มาตรฐานเว็บในช่วงหลังเริ่มเข้าสู่กระบวนการที่ชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ หลังจากที่ทุกค่ายพัฒนาไปในทางเดียวกัน แต่ในเบราว์เซอร์ extension ของเบราว์เซอร์แต่ละยี่ห้อกลับติดกับผู้ผลิตอย่างแยกไม่ออก แม้ Opera จะเข้ามาใช้ Blink เป็นเอนจินต์สำหรับการเรนเดอร์หน้าเว็บแล้ว แต่ก็ไม่ได้รับ CRX ของ Chrome โดยตรง แต่เสนอมาตรฐาน NEX ขึ้นมาใหม่โดยหวังว่าผู้ผลิตรายอื่นจะเข้ามาใช้งานเหมือนกัน
ฟอร์แมต NEX จะใช้มาตรฐาน Web Manifest ที่ Mozilla เสนอสำหรับการประกาศเว็บแอพลิเคชั่นก่อนหน้านี้
Opera 15 เวอร์ชันเดสก์ท็อปที่เปลี่ยนเอนจินจาก Presto มาเป็น Chromium ได้ฤกษ์ออกรุ่นจริงแล้ว (อ่านข่าวเก่า Opera Next 15 กับเอ็นจิ้นแสดงผล Blink กับ พาทัวร์ Opera Next 15 ประกอบ)
ฟีเจอร์ใหม่นอกจากการเปลี่ยนเอนจินและหน้าตาแล้ว ยังมี Discover แนะนำข่าวน่าสนใจ, Speed Dial แบบใหม่ที่สร้างโฟลเดอร์ได้, Stash ระบบบุ๊คมาร์คแบบใหม่, Off-Road โหมดบีบอัดข้อมูล, Download Manager ตัวใหม่
โอเปร่า ผู้ผลิตเบราว์เซอร์รายสำคัญอีกรายออกมาเปิดเผยว่าเมื่อวันที่ 19 ที่ผ่านมา เครือข่ายของบริษัทถูกแฮกเกอร์บุกรุก และถูกขโมยใบรับรองดิจิตอลเพื่อไปเซ็นในมัลแวร์
ยังไม่มีรายละเอียดของการโจมตีครั้งนี้มากนัก แต่โอเปร่าระบุว่าใบรับรองที่ถูกขโมยนั้นเป็นใบรับรองที่หมดอายุแล้ว แต่เนื่องจากการตรวจสอบใบรับรองนั้นทำโดยระบบปฎิบัติการ แม้ใบรับรองจะหมดอายุก็อาจจะติดตั้งได้
มัลแวร์ที่พบ จะเข้าหาไฟล์รหัสผ่านของ WS FTP และ CuteFTP ในเครื่อง จากนั้นจึงติดต่อเครื่องแม่และดาวน์โหลดไฟล์เพิ่มเติม
เป็นเวลาสักพักใหญ่ๆ ที่ Opera ประกาศว่าจะเลิกใช้เอ็นจิน Presto ของตัวเอง และหันไปพัฒนาโดยใช้ฐานจาก Chromium แทน และเมื่อไม่นานมานี้ก็เพิ่งจะปล่อย Opera 14 for Android เบราเซอร์รุ่นมือถือที่มีฐานมาจาก Chromium ไป จนถึงวันนี้ ก็ได้ปล่อย Opera Next 15 เบราเซอร์เดสก์ท็อปที่ใช้ฐานจาก Chromium มาให้ลองกันแล้วครับ
Opera Next 15 พัฒนาขึ้นมาโดยใช้ Chromium 28 เป็นฐาน นั่นหมายความว่า Opera Next 15 จะได้เอนจินแสดงผล Blink มาด้วยนั่นเอง โดยใน Opera Next 15 ตัวแรกนี้ ยังพอร์ตเอาฟีเจอร์เก่าๆ กลับมาได้ไม่ครบ หรือบางอันก็โดนถอดออกไปเสียอย่างนั้น ดังนั้นในฐานะสาวก Opera จึงขอเขียนรีวิวมันสักหน่อยแล้วกัน
