รัฐบาลอินเดียเริ่มไล่บี้บริษัทผู้ผลิตสมาร์ทโฟนแบรนด์จีนในอินเดีย ทั้ง Oppo (รวม Realme), Vivo และ Xiaomi เริ่มโดนสอบสวนเรื่องการหลบเลี่ยงภาษีในอินเดีย
เป้าหมายของอินเดียคือต้องการสร้างอุตสาหกรรมไอทีภายในประเทศ ลดการพึ่งพาต่างชาติโดยเฉพาะจีน ก่อนหน้านี้ รัฐบาลอินเดียเคยสั่งแบนแอพจากจีนไปแล้วหลายชุด และล่าสุดเริ่มขยายผลมายังตลาดฮาร์ดแวร์แล้ว โดยหน่วยงานด้านภาษีของอินเดียเริ่มแจ้งข้อหาว่า Oppo และ Vivo เลี่ยงการจ่ายภาษีนำเข้าสินค้ามูลค่าประมาณ 2 หมื่นล้านบาท, สำนักงานของ Vivo ถูกตรวจค้นและยึดทรัพย์สิน ส่วน Xiaomi ที่เป็นเบอร์หนึ่งของตลาดอินเดียตอนนี้ก็โดนเรื่องการโอนเงินข้ามประเทศผิดกฎหมาย
Oppo ประเทศไทย เปิดราคาของมือถือเรือธงประจำปี Oppo Find X5 Pro 5G ที่ราคา 39,990 บาท เริ่มจำหน่าย 30 เมษายน 2565 เป็นต้นไป
จุดเด่นของ Oppo Find X5 Pro คือใช้ชิปประมวลผลภาพ MariSilicon X ที่ Oppo ออกแบบเองเป็นครั้งแรก และฟีเจอร์ชาร์จเร็ว 80 วัตต์, สเปกอย่างอื่นคือหน้าจอ 6.7" AMOLED 120Hz, หน่วยประมวลผล Snapdragon 8 Gen 1
นอกจากนี้ Oppo ยังมีหูฟังไร้สายรุ่นใหม่ที่เปิดตัวพร้อมกันคือ Enco X2 ราคา 5,999 บาท
Oppo เปิดตัวเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 2 รุ่นในงาน MWC 2022 คือชาร์จเร็ว 150W แบบถนอมแบตเตอรี่ และชาร์จเร็ว 240W
150W SUPERVOOC flash charge with Battery Health Engine (BHE) เป็นวิวัฒนาการของระบบชาร์จเร็ว 125W ที่เปิดตัวในปี 2020 อัพเกรดกำลังเพิ่มเป็น 150W แล้วใส่ระบบถนอมแบตเตอรี่ BHE เข้ามาเพิ่ม ซึ่ง Oppo ระบุว่าสามารถรักษาประจุได้ 80% เมื่อชาร์จไปแล้ว 1,600 รอบ เพิ่มจากแบตเตอรี่สมาร์ทโฟนทั่วไปที่อยู่ราว 800 รอบ
ในแง่ความเร็วของการชาร์จ Oppo บอกว่าระบบชาร์จเร็ว 150 วัตต์ สามารถชาร์จแบต 4500mAh จาก 1% เป็น 50% ได้ภายใน 5 นาที และใช้เวลาอีก 10 นาทีชาร์จให้เต็ม 100%
Oppo เปิดตัว Find X5 มือถือเรือธงของปี 2022 แยกย่อยเป็นรุ่น Oppo Find X5 และ X5 Pro (ข้ามจาก X3 มาเป็น X5 เลย ไม่มีเลข 4)
จุดเด่นที่สำคัญของซีรีส์ Oppo Find X5 คือ ระบบกล้องที่ใช้ชิปประมวลผลภาพ MariSilicon X ที่ Oppo ออกแบบเองเป็นรุ่นแรก ช่วยให้การรับสีแม่นยำขึ้น, ถ่ายวิดีโอ 4K ในตอนกลางคืนได้ดีกว่าเดิม
กล้องหลังของ Find X5 มี 3 ตัวคือ กล้องหลัก 50MP Sony IMX766 (รุ่น Pro มี OIS แบบ 5 แกน), กล้องอัลตร้าไวด์ 50MP เซ็นเซอร์ตัวเดียวกัน (Oppo บอกว่าเป็นกล้องหลังคู่ที่ใช้เซ็นเซอร์ดีที่สุดของวงการแล้ว) และกล้องเทเล 13MP, กล้องหน้าเป็น Sony IMX709 ภาพจากกล้องหน้าก็ประมวลผลด้วย MariSilicon X
