Google Maps เปิดตัวความสามารถใหม่ สามารถจ่ายค่าที่จอดรถได้ในแอป โดยใช้ช่องทางชำระผ่าน Google Pay เริ่มใช้งานที่เมืองออสติน รัฐเท็กซัส ใช้งานได้ทั้งแอปแอนดรอยด์และ iOS และเว็บแอป pay.google.com/parking
วิธีการทำงานคือ เมื่อคนขับเข้าใกล้จุดหมาย Google Maps จะแจ้งให้จ่ายค่าจอดรถ เมื่อผู้ใช้งานกด Start a new session ระบบจะให้ป้อนหมายเลขโซนจอดรถในพื้นที่ใกล้เคียง สามารถกดบันทึกรถของตัวเองด้วยการกรอกหมายเลขทะเบียนรถได้ และบันทึกลงในบัญชีกูเกิลของตัวเองได้ด้วยเพื่อความรวดเร็วในการใช้งานครั้งต่อไป
จากข่าว Google Maps ทดสอบฟีเจอร์ให้ผู้ใช้เที่ยวกินตาม Local Guide โดยพื้นที่กรุงเทพฯ ได้ทดสอบด้วย ล่าสุดในงาน Google for Thailand ได้ประกาศว่า ฟีเจอร์นี้เปิดใช้งานใน Google Maps ในประเทศไทยแล้ว
กดที่ปุ่ม Explore จะมองเห็นคอนเทนต์จากครีเอเตอร์ที่มาแนะนำสถานที่เที่ยว ที่กิน รวมถึงรูปภาพเพื่อประกอบการตัดสินใจ ตัวครีเอเตอร์หรือคนที่เป็น Local Guide จะมีหน้าโปรไฟล์ของตัวเอง คล้ายโซเชียลมีเดีย รวมรูปและรีวิวของตัวเองเอาไว้ให้คนอื่นเข้ามาอ่านและกดเพื่อติดตามคนๆ นั้นได้
Google Maps ปรับปรุงการมองเห็นใหม่ ลงรายละเอียดแยกพื้นที่สีเขียว,ทะเลทราย,ถนนออกมาชัดเจน ให้เห็นแผนที่ใกล้เคียงกับสภาพพื้นที่จริงที่สุด โดยอาศัยเทคโนโลยี color-mapping
กูเกิลประกาศเพิ่มคุณสมบัติใน Google Maps สำหรับผู้ใช้ iOS ประกอบด้วย Apple Watch และ CarPlay มีรายละเอียดดังนี้
เริ่มที่ Apple Watch โดยแอปกลับมารองรับการทำงานบน watchOS อีกครั้ง (ถอดไปเมื่อหลายปีก่อน) ตัวแอปสามารถคำนวณระยะทาง-เวลา ในการเดินทางจากสถานที่ซึ่งบันทึกไว้ โดยสั่งผ่านแอปได้โดยตรง แต่หากเป็นเส้นทางอื่นต้องเริ่มจาก iPhone แอปจะเริ่มรองรับภายในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า
นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติใหม่ใน CarPlay โดยทำงานร่วมกับ CarPlay Dashboard สามารถแสดงผลแบบแยกส่วนหน้าจอ (Split View) ทำให้ใช้งานแผนที่ และควบคุมเพลงได้ในหน้าจอเดียวกัน เริ่มเปิดให้ใช้งานได้ในสัปดาห์นี้
CD Projekt Red สตูดิโอสัญชาติโปแลนด์ผู้พัฒนาเกมซีรีส์ The Witcher และ Cyberpunk เปิดเวอร์ชวลทัวร์ให้คนภายนอกชมออฟฟิศที่กรุงวอร์ซอผ่าน Street View ใน Google Maps
อย่างไรก็ตามทางสตูดิโอเปิดให้ชมแค่พื้นที่ส่วนออฟฟิศ ห้องประชุมและห้องนั่งเล่นชั้นเดียวเท่านั้น ส่วนพื้นที่ที่เป็นโปรดักชันไม่สามารถเข้าไปชมได้
ที่มา - VG247