หลังจากที่ประกาศว่าจะหันไปใช้ WebKit แทน Presto เดิม และประกาศว่าจะร่วมหัวจมท้ายไปกับ Google ในเอ็นจิน Blink วันนี้ Opera ได้ปล่อย Opera 15 รุ่นพรีวิวมาให้ทดสอบกันครับ
Opera Next 15 พัฒนาโดยใช้ฐานจาก Chrome 28 (Opera Next เป็นเบราเซอร์รุ่นพรีวิวของ Opera) นั่นทำให้มันมาพร้อมกับเอ็นจินแสดงผลตัวใหม่ของ Google อย่าง Blink ด้วยนั่นเอง
สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปคร่าวๆ คือ
หลังจากที่ Opera ปล่อย Opera 14 for Android ให้ดาวน์โหลดกันไปเมื่อวันก่อน กลายเป็นว่าเสียงตอบรับจากผู้ใช้ค่อนข้างจะออกไปทางลบครับ เนื่องจากฟีเจอร์หลายๆ อย่างที่หายไป เช่น Bookmark และ Opera Link แถมว่าการทำงานโดยรวมก็ถือว่าช้ากว่า Opera Mobile ตัวเก่าเสียอีก
ไม่ทราบว่ามีใครไปก่อม็อบประท้วงหน้าบริษัทหรือเปล่าครับ วันนี้ทาง Opera ก็เลยปล่อย Opera Mobile รุ่นเดิมให้ดาวน์โหลดกันอีกครั้งในชื่อ Opera Mobile Classic (เวอร์ชัน 12.1.4) สำหรับใครที่ไปไม่รอดกับ Opera 14 for Android ก็สามารถไปโหลดรุ่นเก่ามาใช้ได้ทันทีครับ (และสามารถลงคู่กับ Opera 14 for Android ได้ด้วย)
หลังจาก Opera ประกาศนโยบายเปลี่ยนมาใช้ WebKit และออก Opera for Android รุ่น WebKit Beta ล่าสุดก็ถึงคราวตัวจริงสักทีครับ
การเปลี่ยนแปลงอื่นๆ นอกเหนือจาก WebKit คือการเปลี่ยนอินเทอร์เฟซมาใช้โทนสีอ่อน, โหมด Discover ช่วยแนะนำข่าวที่น่าสนใจ, Off-Road ช่วยบีบอัดข้อมูลในกรณีที่อินเทอร์เน็ตช้า
Opera for Android รุ่นใหม่ (ไม่นับเลขเวอร์ชันแล้ว) ใช้ได้กับ Android 2.3 ขึ้นไป ดาวน์โหลดกันได้จาก Play Store
ที่มา - Opera Press
หลังจากที่ Opera เปลี่ยนมาใช้ WebKit เป็นเอนจินการพัฒนาเว็บเบราว์เซอร์สำหรับอุปกรณ์พกพา ตอนนี้เวอร์ชัน beta สำหรับระบบปฏิบัติการ Android ก็ถูกปล่อยให้ดาวน์โหลดผ่านทาง Google Play ได้แล้ว
ฟีเจอร์เด่นของ Opera เวอร์ชันนี้ มีทั้งหน้า speed dial สำหรับจัดเก็บลิงก์สู่หน้าเว็บที่ใช้งานบ่อย, แท็บ discover สำหรับค้นหาเรื่องราวที่น่าสนใจ, โหมด off road สำหรับการดูเนื้อหาแบบออฟไลน์ เป็นต้น
ในส่วนของเว็บเบราว์เซอร์ของระบบ iOS นั้นยังไม่มีกำหนดปล่อยให้ใช้งานแต่อย่างใด เช่นเดียวกันกับเวอร์ชันสำหรับพีซีที่ใช้ Chromium เป็นเอนจินในการพัฒนา