ปีนี้เราเห็นข่าว OnePlus ควบรวมกลับเข้า Oppo เป็นบริษัทเดียวกันแต่ยังแยกแบรนด์ ส่วนรอม Oxygen/Hydrogen OS ของ OnePlus ก็รวมฐานโค้ดเข้ากับ ColorOS ของ Oppo ด้วย
แต่การรวมโค้ดเข้าด้วยกันย่อมไม่ใช่เรื่องง่ายในทางปฏิบัติ โดยทีม OnePlus เริ่มรวม HydrogrenOS (ชื่อรอมเวอร์ชันจีน) เข้ากับ ColorOS 12 และปล่อยรอมให้ OnePlus 9/9 Pro ในจีนแล้ว ผลก็อย่างที่คาดกันคือฟีเจอร์หาย บั๊กเพียบ รอมไม่เสถียร ทำให้เกิดเสียงวิจารณ์มากมายจากผู้ใช้
Oppo เปิดตัวมือถือจอพับได้รุ่นแรกของบริษัทคือ Oppo Find N ตามที่ประกาศไว้ล่วงหน้า แต่เบื้องต้นยังวางขายเฉพาะในจีนเท่านั้น
ดีไซน์ของ Oppo Find N เป็นมือถือจอพับแบบเดียวกับ Galaxy Z Fold มีทั้งจอด้านในขนาด 7.1" สัดส่วน 8.4:9 และจอด้านนอกขนาด 5.49" สัดส่วน 18:9
ตัวจอภาพของ Find N มีชื่อเรียกว่า Serene Display ประกอบด้วยเลเยอร์ 12 ชั้น มีกระจก ultra-thin glass หนาเพียง 0.03 มิลลิเมตร บางกว่าเจ้าอื่น สามารถพับได้กว่า 2 แสนครั้ง อัตรารีเฟรชเรตของจอเป็นไดนามิกระหว่าง 1-120 Hz ความสว่างสูงสุด 1,000 nits
Oppo เปิดตัว Air Glass แว่น AR ที่บริษัทระบุว่าเป็น “assisted reality” คือฉายภาพข้อมูลแบบสองมิติบนตัวแว่น ไม่ได้ฉายภาพสามมิติที่อิงกับสภาพแวดล้อม (คล้าย Google Glass) ภายในใช้ชิป Qualcomm Snapdragon Wear 4100 ใช้งานต่อเนื่องได้ 3 ชั่วโมง สแตนด์บายได้ 40 ชั่วโมง
มีทั้งแบบข้างเดียว (half-frame) สีเงิน และสองข้าง (full-frame) สีดำ แต่ละแบบมีสองขนาด พร้อมแม่เหล็กไว้ใช้ติดกับแว่นทั่วไป หน้าจอเป็นโมโนโครมมีระดับสีเกรย์สเกล 16 ถึง 256 ระดับ ฉายภาพด้วยโปรเจกเตอร์ Micro LED จิ๋ว ความสว่างจริงประมาณ 1,400 nits
Oppo เปิดตัวชิปประมวลผลภาพที่ออกแบบเอง ใช้ชื่อว่า MariSilicon X ซึ่งจะใช้ในมือถือเรือธงรุ่นหน้า Find X Series เปิดตัวในไตรมาส 1/2022
MariSilicon X เป็นชิปลูกผสมที่มีทั้งหน่วยประมวลผลภาพ (ISP) หน่วยประมวลผล AI (NPU) และหน่วยความจำในชิปตัวเดียว (Oppo นิยามมันว่าเป็น "imaging NPU") จุดเด่นของสถาปัตยกรรมแบบผสม ทำให้ประมวลผลภาพถ่ายจากกล้อง แล้วนำมาประมวลผลภาพต่อด้วยอัลกอริทึมได้ทันที
ชิปฝั่ง ISP รองรับการจับภาพที่ระยะแสงกว้าง 20-bit HDR 120db (สูงกว่าที่ใช้ใน Oppo Find X3 Pro เรือธงรุ่นปัจจุบัน 3 เท่า) อัตราคอนทราสต์ 1,000,000:1, รองรับการประมวลผลภาพ RAW แบบเรียลไทม์
Oppo ประกาศงานเปิดตัวสมาร์ทโฟนจอพับได้รุ่นแรก ในวันที่ 15 ธันวาคมนี้ โดยใช้ชื่อรุ่นว่า OPPO Find N ซึ่งระบุว่าใช้เวลาในการวิจัยพัฒนา 4 ปี
