หลังจากโนเกียกับไมโครซอฟท์ประกาศเป็นพันธมิตรกันก็ทำให้บริษัททั้งสองตกเป็นข่าวหน้าหนึ่งไม่เว้นแต่ละวัน ล่าสุดเว็บไซต์ TechCrunch Europe อ้างแหล่งข่าวว่าก่อนหน้านี้โนเกียได้คุยกับ RIM และกูเกิลมาก่อน โดย RIM ได้ตอบปฏิเสธไปเพราะไม่สนใจแนวทางการเป็นพันธมิตรร่วมกับโนเกีย ส่วนกูเกิลนั้นปฏิเสธที่จะให้โนเกียเปลี่ยนแปลงแพลตฟอร์ม Android (อาทิ เปลี่ยนแผนที่จาก Google Maps ไปใช้ Ovi Maps หรือปรับเปลี่ยน PIM (Personal Information Manager)) ดังนั้นสุดท้ายโนเกียจึงเลือกแพลตฟอร์ม Windows Phone 7 จากไมโครซอฟท์
กลุ่มผู้ถือหุ้นของโนเกียจำนวน 9 คนในชื่อ "Nokia Plan B" ออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยกับข้อตกลงระหว่างโนเกีย-ไมโครซอฟท์ และอาสาเปลี่ยนแปลงบริษัท โดยเรียกร้องให้ผู้ถือหุ้นคนอื่นๆ โหวตพวกเขาให้ได้เป็นคณะกรรมการบริหาร (บอร์ด) ของโนเกีย
โนเกียจะประชุมผู้ถือหุ้นประจำปีในวันที่ 3 พ.ค. นี้ ช่วงนี้กลุ่ม Nokia Plan B จึงเริ่มออกมาโปรโมทแนวคิดของตัวเอง ดังนี้
นโยบายถ้า Nokia Plan B ได้ครองเสียงข้างมากในบอร์ดของโนเกีย
ต่อจากภาคแรก อนาคตที่ยังไม่ชัดเจนของ Qt ทีมงาน Qt ได้เขียนบล็อกชี้แจง 2 รอบดังนี้ครับ
รอบแรกอยู่ในบล็อกชื่อ Nokia new strategic direction. What is the future for Qt? สรุปใจความดังนี้
ในงานแถลงข่าวของโนเกียที่ Mobile World Congress มีคนเขียนข่าวเก็บไปหลายประเด็นแล้ว ย้อนความได้แก่
แต่ยังมีประเด็นที่พูดเพียงสั้นๆ อีกอันที่ไม่ควรมองข้าม เพราะ Stephen Elop ยอมตอบคำถามสำคัญว่า "ไมโครซอฟท์จ่ายโนเกียเท่าไรสำหรับดีลนี้"
หลังจากที่มีการประกาศความร่วมมือครั้งประวัติศาสตร์ระหว่างโนเกียและไมโครซอฟท์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา รวมถึงได้เห็นภาพเครื่องต้นแบบที่ Stephen Elop CEO ของโนเกียกล่าวว่าเราอาจจะได้เห็นตัวจริงภายในปีนี้ ทั้ง 2 บริษัทก็เรียกได้ว่าตกเป็นข่าวไม่เว้นแต่ละวันเลยทีเดียว และล่าสุด คุณ Long Zheng ชาวบล็อกช่างสังเกตคนหนึ่งได้นำภาพเครื่องต้นแบบมาคำนวนอัตราส่วนของความสูง/กว้างของจอภาพ พบว่าอัตราส่วนนั้นไม่เท่ากับอัตราส่วนที่กำหนดโดยไมโครซอฟท์ที่ 800x480 พิกเซล (อัตราส่วนสูง/กว้าง = 1:1.66) แต่กลับไปตรงกลับอัตราส่วนแบบ nHD ของโนเกียที่ใช้ใน N8 หรือ E7-00 ที่ 640x360 พิกเซล แทน (อัตราส่วนสูง/กว้าง = 1:1.77)
ในงาน Mobile World Congress ล่าสุดนั้นนอกจาก Stephen Elop ซีอีโอโนเกียจะโต้ว่าเขาไม่ใช่ม้าโทรจันจากไมโครซอฟท์ไปแล้ว เขายังได้ตอบอีกคำถามซึ่งมีคนตั้งข้อสังเกตคือจำนวนหุ้นของไมโครซอฟท์ที่ตัวเขายังถือครองอยู่ โดยมีมูลค่าตามราคาตลาดปัจจุบันถึง 3.18 ล้านดอลลาร์ ซึ่งนั่นอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาอยากดึงไมโครซอฟท์มาร่วมกับโนเกียมากกว่าจะเป็นบริษัทอื่น
