สำหรับหลาย ๆ คนที่สงสัย CEO ของกูเกิล Eric Schmidt ที่เพิ่งลาออกจากการนั่งเก้าอี้บอร์ดของแอปเปิลแล้วได้รับค่าตอบแทนหรือรายได้จากแอปเปิลปีละเท่าไหร่กัน
สรุปแล้วแอปเปิลให้ผลตอบแทนกับ Schmidt ต่อปีเป็นสินค้าแอปเปิลต่าง ๆ มูลค่า 8,700 ดอลลาร์สหรัฐ และของขวัญอีก 7,500 ดอลลาร์ และสินค้าสุดลับจากแอปเปิลที่เขาอาจจะเอากลับไปให้กูเกิลดูได้อีกด้วย
หรือนี่อาจจะเป็นเหตุผลที่เขาลาออก? (ฮา)
ที่มา - Gizmodo
เมื่อวานนี้กูเกิลประกาศเข้าซื้อบริษัท On2 Technologies เจ้าของเทคโนโลยีเข้ารหัสภาพเคลื่อนไหวด้วยมูลค่า 106 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยเป็นการเข้าซื้อหุ้นทั้งหมดของ On2 สร้างความหวังในวงการว่า HTML5 อาจจะมีทางออกสำหรับแท็ก Video หลังจากที่มีความไม่ลงตัวจนต้องถอนมาตรฐาน codec ออกไปก่อนหน้านี้
บริษัท On2 Technologies เป็นเจ้าของเทคโนโลยี VP6 ที่ถูกใช้งานในไฟล์ FLV หรือ Flash Video ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงในตอนนี้ โดยตัวไฟล์ FLV นั้นรองรับทั้ง VP6 และ H.264
นับแต่กูเกิลเปิดตัว Chrome OS คำถามที่ตามมาคือ Eric Schimdt จะทำอย่างไรต่อไป เพราะเขาเองเป็นผู้บริหารของกูเกิลและแอปเปิลอยู่พร้อมกัน ซึ่งแต่เดิมด้วยความที่สินค้าต่างกันก็ทำให้ไม่มีปัญหาอะไร แต่นับวันทั้งสองบริษัทนับจะมีสินค้าทับซ้อนกันมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เรื่องคาใจนี้เริ่มถูกตรวจสอบจากคณะกรรมการทางการค้า วันนี้เอง Schmidt ก็ออกมาประกาศแล้วว่าเขาเลือกที่จะลาออกจากแอปเปิล
Schmidt ร่วมงานกับแอปเปิลนับแต่ปี 2006 ที่ผ่านมา ขณะที่เขาร่วมงานกับกูเกิลมาตั้งแต่ปี 2001
ผลกระทบจากเรื่องนี้คือหุ้นขึ้นกันไปทั้งสองบริษัทเพราะนักลงทุนต่างโล่งใจกันไป
ที่มา - CNN Money
จาก แอปเปิลปฏิเสธโปรแกรม Google Voice ไม่ให้เข้า App Store และ AT&T: เราไม่ได้แบน Google Voice เป็นหน้าที่ของแอปเปิลต่างหาก ความคืบหน้าล่าสุดคือ FCC ซึ่งเทียบได้กับ กทช. ของสหรัฐออกโรงมายุ่งกับเรื่องนี้แล้ว เริ่มจากการส่งจดหมายไปยังบริษัทที่เกี่ยวข้องทั้งสาม ขอคำตอบแบบเคลียร์ๆ จากกรณีการแบน Google Voice ที่เกิดขึ้น
