั้งต่อชั่วโมง ตัดเหลือเพียง 200 ครั้งต่อชั่วโมงเท่านั้น ซึ่งแน่นอนว่าส่งผลกระทบกับแอพที่ใช้งาน API ทันทีเพราะว่าสามารถเรียกใช้งานจนเต็มได้ง่าย ๆ และ Instagram ได้หยุดการรับแอพใหม่บนแพลตฟอร์มอีกด้วย ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่สำหรับนักพัฒนาแอพเพราะว่าการกระทำเหล่านี้ไม่มีการแจ้งเตือนล่วงหน้า
เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อหลายวันก่อน หลังจากเหตุการณ์ข้อมูลผู้ใช้ Facebook หลุด 50 ล้านบัญชี นำมาสู่การขุดประเด็นต่างๆ เรื่องการใช้ข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งาน Facebook มากมายตามมา ก็มีการถามถึงประเด็นนี้กับ Tim Cook ซีอีโอแอปเปิลในรายการโทรทัศน์หนึ่ง ซึ่ง Tim Cook บอกว่า เขาอยากให้บริษัทที่มีการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลทำธุรกิจ ตรวจสอบควบคุมกันภายในให้มากขึ้น ซึ่งดีกว่าการรอให้หน่วยงานรัฐมาตรวจสอบ
Snapchat ออกฟิลเตอร์แบบใหม่ โดยฟิลเตอร์จะเป็นรูปภาพใส่กรอบเหมือนกับโพสต์บน Facebook ภาษารัสเซีย
ฟิลเตอร์ใหม่ของ Snapchat จะนำรูปภาพที่ใส่ฟิลเตอร์ใส่ไว้ในกรอบพร้อมคำว่า "เปลี่ยนรูปโปรไฟล์" ในภาษารัสเซียพร้อมทั้งมีบอทรัสเซียมาไลค์ เพื่อเป็นการสะท้อนถึงแพลตฟอร์ม Facebook ที่ทุกวันนี้เต็มไปด้วยบอทจากรัสเซียที่เข้ามาป่วนการเลือกตั้งสหรัฐฯ
ฟิลเตอร์แบบใหม่นี้ของ Snapchat เริ่มให้บริการแล้วในวันนี้ (ผมลองหาแล้วยังไม่เจอ อาจจะเป็นฟิลเตอร์ที่มีให้เล่นเฉพาะในสหรัฐฯ)
เรียกได้ว่าพอน้ำลดแล้วตอผุดออกมาหลายต่อหลายตอกันเลยทีเดียวสำหรับเฟซบุ๊ก หลังเรื่องราวทั้งหมดเริ่มจาก Cambridge Analytica ต่อเนื่องด้วยการเก็บบันทึกการโทรและข้อความ และสดๆ ร้อนๆ คือเก็บวิดีโอที่ผู้ใช้ไม่เคยแม้แต่อัพโหลด
ขณะที่ Mark Zuckerberg ซีอีโอออกมายืนยันว่าการปกป้องข้อมูลคือหน้าที่ของเฟซบุ๊ก รวมถึงลงโฆษณา พร้อมระบุว่าเราไม่ควรได้รับหน้าที่ปกป้องข้อมูลผู้ใช้ถ้าทำไม่ได้ ทว่าตอล่าสุดที่ผุดออกมา เหมือนจะตบหน้าซีอีโอเฟซบุ๊กเบาๆ ที่พยายามออกมายืนยันเรื่องการปกป้องข้อมูลผู้ใช้ตลอด ขณะสิ่งที่เฟซบุ๊กเชื่อมั่นคือการเติบโตของบริษัทและเชื่อมต่อผู้คน
เรียกได้ว่าเป็นความวัวไม่ทันหาย ความควายเข้ามาแทรกก็ว่าได้ หลังจากที่มีคนพบว่า Facebook แอบเก็บบันทึกการโทรและข้อความจากสมาร์ทโฟน Android ปรากฏว่ามีคนไปเจอไฟล์วิดีโอที่ Facebook เก็บบันทึกไว้ ทั้งที่เจ้าตัวยังไม่เคยโพสต์คลิปวิดีโอนั้นลงบน Facebook มาก่อนเลย
Madison Malone Kircher นักเขียนของเว็บ Select/All เล่าว่าน้องสาวของเธอตรวจสอบเรื่องการเก็บข้อมูลของ Facebook หลังทราบข่าวเรื่องการเก็บบันทึกการโทรและข้อความจากสมาร์ทโฟน โดยน้องสาวเธอได้ทำการดาวน์โหลดไฟล์เหล่านั้น แต่กลับพบว่าในบรรดาไฟล์ข้อมูลที่โหลดมา ดันมีไฟล์คลิปวิดีโอที่น้องของเธอเคยถ่ายเอาไว้ด้วย ทั้งที่ไม่เคยมีการโพสต์ไฟล์วิดีโอนั้นลงบน Facebook มาก่อน