ในแถลงการณ์ Oppo บอกว่าวงการสมาร์ทโฟนมาถึงทางตันของการสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ มาระยะหนึ่งแล้ว ซึ่งแนวทางใหม่ที่จะไปต่อได้คือส่วนของหน้าจอ แต่ช่วงที่ผ่านมาการใช้งานจริง และความทนทาน ก็เป็นอุปสรรคทำให้สมาร์ทโฟนจอพับได้ยังไม่แพร่หลายนัก OPPO Find N จึงจะแก้ปัญหาใหญ่ 2 ข้อ คือ ต้องมีความสวยงาม และมีคุณสมบัติการใช้งานที่เหนือกว่าสมาร์ทโฟนปัจจุบัน
ทั้งนี้ Oppo จะเปิดตัว Find N ในงาน Oppo Inno Day
ที่มา: Oppo
Nikkei Asia รายงานข่าวว่า Oppo เป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายล่าสุดที่พยายามออกแบบชิป SoC ของตัวเอง และคาดว่าจะใช้งานได้จริงในราวปี 2023-2024
ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลชิปของ Oppo มากนัก บอกเพียงว่าตั้งใจใช้โรงงานผลิตของ TSMC ระดับ 3nm, เน้นใช้ในมือถือไฮเอนด์ เพื่อลดการพึ่งพาชิปจาก Qualcomm และ MediaTek
แหล่งข่าวของ Nikkei บอกว่า Oppo เริ่มจ้างทีมออกแบบชิปมาตั้งแต่ปี 2019 หลังเห็นสหรัฐแบน Huawei ทำให้พยายามกระจายความเสี่ยง ลดการพึ่งพาชิปจากบริษัทภายนอกลง แนวทางของ Oppo ก็ใช้วิธีดึงตัวบุคลากรจากทั้ง Qualcomm, MediaTek และ Huawei มาทำงานด้วย โดยจ้างพนักงานทำงานในไต้หวัน สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น
Pete Lau ซีอีโอของ OnePlus ให้สัมภาษณ์ว่าปีนี้เราจะไม่ได้เห็น OnePlus 9T รุ่นอัพเดตสเปกรอบครึ่งหลังของปีอีกแล้ว แต่จะยังออกรุ่นย่อยคือ OnePlus 9 RT ที่ทำตลาดในบางประเทศ เช่น อินเดียและจีน
นอกจากนี้ Lau ยังให้ข้อมูลว่าสมาร์ทโฟนของ OnePlus ในปีหน้า 2022 จะใช้ OS ตัวใหม่ที่ร่วมกันพัฒนากับ Oppo ตามแผนที่เคยประกาศไว้ว่าจะรวมฐานโค้ด OxygenOS กับ ColorOS แต่ยังไม่ได้เปิดเผยว่าจะใช้ชื่อรอมตัวใหม่ว่าอะไร มือถือรุ่นแรกที่จะใช้รอมตัวนี้คือ OnePlus 10 ส่วนมือถือรุ่นเก่าๆ จะทยอยได้อัพเดตมาเป็นรอมตัวใหม่ในตอนรอบ Android 13
Oppo เปิดตัวรอม ColorOS เวอร์ชัน 12 ที่พัฒนาอยู่บน Android 12 โดยรอม ColorOS 12 จะใช้กับมือถือ 3 ยี่ห้อในเครือ BBK Electronics คือ Oppo, Realme และ OnePlus ที่เพิ่งประกาศรวมฐานโค้ด OxygenOS กับ ColorOS
ของใหม่ใน ColorOS 12 นอกจากฟีเจอร์มาตรฐานของ Android 12 คือการปรับดีไซน์โดยรวมที่เรียกแนวทางว่า Infinite Design, การเชื่อมต่อกับพีซีที่เรียกว่า Cross-Screen Interconnection, การเชื่อมต่อกับจอภาพในรถยนต์ Car Screen Projection ที่ยังรองรับเฉพาะแอพจีน และอีโมจิ Omoji ที่ดูภาพแล้วคงรู้ว่าได้แรงบันดาลใจมาจากใคร
OnePlus ประกาศทิศทางของ OxygenOS หลังรวมกิจการเข้ากับ Oppo ว่าหลังจากนี้ไป OxygenOS จะใช้ฐานโค้ดเดียวกับ ColorOS ของ Oppo ซึ่งผู้ใช้จะไม่รู้สึกอะไร เพราะเป็นกระบวนการเบื้องหลังทั้งหมด