Woolworths ซูเปอร์มาร์เก็ตออสเตรเลียรายใหญ่เชื่อมบริการแชตกับลูกค้าผ่านทาง Google Search และ Google Maps หลังกูเกิลขยายบริการ Business Messages ไปเมื่อเดือนที่แล้ว โดยเปิดรับธุรกิจทุกประเภทรวมถึงบริการภาครัฐ
ตัว Woolworths เองมีแชตบอตของตัวเองที่ชื่อว่า Olive สำหรับให้บริการสอบถามข้อมูล ตำแหน่งของสินค้าในร้านค้า, ปริมาณสินค้าในสต็อก, ช่วงเวลาเปิดปิด, ไปจนถึงมาตรการเกี่ยวกับ COVID-19
Google Maps กำลังทดสอบการแสดงบนแผนที่ว่าบริเวณไหนหรือแยกไหนมีไฟจราจร โดยจะปรากฏทั้งในโหมดแผนที่และโหมดนำทาง อย่างไรก็ตาม ฟีเจอร์ดังกล่าวจะบอกเพียงตำแหน่งของไฟจราจรเท่านั้น ไม่สามารถบอกสถานะของไฟจราจรได้
ฟีเจอร์นี้เปิดทดสอบเฉพาะผู้ใช้ Android ในบางพื้นที่ก่อนเท่านั้น ขณะเดียวกัน ก่อนหน้านี้ Apple ก็ได้ปล่อยฟีเจอร์แสดงไฟจราจรและป้ายหยุดบน Apple Maps มาเช่นเดียวกัน
Google เริ่มทดสอบฟีเจอร์ใหม่ แปะป้ายแสดงข้อมูลร้านค้าต่างๆ แบบ AR บน Street view โดยไม่ต้องออกจากหน้า Street view เพื่อค้นหาข้อมูล
ข้อมูลที่ปรากฏจะมีชื่อร้าน, คำอธิบายสั้นๆ, รีวิว, คะแนน และเรตราคา โดยหากเป็นร้านอาหารหรือคาเฟ่จะเป็นสีส้ม ส่วนร้านค้าทั่วไปจะเป็นสีน้ำเงิน
อย่างไรก็ตาม ฟีเจอร์ดังกล่าวยังคงอยู่ในช่วงทดสอบบน Maps เวอร์ชันเว็บอย่างเดียวก่อน ยังไม่พบการทดสอบบนสมาร์ทโฟนและเพิ่งเริ่มใช้ได้เฉพาะในเมืองใหญ่ๆ อย่าง New York หรือ Boston ก่อนด้วย
ที่มา - 9to5Google
Google Maps เพิ่มฟีเจอร์ใหม่หลายอย่างเพื่อให้เป็นประโยชน์กับผู้ใช้งานในช่วงใกล้จะเปิดเมืองหลังโรคระบาด ดังนี้
นอกจากชุดแอปเพื่อผู้พิการแล้ว ในวันตระหนักถึงผู้พิการโลก กูเกิลยังอัปเดต Google Maps ให้ผู้ใช้งานหาสถานที่ที่วีลแชร์เข้าถึงได้ง่าย โดยแอปจะไฮไลต์สถานที่นั้นๆ ให้ เริ่มจากเข้าเมนูตั้งค่า มองหา Accessibility และเปิดโหมด Accessible Places ก็ใช้งานได้
Google Maps ทำฟีเจอร์ใหม่ตอบรับสถานการณ์โรคระบาด ทำปุ่มกรองร้านอาหารที่มีบริการรับส่งเดลิเวอรี่ และนำกลับบ้านให้ด้วย เมื่อผู้ใช้งานเข้าแอปเพื่อหาร้านอาหาร จะเห็นปุ่ม shortcut คือ “Takeout” และ “Delivery” เพิ่มขึ้นมาในหน้าจอแรก ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ Google Maps ทำมาก่อนแล้ว แต่คราวนี้ดันปุ่มขึ้นมาใหนหน้าแรกให้เห็นชัดขึ้น
อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีปุ่มที่ integrate กับแอปส่งอาหารอื่น ให้สามารถกดสั่งอาหารได้โดยตรง แต่สามารถใช้ Google Asistant พูดสั่งได้ และระบบจะเชื่อมไปยังแอปส่งอาหารเช่น DoorDash ให้
