เคราะห์ซ้ำกรรมซัดของ RIM ในช่วงเวลาอันยากลำบากของบริษัท เพราะผลสำรวจความคิดเห็นของนักพัฒนาแอพมือถือจำนวน 200 คนที่รวบรวมโดยบริษัท Baird Equity Research ระบุว่านักพัฒนากลุ่มนี้สนใจแพลตฟอร์ม BlackBerry และ BlackBerry 10 น้อยลง

วิธีการสำรวจความเห็นของ Baird คือให้นักพัฒนาลงคะแนนว่าแพลตฟอร์มแต่ละรายมี "อนาคต" มากน้อยแค่ไหน โดยคิดคะแนนเต็ม 10 คะแนน ผลคือ BlackBerry ได้คะแนนเฉลี่ยน้อยเพียง 2.8 คะแนน และ BB10 ได้ 3.8 คะแนน ซึ่งลดลงกว่าผลสำรวจเมื่อปีที่แล้วอย่างชัดเจน (ดูกราฟประกอบ)

หลังจาก Thorsten Heins ซีอีโอ RIM ได้เขียนบทความ "สงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพ BlackBerry" เรียกความเชื่อมั่นได้ไม่นาน ต่อมาเขาก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่ออย่าง The Verge และ CNET ซึ่งมีประเด็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับมุมมองของเขาต่อคู่แข่งอย่าง Nokia และ Windows Phone

ช่วงนี้ RIM มีงานประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี (ในห้วงยามที่บริษัทกำลังย่ำแย่พอดีด้วย) ผนวกกับมีงานสัมมนา BlackBerry Jam ในประเทศต่างๆ เลยมีข่าวที่น่าสนใจหลายอย่างดังนี้ครับ

ช่วงหลังๆ มานี้มีกระแสการประเมิน-คาดการณ์-พยากรณ์ว่า "RIM ตายแน่" ออกมาเยอะมาก (หลังผลประกอบการแย่-BB10 เลื่อน) จนซีอีโอ Thorsten Heins ต้องออกมาแก้ลำโดยเขียนบทความลงหนังสือพิมพ์ The Globe and Mail ของแคนาดา

ประโยคแรกสุดที่ Heins บอกแก่ผู้อ่านคือ "Don't count BlackBerry out." หรือ "สงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพ BlackBerry"

เขาบอกว่าในฐานะประธานและซีอีโอของบริษัท เขาเข้าใจความกังวลของผู้ถือหุ้นและแฟนๆ แต่เขาก็เชื่อว่า RIM ยังเป็นบริษัทที่ห่างไกลกับ "ความตาย" อยู่มาก และปัญหาในระยะสั้นของ RIM ก็ไม่ได้แปลว่าอุตสาหกรรมไอทีของแคนาดากำลังมีปัญหาตามไปด้วย

ช่วงเวลาที่ยากลำบากของ Research In Motion คงยังไม่จบลงง่ายๆ เมื่อมีรายงานว่าบรรดาผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ เริ่มเปิดการเจรจาขอให้ RIM ลดราคาค่าธรรมเนียมรายเดือนในการใช้งานเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ BlackBerry ลง ซึ่งปัจจุบันมี RIM เพียงค่ายเดียวที่มีการเรียกเก็บค่าบริการแบบนี้

เว็บไซต์ BlackBerryOS เผยภาพโร้ดแมปของ BlackBerry 10 ที่เลื่อนไปเปิดตัวในปีหน้า มีข้อมูลน่าสนใจหลายอย่างดังนี้

หลังจากรอยเตอร์สได้รายงานข่าว RIM กำลังพิจารณาใช้ Windows Phone 8 กับมือถือ BlackBerry ได้ไม่นานทาง Thorsten Heins ซีอีโอของ RIM ก็ออกมาตอบโต้ข่าวดังกล่าวแล้ว โดยในการประชุมเค้าได้บอกปัดแนวคิดการนำ OS ของบริษัทอื่นมาใช้ไม่ว่าจะเป็น Android หรือ Windows Phone