คำถามที่ FCC ส่งถึงตัวแทนฝ่ายกิจการรัฐบาลของแอปเปิลมี 6 ข้อ สรุปสั้นๆ ดังนี้
ต่อเนื่องจากข่าว แอปเปิลปฏิเสธโปรแกรม Google Voice ไม่ให้เข้า App Store หลังจากเสียงโวยส่วนใหญ่ถล่มเข้าไปที่ AT&T ว่าเป็นผู้สั่งไม่ให้เอา Google Voice ขึ้น iPhone App Store แต่ตอนนี้ AT&T ออกมาปฏิเสธแล้ว
Glenn Lurie ผู้บริหารระดับสูงของ AT&T ตอบเว็บไซต์ TechCrunch มาทางอีเมลว่า AT&T ไม่มีสิทธิ์ดูแล App Store แต่อย่างใด อำนาจทั้งหมดในการ "อนุมัติโปรแกรม" เป็นของแอปเปิลแต่เพียงผู้เดียว
Google Voice เป็นบริการของกูเกิลที่ช่วยให้เราใช้ "เสียง" ผ่านเครือข่ายโทรศัพท์ได้ง่ายขึ้น (ข่าวเก่า Google Voice บริการเบอร์เดียวเบ็ดเสร็จสำหรับมือถือ) ระยะหลังกูเกิลเริ่มพัฒนาโปรแกรมสำหรับ Google Voice บนมือถือแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น Android และ BlackBerry รวมถึง iPhone
เรื่องมีอยู่ว่าแอปเปิลได้สั่งเอาโปรแกรม Google Voice เวอร์ชันสำหรับ iPhone บน App Store ออก รวมถึงบล็อคการส่งโปรแกรมเข้าไปยัง App Store อีกครั้ง โดยให้เหตุผลว่า "Google Voice มีความสามารถซ้ำกับความสามารถที่มากับตัว iPhone อยู่แล้ว" ส่วนโฆษกของกูเกิลบอกว่ากำลังหาวิธีอื่นให้ผู้ใช้ iPhone อยู่ โดยอาจให้ใช้ผ่านเบราว์เซอร์แทน
จากข่าวเก่าว่ารหัสของ Android รุ่นถัดๆ ไปจะเป็นชื่อขนม ตอนนี้มีรายงานว่ากูเกิลปล่อยโค้ดบางส่วนของ Android "Donut" ซึ่งเป็นตัวต่อจาก Android 1.5 "Cupcake" และจะนับเลขเวอร์ชันเป็น 2.0
ของใหม่ใน Android "Donut" ได้แก่
ที่มา - Gizmodo
กูเกิลเปิดตัวธีมชุดใหม่จากหนังสือการ์ตูนเพื่อร่วมสนับสนุนงาน Comic-Con ซึ่งครบรอบ 40 ปีในปีนี้ ธีมก็เปิดตัวพร้อมกับวันเริ่มงานทันที มีธีมเด่นๆ มากมายจากการ์ตูนชื่อดังทั้งหลายของอเมริกา อาทิ Superman, Batman, Iron Man, Captain America, Hulk ฯลฯ และจากประเทศอื่นๆ รวมทั้งการ์ตูนจากญี่ปุ่นของ อ.ทาคาฮาชิ รูมิโกะ (คนวาดรันม่าและอินุยาฉะ) เรื่อง RIN-NE (ผมไม่รู้จักเรื่องนี้ เค้าว่าเป็นผลงานล่าสุด)