เพิ่งประกาศเปลี่ยนเอนจินไปใช้ WebKit ได้ไม่กี่วัน Opera ก็ประกาศเข้าซื้อบริษัท Skyfire Labs ผู้สร้างเบราว์เซอร์ Skyfire ที่โด่งดังมาจากการทำเบราว์เซอร์บน iOS ให้สามารถดูวิดีโอแฟลชได้
การเข้าซื้อครั้งนี้ของ Opera น่าจะเล็งไปที่ผลิตภัณฑ์ของ Skyfire Labs ทั้งตัว Rocket Oprimizer ที่ช่วยบีบอัดสื่อบนเว็บไซต์ก่อนส่งไปยังอุปกรณ์ ซึ่งเป็นการบีบอัดคนละส่วนกับ Opera Turbo ที่บีบอัดเว็บไซต์ และเบราว์เซอร์บนสมาร์ทโฟน ซึ่งการเข้าซื้อครั้งนี้ Lars Boilesen ซีอีโอของ Opera ถึงกับบอกว่าเรากับ Skyfire นั้นเหมาะกันมาก
Opera Software ประกาศแผนการใหม่ของบริษัท โดยจะหันไปใช้เอนจิน WebKit สำหรับเบราว์เซอร์มือถือ (Android/iOS) และ Chromium สำหรับเบราว์เซอร์บนคอมพิวเตอร์
Opera บอกว่าเอนจิน WebKit ดีมากอยู่แล้ว และบริษัทจะร่วมพัฒนาให้มันดีขึ้นไปอีก ทาง Opera ยอมรับว่าการเข้าร่วมกับโครงการ WebKit/Chromium เหมาะสมกว่าการพัฒนาเอนจินเองทั้งหมด เพราะจะได้แบ่งทรัพยากรที่มีจำกัดไปพัฒนางานด้านอื่นๆ แทน และเบื้องต้นทีมงานของบริษัทก็ส่งแพตช์ชุดแรกเข้าไปแล้ว
เมื่อเดือนที่แล้ว Opera เพิ่งโชว์เบราว์เซอร์มือถือตัวใหม่ Opera Ice ที่ใช้ WebKit แต่ตอนนั้นยังไม่บอกว่าจะเลิกใช้เอนจิน Presto บนเดสก์ท็อปด้วย
Opera Mediaworks บริษัทลูกของ Opera Software ที่ทำธุรกิจด้านโฆษณาบนอุปกรณ์พกพา รายงานส่วนแบ่งตลาดอุปกรณ์พกพาประจำไตรมาสที่สี่ของปี 2012
เว็บไซต์ Pocket-lint รายงานข่าวเบราว์เซอร์มือถือตัวใหม่ __Opera Ice__ ของค่าย Opera ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญมากอย่างการเลิกใช้เอนจิน Presto ของบริษัทเอง หันมาใช้เอนจิน WebKit แทน
เหตุผลที่ Opera Ice เลิกใช้ Presto เป็นปัญหาเรื่องความเข้ากันได้กับเว็บไซต์ ซึ่งเว็บส่วนใหญ่ออกแบบให้ใช้งานกับ WebKit มากกว่า
นอกจากเรื่องเอนจินแล้ว ในแง่ของฟีเจอร์ Opera Ice ยังออกแบบมาให้เป็นเบราว์เซอร์สำหรับอุปกรณ์พกพาเป็นหลัก ไม่ใช่เบราว์เซอร์เดสก์ท็อปที่พอร์ตมาลงอุปกรณ์พกพา ทำให้แนวทางเรื่องส่วนติดต่อผู้ใช้เปลี่ยนไปอย่างมาก โดย Opera Ice จะไม่มีปุ่มควบคุมใดๆ แม้แต่ปุ่มเดียว แต่จะใช้ gesture ควบคุมการทำงานของแอพแทน