เค้าได้กล่าวว่า "การย้ายไปใช้ Android เป็นสิ่งที่ไม่สอดคล้องกับแผนการของบริษัทและไม่ใช่สิ่งที่ลูกค้าต้องการ RIM ไม่ได้ต้องการเป็นเหมือนรายอื่นๆ และจะพยายามสร้างความแตกต่าง"

นอกจากนี้เค้ายังได้ตั้งคำถามกับการพึ่งพา OS และแพลตฟอร์มอื่นในระยะยาว ว่าจะช่วยให้เค้าสร้างความแตกต่างและมอบบริการที่ลูกค้าต้องการได้อย่างไร

RIM ตกเป็นข่าวว่าจะขายกิจการมาหลายครั้ง โดยมีการคาดการณ์ถึงผู้ซื้อที่เป็นไปได้ต่างๆ นานา ทั้ง Facebook, Amazon และบริษัทไอทียักษ์ใหญ่อย่างไมโครซอฟท์ สุดท้าย RIM อาจหาทางออกด้วยการเข้าร่วมกับไมโครซอฟท์ในการผลิตสมาร์ทโฟนรุ่นถัดไป อ้างอิงจากแหล่งข่าวของรอยเตอร์ส RIM อาจทิ้ง BlackBerry OS 10 และเปลี่ยนไปใช้ Windows Phone 8 กับมือถือ BlackBerry ของตัวเอง แหล่งข่าวยังได้บอกอีกว่า Steve Ballmer ซีอีโอของไมโครซอฟท์ได้ติดต่อ RIM เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมาเพื่อหารือเรื่องความร่วมมือในลักษณะคล้ายๆ กันกับที่ไมโครซอฟท์ได้ทำกับโนเกีย ซึ่งก็คือไมโครซอฟท์จะช่วยค่าใช้จ่ายในการทำตลาดและรับรองสถานะทางการเงินของ RIM

RIM ประกาศผลประกอบการไตรมาสแรก ตามปีงบการเงิน 2012 อย่างไม่ค่อยดีนัก หลังจากขาดทุนสุทธิเป็นเงินถึง 518 ล้านดอลลาร์ จากรายได้ 2,800 ล้านดอลลาร์ที่ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าถึง 33% พร้อมทั้งประกาศแผนฟื้นฟูธุรกิจด้วยการปลดพนักงานออกจำนวน 5,000 รายภายในปีนี้ และตัวเลขอาจสูงถึง 11,500 รายตลอดแผนการ

ข่าวร้ายยิ่งกว่าคือความหวังของบริษัทอย่าง BlackBerry 10 จะเลื่อนการเปิดตัวไปอีกเป็นไตรมาสแรกของปี 2013 ส่วนยอดส่งมือถือของไตรมาสนี้ก็ตกลงเหลือ 7.8 ล้านเครื่อง ลดลงจากไตรมาสก่อนที่ 11 ล้านเครื่อง ส่วนแท็บเล็ตหนึ่งเดียวของบริษัทอย่าง PlayBook มียอดส่งเพียง 260,000 เครื่องเท่านั้น

จากข่าวหลุด BlackBerry L-Series รุ่นจอสัมผัส และ N-Series รุ่นมีคีย์บอร์ด ทางเว็บไซต์ N4BB รายเดิมก็ได้ข้อมูล-ภาพหลุดเพิ่มเติมของ BlackBerry 10 เพิ่มมาอีก 3 ประเด็นครับ

จากข่าวลือ RIM จะแยกเป็นสองบริษัท และขายส่วนฮาร์ดแวร์ออกไป ทางโฆษกของ RIM ออกมาแถลงข่าวโต้แล้วว่า RIM จะยังเดินหน้าไปตามยุทธศาสตร์เดิม นั่นคือการพลิกฟื้นกิจการของบริษัทด้วย BlackBerry รุ่นใหม่

ข่าวนี้ยังถูกยืนยันโดยแหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับ RIM ว่าเป็นข่าวลือที่มาจาก "จินตนาการอันโง่เขลา" และเป็นข่าวที่น่าสงสัยที่สุดที่เคยได้ยินมา ส่วนอดีตผู้บริหารของ RIM ให้ความเห็นว่าการแยกบริษัทของ RIM ไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น

ต้นข่าวคือหนังสือพิมพ์ The Sunday Times ของอังกฤษตีพิมพ์ข้อมูลเรื่องนี้ โดยไม่ได้อ้างว่ามาจากแหล่งข่าวใด

