Twitter นั้นมีภาษาเฉพาะของตัวเองพอสมควร เช่น @reply @mention #hashtag รวมถึง URL ในข้อความ tweet แต่ละอัน การเขียนโปรแกรมที่เกี่ยวข้องกับ Twitter ล้วนแต่ต้องจัดการกับภาษาและสัญลักษณ์เหล่านี้
ล่าสุดทาง Twitter ได้เปิดซอร์สโค้ดที่บริษัทใช้สำหรับงานเหล่านี้ทั้งหมดออกมาเป็นโอเพนซอร์สแล้ว โดยไลบรารีสำหรับประมวลผลข้อความ tweet นี้มีให้เลือก 2 ภาษา ได้แก่ Ruby และ Java นอกจากนี้ทาง Twitter ยังแจกชุดทดสอบที่ใช้สำหรับไลบรารีข้างต้น เผื่อจะมีคนเขียนไลบรารีแบบเดียวกันในภาษาอื่นขึ้นมาด้วย
และแล้ว การควบกิจการออราเคิล-ซันก็เสร็จสมบูรณ์ ซันกลายเป็นบริษัทลูกของออราเคิล และออราเคิลได้เผยแผนการเกี่ยวกับอนาคตของซันในวันนี้ (แม้ว่าจะโดนข่าว iPad กลบซะเกือบมิด แต่ก็ยังถือว่าสำคัญมากในโลกไอทีองค์กร)
ออราเคิลจะยังคงแบรนด์ "ซัน" ไว้เหมือนเดิม แต่จะปรับแบรนด์ใหม่หมด โดยสัญญาว่าจะรวมเทคโนโลยีของออราเคิลกับซันเข้าด้วยกันเป็นชุดเดียว ที่การันตีการทำงานร่วมกันได้อย่างสมบูรณ์
สำหรับเทคโนโลยีแต่ละอันมีแผนการเฉพาะของตัวเองดังนี้
Java
ภาษาจาวายังเป็นหัวใจสำคัญในการซื้อกิจการรอบนี้ ออราเคิลสัญญาว่าจะพัฒนาจาวาต่อไป
เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม (เมื่อวาน) ที่บล็อกของนายอิกอร์ มาลิเชฟ มีข่าวประกาศว่า IntelliJ เวอร์ชั่น 9 จะมีการแยกออกเป็นสองตัวคือ Community กับ Ultimate โดยที่รุ่น Community นั้นเป็นรุ่นที่ให้ฟรีภายใต้ Apache License 2.0 โดยเราสามารถดาว์นโหลดซอร์สโค้ดของมันได้ที่ http://git.jetbrains.org/
บริษัท Noelios Technologies ซึ่งเป็นบริษัทที่พัฒนาโอเพ่นซอร์สด้านเว็บเทคโนโลยี (REST, SaaS และเว็บเซอร์วิส) บนจาวา ได้อัพเดตโปรเจค Restlet เป็นรุ่น 2.0 Milestone 5 (M5) ซึ่งเป็น REST Framework ที่เพิ่ม Restlet Extension for ADO.NET Data Services โดยได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากไมโครซอฟท์
โดย Restlet Extension for ADO.NET Data Services ได้จัดเตรียม API เพื่อเข้าถึง data service จากระยะไกลที่ทำงานบน IIS หรือ Windows Azure บริการประมวลผลบนกลุ่มเมฆ สำหรับรูปสถาปัตยกรรมดูได้จากที่มา
หลังจากโครงการ Eclipse ออกรุ่น 3.5 ไปเรียบร้อย ตอนนี้ก็ได้เวลามุ่งสู่การเปลี่ยนรุ่นครั้งใหญ่สู่รุ่น 4.0 ที่ตั้งเป้าว่าจะออกในปี 2010 แล้ว
ของใหม่ใน Eclipse 4 (หรือ e4) ที่สำคัญได้แก่
เมื่อปี 2006 ซันได้จ้างทีมพัฒนา JRuby (เขียนโค้ดภาษา Ruby แล้วแปลงเป็นไบต์โค้ดในแพลตฟอร์ม Java) ซึ่งรวมถึง Charles Nutter ผู้สร้าง JRuby ด้วย หมากเกมนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนการที่ซันอยากให้แพลตฟอร์ม Java รองรับภาษาโปรแกรมให้หลากหลายขึ้น นอกเหนือไปจากภาษา Java ที่มีแต่เดิม
