OPPO เปิดตัว OPPO A73 มาพร้อมชิป Snapdragon 662 หน้าจอ AMOLED 6.44 นิ้วความละเอียด 2400 x 1080 พิกเซล แรม 6GB ความจุ 128GB กล้องหลังสามกล้อง กล้องหลัก 16MP กล้องอัลตร้าไวด์ 8MP กล้องโมโน (depth sensor) 2MP กล้องหน้า 16MP แบตเตอรี่ 4015 mAh พร้อม VOOC Flash Charge ชาร์จเร็ว 30W รัน Android 10 ครอบด้วย Color OS
OPPO A73 มี 2 สี คือ สีส้ม Dynamic Orange และ สีน้ำเงิน Navy Blue วางจำหน่ายแล้ววันนี้ ในราคา 6,999 บาท
หลัง OPPO เปิดตัว ColorOS 7 และอัปเดตจนเป็นเวอร์ชั่น 7.2 วันนี้ OPPO ข้ามมาเปิดตัว ColorOS 11 แล้ว โดยตั้งชื่อให้พ้องกับ Android 11 ที่เป็นฐานของ OS เวอร์ชั่นนี้ พร้อมคอนเซปต์ “Make Life Flow” เน้นความเรียบง่าย ลื่นไหล ให้ผู้ใช้ปรับแต่ง UI และ Always-on Display บนมือถือรุ่นที่ใช้หน้าจอ AMOLED ได้อีกด้วย
หลัง OPPO เปิดตัวระบบ Flash Charge 125W แบบมีสาย ที่สามารถชาร์จแบตเตอรี่ 4,000 mAh ให้เต็มได้ภายใน 20 นาที และระบบชาร์จเร็ว 65W แบบไร้สายไป ทำให้ทีมเว็บไอทีจากอิตาลี Dday.it สงสัยว่าระบบชาร์จเร็วแบบนี้ จะทำให้แบตเสื่อมไวแค่ไหน และได้ทดสอบโดยการปล่อยให้แบตหมดและชาร์จจนเต็ม ก่อนจะพบว่าแบตเหลือความจุเพียง 85% หลังชาร์จไป 255 ไซเคิลเท่านั้น (ถ้าชาร์จวันละรอบก็ไม่ถึงปี)
Oppo เตรียมเปิดตัวสมาร์ทวอทช์รุ่นใหม่ในวันที่ 31 กรกฎาคมที่จะถึง โดยจะเป็นสมาร์ทวอทช์ที่รัน Wear OS รุ่นแรกของแบรนด์ หน้าตาคล้าย OPPO Watch รุ่นที่เปิดตัวไปในจีนเมื่อต้นปีที่ผ่านมา
แม้จะยังไม่มีข้อมูลสเปกของสมาร์ทวอทช์รุ่นใหม่นี้ แต่เป็นไปได้ว่าอาจจะใช้สเปกเดียวกันกับ OPPO Watch รุ่นที่วางขายในจีน โดยข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับสมาร์ทวอทช์รุ่นใหม่จะเปิดเผยในวันเปิดตัวสิ้นเดือนนี้
ที่มา - Engadget
หลัง Xiaomi โชว์ระบบชาร์จ 100W ช่วงปลายปีที่แล้ว และมีข่าวลือว่า อาจใส่มาใน Mi Mix 4 ที่จะเปิดตัวในปีนี้ คราวนี้ถึงคิว OPPO เกทับด้วยระบบชาร์จมีสาย 125W บ้าง หลังเปิดตัว Reno Ace ที่ชาร์จได้ถึง 65W ไปเมื่อปีที่แล้ว โดย OPPO ทวีตวิดีโอสั้นๆ ที่เป็นตัวเลข 65W ค่อยๆ เพิ่มไปเป็น 125W และปิดท้ายด้วยวันที่ 15 กรกฎาคมนี้
หลังจากที่ OPPO เปิดตัว OPPO Reno 4 พร้อมผลิตภัณฑ์สมาร์ทวอทช์ในตระกูล Band และหูฟังไร้สาย OPPO Enco W51 ในประเทศจีน ก็มีผู้เห็นว่าในรูปรวมผลิตภัณฑ์นั้น มีไอคอนรูปทีวี พร้อมตัวอักษรภาษาจีนเขียนคำว่าทีวีอยู่ด้วย ทำให้คาดเดาได้ว่าผลิภภัณฑ์ต่อไปที่ OPPO จะเปิดตัว น่าจะเป็นสมาร์ททีวี
OPPO เปิดตัว Reno 4 และ Reno 4 Pro สมาร์ทโฟน Mid range ในตระกูล Reno ตัวใหม่ล่าสุด ใช้ชิป Snapdragon 765 รองรับสัญญาณ 5G, สเปคกล้องจัดเต็ม, แรมสูงสุด 12 GB, ความจุสูงสุด 256 GB, รองรับการชาร์จไว SuperVOOC 2.0 ที่ 65 W