หลังจากกูเกิลได้เผย Google Wave ไปเมื่อช่วงงาน Google I/O ที่ผ่านมา (ดูข่าวเก่า โดยคุณ mk) ในที่สุดกูเกิลก็ได้ประกาศแล้วว่าจะเปิดตัวบริการดังกล่าวในวันที่ 30 กันยายนที่จะถึงนี้ แต่จะใช้ได้เฉพาะผู้ที่ได้รับเชิญจำนวน 1 แสนรายเท่านั้น
สำหรับใครที่อยากรู้ว่า Google Wave คืออะไร ลองดูได้ที่ ข่าวเก่า โดยคุณ mk ครับ
ที่มา: TechRadar
กูเกิลประกาศโครงการแข่งขันเขียนโปรแกรม Google Code Jam จะกลับมาอีกครั้งและเริ่มรับสมัครในกลางเดือนสิงหาคมนี้ โดยในปีนี้จะมีการเปลี่ยนกฎเกณฑ์การแข่งขันเล็กน้อย คือการแข่งขันทุกรอบจะแข่งแบบออนไลน์ทั้งหมด จากนั้นจะนำ 25 คนสุดท้ายไปแข่งที่กูเกิลสำนักงานใหญ่ที่เมาน์เทนวิว สหรัฐอเมริกา โดยการเปลี่ยนกฎครั้งนี้คาดว่าอาจจะเป็นเหตุผลเรื่องของการประหยัดงบประมาณ เนื่องจากเมื่อปีที่แล้วรอบก่อนชิงชนะเลิศจะได้ไปแข่งกันที่สำนักงานกูเกิลในทวีปต่างๆ
แม้ว่า App Store แอปเปิลจะมีคนดาวน์โหลดโปรแกรมมากถึง 1.5 พันล้านครั้ง แต่ Vic Gundotra รองประธานฝ่ายวิศวกรรมของกูเกิลก็ยังมองว่าแนวทางการพัฒนาโปรแกรมแบบ native แล้วขายผ่าน App Store นั้นไม่ใช่อนาคตที่วงการมือถือควรจะมุ่งไป
เขาบอกว่าปัจจุบันมีแพลตฟอร์มมือถือเป็นจำนวนมาก ทั้ง iPhone, BlackBerry, Windows Mobile, Symbian ฯลฯ ซึ่งแม้แต่บริษัทระดับกูเกิลเองก็ยังไม่ใหญ่โตพอที่จะสนับสนุนแพลตฟอร์มเหล่านี้ได้หมด อนาคตของมือถือที่แท้จริงอยู่ในเว็บเบราว์เซอร์ต่างหาก
กูเกิลเปิดตัว พินัยกรรมออนไลน์ บนบริการ Google Health ซึ่งให้ผู้ใช้งานสามารถเก็บประวัติด้านสุขภาพและสามารถกรอกข้อมูลในส่วนของ"คำขอพิเศษ"ไว้ได้กรณีเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น โดยผู้ใช้บริการสามารถดาน์โหลดแบบฟอร์ม กรอกข้อมูล เซ็นต์ชื่อกำกับ และแสกนเพื่ออัพโหลดขึ้นเก็บบน Google Health
ที่สำคัญ เอกสารทั้งหมดที่ถูกสร้างขึ้นบน Google Health สามารถใช้อ้างอิงและมีผลทางกฎหมายในประเทศสหรัญอเมริกาได้
สำหรับบริการ Google Health ในประเทศไทย ทางกูเกิลเองได้มีการลงทุนในส่วนนี้ โดยสนับสนุนการวิจัยของโรงพยาบาลต่างๆหลายแห่งในประเทศไทย เป็นเม็ดเงินมากพอสมควร ตั้งแต่เมื่อ 3 ปีก่อนแล้ว
ผมเองคิดว่าอีกไม่นานคงได้เห็นบริการตัวนี้ในประเทศไทยแน่นอนครับ.