Opera Mobile ออกเวอร์ชัน 12.1 บนแพลตฟอร์ม Android ของใหม่ได้แก่
Opera Mobile รุ่นนี้ยังรองรับซีพียู 4 สถาปัตยกรรมคือ ARM v5/v7, MIPS, X86 โดยแยกไฟล์ไบนารีตามสถาปัตยกรรม ทำให้ขนาดไฟล์ที่ผู้ใช้ดาวน์โหลดจาก Play Store มีขนาดเล็กลงด้วย (ระบบของ Play Store จะเลือกให้เอง)
ที่มา - Opera Press
Opera Mini เบราว์เซอร์รุ่นเล็ก ออกเวอร์ชัน 7.5 สำหรับ Android เป็นที่เรียบร้อย
ฟีเจอร์ใหม่ที่สำคัญคือ Smart Page แบบเดียวกับ Opera Mini 7 บนฟีเจอร์โฟน มันคือหน้าโฮมของเบราว์เซอร์ที่รวม feed ต่างๆ มาไว้ในหน้าเดียวกัน ทั้งข่าวและ social network โดยดึงข้อมูลจากเซิร์ฟเวอร์ของ Opera
ที่มา - Opera
Opera ได้ฤกษ์ออกเบราว์เซอร์รุ่นใหญ่ ซึ่งรอบนี้ขึ้นเลขเวอร์ชันเป็น 12 เรียบร้อยแล้ว ของใหม่มีดังนี้
ที่มา - Opera Press
เราเห็นข่าวสมาร์ทโฟนกันเยอะจนอาจลืมฟีเจอร์โฟนไปแล้ว แต่ผู้ที่ยังใช้ฟีเจอร์โฟนอยู่ก็ไม่ต้องน้อยใจ เพราะ Opera Mini 7 เบราว์เซอร์รุ่นใหม่สำหรับฟีเจอร์โฟนออกแล้ว
ของใหม่ใน Opera Mini 7 คือ Smart Page ซึ่งเป็นเว็บเพจหน้าหนึ่งของตัว Opera ที่รวม feed ข้อมูลต่างๆ มาให้เราไว้ที่เดียว ข้อดีคือช่วยให้ติดตามข่าวสารต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นข่าวหรือ social network ได้ง่าย แถมประหยัดปริมาณข้อมูลเพราะส่งเท่าที่จำเป็นจากเซิร์ฟเวอร์ของ Opera อีกทีหนึ่ง
อธิบายง่ายๆ ว่า Opera Mini กำลังทำตัวเป็นเลเยอร์พิเศษสำหรับ widget ที่คอยติดตามข่าวสารแบบที่สมาร์ทโฟนเขามีกันนั่นล่ะครับ (ดูหน้าตากันเองจากวิดีโอ)
ถ้าเราเข้า Facebook ด้วยเบราว์เซอร์ที่ไม่รองรับ เราจะเห็นหน้า Unsupported Browser ที่แนะนำให้ผู้ใช้ดาวน์โหลดเบราว์เซอร์ดังๆ อย่าง IE, Firefox หรือ Chrome มาใช้งาน
แต่ล่าสุดเว็บไซต์ Favbrowser ค้นพบว่า Facebook เปลี่ยนไอคอนของ Chrome ในหน้านี้เป็น Opera แทนโดยไม่ระบุสาเหตุ ทำให้ข่าวลือ Facebook สนใจซื้อ Opera ยิ่งมีน้ำหนักมากขึ้น
ตอนนี้ Facebook นำหน้านี้ออกไปแล้ว ใครสนใจสามารถดูจาก Google Cached
เว็บไซต์ Pocket-lint อ้างแหล่งข่าวที่ใกล้ชิดวงในว่า Facebook กำลังสนใจซื้อ Opera Software บริษัทผู้สร้างเว็บเบราว์เซอร์ Opera เป้าหมายก็เพื่อเป็นเจ้าของเว็บเบราว์เซอร์เอง จะได้ต่อกรกับกูเกิลในโลกออนไลน์ได้สูสีมากขึ้น
