Opera Mediaworks ออกรายงานประจำไตรมาสแรกของปี 2015 ถึงส่วนแบ่งของโฆษณาบนแพลตฟอร์มต่างๆ จากปีที่แล้วที่รายได้ฝั่งแอนดรอยด์ยังตาม iOS อยู่ห่างๆ แม้จะมีทราฟิกโฆษณาสูงกว่ามาก แต่ตอนนี้รายได้ทางฝั่งแอนดรอยด์ก็แซงขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว
ส่วนแบ่งรายได้ของอุปกรณ์แอนดรอยด์ทั้งหมดอยู่ที่ 45.77% สูงกว่า iOS ที่อยู่ที่ 45.44% เพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ก็นับเป็นครั้งแรกที่แซงหน้า iOS ได้ แต่ประสิทธิภาพของโฆษณา เช่น อัตราการดูวิดีโอโฆษณาจนจบ ทางฝั่ง iOS ก็ยังมีอัตราที่ดีกว่าอย่างมีนัยสำคัญ
Opera ออกเบราว์เซอร์ Opera Mini เวอร์ชัน 8.0 สำหรับ Android โดยเวอร์ชันนี้ปรับปรุงครั้งใหญ่ทั้ง UI และฟีเจอร์
Opera ยังประกาศเป้าหมายว่าจะเพิ่มจำนวนผู้ใช้งานเบราว์เซอร์ของตัวเองบนแพลตฟอร์ม Android จากปัจจุบัน 130 ล้านคน เป็น 275 ล้านคนในปี 2017 ด้วย
โอเปร่าผู้ผลิตเบราว์เซอร์ประกาศเข้าซื้อบริษัทให้บริการ VPN จากแคนาดาที่ชื่อ SurfEasy โดยไม่ระบุมูลค่า
โอเปร่าหลังจากเลิกทำเอนจินเบราว์เซอร์ของตัวเองแล้วไปใช้ Blink จากกูเกิล ตัวบริษัทก็หันมาให้บริการอำนวยความสะดวกผู้ใช้เว็บเช่นก่อนหน้านี้ให้บริการบีบอัดข้อมูล Opera Max
ทางโอเปร่าระบุว่าน่าจะมีการประกาศบริการพื้นฐานฟรี (freemium) ออกมาเร็วๆ นี้
หลังจาก Opera ทิ้งเอนจิน Presto เปลี่ยนมาใช้ Chromium ทำให้ฟีเจอร์เด่นๆ ของ Opera ยุค Presto หายไปมาก (จนแฟนๆ บ่น) ซึ่งทาง Opera ก็รับทราบดี และทยอยพัฒนาฟีเจอร์เดิมให้กลับมาทำงานได้บน Opera ยุคใหม่
ล่าสุด Opera 28 เพิ่มฟีเจอร์การซิงก์ bookmark ข้ามอุปกรณ์แล้ว โดยใช้ได้กับทั้ง Opera Desktop, iOS, Android ส่วนวิธีการใช้งานก็ตรงไปตรงมาคือเข้าหน้า Settings แล้วล็อกอินด้วยบัญชี Opera เป็นอันจบ
Opera บอกว่าตอนนี้ระบบซิงก์ยังใช้ได้แค่กับ bookmark แต่ในอนาคตจะค่อยๆ เพิ่มการซิงก์ข้อมูลอย่างอื่นตามมาครับ
ที่มา - Opera Blog
อุปกรณ์แอนดรอยด์มากขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงหลังจนกระทั่งแซง iOS ในแง่ของปริมาณเครื่องไปได้ไกลแต่ในแง่ของรายได้แอพพลิเคชั่นก็นับว่ายังห่าง เช่น รายงานจาก App Annie ในปี 2013 ตอนนี้ Opera Mediaworks ก็ออกรายงานแสดงรายได้โฆษณาออกมา
Jon von Tetzchner ผู้ร่วมก่อตั้งและอดีตซีอีโอ Opera Software ระหว่างปี 1995-2010 (ลาออกปี 2011) เปิดตัวเว็บเบราว์เซอร์ใหม่ชื่อ Vivaldi ซึ่งสืบทอดเจตนารมณ์ของ Opera รุ่นก่อนๆ ที่เน้นเจาะกลุ่ม power user