อย่างที่ทราบกันว่าโรค COVID-19 มีช่วงเวลาของการฟักตัว 2-4 สัปดาห์ ทำให้เวลาค้นพบว่าคนรอบตัวหรือตัวเองเป็น ต้องมานั่งนึกกันว่าระยะเวลาหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาตนเองเดินทางไปที่ไหนมาบ้าง ซึ่งก็อาจทำให้ตกหล่นผิดพลาดกันได้
Google Maps มีฟีเจอร์ที่ชื่อว่า Google Maps Timeline เดิมสำหรับเอาไว้ย้อนดูว่าที่ผ่านมาเราเดินทางไปที่ไหนมาบ้าง ซึ่งสามารถย้อนไปได้เป็นปี ๆ (ในช่วงสิ้นปี Google จะส่งอีเมลสรุปมาให้ด้วยว่าปีที่ผ่านมาเราเดินทางไปไหนมาบ้าง) และก็เป็นฟีเจอร์นี้เองที่จะมาช่วยให้เราเช็คได้อย่างแม่นยำว่า 2-4 สัปดาห์ที่ผ่านมา เราไปไหนมาบ้าง หากตัวเองหรือคนรอบตัวติดเชื้อ
อิเกีย ผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ภายในบ้านจากสวีเดนออกโปรโมชั่นใหม่สำหรับลูกค้าในดูไบในชื่อว่า Buy With Your Time ซึ่งจะให้ส่วนลดกับผู้ใช้ตามระยะเวลาเดินทางมายังอิเกีย ที่โดยมากตัวห้างมักจะตั้งอยู่นอกเมือง
โปรโมชั่นใหม่ของอิเกียใช้ฟีเจอร์ Timeline ของ Google Maps ซึ่งจะบันทึกเส้นทางที่ผู้ใช้งานเดินทางทุกวันอยู่แล้ว เพียงผู้ใช้นำหน้า Timeline นี้โชว์ให้พนักงานอิเกียดูว่าใช้เวลาเท่าไรในการเดินทางมายังอิเกีย พนักงานก็จะคำนวณระยะเวลาเดินทางออกมาเป็นเงินสูงสุดถึง 105 เดอร์แฮม (ราว 890 บาท)
Google Maps ฉลองครบรอบ 15 ปี หลังเริ่มให้บริการครั้งแรกเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2005 ด้วยการเผยโฉมโลโก้ใหม่ เป็นรูปหมุดที่ปักในแผนที่บนสีที่เป็นเอกลักษณ์ของ Google นอกจากนี้ยังพร้อมปรับปรุงแท็บด้านล่างของ Google Maps จากเดิม 3 แท็บเป็น 5 แท็บดังนี้
กลไกการแสดงผลจราจรของ Google Maps คืออ้างอิงข้อมูลตำแหน่งที่ตั้งของผู้ใช้ Google Maps บนท้องถนน ณ ตอนนั้น (อาจรวมถึงสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์เครื่องที่ไม่ได้เปิด Google Maps ด้วย) เพื่อคำนวนความหนาแน่นของรถแบบคร่าวๆ บนถนนเส้นหนึ่ง ๆ
อย่างไรก็ตามชายคนหนึ่งที่ชื่อ Simon Weckert โพสต์ลงบล็อกตัวเองถึงการปั่น Google Maps ด้วยการนำสมาร์ทโฟน 99 เครื่อง ทุกเครื่องเปิด Google Maps ใส่รถล้อลากขนาดเล็ก เดินไปตามถนน จนทำให้ Google Maps แสดงการจราจรบนถนนเส้นที่เขาผ่านเป็นสีแดง ซึ่งเขาเรียกว่า Google Maps Hacks
กูเกิลประกาศความสำเร็จของการทำแผนที่ทั่วโลกดังนี้
ในปี 2019 กูเกิลมีภาพ Street View ครอบคลุมสิ่งปลูกสร้างเพิ่มอีกเกือบ 7 ล้านตึกทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศที่ไม่ค่อยมีภาพถ่ายถนน เช่น พม่า อาร์เมเนีย เลบานอน ซิมบับเว ฯลฯ
ที่มา - Google
Google ประกาศปล่อยฟีเจอร์ Incognito Mode หรือโหมดไม่แสดงตัวตนสำหรับผู้ใช้ iOS และเพิ่มโหมดลบข้อมูลในไทม์ไลน์ทีละมาก ๆ (bulk)