ประเด็นความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้บนเฟซบุ๊กยังคงมีแง่มุมและท่าทีจากเฟซบุ๊กออกมาเรื่อยๆ ล่าสุดนอกจากยกเครื่องหน้า Setting แล้ว เฟซบุ๊กยังประกาศยกเลิกโครงการการเป็นพาร์ทเนอร์กับองค์กรที่ขายข้อมูลภายนอกหรือที่เรียกว่า Data Broker ที่เริ่มมาตั้งแต่ปี 2013
Data Broker คือกลุ่มบริษัทที่ขายข้อมูลที่ได้มา (จากทางอื่นที่ไม่ใช่เฟซบุ๊ก) เช่น รสนิยม, ความสนใจรายการทีวี, ยี่ห้อรถยนต์ที่ชอบ ฯลฯ ให้กับคนที่ซื้อโฆษณาบนเฟซบุ๊กให้สามารถโฆษณาได้ตรงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น โดยอิงจากข้อมูลผู้ใช้ที่เปิดเผยได้บนเฟซบุ๊ก อาทิ เพจที่ไลค์
Facebook ประกาศปรับปรุงส่วนการตั้งค่าผู้ใช้งาน โดยเฉพาะในส่วนการตั้งค่าความเป็นส่วนตัว ซึ่ง Facebook ยอมรับว่าผู้ใช้งานได้ให้ความเห็นว่าดูแล้วเข้าใจยาก จึงมีการปรับหน้าตาให้ดูง่ายขึ้น รายละเอียดมีดังนี้
CNN รายงานอ้างอิงข้อมูลจากคนในเฟซบุ๊กว่า Mark Zuckerberg ซีอีโอของเฟซบุ๊กตอบรับหนังสือเรียกและเตรียมไปให้การต่อหน้าคณะกรรมาธิการตุลาการสภาคองเกรสในประเด็นความเป็นส่วนตัวของข้อมูลผู้ใช้หลังข่าวอื้อฉาวเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งสภาได้เรียกซีอีโอของ Google และ Twitter เพื่อสอบถามในประเด็นเดียวกันนี้พร้อมๆ กันด้วย
อย่างไรก็ตาม ซีอีโอของเฟซบุ๊กกลับปฏิเสธการเรียกตัวจากรัฐสภาของอังกฤษ และส่งเพียงแค่ตัวแทนไปให้ข้อมูลแทนเท่านั้น ซึ่ง Damien Collins ประธานคณะกรรมาธิการของสภาสามัญชนของอังกฤษระบุว่าน่าประหลาดใจมาก เพราะจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ได้ก่อให้เกิดคำถามขึ้นมากมายกับตัวผู้ใช้งาน แต่ซีอีโอเฟซบุ๊กก็ยังจะตอบปฏิเสธที่ให้ข้อมูลครั้งนี้กับสภา
Collins บอกด้วยว่า เขาอยากจะขอให้ Zuckerberg ทบทวนซ้ำอีกครั้ง ถ้าเขาแคร์คนที่ใช้บริการเฟซบุ๊กจริงๆ
เฟซบุ๊กกำลังมีประเด็นเกี่ยวกับข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา จึงไม่น่าแปลกใจหากบริษัทจะเลื่อนการเปิดตัวลำโพงอัจฉริยะ ที่แรกเริ่มเดิมทีตั้งใจจะเปิดตัวในงาน F8 วันที่ 1 พฤษภาคมนี้ออกไปก่อน
Bloomberg รายงานข้อมูลนี้โดยอ้างแหล่งข่าววงในของเฟซบุ๊ก และคาดว่าการเปิดตัวน่าจะเลื่อนไปเป็นช่วงปลายปี โดยการตัดสินใจครั้งนี้ก็มาจากความเชื่อมั่นในเรื่องการรักษาข้อมูลของสาธารณะยังติดลบ คงจะไม่เป็นเรื่องดีหากเฟซบุ๊กยังดื้อดึงเปิดตัวลำโพงอัจฉิริยะที่ใช้งานภายในบ้านที่เป็นพื้นที่ส่วนตัว และขับเคลื่อนด้วยข้อมูลส่วนตัวผู้ใช้
ที่มา - Bloomberg