Jon von Tetzchner ให้สัมภาษณ์ว่าเขาผิดหวังกับทิศทางของ Opera ในยุคหลัง (ทิ้งเอนจิน Presto มาใช้ Blink/Chromium และทิ้งฟีเจอร์เดิมหลายอย่าง) เขาและอดีตทีมงานเดิมของ Opera จึงตัดสินใจสร้าง Vivaldi ขึ้นมา ถึงแม้มันถูกพัฒนาบน Blink/Chromium เหมือนกันแต่ก็มีฟีเจอร์แบบที่ผู้ใช้ Opera ในอดีตโหยหา
ต่อจากข่าว Nokia Store สำหรับ Series 40/60, Symbian, Asha และ Nokia X ปิดตัวต้นปีหน้า ให้ใช้ Opera Mobile Store แทน ล่าสุดไมโครซอฟท์เผยรายละเอียดการย้ายแอพจาก Nokia Store ไป Opera Mobile Store ดังนี้
วันนี้ Opera Coast เบราว์เซอร์จาก Opera ออกอัพเดตบน iOS เวอร์ชัน 4.0 โดยมีความสามารถดังนี้
ดาวน์โหลด Opera Coast ได้ที่ App Store
ที่มา - update log บน App Store
Opera ออกเว็บเบราว์เซอร์เวอร์ชันพีซี (บริษัทเรียก Opera for computers) เวอร์ชัน 26 โดยมีของใหม่ดังนี้
ที่มา - Opera Desktop Blog
นอกจากเบราว์เซอร์แล้ว Opera ยังมีธุรกิจร้านขายแอพชื่อ Opera Mobile Store เปิดบริการแบบเงียบๆ (ลองเล่นได้ที่ Opera Mobile Store, ล่าสุดเพิ่งถูกใช้แทน Nokia Store บนแพลตฟอร์มเก่า)
แต่ด้วยความนิยมของบริการสื่อออนไลน์แบบเหมาจ่ายอย่าง Netflix หรือ Spotify ทำให้ Opera เสนอแนวทางใหม่สำหรับร้านขายแอพคือ Opera Subscription Mobile Store ที่ลูกค้าสามารถจ่ายค่าบริการเหมาจ่ายรายสัปดาห์เพื่อดาวน์โหลดแอพแบบไม่จำกัด (ค่าบริการต่ำกว่าสัปดาห์ละ 1 ดอลลาร์)
ไมโครซอฟท์ประกาศว่า Opera Mobile Store จะมาแทน Nokia Store สำหรับ Series 40/60, Symbian, Asha และ Nokia X โดยกระบวนการย้ายไปสโตร์ใหม่และปิด Nokia Store จะเสร็จสิ้นในไตรมาสแรกของปีหน้า
ในส่วนของนักพัฒนาแอพบน Nokia Store นั้น บริษัทจะเผยรายละเอียดว่านักพัฒนาจะเข้าร่วม Opera Mobile Store และประกาศแอพขึ้นสโตร์ใหม่ได้อย่างใดในเร็ววันนี้ (very soon)
ไมโครซอฟท์โฆษณาว่า Opera Mobile Store ให้บริการใน 196 ประเทศทั่วโลก มีแอพและเกมมากกว่า 300,000 รายการ มีผู้ใช้ราว 200 ล้านรายต่อเดือน
ท้ายสุด ไมโครซอฟท์ยังเชิญชวนให้ผู้ใช้มือถือตระกูลคลาสสิกดังข้างต้นอัพเกรดไปยัง Lumia รุ่นล่าง อาทิ Lumia 535 ด้วย
Opera หนึ่งในผู้ผลิตเว็บเบราว์เซอร์จากยุโรป ประกาศส่ง Opera Mini ลงนาฬิกาอัจฉริยะ Samsung Gear S แล้ว
Engadget ระบุว่า Opera Mini รุ่นที่จะส่งลง Gear S นั้นจะใช้คุณสมบัติในการบีบอัดข้อมูลของทาง Opera เพื่อให้ประหยัดการส่งข้อมูล และยังคงคุณสมบัติอย่าง Speed Dial (เลือกเว็บที่เข้าบ่อยในหน้าแรกได้), โหมดความเป็นส่วนตัว (private browsing) และ "Smart Page" ที่จะรวมเอาข้อมูลจากสื่อสังคมออนไลน์และข่าวสารต่างๆ เข้ามาไว้ในหน้าเดียว