ฟีเจอร์แรกคือโหมดไม่แสดงตัวตนหรือ Incognito Mode สำหรับผู้ใช้ iOS จะเหมือนกับ Android ที่ได้ไปก่อนหน้านี้แล้ว คือเมื่อค้นหาข้อมูลหรือใช้ระบบนำทางบน Google Maps ข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกบันทึกลงบัญชี Google ที่ล็อกอิน ซึ่งหมายความว่าข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกนำไปใช้งานกับฟีเจอร์ประเภทแนะนำข้อมูลต่าง ๆ ตามประวัติการใช้งาน, ไม่บันทึกลง Location History และไม่แสดงบนไทม์ไลน์
มีสมาชิกของ XDA Developers ชุมชนนักพัฒนาแอนดรอยด์ วิเคราะห์ Android APK เพื่อค้นหาคุณสมบัติที่ยังไม่ได้เผยแพร่ มองเห็นว่า Google Maps v10.31.0 beta มีของใหม่คือ Lighting เป็นแสงสีเหลืองแนะนำเส้นทางเดินเท้าที่ปลอดภัย มีแสงสว่างให้ด้วย
อย่างไรก็ตาม ยังเป็นการวิเคราะห์จาก XDA Developers เท่านั้น ไม่มีภาพหน้าจอหรือข้อมูลใดๆ จากกูเกิล ยังต้องรอกันต่อไปว่าฟีเจอร์นี้จะเกิดขึ้นหรือไม่
กูเกิลมี Local Guide คือชุมชนนักสำรวจทั่วโลกที่มาเขียนรีวิว แชร์รูปภาพ ตอบคำถาม เพิ่มหรือแก้ไขสถานที่ และตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลใน Google Maps ล่าสุด กูเกิลจะยกระดับให้ชุมชน Local Guide มีความโดดเด่นขึ้น โดยทดลองฟีเจอร์ใหม่ที่ผลักดันให้ผู้ใช้งานทั่วไป เที่ยวกินตามคนที่เป็น Local Guide ได้
โดยคนที่เป็น Local Guide จะมีหน้าโปรไฟล์ของตัวเอง รวมรูปและรีวิวของตัวเองเอาไว้ให้คนอื่นเข้ามาอ่านได้ เมื่อผู้ใช้งานทั่วไปกด follow คนที่เป็น Local Guide การแนะนำสถานที่กินเที่ยวก็จะปรากฏในแท็บ For You ในแอพ Google Maps ถือเป็นอีกช่องทางหากไม่รู้ว่าจะกินอะไร ไปเที่ยวที่ไหนดี
ในหลายๆ ครั้งเวลาเราไปเที่ยวต่างประเทศ แล้วต้องถามทาง หรือให้คนขับแท็กซี่ดูที่หน้าจอสถานที่ที่เราจะไป และชื่อสถานที่นั้นก็อ่านยาก ล่าสุด Google Maps เพิ่มความสามารถ อ่านออกเสียงชื่อสถานที่นั้นๆ ในภาษาท้องถิ่นให้ฟังได้ โดยใช้พลังของ Google Translate
ความสามารถใหม่นี้จะได้รับการอัพเดตทั้งในระบบ iOS และแอนดรอยด์ เริ่มอัพเดตให้ใช้งานกันภายในเดือน พ.ย. นี้ และจะยังใช้งานได้เฉพาะ 50 ภาษาก่อน
Google Maps ปรับการแสดงไอคอนสถานที่สำคัญ (แลนด์มาร์ก) ของแต่ละเมือง จากเดิมเป็นหมุดสีต่าง ๆ พร้อมไอคอนเพื่อบอกหมวดหมู่สถานที่นั้น มาเป็นไอคอนที่แสดงลักษณะโดยเฉพาะมากขึ้น เช่นหอนาฬิกา Big Ben ที่ลอนดอน ก็เป็นไอคอนรูปที่เป็นลักษณะเฉพาะของ Big Ben เลย
ทั้งนี้ไอคอนสถานที่สำคัญพบในเมืองใหญ่หลายแห่งแล้ว อาทิ ลอนดอน ปารีส โตเกียว นิวยอร์ก แต่ยังไม่มีอีกหลายเมืองที่มีสถานที่มีชื่อเสียง เช่น ซิดนีย์ ซึ่งคาดกำลังทยอยอัพเดตอยู่