เว็บไซต์ N4BB เผยแพร่เอกสารหลุดจาก BlackBerry ซึ่งมีข้อมูลของสมาร์ทโฟนรุ่นถัดไปที่ใช้ระบบปฏิบัติการ BlackBerry 10

สมาร์ทโฟนรุ่นหน้าของ RIM แบ่งเป็น 2 รุ่นย่อยคือ L-Series รุ่นจอสัมผัส (คาดว่ามาจากโค้ดเนม London) และ N-Series รุ่นมีคีย์บอร์ด

ที่น่าสนใจคือ L-Series ใช้จอขนาด 768x1280 วัดความละเอียดออกมาแล้วสูงถึง 356 PPI ส่วน N-Series จะใช้จอ OLED สี่เหลี่ยมจัตุรัส 720x720 ความละเอียด 330 PPI (N-Series รุ่นแรกจะเป็น OLED ส่วนรุ่นอื่นๆ ที่ออกมาทีหลังอาจใช้ LCD ในรุ่นถูก) ก่อนหน้านี้มีข่าวว่า L-Series น่าจะเปิดตัวเดือนสิงหาคมนี้

ข่าวลือจากหนังสือพิมพ์ The Sunday Times ของอังกฤษ (ต้องเป็นสมาชิกเพื่ออ่านข่าวต้นฉบับ) ระบุว่า RIM จ้างบริษัทที่ปรึกษาเข้ามาประเมินทางรอดของบริษัท และเป็นไปได้ว่า RIM จะแยกตัวออกเป็น 2 บริษัทคือ บริษัทที่ทำฮาร์ดแวร์มือถือ และบริษัทที่ทำซอฟต์แวร์-ให้บริการเครือข่ายโทรคมนาคม

Sunday Times ยังบอกว่า RIM อาจขายส่วนฮาร์ดแวร์ที่ไม่ทำกำไรออกไป และผู้ซื้อที่เป็นไปได้คือ Facebook หรือ Amazon

นอกจากนี้ยังมีทางออกอีกทางที่ไม่ต้องแยกบริษัท แต่เป็นการขายทรัพย์สินจำนวนมากให้บริษัทไอทีขนาดใหญ่อย่างไมโครซอฟท์

ที่มา - CNET

จากข่าวลือว่า RIM เตรียมปลดพนักงานออกถึง 6,000 คนเพื่อลดต้นทุน ซึ่งถูกปฏิเสธอย่างทันควันเมื่อช่วงปลายเดือนพฤษภาคมนั้น ตอนนี้กลายเป็นเรื่องจริงแล้ว

ข้อมูลดังกล่าวได้รับการยืนยันจากหลายแหล่ง รวมถึงทวีตของ @SurrealCivic หรือนาย Martin Chmiel นักวิเคราะห์ทางเศรษฐศาสตร์จากเมืองวอเตอร์ลู ประเทศแคนาดา ระบุว่า RIM เริ่มปลดพนักงานในเมืองวิเตอร์ลูแล้ว โดยฝ่ายผลิตรับผลกระทบหนักที่สุด และมีพนักงานหลายร้อยรายออกจากงานไปแล้ว

หลังจากเริ่มวางขายมาตั้งแต่เดือนเมษายนของปี 2011 ตอนนี้ RIM ตัดสินใจเลิกขาย BlackBerry PlayBook รุ่นความจุ 16GB แล้ว เหลือเพียงรุ่น 32GB และ 64GB เท่านั้น

ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของ RIM เป็นผู้ยืนยันว่าเลิกวางขายรุ่น 16GB แล้วจริงๆ โดยบอกว่ารุ่นที่มีความจุสูงกว่าจะให้คุณค่ากับผู้ใช้ได้มากกว่า แต่หลายฝ่ายคาดกันว่าที่ RIM เลิกขายรุ่น 16GB เป็นเพราะได้กำไรน้อย จึงพยายามดันรุ่นที่ความจุสูง และมีกำไรเยอะกว่าแทน ซึ่งน่าจะเป็นหนึ่งในแผนการลดค่าใช้จ่ายของบริษัทด้วย