ที่ผ่านมาเป็นที่เข้าใจว่า Oppo, Realme, Vivo และ OnePlus อยู่ภายใต้ BBK Electronics โดยเฉพาะกรณี OnePlus และ Oppo ที่อาจมีความเกี่ยวโยงกัน เพราะดีไซน์ของ OnePlus หลาย ๆ รุ่นที่ผ่านมาแทบจะใช้พิมพ์เดียวกัน
ล่าสุด Pete Lau ให้สัมภาษณ์ยืนยันว่า OnePlus ไม่มีความเกี่ยวข้องกับ BBK (Oppo ก็เคยออกมาปฏิเสธกับ The Verge เช่นกันนี้) ตัวเองเป็นบริษัทอิสระ ส่วนความสัมพันธ์กับ Oppo นั้นแค่มีนักลงทุนร่วมกันที่ชื่อ Oplus รวมถึงมีซัพพลายเชนและใช้ทรัพยากรณ์ในกระบวนการผลิตร่วมกันเท่านั้น
ปีที่แล้ว Xiaomi, Oppo และ Vivo จับมือกันร่วมพัฒนาโปรโตคอลส่งไฟล์ระหว่างกันในแบบเดียวกับ AirDrop ก่อนที่โปรโตคอลดังกล่าวจะปล่อยมาเมื่อกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
ล่าสุด OnePlus, Realme, Black Shark และ Meizu ประกาศเข้าร่วมใช้งานโปรโตคอลดังกล่าวของ 3 ค่ายข้างต้นแล้ว โดยทุกค่ายยังไม่ได้ระบุว่าจะอัพให้เมื่อไหร่ ทั้งนี้โปรโตคอลดังกล่าวจะจับคู่อุปกรณ์ผ่านบลูทูธ และส่งข้อมูลหากันด้วย Wi-Fi ความเร็วสูงสุด 20MB ต่อวินาที
ที่มา - XDA
ยุคหลังๆ หนึ่งในฟีเจอร์หลักที่หลายค่ายสมาร์ทโฟนใช้โปรโมต คือฟีเจอร์ชาร์จเร็ว ซึ่ง OPPO ก็เป็นอีกแบรนด์ที่มีฟีเจอร์นี้ และ OPPO Ace 2 ที่เปิดตัวเมื่อเดือนที่แล้ว นั้นสามารถชาร์จเร็วแบบไร้สายได้ถึง 40W (เมื่อใช้ระบบชาร์จ AirVOOC ของ Oppo) และชาร์จแบบมีสายได้ถึง 65W (ด้วย SuperVOOC 2.0)
Andrei F. ทีมงานเว็บไซต์ AnandTech ได้ทวีต ว่า OPPO ยืนยันว่า ในรอบการชาร์จ (cycle) เท่ากัน กำลังไฟ 40W จะทำให้ความจุแบตเหลือ 70% เมื่อเทียบกับกำลังไฟ 15W ที่ความจุแบตจะเหลือถึง 90%
OPPO เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่สเปกแน่น มาพร้อมชิปเรือธง Snapdragon 865 แรม 8GB/12GB จอ 6.5 นิ้วแบบ 90Hz กับอัตรารีเฟรชระบบสัมผัสที่ 180Hz ใส่ชาร์จเร็วแบบไร้สายมาให้ถึง 40W แต่ต้องใช้ที่ชาร์จ AirVOOC ของ OPPO เท่านั้น ถ้าใช้ที่ชาร์จไร้สายแบบ Qi ทั่วไป จะชาร์จได้แค่ 10W เหมือนเดิม แต่ตัวชาร์จมีสาย ก็ชาร์จเร็วแบบ VOOC Charge 65W อยู่ และมาพร้อมระบบระบายความร้อนชื่อแปลกๆ “4D fever cooling system”
ตัวเครื่องจะมีสามสี คือสีดำ ม่วง และสีเงิน วางจำหน่าย 20 เมษายน ราคาในประเทศจีน เป็นดังนี้
เว็บไซต์ Anandtech ค้นพบว่า Mediatek โกงผลเบนช์มาร์คในมือถือหลายรุ่น หลังทำการทดสอบมือถือ Oppo Reno 3 Pro รุ่นจำหน่ายในยุโรป ที่ใช้ชิป Helio P95 และนำมาเทียบกับ Oppo Reno 3 ของจีน ที่ใช้ชิป Mediatek Dimensity 1000L แต่ชิป Helio P95 ที่เก่ากว่า และประสิทธิภาพด้อยกว่า กลับชนะไปซะงั้น!