จะเปิดให้ดาวน์โหลดพร้อมกับการวางจำหน่ายของ Gear S อย่างเป็นทางการครับ
ที่มา - Engadget
Opera ทิ้งวงการลินุกซ์ไปนานหลังเปลี่ยนเอนจินแสดงผลมาใช้ Chromium แต่ทีมงานก็มีแผนกลับมาออกซอฟต์แวร์เวอร์ชันลินุกซ์มาตลอด เริ่มตั้งแต่ Opera 24 ที่มีสถานะเป็น Developer Channel ไล่มาจนถึง Opera 25 ที่มีสถานะเป็น Beta Channel แล้ว
นอกจากการรองรับลินุกซ์แล้ว Opera 25 Beta ยังมีฟีเจอร์ใหม่อย่างอื่นคือ
หลังจาก Opera เปิดรับบุคคลภายนอกทดสอบ Opera Mini for Windows Phone เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ล่าสุดก็เปิดให้ดาวน์โหลดเบราว์เซอร์รุ่นเบต้าแล้ว
ฟีเจอร์เด่นที่มากับ Opera Mini มีทั้งหน้า Speed Dial ที่ให้ผู้ใช้ปักหมุดเว็บไซต์ที่ชื่นชอบไว้บนหน้าแรกของเบราว์เซอร์, Smart Page รวมอัพเดตจากเว็บสังคมออนไลน์ต่างๆ ของผู้ใช้ไว้ในหน้าเดียว, เปิดหน้าเว็บได้หลายแท็บ และรองรับการบันทึกหน้าเว็บไว้ดูภายหลัง
ดาวน์โหลดได้จาก Windows Phone Store ครับ
Opera เปิดรับบุคคลภายนอกร่วมทดสอบ Opera Mini for Windows Phone แล้ว ใครสนใจสามารถลงทะเบียนได้จากที่นี่ครับ
กระนั้น Opera ไม่ได้เผยรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับเบราว์เซอร์บน WP นี้แต่อย่างใด
ที่มา: Opera ผ่าน Windows Phone Central
Opera รุ่นใหม่ซึ่งนับมาถึงรุ่น 24 สำหรับ Mac, Windows และ Linux ได้รับการปรับปรุงใหม่ มีฟีเจอร์สำคัญคือการดูภาพตัวอย่างของแต่ละแท็บก่อนกดเข้าสู่หน้าเว็บจริงได้ โดยผู้ใช้เพียงแค่เลื่อนเมาส์ไปวางในตำแหน่งแท็บที่ต้องการดูภาพตัวอย่าง
นอกจากนี้เฉพาะ Opera 24 สำหรับ Windows ยังมีการปรับปรุงคุณภาพของการแสดงผลส่วนติดต่อผู้ใช้งานด้วย หากผู้ใช้งานมีจอภาพที่มีความหนาแน่นของพิกเซลมาก ก็สามารถปรับตั้งค่าให้ Opera แสดงกราฟิกที่มีรายละเอียดคมชัดยิ่งขึ้น (จากเดิมที่มีเพียงแค่ปรับขนาดของกราฟิกส่วนติดต่อผู้ใช้งานให้สัมพันธ์กับความละเอียดหน้าจอ) ซึ่งฟีเจอร์คล้ายกันนี้มีบน Opera สำหรับ Mac มาก่อนแล้ว ซึ่งช่วยให้การใช้งานบนหน้าจอ Retina Display มีความสวยงามขึ้นนั่นเอง
Opera เซ็นสัญญาความร่วมมือกับ Microsoft ที่เพิ่งกลายเป็นผู้ผลิตมือถือรายใหม่ไปหมาดๆ ด้วยการนำเบราว์เซอร์ตัวเล็กของตัวเองอย่าง Opera Mini เป็นเบราว์เซอร์มาตรฐานบนมือถือรุ่นราคาถูกของไมโครซอฟท์
ในสัญญาดังกล่าวครอบคลุมมือถือทุกรุ่นที่ไม่ได้รัน Windows Phone ซึ่งก็มีตั้งแต่ Series 30+, Series 40 และ Asha ที่ยังทำผลงานได้ดีในตลาดประเทศกำลังพัฒนา