ที่มา - N4BB

ต้องรอดูว่าเครื่องรุ่นใหม่ๆ ของ RIM จะยังมีรุ่น 16GB อยู่อีกไหม :P

ข่าวนี้ต่อจากข่าว RIM โดนฟ้องเรื่องเครื่องหมายการค้า BBM ที่มีบริษัททีวี BBM Canada ฟ้อง RIM เรื่องเครื่องหมายการค้า BBM

ล่าสุดศาลแคนาดาตัดสินแล้วว่า RIM ไม่ได้ละเมิดเครื่องหมายการค้าของ BBM Canada แต่อย่างใด และสามารถใช้ชื่อ BBM ทำตลาดต่อไปได้ดังเดิม

ถึงแม้ยอดขายจะไม่เป็นไปตามเป้า แต่ RIM ก็ยังเดินหน้าพัฒนา PlayBook OS ต่อไป โดยล่าสุดส่งเวอร์ชัน 2.1.0 Beta ให้นักพัฒนาทดสอบแล้ว

ของใหม่ในรุ่นนี้คือปรับประสิทธิภาพของ WebKit ที่ใช้ใน PlayBook OS จนตอนนี้ได้คะแนนทดสอบจาก html5test.com สูงถึง 393 คะแนน เป็นอันดับสองรองจาก BlackBerry 10 ตัวเดียวเท่านั้น นอกจากนี้แอพ Email, Calendar, Contacts ทำงานแบบแนวตั้งได้แล้ว

อย่างอื่นคือปรับปรุงตัว Android Runtime เพิ่มเติม แอพสามารถเรียกใช้กล้องของ PlayBook ได้, รันแบบแยกหน้าต่างได้ และแอพ Android สามารถใช้ In-App Payment ของ BlackBerry ได้ด้วย

Paul Amsellem ผู้อำนวยการของบริษัทที่เน้นทำการตลาดบนมือถือ Mobile Network Group เปิดเผยกับ Computerworld ว่า ถึงแม้ไอเดียการทำสมาร์ทโฟนเองจะเป็นไปได้ยาก เนืองจากมีคู่แข่งหลักในตลาดอย่างแอปเปิลและผู้ผลิตสมาร์ทโฟนบนแพลตฟอร์มแอนดรอยด์ แต่เฟซบุ๊กก็ต้องทำอะไรซักอย่างในตลาดอุปกรณ์พกพาเพื่อหาตลาดเทคโนโลยีใหม่ที่สามารถเติบโตได้ต่อไป

Amsellem คาดว่า สมาร์ทโฟนจากเฟซบุ๊กน่าจะเข้าสู่ตลาดได้ใน 18 เดือนนับจากนี้ และเนื่องจากเฟซบุ๊กต้องการผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านเครือข่ายโทรศัพท์ ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ให้บริการเครือข่าย และงานด้านลอจิสติกส์ เพื่อมาทำตลาดสมาร์ทโฟนของตัวเอง บริษัทอาจมีสองทางเลือก ดังนี้

หนังสือพิมพ์จากประเทศแคนาดา The Globe and Mail ได้ออกมารายงานว่าซีอีโอคนใหม่ของ RIM จะต้องทำการตัดสินใจครั้งใหญ่หลังจากที่เข้ารับตำแหน่งได้ไม่นาน โดยในคราวนี้เขาจะต้องตัดสินใจเรื่องการปลดพนักงานอย่างน้อย 2,000 คนก่อนวันที่ 1 มิถุนายนที่จะถึงนี้ ในขณะเดียวกันสำนักข่าวรอยเตอร์สเชื่อว่า RIM อาจจะต้องปลดพนักงานมากถึง 6,000 อัตราด้วยกัน รวมไปถึงพนักงานใหม่ที่เพิ่งได้รับงานกับ RIM ด้วย

ก่อนหน้านี้มีข่าวลือออกมาเรื่อยๆ ว่า RIM กำลังพิจารณาเปิด BBM ให้แพลตฟอร์มอื่นๆ ใช้งานได้ด้วยเพื่อขยายตลาดของตัวเองออกไป แต่ล่าสุดหนังสือพิมพ์ Wall Street Journal รายงานว่า RIM พับแผนนี้ไปแล้ว