ค่าใช้จ่ายของศูนย์ข้อมูล (Data Center) ในส่วนของพลังงานนั้นนับวันจะสูงขึ้นเรื่อยๆ ก่อนหน้านี้เราเคยมีข่าวเซิร์ฟเวอร์ของกูเกิลที่ใช้ไฟ 12 โวลต์เพียงอย่างเดียวเพื่อประสิทธิภาพในการส่งและสำรองพลังงาน ล่าสุดข้อมูลอีกอย่างที่มีการเปิดเผยคือศูนย์ข้อมูลของกูเกิลที่เบลเยียมนั้นไม่มีส่วนทำความเย็นเลย เพราะใช้อากาศที่เย็นอยู่แล้วจากภายนอกมาช่วยระบายความร้อน
แนวทางการลดการค่าใช้จ่ายด้วยการใช้อากาศภายนอกนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่แต่อย่างใด แต่ปรกติแล้วศูนย์ข้อมูลมักมีระบบทำความเย็นเตรียมเอาไว้เผื่อช่วงเวลาที่อากาศร้อนขึ้นระบบทำความเย็นก็จะเปิดการทำงานขึ้นมา
ในที่สุดนักข่าวก็สัมภาษณ์บิล เกตส์ เรื่อง Chrome OS ได้สำเร็จ (ข่าวเก่า: Gates กินข้าวเที่ยงกับ Schmidt ไม่ตอบคำถามเรื่อง Chrome OS)
เกตส์ตอบคำถามนักข่าว CNET ว่า "ทุกวันนี้มีลินุกซ์หลากหลายรูปแบบในท้องตลาด ผมค่อนข้างแปลกใจว่าทำไมหลายๆ คนถึงมองว่ามันเป็นสิ่งใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน สำหรับผมแล้ว Chrome OS คือ Android บนเน็ตบุ๊ก และแถมเบราว์เซอร์เพิ่มเข้ามา"
อย่างไรก็ตามเกตส์บอกว่าเขายังรู้รายละเอียดของ Chrome OS น้อยมาก และการที่กูเกิลเผยข้อมูลออกมาน้อยยิ่งทำให้มันน่าสนใจ
Google Calendar อีกบริการหนึ่งของกูเกิล แม้ว่าจะไม่ดังเปรี้ยงปร้างแบบ Gmail แต่ก็มีคนใช้เยอะพอสมควร กูเกิลฉลองวันครบรอบ 3 ปีของ Calendar โดยเพิ่มฟีเจอร์ Calendar Labs ในลักษณะเดียวกับ Gmail Labs แล้ว
การใช้งาน Calendar Labs ต้องสั่งเปิดใช้ฟีเจอร์ Labs ก่อน ตอนนี้ยังมีของให้เล่นไม่เยอะนัก เช่น
ที่มา - Google Apps Blog
หลายๆ คนคงจำกันได้ว่า Android รุ่นต่อไปนั้นคือ Donut ที่จะใช้งานใน Samsung Spica และ Bigfoot แต่ Andy Rubin (คนที่ให้สัมภาษณ์ว่า iPhone สู้ Android ในระยะยาวไม่ได้) ก็เปิดเผยข้อมูลว่ามี Android อีกสองรุ่นรออยู่ในสายการพัฒนาแล้วคือ Eclair (เอแคลร์) และ Flan (คัสตาร์ดคาราเมล - Crème caramel)
Andy Rubin หัวหน้าฝ่ายมือถือของกูเกิลให้สัมภาษณ์ว่า "ประวัติศาสตร์ได้สอนให้เรารู้ว่าผลิตภัณฑ์เพียงชิ้นเดียวมีข้อจำกัดในการขยายตลาด ซึ่งคนส่วนใหญ่แก้ปัญหาโดยการสร้างผลิตภัณฑ์ขึ้นมาอีกรุ่นหนึ่ง แต่ทั้งหมดก็มีแค่ 2 รุ่น"
"แต่ผลิตภัณฑ์ Android มีได้เป็นพันรุ่น และความมหัศจรรย์ของมันอยู่ที่ทุกรุ่นทำงานเข้ากันได้หมด สามารถใช้ Marketplace ตัวเดียวกันได้"