Anandtech จึงลองใช้ PCMark เวอร์ชันภายในของ PCMark เองที่ตัวชิปเซ็ตไม่รู้จัก แล้วทดสอบอีกครั้ง จึงได้ผลออกมาว่า Oppo Reno 3 Pro ที่ใช้ Helio P95 จริงๆ แล้วประสิทธิภาพด้อยกว่า Dimensity 1000L โดยผลการทดสอบครั้งหลัง ชิป Helio P95 มีคะแนนลดลงถึง 30% ในการทดสอบประสิทธิภาพทั่วไป และ 75% ในการทดสอบการทำงานแบบแยกชนิด
หลังเปิดตัวมือถือซีรีส์ OPPO Find X2 ไป OPPO ก็ได้เปิดตัวสมาร์ทวอทช์รุ่นใหม่ OPPO Watch ในงานเดียวกัน โดยจะมีสองขนาดหน้าปัด คือ 46 มม. และ 41 มม. ทรงถอดแบบมาจาก Apple Watch
OPPO Watch มาพร้อมชิป Snapdragon Wear 2500 ที่ทำงานร่วมกับชิป Apollo 3 เพื่อประหยัดพลังงาน แรม 1GB หน่วยความจำภายใน 8GB รันบน ColorOS เชื่อมต่อได้กับโทรศัพท์ที่ใช้ Android 6.0 ขึ้นไป หน้าจอ AMOLED ชนิด Hyperboloid แบบโค้งรับกับตัวเรือน รองรับค่าสีมาตรฐาน DCI-P3 ได้ 100%
DxOMark ปล่อยคะแนนกล้องของ Oppo Find X2 Pro ออกมา (ก่อนเปิดตัวเสียอีก) ที่ได้ไปสูงถึง 124 คะแนน ขึ้นอันดับ 1 เทียบกับ Mi 10 Pro และแซงแชมป์เก่าอย่าง Mate 30 Pro 5G ไป 1 คะแนน
DxOMark บอกว่า Oppo Find 2X Pro มีสมรรถภาพที่ดีในทุก ๆ ด้าน (balanced performance overall) จุดเด่นหลัก ๆ คือออโต้โฟกัสที่เร็วในทุกสภาพแสง ไดนามิกเร้นจ์กว้าง noise ต่ำ เก็บรายละเอียดได้ดีในภาพซูมทั้งระยะใกล้และไกล เอ็ฟเฟ็คบิดเบือนในภาพอัลตร้าไวด์น้อยและการถ่ายโบเก้ที่ค่อนข้างสมจริง
Oppo เปิดตัวเรือธงประจำปีนี้แล้วในชื่อรุ่น Oppo Find X2 ต่อจากรุ่น Oppo Find X เมื่อปี 2018 แต่ไม่ได้ใช้รูปแบบการสไลด์กล้องเหมือนเดิมแล้ว แต่แทนที่ด้วยกล้องหน้าแบบ punch-hole เล็ก ๆ บริเวณซ้ายบนของหน้าจอขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอียด QHD+ รีเฟรชเรท 120Hz
Find X2 Pro ชิปเซ็ตเป็น Snapdragon 865 แรม LPDDR5 12GB ความจุ 256GB UFS 3.0 กล้องหลัง 3 เลนส์ กล้องหลัก 48 ล้านพิกเซลเลนส์ไวด์ f/1.7 เซ็นเซอร์ IMX689 ที่ Oppo ร่วมมือกับโซนี, เลนส์อัลตร้าไวด์ 120 องศา ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล f/2.2 เซ็นเซอร์ IMX586 ถ่ายมาโครได้ใกล้สุด 3 ซม. และเลนส์เทเล (periscope) 13 ล้านพิกเซล f/3 ไฮบริดซูมได้ 10x และดิจิทัลซูมได้ 60x กล้องหน้า 32 ล้านพิกเซล แบตเตอรี่ 4,260 mAh
บัญชีทวิตเตอร์ของ Oppo ได้เปิดเผยหน้าตาของ Oppo Watch สมาร์ทวอทช์ตัวแรกอย่างเป็นทางการ โดยมีหน้าปัดเป็นทรงสี่เหลี่ยม ปุ่มด้านข้าง 2 ปุ่ม แต่ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดสเป็กอื่นเพิ่มเติมในตอนนี้