ข่าวนี้ยังไม่ได้รับคำยืนยันใดๆ แต่ The Next Web หาข้อมูลเพิ่มเติมได้ว่า Opera (ซึ่งตอนนี้เป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ของนอร์เวย์) กำลังพิจารณาขายบริษัทให้กับบริษัทขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง และตอนนี้มีข่าวอีกเช่นกันว่า Opera หยุดจ้างพนักงานใหม่ชั่วคราว ซึ่งอาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่ากำลังมีข่าวใหญ่เกิดขึ้น
ถ้าข่าวนี้เป็นจริง สงครามเบราว์เซอร์คงร้อนระอุขึ้นมาอีกรอบ แถมยังน่าจะกระทบวงการเบราว์เซอร์บนมือถือที่ Opera กินส่วนแบ่งตลาดอยู่มากด้วย
ใน Opera นั้น นอกจากจะมี Extensions แบบเบราว์เซอร์อื่นๆ แล้ว เรายังสามารถเพิ่มความสามารถให้กับ Opera ผ่านทาง Unite Apps (เป็นฟีเจอร์คล้ายกับ social network ที่สามารถแชร์สิ่งต่างๆ หรือติดต่อกันแบบ peer to peer ได้) และยังมี Opera Widgets ที่เป็นเหมือนแอพย่อยเล็กๆ ใน Opera อีกด้วย
แต่ในความเป็นจริง สองฟีเจอร์นี้กลับไม่ค่อยมีคนใช้มันสักเท่าไหร่นัก ซึ่งทำให้ Opera ตัดสินใจ ยกเลิกการซัพพอร์ตมันในที่สุด โดยใน Opera 12 จะปิดการเข้าถึงฟีเจอร์ทั้งสองนี้เป็นค่าปริยาย (สามารถกลับไปเปิดได้ ถ้ามีใครยังใช้อยู่) และจะเอามันออกไปอย่างสมบูรณ์ในเวอร์ชันถัดๆ ไปครับ
วันนี้ Opera ออกอัพเดตสำหรับเว็บเบราว์เซอร์ Opera Mobile 12 บน Android และ Symbian
โดยทั้งสองจะได้ฟีเจอร์ที่เหมือนกันคือ สามารถเพิ่ม Speed Dial ได้แบบไม่จำกัด, ปรับปรุงปุ่ม favorite, ยกเลิกการแสดง www ใน address bar, ปิดแท็บด้วยการคลิกครั้งเดียว, รองรับ Right-To-Left Language
ของใหม่เพิ่มเติมสำหรับ Android ก็คือ
Opera ได้ปล่อยให้ดาวน์โหลดเบราว์เซอร์เวอร์ชันทดสอบล่าสุดของ Opera 12 "Wahoo" แล้ว
ฟีเจอร์สำคัญที่ถูกเพิ่มเข้ามาคือการรองรับระบบ Do Not Track ที่มีในเบราว์เซอร์เจ้าใหญ่ๆ เกือบหมดแล้ว ทั้ง Internet Explorer, Firefox, และ Safari (ขาดแต่ Chrome ซึ่งรองรับในลักษณะของ Extension แทน) โดยผู้ใช้ต้องเข้าไปเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้ด้วยตัวเองเช่นเดียวกับเบราว์เซอร์อื่นๆ ครับ
ผู้สนใจสามารถดาวน์โหลดได้จากที่มาครับ
ที่มา - Opera Desktop Team