นอกเหนือจาก Opera Mini แล้ว ไมโครซอฟท์ยังมีแผนขยายบริการของตัวเองไปยังมือถือรุ่นราคาถูกเหล่านี้ด้วย ที่เอ่ยชื่อมาแล้วก็มี OneDrive และ Skype ที่กำลังรออัพเดตเพื่อเข้าไปสู่มือถือ Nokia รุ่นราคาย่อมเยาในอนาคต โดยแผนนี้ทำมาเพื่อดึงให้ผู้ใช้เข้ามาสู่วัฐจักรของไมโครซอฟท์ และอัพเกรดไปใช้สมาร์ทโฟนรุ่นสูงกว่าในอนาคตนั่นเอง
เว็บเบราว์เซอร์ Opera เดิมทีรองรับระบบปฏิบัติการพีซี 3 แพลตฟอร์มคือวินโดวส์ แมค ลินุกซ์ แต่หลังจากการเปลี่ยนเอนจิน Presto เดิมมาเป็น Chromium/Blink ในปี 2013 บริษัทก็เลือกรองรับเฉพาะวินโดวส์และแมคก่อนเท่านั้น ผู้ใช้ลินุกซ์รวมถึงระบบปฏิบัติการยูนิกซ์อื่นๆ จำเป็นต้องใช้ Opera 12.x ที่เป็นรุ่นเก่าต่อไป (เวอร์ชันล่าสุดคือ 12.16)
แต่ล่าสุด Opera ดูจะตั้งตัวได้และพร้อมสำหรับเวอร์ชัน Chromium บนลินุกซ์แล้ว โดยออกรุ่นทดสอบ Opera Developer 24 for Linux มาแล้ว
หากใครยังจำได้ เมื่อช่วงต้นเดือนกันยายน 2013 นั้น Opera ได้เปิดตัวเบราว์เซอร์ใหม่บน iPad ที่ใช้ WebKit ในชื่อ Coast และตอนนี้เวอร์ชันบน iPhone ก็ตามมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งหน้าตาของตัวแอพก็คล้ายกับบน iPad และยังคงแนวคิดเดียวกันคือแทบไม่มีปุ่มบนหน้าจอ การสั่งงานจะเน้นใช้การปัดนิ้วมากกว่า และเปลี่ยนชื่อเรียกเป็น Opera Coast
นอกจากนั้น Opera Coast ยังได้ฟีเจอร์ใหม่ด้วย คือ Stuff we like ซึ่งจะเป็นคอลเลคชั่นของ bookmark สำหรับเว็บยอดนิยม และการซิงค์ bookmark ผ่าน iCloud
ใครสนใจ Opera Coast สามารถดาวน์โหลดได้ที่ App Store
Opera for Android มีอัพเดตใหม่ โดยเปลี่ยนมาใช้เอนจิน Chromium เวอร์ชัน 33 และมีฟีเจอร์สำคัญคือ รองรับเทคโนโลยี WebRTC ทำให้สามารถสนทนาแบบวิดีโอบนเว็บมือถือได้แล้ว (Opera แนะนำให้ทดสอบผ่าน appear.in)
นอกจากนี้ Opera ยังเปิดให้ผู้ใช้เลือก UI ของการแสดงปุ่มและแท็บได้หลายแบบ มีทั้งแบบเพิ่มพื้นที่แสดงผลสูงสุด หรือแบบแสดงแท็บตลอดเวลาเพื่อให้สลับแท็บได้สะดวก
สุดท้ายคือฟีเจอร์ปุ่มลัดเข้าเว็บ (Speed Dial) รองรับการสร้างโฟลเดอร์แล้ว
ที่มา - Opera Blog
หลังจากทดสอบแพลตฟอร์ม Opera Web Pass บริการแพคเกจอินเทอร์เน็ตเลือกได้กับเครือข่าย DiGi ของมาเลเซียมาตั้งแต่ปลายปี 2012 ตอนนี้ Opera ได้ขยายโครงการนี้โดยเพิ่มบริการ Sponsored Web Pass ที่ให้ผู้ใช้เล่นอินเทอร์เน็ตได้ฟรี แลกกับการดูโฆษณาก่อนใช้งานแล้ว