แต่ล่าสุด ทีม JRuby ประกาศลาออกจากซันแล้ว (อีกสองคนคือ Tom Enebo, Nick Sieger) โดยจะย้ายไปทำงานกับบริษัท Engine Yard บริษัทซอฟต์แวร์ที่เชี่ยวชาญด้าน Ruby on Rails เหตุผลที่ย้ายงานก็คือ Engine Yard นั้นมีความเชี่ยวชาญเรื่อง Ruby มาก และมีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับการพัฒนา JRuby ให้ดียิ่งๆ ขึ้น
บริษัทวิจัย RedMonk รายงานว่าแนวโน้มการพัฒนาโปรแกรมบนลินุกซ์ มีโปรแกรมที่เขียนด้วย Mono มากขึ้น ตัวอย่างโปรแกรมดังๆ เช่น Banshee โปรแกรมฟังเพลง, Tomboy โปรแกรมจดโน้ต และ GNOME Do โปรแกรมค้นหาและสั่งงานเดสก์ท็อป ในขณะที่มีโปรแกรมที่พัฒนาด้วย Java และได้รับความนิยมใกล้เคียงกันน้อยมาก
Ian Murdock ผู้ก่อตั้งโครงการ Debian และขณะนี้ทำงานอยู่กับซัน ไม่เห็นด้วยกับ RedMonk และบอกว่าคนใช้ Mono นอกวงลินุกซ์มีน้อยมาก และโปรแกรม Mono ที่ดังๆ ถูกพัฒนาขึ้นโดย Novell (ซึ่งเป็นเจ้าของ Mono) ดังนั้นไม่สามารถสรุปว่า Mono ได้รับความนิยมมากกว่า Java ได้
แต่ทางเว็บไซต์ SD Times ที่มาของข่าวนี้ได้สำรวจความเห็นจากนักพัฒนา และได้ผลเกือบเอกฉันท์ว่า Mono ดึงดูดนักพัฒนาได้มากกว่า Java
Java SE 6 Update 14 ได้เพิ่มฟีเจอร์ Garbage Collector ตัวใหม่ที่ชื่อ Garbage First (G1) ออกมาให้ทดลองใช้กันแล้ว
G1 เป็น Garbage Collector แนวใหม่ที่ใช้สถาปัตยกรรมแบบเซิร์ฟเวอร์ โดยจะใช้ประโยชน์จากซีพียูแบบมัลติคอร์ในปัจจุบันมากกว่าเดิม G1 เคยเป็นโครงการวิจัยภายในซันมาตั้งแต่ปี 2004 (เปเปอร์) มันถูกวางตัวว่าจะนำมาใช้ใน Java 7 ส่วนใน Java 6u14 เป็นรุ่นทดลองใช้ที่ต้องเปิดใช้งานกันเอง
ประเด็นที่น่าสนใจคือ ใน Release Notes ของ Java 6u14 ช่วงที่ออกใหม่ๆ เมื่อหลายวันก่อนระบุว่า จะใช้ G1 ในงานจริงได้ต้องซื้อ support license จากซันก่อน
Larry Ellison ซีอีโอของออราเคิลปรากฎตัวบน Keynote ในงาน JavaOne 2009 งานครั้งสุดท้ายที่จะจัดโดยซัน ก่อนโดนออราเคิลควบกิจการอย่างสมบูรณ์
งานนี้มีบุคคลสำคัญในโลกของจาวาปรากฎตัวกันครบ ไม่ว่าจะเป็น Jonathan Schwartz ซีอีโอปัจจุบัน James Gosling ผู้คิดภาษาจาวาและ Scott McNealy อดีตซีอีโอและผู้ก่อตั้งบริษัท รวมไปถึง Larry Ellison เจ้านายคนใหม่ที่มาปรากฎตัวในช่วงท้าย
Ellison กล่าวว่าเขาสนใจแพลตฟอร์มมือถือและเน็ตบุ๊กมาก และกำลังนั่งคิดว่ามีโอกาสไหมที่จะผลักดัน JavaFX ไปลงเน็ตบุ๊ก โดยยกกรณีของ Android เป็นตัวอย่าง นอกจากนี้เขายังให้ความเชื่อมั่นกับชุมชนนักพัฒนาจาวาว่าออราเคิลจะสนับสนุนจาวาอย่างเต็มที่ แอพพลิเคชันด้านธุรกิจในรุ่นถัดไปของออราเคิลก็เป็นจาวาทั้งนั้น