ในงาน Mobile World Congress โนเกียได้เผยภาพต้นแบบ Windows Phone 7 สมาร์ทโฟนซึ่งเป็นคนละภาพกับภาพหลุดที่ Engadget ปล่อยเมื่อคราวก่อน (ดูภาพได้ที่ท้ายข่าว) คุณ Jo Harlow หัวหน้าทีมที่ดูแลผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Smart Devices ยังได้บอกเป็นนัยอีกว่าอาจจะได้เห็น Windows Phone 7 สมาร์ทโฟนภายในปีนี้อีกด้วย
สถานการณ์ของโนเกียไม่สู้ดีนักหลังจาก ข่าวการร่วมมือกันครั้งประวัติศาสตร์ ซึ่งประกาศชัดว่าโนเกียจะลอยแพ Symbian แล้วเปลี่ยนมาใช้ Windows Phone แทนในอนาคต ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับหลายฝ่ายที่ได้รับผลกระทบ ส่งผลให้หุ้นโนเกียตกกันเป็นว่าเล่น
ในงาน MWC (Mobile World Congress) นาย Stephen Elop ผู้บริหารคนเก่งของโนเกียจึงต้องออกมาแสดงทิศทางเพื่อสยบความแตกตื่น "เป้าหมายแรกของเราคือ ถล่ม Android ให้ราบ!!"
ยังคงเป็นข่าวต่อเนื่องกับเรื่องราวของไมโครซอฟท์และโนเกีย หลังจากที่มีข่าวอย่างเป็นทางการว่าสองยักษ์ใหญ่ได้ประกาศร่วมมือกันจนเป็นที่น่าจับตามองอย่างใกล้ชิด น่าสนใจถึงขนาดที่คุณ mk ยังเขียนบทวิเคราะห์ถึง และไม่นานหลังจากนั้น ทุกคนก็ได้เห็นภาพที่คิดว่าจะเป็นต้นแบบที่เกิดจากความร่วมมือครั้งนี้หลุดออกมา (มันบังเอิญดีจริงๆ)
หลังโนเกียประกาศจับมือกับไมโครซอฟท์ทำ Windows Phone ความไม่แน่นอนก็เกิดขึ้นกับซอฟต์แวร์ฝ่ายต่างๆ ของโนเกียกันถ้วนหน้า พนักงานฝ่าย Symbian แสดงความไม่พอใจผ่านการประท้วง ส่วน MeeGo ก็เอาตัวรอดมาได้เพราะอินเทลบอกว่ายังหนุนอยู่
อีกฝ่ายที่หลายๆ คนอาจลืมหรือมองข้ามไปคือ Qt เครื่องมือพัฒนาแบบข้ามแพลตฟอร์มที่โนเกียซื้อมาทั้งบริษัท และหวังจะเป็นตัวเชื่อมระหว่าง Symbian กับ MeeGo ในอนาคต
เพึ่งผ่านดีลประวัติศาสตร์ระหว่างไมโครซอฟท์กับโนเกียไปได้ไม่ถึงวัน Engadget ก็ได้เผยภาพหลุดต้นแบบ Windows Phone 7 สมาร์ทโฟนที่ทั้งสองบริษัทร่วมกันออกแบบขึ้นมา หน้าตาจะเป็นอย่างไรดูได้ที่ท้ายข่าวครับ
ที่มา: Engadget
เมื่อหนึ่งปีที่แล้ว ในงาน MWC 2010 อินเทลกับโนเกียประกาศรวมระบบปฏิบัติการของตัวเองเข้าด้วยกันในชื่อใหม่ MeeGo แต่ในอีกหนึ่งปีให้หลัง โนเกียก็ถอดใจ ยอมใช้ Windows Phone ของไมโครซอฟท์แทน พร้อมกับปล่อยให้อนาคตของ MeeGo อยู่ในความไม่แน่นอน
ล่าสุดโฆษกของอินเทล Suzy Ramirez ออกมาให้สัมภาษณ์แล้วว่า อินเทล "ผิดหวัง" กับการตัดสินใจของโนเกีย แต่อินเทลจะยังสนับสนุน MeeGo ต่อไปภายใต้ยุทธศาสตร์ 3 ระบบปฏิบัติการคือ Windows/Android/MeeGo ที่ดำเนินการมานานแล้ว
มุมสะท้อนผ่านสายตานักลงทุนของดีลประวัติศาสตร์ระหว่างโนเกียกับไมโครซอฟท์ ก็คือราคาหุ้นของโนเกียที่ร่วงลงมาอย่างมากถึง -14% ในวันเดียว โดยมีราคาปิดอยู่ที่ 7.000 ยูโร ขณะที่หุ้นของไมโครซอฟท์นั้นปรับตัวลดลงน้อยกว่าที่ -0.91%