ถึงแม้ว่า iPhone/iPod touch จะขายออกไปได้แล้ว 40 ล้านเครื่อง และ App Store มีโปรแกรมในหลัก 50,000 โปรแกรม ส่วน Android Market มีเพียง 5,000 โปรแกรมเท่านั้น แต่ Rubin บอกว่ากูเกิลเพิ่งเข้าตลาดนี้ได้เพียง 8 เดือนเท่านั้น ตัวเลขนี้แสดงถึงศักยภาพของ Android ได้เป็นอย่างดี
ในข่าว กูเกิลเปิดเผยรายชื่อพันธมิตร Chrome OS ชื่อของอินเทลนั้นตกหล่นไปจากพันธมิตรของกูเกิล แต่โฆษกของอินเทลได้เปิดเผยแล้วว่าอินเทลเข้าร่วมกับโครงการนี้ก่อนเปิดเผยข้อมูลสู่สาธารณะได้สักระยะหนึ่งแล้ว
Chrome OS เน้นใช้งานกับเน็ตบุ๊ก ซึ่งซีพียู Atom ของอินเทลครองตลาดอยู่ อย่างไรก็ตามอินเทลเองก็มีระบบปฏิบัติการ Moblin สำหรับเน็ตบุ๊กและ MID ส่วนระบบปฏิบัติการอีกตัวของกูเกิลคือ Android ก็มีหลายค่ายเตรียมนำไปลงเน็ตบุ๊กเช่นกัน
ที่มา - PC World
ที่งาน Sun Valley ผู้บริหารระดับสูงของกูเกิลคือ Eric Schmidt ซีอีโอ และ Larry Page ผู้ก่อตั้ง เปิดโอกาสให้นักข่าวสัมภาษณ์ ซึ่งแน่นอนว่าประเด็นหลักคือ Chrome OS
Schmidt บอกว่าเขาได้คัดค้านโครงการเบราว์เซอร์ Chrome มาตั้งแต่ 6 ปีก่อน ซึ่งเป็นโครงการที่นำเสนอโดย Page และ Brin โดย Schmidt ให้เหตุผลว่าในฐานะที่ผ่านสงครามเบราว์เซอร์รอบแรกมาแล้ว และกูเกิลในตอนนั้นก็ยังเป็นบริษัทเล็กอยู่ เขาไม่อยากเอาบริษัทเข้าไปเสี่ยงในสงครามนี้อีกครั้ง แต่เมื่อ Page/Brin จ้างนักพัฒนาของ Firefox มาทำงานที่กูเกิล และ Chrome รุ่นต้นแบบสำเร็จออกมาดูดีมาก Schmidt ก็เปลี่ยนใจ เขาบอกว่าในตอนนี้เขาสนับสนุนทั้ง Chrome และ Chrome OS อย่างเต็มที่
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่าซีอีโอของกูเกิล Eric Schmidt ที่เป็นหนึ่งในสมาชิกบอร์ดบริหารของแอปเปิลตั้งแต่ปี 2006 อาจจะต้องคุยกับแอปเปิลเกี่ยวกับบทบาทของเขาในแอปเปิล หลังจากที่กูเกิลได้ประกาศ OS ที่อาจจะกินตลาดของแอปเปิล
โดยในข่าวได้กล่าวว่า ด้วยสาเหตุที่ Chrome OS นั้นจะทำการแข่งขันโดยตรงกับซอฟต์แวร์ของแอปเปิล Schmidt จะต้องคุยกับแอปเปิลว่าเขาจำเป็นจะต้องถอนตัวจากการเป็นสมาชิกในบอร์ดบริหารของแอปเปิลหรือไม่ โดยเขาเองได้บอกว่า "ผมจำเป็นต้องคุยกับคนที่แอปเปิล แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่มีปัญหาอะไร"
บรรดาซีอีโอ เจ้าของบริษัท และมหาเศรษฐีที่กุมชะตาอุตสาหกรรมสื่อของสหรัฐจะไปรวมตัวกันในงาน Allen & Company’s Sun Valley Conference ในรัฐไอดาโฮเป็นประจำทุกปี แน่นอนว่าไมโครซอฟท์และกูเกิลไม่มีพลาด นอกจากนี้ยังมีคนดังคนอื่นๆ อย่าง Warren Buffett, Rupert Murdoch (News Corp), Robert Iger (Disney) ไปจนถึงดาวรุ่งหน้าใหม่อย่าง Evan Williams (Twitter) ด้วย