Jonathan Schwartz ซีอีโอของซัน ประกาศโครงการ "Java App Store" หรือ "Java Store" (รหัสเรียกกันภายในคือ Project Vector) ซึ่งเป็นร้านขายโปรแกรมของซันที่จะพ่วงไปกับ Java Runtime Environment หรือ JRE
Oracle ประสบความสำเร็จในการซื้อ Sun Microsystems หลังจากที่ IBM เพิ่งล้มเหลวไปได้ไม่กี่วัน ท่ามกลางความลุ้นของแฟนๆ Java, MySQL, OpenOffice.org และ Solaris
ถือว่าเป็นไปตามข่าวลือ เพราะหลังจากเปิดให้บริการมาหนึ่งปี Google App Engine ก็ประกาศเพิ่มภาษาที่สามแล้วคือจาวานั่นเอง และอยู่ในระหว่างพัฒนาปลั๊กอินสำหรับ Eclipse
ในระยะแรกนี้กูเกิลจะทำการทดสอบระบบโดยเปิดให้ผู้ที่สนใจจำนวน 10000 คน โดยจะต้องลงชื่อกับทางกูเกิล ก่อน จึงจะมีสิทธิเข้าใช้ก่อนที่จะเปิดโอกาสให้นักพัฒนาทั่วไปได้ใช้ในภายหลัง
สำหรับคนที่ใช้ Python อยู่ไม่ต้องน้อยใจ เพราะยังมีความสามารถใหม่อีก 2 - 3 อย่างออกมาให้เราใช้กันด้วยคือ
TechCrunch รายงานข้อมูลจากวงในว่ากูเกิลเตรียมสนับสนุนจาวาเป็นภาษาที่สองของ App Engine ในเร็วๆ นี้ หลังจากสนับสนุน Python เพียงภาษาเดียวมานาน
ข่าวนี้น่าจะประกาศอย่างเป็นทางการในงาน Google I/O ช่วงปลายเดือนพฤษภาคมนี้ ภาษาที่มีคนเรียกร้องให้ App Engine สนับสนุนมากที่สุดคือจาวาและ Ruby ส่วนภาษาที่ใช้เป็นการภายในของกูเกิลได้แก่ Python, จาวา และ C++
ที่มา - TechCrunch
หลังจากการรอคอยกันมานานหลายปี และล่าสุดยังโดน Adobe ตัดหน้า (Flash สำหรับลินุกซ์ 64 บิตมาแล้ว) ตอนนี้ฝั่งจาวากำลังจะมีปลั๊กอินในเบราว์เซอร์เวอร์ชันสำหรับลินุกซ์ 64 บิตกันเสียที
ที่บอกว่า "กำลังจะมี" เพราะว่าตัวจริงยังไม่ออกครับ แต่เป็น build ทดสอบของ Java SE 6 Update 12 ซึ่งเปิดให้ดาวน์โหลดผ่าน Java SE 6 Updates Early Access Program การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญก็คือปลั๊กอินลินุกซ์ 64 บิต (ผมเห็นในหน้าดาวน์โหลด มีสนับสนุน IA64 ด้วย ไม่รู้ว่ามีมานานหรือยัง) และ Windows 2008
ก่อนหน้านี้ไมโครซอฟท์ได้ร่วมมือกับ HP แถม Live Search และ Silverlight ลงในคอมพิวเตอร์ของ HP ไปแล้ว (เริ่มต้นปี 2009 - ข่าวเก่า) รอบนี้ไมโครซอฟท์จับมืออดีตคู่กัดอย่างซัน แถม MSN Toolbar และ Live Search ไปกับ Java Runtime Environment
สำหรับผู้ที่ดาวน์โหลด JRE ใหม่ด้วย IE ในขั้นตอนติดตั้งจะมีคำถามว่าต้องการติดตั้ง MSN Toolbar และตั้งค่า Live Search เป็น default search engine หรือไม่ ส่วนคนที่มี JRE ติดตั้งอยู่แล้ว เมื่อ JRE มีการอัพเดตจะเห็นตัวเลือกแบบเดียวกัน ทั้งหมดนี่ไม่มีการติดตั้งโดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้ใช้แต่อย่างใด