หลังจากที่เรียกร้องกันมานานในฟอรั่มของ Opera สำหรับรุ่น 64 บิต วันนี้ก็มีรุ่นทดสอบรุ่นแรกมาให้ทดลองใช้แล้วครับ
พร้อมกันนี้ Opera ได้เพิ่มการแยกโพรเซสของปลั๊กอิน ออกจากโพรเซสของ Opera สำหรับรุ่นของ Windows และ OSX หลังจากที่รุ่นของ Linux และ FreeBSD มีระบบนี้ใช้มาก่อนแล้ว และทาง Opera ก็เขียนระบบการแยกโพรเซสปลั๊กอินบน Linux และ FreeBSD ใหม่ด้วย เพื่อให้สอดคล้องกับรุ่นบน Windows และ OSX
สามารถดาวน์โหลดได้จากที่มาครับ
ที่มา - DEV.OPERA
ป.ล.ในข่าวนี้ไม่ใช่ snapshot นะครับ แต่เป็น lab build ที่ไว้สำหรับทดสอบฟีเจอร์นอกสายพัฒนาหลักครับ
วันนี้ Opera ได้ปล่อย Opera 11.60 "Tunny" ออกมาให้ดาวน์โหลดกันแล้วครับ ซึ่งฟีเจอร์และอัพเดทหลายอย่าง ได้ถูกยกมาจาก Opera 12 "Wahoo" ที่จะปล่อยออกมาในอนาคตอันใกล้นี้ โดยใน Tunny จะเป็นการอัพเดทเกี่ยวกับเอ็นจิ้นต่างๆ ในเบราว์เซอร์ และ Opera M2 เป็นหลัก
สามารถอัพเดทได้ผ่านทาง Auto Update ได้ทันที หรือเข้าไปดาวน์โหลดได้โดยตรงจากเว็บไซต์ http://www.opera.com/browser/
ฟีเจอร์ใหม่
Opera ออกเว็บเบราว์เซอร์รุ่นบน Android สองรุ่นพร้อมกัน คือ รุ่นเล็กจิ๋ว Opera Mini 6.5 และรุ่นเล็กธรรมดา Opera Mobile 11.5
ของใหม่ที่สำคัญคือเพิ่มตัววัดปริมาณทราฟฟิกที่ใช้ไป ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่ใช้เน็ตมือถือแบบจำกัดปริมาณข้อมูล ส่วนฟีเจอร์อื่นๆ คือ bookmark import, ปรับปรุงการทำงานร่วมกับ Android, ปรับปรุงการท่องเว็บโดยผ่านกลุ่มเมฆของ Opera (ซึ่งอ้างว่าลดปริมาณทราฟฟิกลงได้ 90%)
ส่วนของ Opera Mobile ยังปรับปรุงเรื่อง HTML5, ปรับปรุงการแสดงผลวิดีโอบน Honeycomb และลดปริมาณหน่วยความจำที่ต้องการ
คำถามสำคัญของ Android ที่ทำงานบนสถาปัตยกรรม x86 คือผู้ผลิตซอฟต์แวร์ที่เป็น native เช่นเกมและเบราเซอร์นั้นจะลงทุนกับการพอร์ตโค้ดมายัง x86 กันมากน้อยแค่ไหน แต่ที่งาน IDF 2011 ปีนี้ Opera ก็แสดงเบราเซอร์ของตัวเองบนแท็บเล็ต x86 แล้ว
ทาง Engadget ได้ลองเล่นเบราเซอร์ดูแล้วให้ความเห็นว่า "มันเร็ว" ทางโอเปร่าเองระบุว่ารุ่นที่นำมาแสดงนี้ยังไม่ให้ใช้ฮาร์ดแวร์เร่งความเร็วเต็มที่ โดยตอนนี้กำลังพัฒนาอยู่พร้อมๆ กับการรองรับ Adobe Flash
ปีหน้าอาจจะเป็นปีที่ x86 กลับมาประกาศความยิ่งใหญ่ในตลาดแท็บเล็ตอีกครั้งก็ได้
ที่มา - Engadget