วิธีการใช้งาน Sponsored Web Pass ก็เพียงแค่ใช้งานเบราว์เซอร์ Opera Mini แล้วเลือกแพคเกจฟรีที่จะบังคับให้ดูโฆษณาเป็นเวลาสั้นๆ ก่อนใช้งาน (Opera เปรียบเทียบว่าเหมือนกับโฆษณาทีวี) หลังจากนั้นจะสามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตได้ในระยะเวลา และเว็บไซต์ที่กำหนดไว้ เช่นใช้งานอินเทอร์เน็ตฟรีหนึ่งวัน หรือใช้งานเว็บไซต์ทวิตเตอร์ได้หนึ่งชั่วโมง เป็นต้น
Opera ออกแอพตัวใหม่บน Android ชื่อ Opera Max หน้าที่ของมันคือช่วยเราประหยัดค่า mobile data โดยใช้วิธีส่งทราฟฟิก (ที่ไม่ได้เข้ารหัส) ไปยังเซิร์ฟเวอร์ของ Opera เพื่อบีบอัดข้อมูลก่อนชั้นหนึ่งแล้วค่อยส่งมายังผู้ใช้อีกที
ฟีเจอร์ลักษณะนี้มีในเบราว์เซอร์ Opera มาได้สักระยะหนึ่งแล้ว น่าสนใจว่า Opera มองมันเป็นผลิตภัณฑ์เฉพาะและทำเป็นแอพแยกเฉพาะออกมาด้วย
เบื้องต้น Opera Max ยังเปิดให้ทดสอบเฉพาะผู้ใช้ในสหรัฐเท่านั้น (ต้องลงทะเบียนผ่าน Google+ ก่อน) แต่ Opera ก็ยืนยันว่าในอนาคตจะขยายไปยังแพลตฟอร์มและประเทศอื่นๆ ให้มากขึ้น
ที่มา - Opera
ข่าวนี้ต้องย้อนกันหลายชั้นหน่อยครับ เริ่มจาก โครงการ asm.js ของ Mozilla, Mozilla จับมือ Epic Games ทำเดโม Unreal Engine 3 บนเบราว์เซอร์, Chrome ประกาศรองรับ asm.js บ้าง
สำหรับข่าวนี้ ล่าสุด Chrome และเบราว์เซอร์อีกรายคือ Opera รองรับ asm.js ได้ดีขึ้นเยอะมากแล้ว (Chrome 31 และ Opera 18) สามารถรันเดโม Epic Citadel ได้แล้ว และทาง Epic เองก็ขึ้นชื่อของ Chrome/Opera เป็นเบราว์เซอร์ที่สามารถรันเดโมได้แล้ว
Opera ยุคใหม่ใต้เงา Blink ออกรุ่นบนมือถือ Android มาได้สักระยะแล้ว ล่าสุดออกเวอร์ชันใหม่ Opera 18 ที่รองรับการใช้งานบนแท็บเล็ต Android เต็มรูปแบบ
Opera บอกว่าตัวเองมีความเชี่ยวชาญด้านเบราว์เซอร์บนมือถือมานาน แต่สำหรับบนแท็บเล็ตก็จำเป็นต้องคิดใหม่ทำใหม่เพราะขนาดหน้าจอแตกต่างกันมาก ทำให้ทีมออกแบบของ Opera ตั้งใจปรับแต่ง UI เวอร์ชันบนแท็บเล็ตมาเป็นอย่างดี
ฟีเจอร์เด่นของ Opera ในรุ่นมือถือก็ยังอยู่ครบ ทั้งแท็บ Discover, โหมด off-road ที่ช่วยให้ท่องเว็บในสภาพเน็ตแย่ และฟีเจอร์ที่คนชื่นชอบอย่าง Speed Dial ใครอยากทดสอบก็โหลดได้จาก Play Store
FastMail บริการอีเมลรุ่นเก๋า (เปิดมาตั้งแต่ปี 1999 ร่วมสมัยกับ Hotmail) ที่ถูก Opera ซื้อกิจการไปเมื่อปี 2010 ตัดสินใจขอซื้อหุ้นคืนจาก Opera เพื่อกลับสู่ความเป็นบริษัทอิสระอีกครั้ง
FastMail ให้เหตุผลของการซื้อหุ้นคืนว่าเป็นเพราะ Opera ปรับยุทธศาสตร์ทางธุรกิจใหม่ ไม่เน้นธุรกิจด้านอีเมลอีกต่อไป ทั้งสองฝ่ายจึงตัดสินใจแยกจากกันด้วยดี และ FastMail ก็ยังชม Opera ว่าตลอด 3 ปีที่ผ่านมา การไปอยู่กับ Opera ก็ช่วยให้ FastMail เติบโตขึ้นทั้งในแง่ผู้ใช้และกำไร