ออกมาได้ 4-5 วันแล้วครับ แต่ยังไม่เห็นมีใครเอาข่าวมาลง
ซันปล่อย jre6u10 ออกมาให้ใช้กันแล้วเมื่อวันที่ 21 ตุลาคมที่ผ่านมาครับ และ Danny Coward หัวหน้าฝ่ายสถาปัตยกรรมด้านไคลเอนท์ซอฟต์แวร์ของซันให้สัมภาษณ์กับ eweek ไปเมื่อไม่กี่วันเช่นกัน
ผมไม่ค่อยถนัดฝั่งเดสก์ท็อปสักเท่าไหร่ แต่จากการลองลงลองเล่นดูก็พบว่ามีการปรับปรุงในหลาย ๆ จุด ไล่ตามฟีเจอร์ต่อไปนี้ครับ
JavaKernel - ลดขนาดการดาวน์โหลดเริ่มต้นจาก 14.5 MB เหลือ 4.5 MB และตัวติดตั้งจริง ๆ ขนาดคือ 0.2 MB ก่อนที่ตัวมันจะโหลดอย่างอื่นมาเพิ่ม
ในงาน Google Developers Day ที่กูเกิลประเทศอินเดียได้จัดเมื่อวันที่ 18 ตุลาคมนี้ นาย Prasad Ram กล่าวว่า Google App Engine นั้นได้รองรับ Java แล้ว
"บางคนเชื่อว่าการทำให้แพลตฟอร์มที่รองรับภาษาไดนามิคเช่น Python มารองรับภาษาแบบ Static เช่น Java ได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เห็นได้ชัดว่ากูเกิลมีโครงสร้างพื้นฐานและสถาปัตยกรรมเบื้องหลังที่สามารถรองรับภาษาแบบ Static ได้เช่นกัน" เขากล่าว "Java ได้ถูกเลือกโดยใช้เสียงตอบรับจากชุมชน เป็นที่ชัดแจ้งว่าคนมากมายอยากที่จะพัฒนาเว็บแอปพลิเคชั่นโดยใช้ Java" ผู้พูดอีกคนนึงกล่าว
หลังจากเปิดตัว JavaFX มาตั้งแต่ JavaOne เมื่อปีที่แล้ว ล่าสุดทางซันได้เปิดตัว SDK และชุดสำหรับนักพัฒนาโปรแกรมออกมาแล้ว ประกอบไปด้วย
นักศึกษาไทยคว้ารางวัลชนะเลิศ Java Jive Regional Challenge 2008 ซึ่งเป็นการแข่งขันออกแบบแอพพลิเคชันด้วยภาษาจาวาในระดับภูมิภาค (ในปีนี้มีผู้เข้าแข่งขันสามประเทศคือ ไทย, มาเลเซีย, สิงคโปร์) ธีมของการแข่งขันในปีนี้คือแอพพลิเคชันด้านสุขภาพ
โดยแอพพลิเคชันที่ได้รับรางวัลคือ Calories Asistant เป็นแอพพลิเคชันแก้ปัญหาโรคอ้วนโดยการคำนวณปริมาณพลังงานที่บริโภคในแต่ละมื้อโดยการป้อนเมนูอาหาร และแลกเปลี่ยนสูตรอาหารเพื่อสุขภาพในรูปแบบ Web 2.0
นักศึกษาที่ได้รับรางวัลคือทีม Snooze Monkey มีสมาชิกคือ ศรา สนธิศิริกฤตย์, รพี กมณฑลาภิเษก, ศิริศิลป์ กองศิลป์ จากภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ สาขาวิศวกรรมซอฟท์แวร์และความรู้ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ต้องออกตัวก่อนเดี๋ยวจะมีแฟนจาวาเข้ามาอัด หัวข่าวต้นฉบับใช้ว่า Java is free at last. Now what? ส่วน Slashdot ซึ่งเอาเรื่องมาลงใช้ว่า Does an Open Java Really Matter? ซึ่งผมคิดว่าผมแปลตรงตัวพอสมควร
เรื่องมีอยู่ว่า Neil McAllister นักเขียนของ InfoWorld ตั้งคำถามจากกรณีจาวาใกล้โอเพนซอร์ส 100% ว่ามันช่วยให้ชุมชนโอเพนซอร์สนำไปใช้ได้อย่างไม่มีปัญหาจริง แต่ว่ามันเป็นจุดเปลี่ยนให้จาวากลับมารุ่งเรืองอีกครั้งอย่างนั้นหรือ?