อย่างไรก็ตามจากภาพที่ Oppo เปิดเผยนั้น ทำให้พอคาดเดาฟีเจอร์บางอย่างใน Oppo Watch ได้ อาทิ การโทรออก-รับสาย จนถึงส่งข้อความตอบกลับได้
ก่อนหน้านี้ Brian Shen ผู้บริหารของ Oppo ได้เผยภาพ Oppo Watch แต่ไม่ชัดเจนมาก ระบุสเป็กว่าเป็นจอโค้ง กระจกแบบ 3D
Oppo Watch กำหนดเปิดตัวในวันที่ 6 มีนาคมนี้ พร้อมกับ Oppo Find X2
ปีนี้เราเห็น Oppo เปิดตัวมือถือกล้องซูม Reno ในเดือนมิถุนายน ตามด้วย Reno 2 ในเดือนสิงหาคม และล่าสุดยังไม่ทันให้พ้นปี 2019 ก็ตามมาด้วย Oppo Reno 3 อย่างต่อเนื่อง
จุดเด่นของ Oppo Reno 3 Series คือรองรับ 5G มาตั้งแต่ต้น (ตอนนี้ยังเปิดตัวเฉพาะรุ่นวางขายในจีน) แบ่งออกเป็น 2 รุ่นย่อยคือ Reno 3 ตัวปกติและ Reno 3 Pro ที่ดีไซน์คล้ายคลึงกัน (เลิกใช้กล้องหน้าแบบป๊อปอัปครีบฉลามแล้ว) แต่ทั้งสองรุ่นมีสเปกต่างกันอยู่พอสมควร
ยุคที่หูฟังไร้สาย True Wireless (TWS) ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ Realme ก็เปิดตัว Buds Air หูฟังไร้สายประจำค่ายดีไซน์คล้าย Apple AirPods มีสีขาว, สีดำและสีเหลือง เริ่มขายวันที่ 23 ธันวาคม ที่ประเทศอินเดียผ่านหน้าเว็บของ Realme กับเว็บขายสินค้า Flipkart ราคาเต็ม 4,999 รูปีหรือราว 2,100 บาท ถ้าจองล่วงหน้าเหลือ 3,999 รูปีหรือราว 1,700 บาท ถ้าผู้ใช้ทำหูฟังหรือเคสหายก็ซื้อแยกชิ้นได้ด้วย
ฟีเจอร์ของ Realme Buds Air มีดังนี้:
Qualcomm เปิดตัว Snapdragon 865 หน่วยประมวลผลเรือธงประจำปี 2020 โดยชูเรื่อง 5G เป็นฟีเจอร์สำคัญ
แต่ตัว Snapdragon 865 เองกลับไม่มีโมเด็ม 5G ในตัว และต้องใช้คู่กับชิป Snapdragon X55 Modem-RF ที่มาด้วยกัน (ไม่มีรุ่นโมเด็ม 4G)
ตอนนี้ยังไม่มีรายละเอียดเทคนิคของ Snapdragon 865 ออกมาทั้งหมด แต่ข้อมูลเท่าที่มีคือใช้กระบวนการผลิต 7 นาโนเมตร, สมรรถนะ 15 TOPS (trillion operations per second), รองรับกล้องความละเอียดสูงสุด 200MP
สมาร์ทโฟนยี่ห้อที่ประกาศใช้งาน Snapdragon 865 แล้วคือ Xiaomi Mi 10 และ Oppo
วันนี้มีข่าวหลุดมาจาก Weibo โซเชียลเน็ตเวิร์คของจีนว่า ColorOS 7 ที่เป็นระบบปฏิบัติการของสมาร์ทโฟน OPPO จะเปิดตัวในวันที่ 20 พฤศจิกายนนี้ ณ กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน พร้อมหลุดภาพบันทึกหน้าจอมาด้วย ทาง GSMArena ยืนยันว่า ColorOS 7 พัฒนาจาก Android 10
จากภาพบันทึกหน้าจอ ColorOS 7 จะเปลี่ยนอนิเมชั่นแสดงผล, แถบแจ้งเตือน (notification bar) กับรูปร่างของไอคอนเป็นแบบใหม่ แต่ในภาพจะไม่เห็นไอคอนของ App Drawer อยู่ จึงไม่มั่นใจว่ายังมีตัวเลือกให้เปิดกลับมาได้หรือไม่ ส่วนภาพหลุดสามารถดูได้ในข่าว