การรวมฐานโค้ดของ OxygenOS กับ ColorOS ทำให้ทั้งสองฝ่ายมีกำลังนักพัฒนามากขึ้น ลดความซับซ้อนของการพัฒนาลง ผลคือ OnePlus ประกาศนโยบายการอัพเดตใหม่ที่ยาวขึ้นกว่าเดิม
ต่อเนื่องจากข่าว OnePlus ประกาศรวมองค์กรเข้ากับ Oppo แต่ยังแยกแบรนด์อยู่ มีข้อมูลใหม่หลุดออกมาจากเอกสารภายในบริษัท โดย @evleaks นักปล่อยข่าวหลุดชื่อดัง
เอกสารนี้เป็นการตอบคำถามของพนักงานเองในหลายประเด็น ประเด็นสำคัญคือตกลงแล้ว ความสัมพันธ์ของ OnePlus กับ Oppo คืออะไรกันแน่ คำตอบคือ OnePlus จะมีสถานะทางกฎหมายเป็นแบรนด์ลูกของ Oppo แม้ว่าในการทำงานจะยังรู้สึกว่าเป็นหน่วยแยกแบบเดิม กระบวนการควบรวมจะเสร็จภายในปี 2021
ข้อมูลอื่นๆ คือ OnePlus จะยังทำตลาดแข่งกับ Oppo ต่อไปดังเดิม แต่จะควบรวมฝั่งการวิจัย การผลิต และซัพพลายเชนเข้าด้วยกันเพื่อให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ฐานข้อมูลผู้ใช้ของ OnePlus จะยังแยกจาก Oppo เหมือนเดิม
เว็บไซต์ Android Authority สรุปเส้นทางชีวิตของ OnePlus ที่ช่วงหลังเปลี่ยนไปมาก โดยเฉพาะปัญหาอัพเดตระบบปฏิบัติการช้าลง กลายเป็นจุดขายเดิมเรื่องอัพเดตเร็วหายไปแล้ว
Android Authority บอกว่าจุดเริ่มต้นของ OnePlus คือการเน้นกลุ่มแฟนแอนดรอยด์แบบฮาร์ดคอร์ สื่อสารโดยตรงผ่านเว็บบอร์ด รอมหน้าตาใกล้เคียง Pure Android ที่สุด อัพเดตรวดเร็ว แต่เมื่อระยะเวลาผ่านไป OnePlus เริ่มกลายเป็นแบรนด์กระแสหลัก ซอยรุ่นเยอะขึ้น ขยายตลาดมาจับกลุ่มลูกค้าทั่วไปที่ไม่สนใจความเร็วในการอัพเดตมากนัก ทำให้ OnePlus มีฐานลูกค้า 2 กลุ่มที่ต่างกันชัดเจน และผลคือ OnePlus เลือกลูกค้ากลุ่มหลัง ทิ้งลูกค้ากลุ่มแรก
Pete Lau ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอ OnePlus ประกาศแผนรวมองค์กร OnePlus เข้ากับบริษัท Oppo (บริษัทแม่เดียวกันคือ BBK Electronics) โดยให้เหตุผลว่ารวมกันเพื่อปรับกระบวนการทำงานและลดค่าใช้จ่าย แถมตัวเขาเองก็เข้ามารับผิดชอบงานภายในของ Oppo มาได้สักระยะหนึ่งแล้ว
Lau ยืนยันว่า OnePlus จะยังคงแบรนด์แยกของตัวเองต่อไป และการรวมกันจะทำให้ OnePlus มีทรัพยากรมากขึ้น ช่วยให้อัพเดตระบบปฏิบัติการได้เร็วและเสถียรขึ้นด้วย
สำนักข่าว Reuters รายงานว่า กระทรวงการสื่อสารของอินเดียกำลังพยายามขัดขวางผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในประเทศจีนด้วยการถ่วงเวลาการอนุมัติโมดูล Wi-Fi ที่ผลิตในจีน ซึ่งทำให้บริษัทหลายแห่งอาจต้องเลื่อนเปิดตัวสินค้าในประเทศอินเดียออกไป
Oppo Thailand เปิดราคาของ Oppo Find X3 Pro มือถือเรือธงรอบต้นปี 2021 ที่ราคา 33,990 บาท โดยนำมาขายเพียงรุ่นย่อยเดียวคือ 5G แรม 12GB สตอเรจ 256GB