จึงเห็นได้ว่าความกังวลต่ออนาคตธุรกิจนั้นมีสูงมากสำหรับโนเกีย แต่ไม่ใช่กับไมโครซอฟท์ บรรดานักวิเคราะห์จากหลายสำนักต่างมองอนาคตโนเกียไปในแง่ลบกันทั้งสิ้น จึงขอรวบรวมบางส่วนมาให้อ่านกันครับ
ได้มีวาทะเด็ดตอบกลับนาย Vic Gundotra รองประธานผ่ายวิศวกรของกูเกิลจากข่าวก่อนหน้านี้
"ไก่งวงสองตัว ไม่มีทางมีลูกเป็นนกอินทรีหรอก" (Two turkeys do not make an Eagle) นาย Stephen Elop ก็ได้ตอบกลับไปทางทวิตเตอร์ว่า
Or this: Two bicycle makers, from Dayton Ohio, one day decided to fly.
แปลได้ว่า
หรือแบบนี้ดี: 2 ผู้สร้างจักรยานจากเมือง Dayton Ohio ในวันหนึ่งเขาตัดสินใจที่จะบิน
พร้อมกับ tag #NokMsft #feb11 เหมือนนาย Gundotra (วันที่ไมโครซอฟท์และโนเกียประกาศความร่วมมือกัน)
มหากาพย์ Nokia + Microsoft = Windows Phone 7 ยังไม่จบครับ ล่าสุดพนักงานของโนเกียที่พัฒนาในส่วนของ Symbian กว่า 3,000 ชีวิตนั้น ต่างพากันลุกขึ้นเดินออกประท้วงทันที หลังจากที่ Stephen Elop ประกาศจับมือกับเจ้านายเก่าอย่าง Steve Ballmer เหตุเป็นเพราะว่าสไลด์ที่โนเกียได้นำเสนอต่อนักลงทุนนั้น เห็นได้ชัดว่าลดความสำคัญของ Symbian ลง ถึงแม้ว่าปีนี้จะทำมือถือที่รัน Symbian ออกมาอีก 150 ล้านตัว แต่ในส่วนนี้จะถูกแทนที่ด้วย Windows Phone 7 ในอนาคต (บทความประกอบของคุณ mk)
วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2011 เป็นวันประวัติศาสตร์ที่วงการมือถือและวงการไอทีต้องจารึกไว้ เหตุเพราะบริษัทมือถืออันดับหนึ่งของโลกและบริษัทซอฟต์แวร์อันดับหนึ่งของโลก ประกาศจับมือกันผลักดันยุทธศาสตร์ใหม่ เพื่อสู้ศึก "สมาร์ทโฟน" ที่ทั้งสองบริษัทกำลังเพลี่ยงพล้ำอยู่ในช่วงหลัง
ใจความหลักของงานแถลงข่าวไม่มีอะไรผิดคาดจากข่าวลือต่างๆ ก่อนหน้า (Elop ก็บอกใบ้เรื่องนี้เองไม่กี่วันก่อนผ่านบันทึกภายใน) นั่นคือโนเกียจะหันมาใช้ Windows Phone เป็นระบบปฏิบัติการ ส่วนรายละเอียดปลีกย่อยอื่นๆ ก็ติดตามได้ในบทความนี้ครับ
ก็หลังจากมีข่าว Nokia จะทำ Windows Phone 7 และข่าวลือที่ MeeGo ตัวแรกถูกยกเลิกการพัฒนา ทำให้หลายๆ คนคิดว่าโนเกียจะโยน Symbian และ MeeGo ทิ้งไปเลยมุ่งทำตลาด WP7 อย่างเดียวแต่ก็มีข่าวออกมาว่าโนเกียยังไม่ทิ้ง OS ทั้งสองไปและโดยจะส่ง MeeGo ภายในปีนี้ครับ
MeeGo
"Under the new strategy, MeeGo becomes an open-source, mobile operating system project. MeeGo will place increased emphasis on longer-term market exploration of next-generation devices, platforms and user experiences. Nokia still plans to ship a MeeGo-related product later this year."