แบรนด์ลูกของ OPPO อย่าง Realme นั้นใช้ระบบปฏิบัติการ ColorOS ที่พัฒนาต่อจาก Android ร่วมกับ OPPO ในตอนนี้ทาง CEO ของ Realme สาขาอินเดีย คุณ Madhav Sheth เผยใน YouTube AskMadhav ว่า RealMe จะปรับแต่ง ColorOS 7 ให้มีความใกล้เคียง Stock Android มากขึ้นหลังจากผู้ใช้เรียกร้องมานาน
ทาง Realme บอกว่าจะข้าม ColorOS 6.0.1 ไปเป็น ColorOS 7 เลย และทาง XDA-Developers คาดว่าจะอัพเดตให้เร็ว ๆ นี้ นอกจากนี้คุณ Madhav ยังมีพูดถึงแบตเตอรี่สำรองที่มาพร้อมเทคโนโลยีชาร์จเร็ว VOOC Flash Charge ด้วย
ที่มา : XDA-Developers
สมาร์ทโฟนกลุ่มราคาไม่เกินหมื่นในช่วงนี้เรียกว่าแข่งขันดุเดือดทีเดียว ครั้งนี้เป็นคิวของ OPPO ที่เพิ่งเปิดตัว OPPO K5 ในประเทศจีน ด้วยค่าตัวราวแปดพันบาทต้น ๆ แต่มีกล้องหลัง 4 ตัวความละเอียดสูงสุดที่ 64 ล้านพิกเซล, แบตเตอรี 4,000 mAh ที่มี VOOC Flash Charge 4.0 ติดตั้งมาให้และ OPPO เคลมว่าสามารถชาร์จแบตเตอรีเต็ม 100% ได้ใน 73 นาที
OPPO เปิดตัว OPPO Reno Ace รุ่นใหม่ที่ติดตั้งระบบชาร์จไว 65W SuperVOOC Fast Charge 2.0 มาให้ เคลมประสิทธิภาพว่าสามารถชาร์จแบตเตอรีจาก 0% กลับมาเต็ม 100% ได้ใน 30 นาที และชาร์จ 5 นาทีก็ใช้งานต่อเนื่องได้ 2 ชั่วโมงอีกด้วย
สำหรับสเปคของ OPPO Reno Ace มีดังนี้:
Oppo เพิ่งเปิดตัวมือถือซีรีส์ใหม่ Reno ที่ชูดจุดเด่นของรุ่นย่อยที่มีกล้องซูม 10x เพียงไม่กี่เดือน แต่ Oppo ก็ไม่รอช้า ตามเปิดตัว Oppo Reno 2 ต่อมาทันที
Oppo Reno 2 มีจุดเด่นเรื่องกล้อง 4 ตัว Quad Camera โดยแบ่งออกเป็น 3 รุ่นย่อย คือ
Oppo Reno 2 รุ่นท็อปสุด กล้องหลัก 48MP f/1.7 เซ็นเซอร์ IMX586 พร้อม OIS, กล้องมุมกว้าง 116 องศา 8MP, กล้องซูม 13MP 5x hybrid zoom (ซูมดิจิทัล 20 เท่า), กล้องขาวดำ 2MP ส่วนกล้องหน้า 16MP ป๊อปอัพทรงครีบฉลามแบบ Reno รุ่นแรก
3 ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายใหญ่ของจีน ได้แก่ Xiaomi, Oppo และ Vivo ประกาศความร่วมมือในการพัฒนาโปรโตคอลสำหรับส่งไฟล์แบบไร้สายระหว่างอุปกรณ์ร่วมกัน โดยจะทำงานบนระบบปฏิบัติการที่พัฒนาต่อจาก Android ของแต่ละค่าย นั่นคือ MIUI ของ Xiaomi, ColorOS ของ Oppo และ FuntouchOS ของ Vivo
โปรโตคอลดังกล่าวจะจับคู่อุปกรณ์ผ่านบลูทูธ และส่งข้อมูลหากันด้วย Wi-Fi ความเร็วสูงสุด 20MB ต่อวินาที คล้ายกับการทำงานของ AirDrop บน iOS ทั้งนี้ Xiaomi บอกว่าเวอร์ชันเบต้าจะมีออกมาให้ใช้งานภายในเดือนนี้ และผู้ผลิตสมาร์ทโฟนค่ายอื่นก็สามารถเข้าร่วมพันธมิตรนี้ได้
หากดูเฉพาะส่วนแบ่งยอดขาย 3 ค่ายสมาร์ทโฟนนี้ในจีนก็สูงถึง 49% โปรโตคอลดังกล่าวจึงมีโอกาสได้รับความนิยมสูง