สเปกคร่าวๆ ของ Oppo Find X3 Pro 5G คือหน้าจอ AMOLED 6.7" สีแบบ 10-bit อัตรารีเฟรช 120Hz, Snapdragon 888, กล้องหลักคู่ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX766, แบตเตอรี่ 4500 mAh ชาร์จเร็ว 65W
Oppo ยังเปิดขายหูฟังไร้สาย Oppo Enco X มาพร้อมกันในราคา 5,999 บาท
Oppo เปิดตัวมือถือเรือธงรอบต้นปี 2021 ด้วย Oppo Find X3 Pro พี่ใหญ่สุดในซีรีส์ Find X3 ที่ยังมี Find X3 Neo และ Find X3 Lite ออกมาพร้อมกัน
จุดเด่นของ Oppo Find X3 Pro เริ่มจากหน้าจอ OLED ขนาด 6.7" QHD+ (3216x1440) ความสว่างสูงสุด 1300 nits รองรับสีแบบ 10-bit (1 พันล้านสี) ที่ Oppo ใช้เป็นสโลแกนชูโรงว่า Billion Colour, อัตรารีเฟรชเรตแบบ adaptive เปลี่ยนได้ตั้งแต่ 5-120Hz
กล้องหลังมีทั้งหมด 4 ตัว กล้องหลัก 2 ตัว (wide และ ultra-wide) ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX766 ความละเอียด 50MP ทั้งคู่ (มี OIS เฉพาะกล้องหลัก wide) แถมยังมีสโลแกน co-engineered with Sony ติดมาด้วย กล้องทั้งสองตัวรองรับการถ่ายวิดีโอแบบ 10-bit (1 Billion Colour Dual Primary Cameras)
บริษัทวิจัยตลาด Counterpoint Research ออกรายงานตลาดสมาร์ทโฟนในเดือนมกราคม 2021 มีประเด็นน่าสนใจคือ OPPO มีส่วนแบ่งการตลาด เป็นอันดับ 1 ในจีนครั้งแรก ที่ 21% ตามด้วย Vivo 20% ส่วน หัวเหว่ย แอปเปิล และ Xiaomi อยู่ที่ 16%
ทั้งนี้ข้อมูลของ Counterpoint ระบุเฉพาะเปอร์เซ็นต์ส่วนแบ่งการตลาด แต่ไม่ได้บอกว่าคิดเป็นจำนวนเครื่องมากน้อยเท่าใด
Varun Mishra นักวิเคราะห์ของ Counterpoint มองว่าที่ OPPO ขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ได้สำเร็จ เนื่องจากการปรับไลน์สินค้าในปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะตระกูล Reno ที่มีสเป็กเหมาะสม ในราคาที่ถูกลงกว่ารุ่นก่อนหน้า ขณะที่สินค้าตระกูล A ได้รับการตอบรับที่ดีในกลุ่มรองรับ 5G ตลอดจนยังแย่งส่วนแบ่งมาจากหัวเหว่ยได้ด้วย
Oppo ประกาศเปิดตัว The Flash Initiative จับมือกับพันธมิตร 3 เจ้า คือ FAW-Volkswagen, Anker และ NXP Semiconductors เตรียมพัฒนาเทคโนโลยีชาร์จเร็ว VOOC Flash Charge ให้กับรถยนต์ พื้นที่สาธารณะ และอุปกรณ์อื่นๆ ที่มากกว่าแค่มือถือ
VOOC Flash Charge เป็นเทคโนโลยีชาร์จมือถือของ Oppo โดยมีทั้งที่ชาร์จมีสาย 125W Flash Charger ที่ชาร์จขนาดเล็ก 50W Mini SuperVOOC Charger และที่ชาร์จไร้สาย 65W AirVOOC Wireless Charger ซึ่งบางรุ่นจะมาพร้อมกับมือถือ Oppo หรือสามารถซื้อเพิ่มเติมได้