ไฮไลท์ของข่าวนี้อยู่ที่ Bill Gates และ Eric Schmidt เรื่องเริ่มจากนักข่าวเดินไปเจอ Gates เดินออกจากห้องสัมมนา เลยขอความเห็นเรื่อง Chrome OS คำตอบของ Gates คือ "No comment"
ในที่สุดกูเกิลก็ปล่อยขีปนาวุธอีกลูกถล่มใส่ไมโครซอฟท์แบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว เมื่อวันที่ 7 เดือน 7 ปี 2009 กูเกิลแสดงพลังด้วยการประกาศพัฒนาระบบปฎิบัติการใหม่ เรียกว่า Google Chrome OS ระบบ Chrome OS นี้เป็นระบบปฎิบัติการขนาดเบาที่พัฒนามาใช้กับเน็ตบุ๊ก ปีนี้จะปล่อยออกมาเป็นโอเพ่นซอร์ส ปีหน้าก็จะออกมาในผลิตภัณ์เน็ตบุ๊ก กูเกิลยังประกาศตัวพันธมิตรธุรกิจจำนวนมาก นี่ไม่ใช่การออกผลิตภัณฑ์มาแข่งขันกันแบบธรรมดา แต่เป็นส่วนหนึ่งของการรณรงค์อันยาวนานของกูเกิลที่จะเปลี่ยนโลกจาก desktop centric computing มาสู่ web centric computing อันจะเป็นการพลิกโลกไอทีทั้งโลก งานนี้ต้องมาดูแนวคิดทางยุทธศาสตร์ของแต่ละฝ่ายครับ ว่าเดินหมากสงครามนี้อย่างไร
เป็นธรรมดาที่บริษัทใหญ่จาก กูเกิล อินเทล ไมโครซอฟท์ ยาฮู! ฯลฯ เมื่อมีข่าวออกมา (ทั้งที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ) ทีไรก็จะกลายเป็นข่าวคึกโครมในอินเตอร์เน็ทไปซะเกือบทุกครั้งไป
หลังจากมีข่าวที่กูเกิลประกาศระบบปฏิบัติการ Chrome OS สำหรับเน็ตบุ๊กแล้ว เกือบทุกสำนักข่าวในต่างประเทศก็ได้ออกทั้งรายงานข่าวและบทวิเคราะห์มามากมาย ผมเลยลองรวบรวมพาดหัวข่าวและใจความสำคัญในช่วง 24 ชม. (ข่าวในวันที่ 8 ก.ค. ตามเวลาสหรัฐฯ) มาให้อ่านกัน โดยแยกตามประเด็นครับ
ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์กำลังร่วมมือกับกูเกิลในการพัฒนา Chrome OS (ดูข่าวเก่า โดยคุณ mk)
แม้ว่าเพิ่งจะมีการเปิดตัว Chrome OS ไปเมื่อวาน แต่ในวันนี้เองก็มีภาพหลุดของ Chrome OS ออกมาแล้ว
โดยในรูปนั้น Chrome OS ถูกติดตั้งลงในโน้ตบุ๊ค Acer Extenza 4620Z โดยใช้เวลาในการติดตั้งเพียง 10 นาทีอีกทั้งเพียงแค่เปิดเครื่องใหม่อีกครั้งก็พร้อมใช้งานได้แล้ว และการเปิดเครื่องใหม่ยังใช้เวลาประมาณ 25 วินาทีเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีรายละเอียดอื่นๆ ดังนี้
หลังจากข่าวช็อกโลก กูเกิลทำระบบปฏิบัติการสำหรับเน็ตบุ๊กในชื่อ Chrome OS และก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์และคำถามมากมาย วันถัดมากูเกิลก็ได้เปิดเผยข้อมูลเพิ่มอีกเล็กน้อย นั่นคือผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ที่กำลังร่วมพัฒนาและทดสอบ Chrome OS อยู่ ณ ขณะนี้ ได้แก่
ผู้ผลิตเน็ตบุ๊กรายใหญ่ที่หายไปจากรายชื่อนี้คือ Dell และบริษัทใหญ่อีกรายที่หายไปคืออินเทล (ซึ่งมีระบบปฏิบัติการ Moblin ของตัวเองสำหรับตลาดนี้)