Symbian
จากที่มีข่าวว่าในวันนี้ Nokia และ Microsoft จะจับมือกันบางอย่าง และมีการคาดว่าน่าจะเป็นเรื่องของ Windows Phone 7 วันนี้ก็เป็นไปตามที่คาดการณ์กันไว้ครับ เมื่อ Stephen Elop (CEO ของโนเกีย) จับมือกับ Steve Ballmer ประกาศความร่วมมือในการพัฒนาระบบปฏิบัติการ Windows Phone 7 และแถลงว่า โนเกียจะทำการออกโทรศัพท์ที่ใช้ Windows Phone 7 ด้วย ซึ่งก็มีวีดีโอประกาศความร่วมมือของทั้งสองที่ท้ายเบรคด้วยครับ
ที่มา : Engadget
หลังจากที่มีข่าวใหญ่โตเกี่ยวกับอนาคตของ Nokia ทั้ง โนเกียกำลังยืนอยู่บนแท่นขุดเจาะน้ำมันที่ไฟไหม้ และ Nokia และ Microsoft เตรียมแถลงข่าววันศุกร์หน้า นาย Vic Gundotra รองประธานผ่ายวิศวกรของกูเกิลได้ทวีทข้อความว่า
ไก่งวงสองตัว ไม่มีทางมีลูกเป็นนกอินทรีหรอก (Two turkeys do not make an Eagle)
พร้อม hashtag #feb11 (วันที่ Nokia และ Microsoft จะแถลงข่าวร่วมกัน)
จากข่าวก่อนหน้านี้ โนเกียกำลังยืนอยู่บนแท่นขุดเจาะน้ำมันที่ไฟไหม้ และ Nokia และ Microsoft เตรียมแถลงข่าววันศุกร์หน้า ก็ได้มีข่าวลือเพิ่มเติมยืนยันว่า โนเกียและไมโครซอฟท์กำลังตกลงกันในขั้นสุดท้าย และในวันศุกร์นี้จะประกาศแผนการพัฒนา Windows Phone 7 บนโทรศัพท์มือถือของโนเกียในอนาคต
แหล่งข่าวได้กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า "แอนดรอยด์เป็นทางเลือกที่ดีแต่มันไม่ใช่ทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับพวกเรา" และก็กล่าวปิดท้ายว่า "พวกเราจะได้เห็น Windows Phone 7 บนโทรศัพท์มือถือของโนเกียเร็วๆ นี้"
ตามข่าว Nokia ได้ยกเลิกการพัฒนาโทรศัพท์มือถือที่ใช้ระบบปฏิบัติการ MeeGo ตัวแรกที่จะออกมา (ซึ่งน่าจะเป็น N9) โดยที่โนเกียก็ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นกับเรื่องนี้
คาดว่าที่ยกเลิกการพัฒนาไป เนื่องจากพัฒนาตัว MeeGo เองไม่เสร็จได้ทันกำหนดเหมือนสมัย S^3 ที่ทำให้การวางจำหน่ายจริงๆ N8 ห่างจากการเปิดตัวมานานพอสมควรและเพื่อไม่ให้เสียเวลาในการพัฒนาจึงต้องไปจับมือ Microsoft เพื่อชิงส่วนแบ่งทางการตลาดกลับมา
สำนักข่าวหลายแห่งทั้งบนโลกออนไลน์ (Engadget) และบนโลกออฟไลน์ (BBC) ต่างก็รายงานถึงบันทึกภายในอันร้อนแรงที่ Stephen Elop ประธานกรรมการบริหารคนปัจจุบันของโนเกียส่งให้พนักงานทุกคนอ่าน ก่อนถึงวันประกาศทิศทางบริษัทครั้งสำคัญและมีหลายคนรอลุ้นอย่างใจจดจ่อในวันศุกร์นี้