Eclipse เวอร์ชันล่าสุด 3.4 แล้ว ภายใต้ชื่อ Ganymede (อ่านว่า แกนีมีด) ซึ่งเป็นการรวมโปรเจคย่อยต่างๆที่มีอยู่มากมายใน Eclipse เพื่อความเข้ากันได้ของโปรเจคต่างๆ
โดยฟีเจอร์ใหม่ๆที่สำคัญก็มีดังนี้
ถึงแม้ว่าซันจะประกาศโอเพนซอร์สแพลตฟอร์มจาวาไปเมื่อปี 2006 ในโครงการ OpenJDK แต่ว่ามันไม่ได้เป็นการโอเพนซอร์สทั้งหมด 100% เนื่องจากว่ามีโค้ดบางส่วนที่ซันไม่ได้เป็นเจ้าของ จึงไม่สามารถโอเพนซอร์สได้ และถึงแม้โค้ดนี้จะเป็นส่วนเล็กๆ ประมาณ 4-5% แต่ก็ทำให้การนำจาวาไปใช้บนแพลตฟอร์มที่ต้องการโอเพนซอร์ส 100% (เช่น ลินุกซ์บางตัว) มีปัญหา
ซันเปิดงานใหญ่ประจำปี "JavaOne" ด้วยสโลแกนในปีนี้คือ "Java + You" เริ่มงานด้วยการเปิดตัวเทคโนโลยี JavaFX ซึ่งซันกำลังเร่งพัฒนาเพื่อแข่งขันกับ Silveright และ Adobe AIR
โดยซันได้เปิดเผย road map ของ JavaFX ไว้ดังนี้
ซันหวังที่จะเข้าแข่งขันในตลาดมือถือ ซึ่งกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือดในขณะนี้ โดยซันได้เปิดเผยว่า์ JavaFX นั้นสามารถทำงานบน Android ของกูเกิลได้เป็นอย่างดี รวมทั้ง 85% ของมือถือ, 91% ของพีซี และ 100% ของเครื่องเล่น Blu-ray สามารถใช้งาน JavaFX ได้
Engadget Mobile สัมภาษณ์ Jonathan Schwartz ซีอีโอคนปัจจุบันของซัน เกี่ยวกับเรื่องมือถือ จาวา และโอเพนซอร์ส
หลังจากเสียงเรียกร้องและวิพากษ์วิจารณ์มานานแสนนาน แอปเปิลก็ได้ปล่อยอัพเดทขนาด 57MB สำหรับผู้ใช้ Mac OS X 10.5 หรือ Leopard ทุก ๆ คนแล้ว โดยได้เพิ่มการสนับสนุนของ Java SE 6 รุ่น 1.6.0_05
โดยอัพเดทนี้ต้องการ Mac OS X 10.5.2 หรือใหม่กว่านี้และอินเทลแมค 64 บิทเท่านั้น (ผมอดตามเคย)
ที่มา - MacRumors