การจับมือครั้งนี้น่าจะทำให้เราได้เห็นอุปกรณ์ชาร์จไฟเช่นจุดชาร์จรถ EV จุดชาร์จไฟตามพื้นที่สาธารณะ อุปกรณ์ชาร์จ หรือแบตเตอรี่สำรองจาก third-party ที่ใช้เทคโนโลยีชาร์จเร็ว VOOC Flash Charge มากขึ้นในอนาคต
Oppo ประเทศไทย เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นกลางสองรุ่น คือ Oppo Reno5 และ Reno5 5G ทั้งสองรุ่นเป็นจอ AMOLED FHD+ ขนาด 6.43 นิ้ว แรม 8GB หน่วยความจำภายใน 128GB รีเฟรชเรต 90Hz กล้องหลัง 4 กล้อง กล้องหลัก 64MP กล้องอัลตร้าไวด์ 8MP กล้องเทเล 2MP และมาโคร 2MP
กล้องหลังถ่ายวิดีโอได้สูงสุด 4K 30fps กล้องหน้าสูงสุด 1080p 30fps ถ่ายวิดีโอกล้องหน้าหลังพร้อมกันได้ (Dual-view Video) มี AI Mixed Portrait ใส่เอฟเฟกต์ Double Exposure ในวิดีโอได้
ก่อนหน้านี้มีข่าวลือว่า OnePlus กำลังรวมทีม R&D กับ Oppo แม้ OnePlus จะไม่ได้กล่าวตรง ๆ แต่ก็ออกมายืนยันข่าวแล้วว่ากำลังรวมทีม R&D ภายใต้ OPLUS ซึ่งเป็นบริษัทแม่และผู้ลงทุนใน OnePlus, Oppo และ Realme (OPLUS เป็นบริษัทลูกของ BBK Electronics อีกที)
ที่ผ่านมา OnePlus ก็พึ่งพา Oppo อยู่ระดับหนึ่งแล้วอย่างเช่นโรงงานผลิตหรือฮาร์ดแวร์และดีไซน์ (ถ้าสังเกต OnePlus หลาย ๆ รุ่นใช้โครงหรือบอดี้เดียวกับ Oppo รุ่นท็อป อย่างเช่น OnePlus 8 Pro กับ Find X2 Pro) อย่างไรก็ตามการรวมกันครั้งนี้น่าจะเป็นเรื่องของการลดต้นทุน R&D รวมถึงกระบวนการต่าง ๆ ภายในเป็นหลัก ในแง่ผลิตภัณฑ์อาจไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก
ที่มา - XDA
Oppo Reno 5 Pro 5G เปิดตัวในประเทศอินเดีย เป็นมือถือรุ่นแรกในอินเดียที่ใช้ชิป Mediatek Dimensity 1000+ พร้อมแรม 8GB, หน่วยความจำภายใน 128GB หน้าจอ AMOLED 6.5 นิ้ว ความละเอียด FHD+ รีเฟรชเรต 90Hz ปลดล็อกด้วยใบหน้าแบบ optical และแสกนลายนิ้วมือใต้จอ
กล้องหน้า 32MP กล้องหลังหลัก 64MP กล้องอัลตร้าไวด์ 8MP กล้องมาโคร 2MP แลพ depth sensor 2MP แบตเตอรี่ 4,359mAh ชาร์จเร็ว 65W รองรับ Wi-Fi 6, Bluetooth 5.1 รัน Android 11 ครอบทับด้วย ColorOS 11.1
Business Korea รายงานรว่าซัมซุงเตรียมจะส่งมอบชิป Exynos ของตัวเองให้กับผู้ผลิตมือถือจีน 3 รายคือ Xiaomi, Vivo และ Oppo ในช่วงครึ่งแรกปี 2021 นี้
ชิปที่ซัมซุงจะส่งมอบให้จะเป็นชิปในกลุ่มสมาร์ทโฟนราคาถูกเป็นหลัก ขณะที่สมาร์ทโฟนพรีเมียมจะยังคงใช้ Snapdragon ของ Qualcomm อยู่เช่นเดิม โดยตอนนี้นอกจากซัมซุงก็มีแค่ Motorola, Meizu และ Vivo เท่านั้นที่ใช้ Exynos ขณะที่ Xiaomi กับ Oppo ตอนนี้ก็ใช้แค่ชิปของ Qualcomm และ MediaTek เป็นหลัก
ขณะที่ส่วนแบ่งตลาดผู้ผลิตชิปสมาร์ทโฟน (smartphone application processor) 5 อันดับแรกปัจจุบันคือ Qualcomm, MediaTek, Samsung, Apple และ Hi-Silicon ตามลำดับ