บันทึกฉบับนี้กลายเป็นประเด็นร้อนแรงทันทีเมื่อถูกเปิดเฉยออกสู่สาธารณะ เพราะเป็นครั้งแรกที่ CEO ของบริษัทแจ้งกับพนักงานทั้งหมดว่า บริษัทอยู่ในสถานการณ์ที่เรียกว่า "ฐานที่มั่นกำลังไฟลุกท่วม (Burning Platform)"
เว็บไซต์ Engadget ได้บันทึกภายในที่ซีอีโอ Stephen Elop ส่งถึงพนักงานของโนเกียทุกคน บันทึกชิ้นนี้น่าสนใจมากเพราะ Elop ยอมรับสถานการณ์ของโนเกียที่กำลังเสียเปรียบในตลาดทุกระดับ และบอกใบ้ถึงการเปลี่ยนแปลงระดับยุทธศาสตร์ของโนเกียที่จะเปิดเผยในเร็วๆ นี้
Elop เริ่มเขียนบันทึกโดยเล่าถึงผู้ชายคนหนึ่งที่ทำงานบนแท่นขุดเจาะน้ำมัน (oil platform) ในทะเลเหนือ เขานอนหลับอยู่และตื่นขึ้นเพราะเสียงระเบิด จากนั้นพบว่าแทนขุดเจาะน้ำมันถูกไฟไหม้อย่างหนัก เขาเอาตัวรอดไปถึงขอบของแท่นขุดเจาะน้ำมัน มองลงไปข้างล่างก็พบกับความมืดมิดของทะเลยามค่ำคืน
ยิ่งใกล้งานแถลงข่าวของโนเกียวันศุกร์นี้ ข่าวลือต่างๆ ของโนเกียยิ่งออกมาเยอะ
ข่าวนี้มาจาก The Register ซึ่งระบุว่า Stephen Elop ซีอีโอคนใหม่ของโนเกียอาจจะเปิดสำนักงานแห่งใหม่ของโนเกียในซิลิคอนวัลเลย์ เพื่อให้โนเกียอยู่ในบรรยากาศการแข่งขันเดียวกับคู่แข่งอื่นๆ เช่น แอปเปิลและกูเกิล
สำนักงานแห่งนี้จะมีสถานะเป็น "สำนักงานใหญ่เสมือน" (ต้นฉบับใช้คำว่า virtual HQ ผมเข้าใจว่าหมายถึงไม่ได้ย้ายสำนักงานใหญ่ออกจากฟินแลนด์ แต่สร้างสำนักงานใหญ่แห่งที่สองขึ้นมา)
ผลกระทบของการสร้างสำนักงานใหม่นี้จะทำให้บอร์ดบริหารของโนเกียถูกบีบให้มาประชุมกันที่อเมริกา เป็นขั้นตอนหนึ่งของการเปลี่ยนโนเกียให้มี "ความเป็นฟินแลนด์" ลดลง เป็นสากลมากขึ้น
นิตยสารรายสัปดาห์ Wirtschaftswoche ของเยอรมนี อ้างแหล่งข่าววงในของโนเกียว่าผู้บริหารระดับสูงของโนเกีย 4 คนอาจลาจากบริษัทไปในเร็วๆ นี้
เหตุผลก็คือการปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ใต้บัญชาของนายใหม่ Stephen Elop ที่ย้ายจากไมโครซอฟท์ไปคุมโนเกียเมื่อปีที่แล้ว ตามข่าวบอกว่า Elop ได้สั่งให้บริษัทจัดหาพนักงาน (headhunter) หาผู้บริหารใหม่ที่เชี่ยวชาญด้านซอฟต์แวร์มาแทนแล้ว
ที่มา - Reuters