ไอคอนสถานที่สำคัญของเมืองตอนนี้เริ่มแสดงผลแล้วใน Google Maps เวอร์ชันสมาร์ทโฟน
ที่มา: Android Police
Google เปิดตัวฟีเจอร์ Incognito หรือโหมดไม่แสดงตัวตนสำหรับผู้ใช้งาน Google Maps เพื่อให้ข้อมูลที่ใช้งานไม่ถูกบันทึกเป็นประวัติในบัญชีของ Google มาสักระยะแล้ว ซึ่งตอนนี้ Android Police รายงานว่า Google เริ่มทยอยปล่อยฟีเจอร์นี้ออกมาแล้ว
วิธีเปิด Incognito ของ Google คือกดที่โปรไฟล์ จากนั้นกดปุ่ม Turn on Incognito mode แล้วจุดระบุตำแหน่งจะเปลี่ยนจากสีน้ำเงินเป็นสีดำ แสดงว่าฟีเจอร์นี้ได้เริ่มทำงานแล้ว
หลังจากกูเกิลเปิดตัว Google Duplex ระบบปัญญาประดิษฐ์เบื้องหลัง Google Assistant ไปเมื่อปีที่แล้ว แต่ยังอยู่ระหว่างทดสอบในสหรัฐอเมริกาที่เดียว ตอนนี้กูเกิลจะปล่อย Google Duplex ให้ชาวนิวซีแลนด์ได้ทดลองใช้หาข้อมูลร้านค้าที่ทำงานในวันแรงงานที่ 28 ตุลาคม
ในบล็อคของกูเกิลนิวซีแลนด์แจ้งไว้ว่าถ้าธุรกิจใดยินดีเข้าเป็นกลุ่มทดสอบรับสายจาก Google Duplex ก็สามารถโทรแจ้งกูเกิลได้โดยตรงหรือไปเปลี่ยนข้อมูลของร้านใน Google My Business ให้เรียบร้อยแล้ว Google Duplex จะโทรมาถามเวลาทำการในวันที่ 28 ตุลาคม จากนั้นจะอัพเดตรายละเอียดขึ้น Google Maps, Google Search อัตโนมัติ
กูเกิลเพิ่มฟีเจอร์แจ้งปัญหาบนท้องถนนให้ Google Maps ใน iOS ได้แก่ อุบัติเหตุบนท้องถนน, จุดตรวจจับความเร็ว, พื้นที่ที่จราจรติดขัดรถเคลื่อนตัวช้า ซึ่ง Android สามารถใช้งานได้มาก่อนแล้ว นอกจากนี้ยังเพิ่มรูปแบบของเหตุการณ์เข้าไปอีก 4 เหตุการณ์ที่สามารถแจ้งได้ ซึ่งรองรับทั้ง 2 ระบบปฏิบัติการ ได้แก่ ได้แก่ พื้นที่ก่อสร้าง, ปิดเลนบนถนน, รถเกิดปัญหาขวางการจราจรและสิ่งกีดขวางบนถนน
ซึ่งฟีเจอร์นี้ทำงานในโหมดนำทาง (Navigation Mode) โดยเราสามารถรายงานปัญหาได้โดยกดเครื่องหมาย + ก่อนจะกดเพิ่มการแจ้งเตือน (Add a report) ได้เลย โดยฟีเจอร์นี้เริ่มใช้ที่ต่างประเทศแล้ว ไทยน่าจะได้ใช้งานเร็ว ๆ นี้
ที่มา : Google
Google Maps เพิ่มความสามารถการนำทางด้วยเสียงเวลาเดินเท้า สำหรับคนที่มีปัญหาสายตา ให้แจ้งเตือนทุกครั้งเมื่อผู้ใช้กำลังเดินหลุดออกจากเส้นทางที่กำหนดไว้ คอยบอกตลอดเวลาว่าอีกกี่เมตรถึงจะต้องเลี้ยวอีกครั้ง หรืออีกระยะเท่าไรถึงจะถึงที่หมาย เพิ่มความมั่นใจให้ผู้พิการ ผู้มีปัญหาสายตาในการเดินทางคนเดียวมากขึ้น
ฟีเจอร์นี้เริ่มต้นใช้งานที่สหรัฐฯ และญี่ปุ่นก่อน รองรับสองภาษาคืออังกฤษกับญี่ปุ่น และกำลังจะขยายไปยังพื้นที่อื่นและภาษาอื่นๆ อีกในอนาคต