Mozilla ออก add-on สำหรับ Firefox ใหม่ในชื่อว่า Facebook Container ซึ่งระบบนี้ Mozilla ได้พัฒนามานับปีแล้ว โดยมีจุดประสงค์เพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้รวมถึงความปลอดภัยจากการติดตามของ Facebook ซึ่งมักจะมีเครือข่ายที่เอาไว้ติดตามผู้ใช้อยู่ตามเว็บไซต์ต่าง ๆ โดยโค้ดเหล่านี้จะคอยติดตามผู้ใช้แบบที่ไม่อาจรู้ตัว และไม่สามารถเลือกได้ว่าจะให้ส่งข้อมูลอะไรบ้าง
หลังจากที่ Facebook ประกาศปรับ News Feed โดยเพิ่มน้ำหนักการแสดงเนื้อหาข่าวสารของชุมชนท้องถิ่นในแต่ละเมืองให้มากขึ้น เริ่มที่ในอเมริกาก่อน วันนี้ Facebook ประกาศเพิ่มการแสดงผลข่าวท้องถิ่น มีผลกับผู้ใช้งานทั่วโลก ในทุกภาษาแล้ว
Facebook บอกว่า ผู้ใช้งานจะเห็นข่าวจากสื่อท้องถิ่นในพื้นที่ซึ่งตนเองอยู่มากขึ้น รวมทั้งข้อมูลของเมืองอื่นที่น่าจะสนใจ
ในมุมของผู้ผลิตสื่อ Facebook บอกว่า หากสื่อมีเนื้อหาครอบคลุมหลายเมือง Facebook ก็จะให้น้ำหนักกับเมืองที่เนื้อหานั้นครอบคลุมอยู่ มากกว่าเมืองที่อยู่นอกเหนือพื้นที่
จากประเด็น Facebook เก็บข้อมูล metadata ทั้งบันทึกโทรและข้อความจากสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ที่เปิด permission วันนี้ Facebook ออกมาชี้แจง ดังนี้
Facebook บอกว่าเก็บข้อมูลดังกล่าวจริง เป็นการเก็บข้อมูลแบบ opt-in คือผู้ใช้อนุญาต เพื่อให้ง่ายต่อผู้ใช้เวลาติดต่อคนที่ต้องการติดต่อผ่าน Facebook แต่เมื่อใดก็ตามที่ผู้ใช้ต้องการปิดการเก็บข้อมูล ก็สามารถเข้าไปตั้งค่าได้ (Setting > App and Notification > เลือกแอป Facebook > Permission > ปิดทั้งหมด หรือเปิดเฉพาะเท่าที่จะอนุญาต)
ส่วนประเด็นที่ว่า Facebook นำข้อมูลที่ได้ไปขายหรือไม่ Facebook ยืนยันว่าไม่ได้ขายข้อมูลให้คนภายนอก และฟีเจอร์นี้ ก็ไม่ได้เก็บข้อมูลข้อความที่ผู้ใช้ส่งหากัน รวมทั้งเสียงสนทนาก็ไม่ได้บันทึกไว้
Facebook ลงโฆษณาเต็มหน้าในหนังสือพิมพ์หัวใหญ่ของสหรัฐฯ และอังกฤษ เนื้อหาโฆษณาเป็นคำขอโทษจาก Mark Zuckerberg กรณีข้อมูลหลุดที่ถาโถม Facebook มาในขณะนี้ ในแถลงการณ์ขอโทษเปิดหัวมาด้วยคำกล่าวว่า "เรามีหน้าที่ในการปกป้องข้อมูลของคุณ ถ้าเราทำไม่ได้ เราก็ไม่สมควรได้รับผิดชอบในหน้าที่นี้"
เคราะห์ซ้ำกรรมซัดสำหรับผู้ใช้เฟซบุ๊กมากๆ หลังประเด็นเรื่องข้อมูลผู้ใช้รั่วไปกับ Cambridge Analytica ยังไม่หาย มีประเด็นเรื่องความเป็นส่วนตัวผู้ใช้ซ้ำมาอีกระลอก เมื่อมีคนพบว่าเฟซบุ๊กเก็บข้อมูล metadata ทั้งบันทึกโทรและข้อความจากสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ที่เปิด permission มาตลอด
เฟซบุ๊กมีฟีเจอร์หนึ่งให้ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดข้อมูลทั้งหมดบนเฟซบุ๊กนับตั้งแต่สร้างโปรไฟล์ครั้งแรกมาดูได้ ก่อนที่ Dylan McKay ผู้ใช้คนหนึ่งจะพบว่าข้อมูลที่เขาโหลดมาจากเฟซบุ๊กนั้น มีบันทึกการโทร ชื่อปลายทาง ระยะเวลาที่โทร ไปจนถึงบันทึกการรรับส่งข้อความจากสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ที่เขาใช้