แหล่งข่าวของ WSJ ระบุว่าซีอีโอ Thorsten Heins เป็นคนล้มแผนนี้ไปเอง โดยเขาตัดสินใจว่า RIM จะไม่สนใจเปิดให้พาร์ทเนอร์รายอื่นมาขอใช้ BBM อีกต่อไป และจะโฟกัสที่ BB10 เพียงอย่างเดียวก่อน

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ก็ตั้งคำถามว่า BBM ยังเป็นแพลตฟอร์มแชทอันดับหนึ่งเหมือนเดิมหรือเปล่า ในยุคที่มีคู่แข่งเพิ่มขึ้นมาก และคู่แข่งหลายค่ายก็ทำงานแบบข้ามแพลตฟอร์มได้ด้วย

วันนี้ (23 พฤษภาคม) รีเสิร์ช อิน โมชั่น (ริม) เปิดตัวสมาร์ทโฟนซีรีส์ Curve ใหม่สองรุ่นจับ Curve 9320 และ Curve 9220 ที่มาพร้อมกับปุ่มลัดสำหรับเข้าแอพ BBM และมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่สุดที่ริมมี BlackBerry OS 7.1 ฟังก์ชันเทียบเท่ารุ่นใหญ่ในราคาย่อมเยา

สเปคของทั้ง Curve 9320 และ Curve 9220 ค่อนข้างใกล้เคียงกัน มีสเปคพื้นฐานเหมือนกันดังนี้

เป็นรูปเป็นร่างเข้าไปเรื่อยๆ กับระบบปฏิบัติการ BB10 ของ RIM ที่ไปโชว์ตัวเล็กน้อยๆ ในงานสื่อที่กรุงลอนดอน แน่นอนว่าจุดสนใจของคราวนี้คงหนีไม่พ้นอินเทอร์เฟซของ BB10 ที่เปลี่ยนมาใช้ระบบสัมผัสทั้งหมดแล้ว

ในส่วนของแนวคิด Vivek Bhardwaj หัวหน้าฝ่ายซอฟต์แวร์ของ RIM บอกว่าอินเทอร์เฟซสร้างจากการใช้งานด้วยการวาดนิ้ว (gesture) และการลากนิ้ว (swipe) ที่เคลมว่าสามารถทำอะไรได้มากกว่าการแตะบนจออย่างที่เจ้าอื่นทำ

หน้าโฮมสกรีนของ BB10 จะประกอบด้วยไอคอนแอพขนาดใหญ่ 4 อันที่สามารถบอกข้อมูลพื้นฐาน และกดเข้าสู่แอพเต็มได้

วานนี้ (07/05/2012) จากข้อมูลบนหน้า Press Release ของ Research in Motion หรือ RIM บริษัทแม่ของสมาร์ทโฟนยี่ห้อ BlackBerry ได้มีประกาศว่า ตอนนี้ RIM ได้ให้ผู้ใช้ที่มีความบกพร่องทางการมองเห็น สามารถโหลดโปรแกรม BlackBerry Screen Reader มาใช้งานได้ฟรีกันแล้ว

โดยก่อนหน้านี้ ผู้ใช้ที่พิการทางสายตา หากต้องการใช้โทรศัพท์ BlackBerry ได้สะดวกขึ้น ก็จำเป็นต้องจ่ายเงินจำนวนมาก (ประมาณ $449) เพื่อที่จะซื้อโปรแกรมอ่านหน้าจอ หรือ Screen Reader จากนักพัฒนาอิสระมาใช้งาน

โดยความสามารถของ BlackBerry Screen Reader ได้แก่

Thorsten Heins ซีอีโอของ RIM ให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศหลังงานแถลงข่าว BlackBerry World 2012 มีประเด็นน่าสนใจดังนี้

โนเกียเป็นบริษัทล่าสุดที่เข้าสู่สงครามสิทธิบัตร โดยยื่นฟ้องคู่แข่ง 3 บริษัทคือ HTC, RIM, ViewSonic ในสหรัฐอเมริกาและเยอรมนี

การฟ้องร้องครั้งนี้แยกเป็น 4 คดี ครอบคลุมสิทธิบัตรรวม 45 รายการ